Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๓๗] ๗. พพฺพุชาตกวณฺณนา

    [137] 7. Babbujātakavaṇṇanā

    ยเตฺถโก ลภเต พพฺพูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต กาณมาตุสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๓๐ อาทโย) อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยญฺหิ กาณมาตา นาม ธีตุวเสน ปากฎนามา อุปาสิกา อโหสิ โสตาปนฺนา อริยสาวิกาฯ สา ธีตรํ กาณํ อญฺญตรสฺมิํ คามเก สมานชาติกสฺส ปุริสสฺส อทาสิฯ กาณา เกนจิเทว กรณีเยน มาตุ ฆรํ อคมาสิฯ อถสฺสา สามิโก กติปาหจฺจเยน ทูตํ ปาเหสิ ‘‘อาคจฺฉตุ กาณา, อิจฺฉามิ กาณาย อาคมน’’นฺติฯ กาณา ทูตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อมฺม, คมิสฺสามี’’ติ มาตรํ อาปุจฺฉิฯ กาณมาตา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ วสิตฺวา กถํ ตุจฺฉหตฺถาว คมิสฺสสี’’ติ ปูวํ ปจิฯ ตสฺมิํเยว ขเณ เอโก ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ ตสฺสา นิเวสนํ อคมาสิ, อุปาสิกา ตํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตปูรํ ปูวํ ทาเปสิฯ โส ภิกฺขุ นิกฺขมิตฺวา อญฺญสฺส อาจิกฺขิ, ตสฺสปิ ตเถว ทาเปสิฯ โสปิ นิกฺขมิตฺวา อญฺญสฺส อาจิกฺขิ, ตสฺสปิ ตเถวาติ เอวํ จตุนฺนํ ชนานํ ทาเปสิ ฯ ยถาปฎิยตฺตํ ปูวํ ปริกฺขยํ อคมาสิ, กาณาย คมนํ น สมฺปชฺชิฯ อถสฺสา สามิโก ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปิ ทูตํ ปาเหสิฯ ตติยํ ปาเหโนฺต จ ‘‘สเจ กาณา นาคจฺฉิสฺสติ, อหํ อญฺญํ ปชาปติํ อาเนสฺสามี’’ติ ปาเหสิฯ ตโยปิ วาเร เตเนว อุปาเยน คมนํ น สมฺปชฺชิ, กาณาย สามิโก อญฺญํ ปชาปติํ อาเนสิฯ กาณา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา โรทมานา อฎฺฐาสิฯ

    Yattheko labhate babbūti idaṃ satthā jetavane viharanto kāṇamātusikkhāpadaṃ (pāci. 230 ādayo) ārabbha kathesi. Sāvatthiyañhi kāṇamātā nāma dhītuvasena pākaṭanāmā upāsikā ahosi sotāpannā ariyasāvikā. Sā dhītaraṃ kāṇaṃ aññatarasmiṃ gāmake samānajātikassa purisassa adāsi. Kāṇā kenacideva karaṇīyena mātu gharaṃ agamāsi. Athassā sāmiko katipāhaccayena dūtaṃ pāhesi ‘‘āgacchatu kāṇā, icchāmi kāṇāya āgamana’’nti. Kāṇā dūtassa vacanaṃ sutvā ‘‘amma, gamissāmī’’ti mātaraṃ āpucchi. Kāṇamātā ‘‘ettakaṃ kālaṃ vasitvā kathaṃ tucchahatthāva gamissasī’’ti pūvaṃ paci. Tasmiṃyeva khaṇe eko piṇḍacāriko bhikkhu tassā nivesanaṃ agamāsi, upāsikā taṃ nisīdāpetvā pattapūraṃ pūvaṃ dāpesi. So bhikkhu nikkhamitvā aññassa ācikkhi, tassapi tatheva dāpesi. Sopi nikkhamitvā aññassa ācikkhi, tassapi tathevāti evaṃ catunnaṃ janānaṃ dāpesi . Yathāpaṭiyattaṃ pūvaṃ parikkhayaṃ agamāsi, kāṇāya gamanaṃ na sampajji. Athassā sāmiko dutiyampi, tatiyampi dūtaṃ pāhesi. Tatiyaṃ pāhento ca ‘‘sace kāṇā nāgacchissati, ahaṃ aññaṃ pajāpatiṃ ānessāmī’’ti pāhesi. Tayopi vāre teneva upāyena gamanaṃ na sampajji, kāṇāya sāmiko aññaṃ pajāpatiṃ ānesi. Kāṇā taṃ pavattiṃ sutvā rodamānā aṭṭhāsi.

    สตฺถา ตํ การณํ ญตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กาณมาตาย นิเวสนํ คนฺตฺวา ปญฺญตฺตาสเน นิสีทิตฺวา กาณมาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘กิสฺสายํ กาณา โรทตี’’ติ? ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ จ สุตฺวา กาณมาตรํ สมสฺสาเสตฺวา ธมฺมิํ กถํ กเถตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ อคมาสิฯ อถ เตสํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ตโย วาเร ยถาปฎิยตฺตปูวํ คเหตฺวา กาณาย คมนสฺส อุปจฺฉินฺนภาโว ภิกฺขุสเงฺฆ ปากโฎ ชาโตฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จตูหิ นาม ภิกฺขูหิ ตโย วาเร กาณมาตาย ปกฺกปูวํ ขาทิตฺวา กาณาย คมนนฺตรายํ กตฺวา สามิเกน ปริจฺจตฺตํ ธีตรํ นิสฺสาย มหาอุปาสิกาย โทมนสฺสํ อุปฺปาทิต’’นฺติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เต จตฺตาโร ภิกฺขู กาณมาตาย สนฺตกํ ขาทิตฺวา ตสฺสา โทมนสฺสํ อุปฺปาเทสุํ, ปุเพฺพปิ อุปฺปาเทสุํเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Satthā taṃ kāraṇaṃ ñatvā pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kāṇamātāya nivesanaṃ gantvā paññattāsane nisīditvā kāṇamātaraṃ pucchi ‘‘kissāyaṃ kāṇā rodatī’’ti? ‘‘Iminā nāma kāraṇenā’’ti ca sutvā kāṇamātaraṃ samassāsetvā dhammiṃ kathaṃ kathetvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ agamāsi. Atha tesaṃ catunnaṃ bhikkhūnaṃ tayo vāre yathāpaṭiyattapūvaṃ gahetvā kāṇāya gamanassa upacchinnabhāvo bhikkhusaṅghe pākaṭo jāto. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, catūhi nāma bhikkhūhi tayo vāre kāṇamātāya pakkapūvaṃ khāditvā kāṇāya gamanantarāyaṃ katvā sāmikena pariccattaṃ dhītaraṃ nissāya mahāupāsikāya domanassaṃ uppādita’’nti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva te cattāro bhikkhū kāṇamātāya santakaṃ khāditvā tassā domanassaṃ uppādesuṃ, pubbepi uppādesuṃyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ปาสาณโกฎฺฎกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปริโยทาตสิโปฺป อโหสิฯ กาสิรเฎฺฐ เอกสฺมิํ นิคเม เอโก มหาวิภโว เสฎฺฐิ อโหสิ, ตสฺส นิธานคตาเยว จตฺตาลีส หิรญฺญโกฎิโย อเหสุํฯ อถสฺส ภริยา กาลํ กตฺวา ธนสิเนเหน คนฺตฺวา ธนปิฎฺฐิยํ มูสิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ เอวํ อนุกฺกเมน สพฺพมฺปิ ตํ กุลํ อพฺภตฺถํ อคมาสิ, วํโส อุปจฺฉิชฺชิฯ โส คาโมปิ ฉฑฺฑิโต อปณฺณตฺติกภาวํ อคมาสิฯ ตทา โพธิสโตฺต ตสฺมิํ ปุราณคามฎฺฐาเน ปาสาเณ อุปฺปาเฎตฺวา โกเฎฺฎติฯ อถ สา มูสิกา โคจราย จรมานา โพธิสตฺตํ ปุนปฺปุนํ ปสฺสนฺตี อุปฺปนฺนสิเนหา หุตฺวา จิเนฺตสิ ‘‘มยฺหํ ธนํ พหุ นิกฺการเณน นสฺสิสฺสติ, อิมินา สทฺธิํ เอกโต หุตฺวา อิทํ ธนํ ทตฺวา มํสํ วิกฺกิณาเปตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติฯ สา เอกทิวสํ เอกํ กหาปณํ มุเขน ฑํสิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมาสิฯ โส ตํ ทิสฺวา ปิยวาจาย สมาลปโนฺต ‘‘กิํ นุ โข, อมฺม, กหาปณํ คเหตฺวา อาคตาสี’’ติ อาหฯ ตาต, อิมํ คเหตฺวา อตฺตนาปิ ปริภุญฺช, มยฺหมฺปิ มํสํ อาหราติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา กหาปณํ อาทาย ฆรํ คนฺตฺวา เอเกน มาสเกน มํสํ กิณิตฺวา อาหริตฺวา ตสฺสา อทาสิฯ สา ตํ คเหตฺวา อตฺตโน นิวาสฎฺฐานํ คนฺตฺวา ยถารุจิยา ขาทิฯ ตโต ปฎฺฐาย อิมินาว นิยาเมน ทิวเส ทิวเส โพธิสตฺตสฺส กหาปณํ เทติ, โสปิสฺสา มํสํ อาหรติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto pāsāṇakoṭṭakakule nibbattitvā vayappatto pariyodātasippo ahosi. Kāsiraṭṭhe ekasmiṃ nigame eko mahāvibhavo seṭṭhi ahosi, tassa nidhānagatāyeva cattālīsa hiraññakoṭiyo ahesuṃ. Athassa bhariyā kālaṃ katvā dhanasinehena gantvā dhanapiṭṭhiyaṃ mūsikā hutvā nibbatti. Evaṃ anukkamena sabbampi taṃ kulaṃ abbhatthaṃ agamāsi, vaṃso upacchijji. So gāmopi chaḍḍito apaṇṇattikabhāvaṃ agamāsi. Tadā bodhisatto tasmiṃ purāṇagāmaṭṭhāne pāsāṇe uppāṭetvā koṭṭeti. Atha sā mūsikā gocarāya caramānā bodhisattaṃ punappunaṃ passantī uppannasinehā hutvā cintesi ‘‘mayhaṃ dhanaṃ bahu nikkāraṇena nassissati, iminā saddhiṃ ekato hutvā idaṃ dhanaṃ datvā maṃsaṃ vikkiṇāpetvā khādissāmī’’ti. Sā ekadivasaṃ ekaṃ kahāpaṇaṃ mukhena ḍaṃsitvā bodhisattassa santikaṃ agamāsi. So taṃ disvā piyavācāya samālapanto ‘‘kiṃ nu kho, amma, kahāpaṇaṃ gahetvā āgatāsī’’ti āha. Tāta, imaṃ gahetvā attanāpi paribhuñja, mayhampi maṃsaṃ āharāti. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā kahāpaṇaṃ ādāya gharaṃ gantvā ekena māsakena maṃsaṃ kiṇitvā āharitvā tassā adāsi. Sā taṃ gahetvā attano nivāsaṭṭhānaṃ gantvā yathāruciyā khādi. Tato paṭṭhāya imināva niyāmena divase divase bodhisattassa kahāpaṇaṃ deti, sopissā maṃsaṃ āharati.

    อเถกทิวสํ ตํ มูสิกํ พิฬาโร อคฺคเหสิฯ อถ นํ สา เอวมาห ‘‘มา, สมฺม, มํ มาเรสี’’ติฯ กิํการณา น มาเรสฺสามิ? อหญฺหิ ฉาโต มํสํ ขาทิตุกาโม, น สกฺกา มยา น มาเรตุนฺติฯ กิํ ปน เอกทิวสเมว มํสํ ขาทิตุกาโมสิ, อุทาหุ นิจฺจกาลนฺติ? ‘‘ลภมาโน นิจฺจกาลมฺปิ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติฯ ‘‘ยทิ เอวํ อหํ เต นิจฺจกาลํ มํสํ ทสฺสามิ, วิสฺสเชฺชหิ ม’’นฺติฯ อถ นํ พิฬาโร ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ วิสฺสเชฺชสิฯ ตโต ปฎฺฐาย สา อตฺตโน อาภตํ มํสํ เทฺว โกฎฺฐาเส กตฺวา เอกํ พิฬารสฺส เทติ, เอกํ สยํ ขาทติฯ อถ นํ เอกทิวสํ อโญฺญปิ พิฬาโร อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว สญฺญาเปตฺวา อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ตโย โกฎฺฐาเส กตฺวา ขาทนฺติฯ ปุน อโญฺญ อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว สญฺญาเปตฺวา อตฺตานํ โมจาเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย จตฺตาโร โกฎฺฐาเส กตฺวา ขาทนฺติฯ ปุน อโญฺญ อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว สญฺญาเปตฺวา อตฺตานํ โมจาเปสิฯ ตโต ปฎฺฐาย ปญฺจ โกฎฺฐาเส กตฺวา ขาทนฺติฯ สา ปญฺจมํ โกฎฺฐาสํ ขาทมานา อปฺปาหารตาย กิลนฺตา กิสา อโหสิ อปฺปมํสโลหิตา

    Athekadivasaṃ taṃ mūsikaṃ biḷāro aggahesi. Atha naṃ sā evamāha ‘‘mā, samma, maṃ māresī’’ti. Kiṃkāraṇā na māressāmi? Ahañhi chāto maṃsaṃ khāditukāmo, na sakkā mayā na māretunti. Kiṃ pana ekadivasameva maṃsaṃ khāditukāmosi, udāhu niccakālanti? ‘‘Labhamāno niccakālampi khāditukāmomhī’’ti. ‘‘Yadi evaṃ ahaṃ te niccakālaṃ maṃsaṃ dassāmi, vissajjehi ma’’nti. Atha naṃ biḷāro ‘‘tena hi appamattā hohī’’ti vissajjesi. Tato paṭṭhāya sā attano ābhataṃ maṃsaṃ dve koṭṭhāse katvā ekaṃ biḷārassa deti, ekaṃ sayaṃ khādati. Atha naṃ ekadivasaṃ aññopi biḷāro aggahesi, tampi tatheva saññāpetvā attānaṃ vissajjāpesi. Tato paṭṭhāya tayo koṭṭhāse katvā khādanti. Puna añño aggahesi, tampi tatheva saññāpetvā attānaṃ mocāpesi. Tato paṭṭhāya cattāro koṭṭhāse katvā khādanti. Puna añño aggahesi, tampi tatheva saññāpetvā attānaṃ mocāpesi. Tato paṭṭhāya pañca koṭṭhāse katvā khādanti. Sā pañcamaṃ koṭṭhāsaṃ khādamānā appāhāratāya kilantā kisā ahosi appamaṃsalohitā

    โพธิสโตฺต ตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กสฺมา มิลาตาสี’’ติ วตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุเตฺต ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ กสฺมา มยฺหํ นาจิกฺขิ, อหเมตฺถ กาตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา สุทฺธผลิกปาสาเณน คุหํ กตฺวา อาหริตฺวา ‘‘อมฺม, ตฺวํ อิมํ คุหํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิตฺวา อาคตาคตานํ ผรุสาหิ วาจาหิ สนฺตเชฺชยฺยาสี’’ติ อาหฯ สา คุหํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิฯ อเถโก พิฬาโร อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ, อชฺช เม มํส’’นฺติ อาหฯ อถ นํ มูสิกา ‘‘อเร, ทุฎฺฐพิฬาร, กิํ เต อหํ มํสหาริกา, อตฺตโน ปุตฺตานํ มํสํ ขาทา’’ติ ตเชฺชสิฯ พิฬาโร ผลิกคุหาย นิปนฺนภาวํ อชานโนฺต โกธวเสน มูสิกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สหสาว ปกฺขนฺทิตฺวา หทเยน ผลิกคุหายํ ปหริฯ ตาวเทวสฺส หทยํ ภิชฺชิ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ ชาตานิฯ โส ตเตฺถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา เอกมนฺตํ ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐาเน ปติฯ เอเตนูปาเยน อปโรปิ อปโรปีติ จตฺตาโรปิ ชนา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิํสุฯ ตโต ปฎฺฐาย มูสิกา นิพฺภยา หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส เทวสิกํ เทฺว ตโย กหาปเณ เทติฯ เอวํ อนุกฺกเมน สพฺพมฺปิ ธนํ โพธิสตฺตเสฺสว อทาสิฯ เต อุโภปิ ยาวชีวํ เมตฺติํ อภินฺทิตฺวา ยถากมฺมํ คตาฯ

    Bodhisatto taṃ disvā ‘‘amma, kasmā milātāsī’’ti vatvā ‘‘iminā nāma kāraṇenā’’ti vutte ‘‘tvaṃ ettakaṃ kālaṃ kasmā mayhaṃ nācikkhi, ahamettha kātabbaṃ jānissāmī’’ti taṃ samassāsetvā suddhaphalikapāsāṇena guhaṃ katvā āharitvā ‘‘amma, tvaṃ imaṃ guhaṃ pavisitvā nipajjitvā āgatāgatānaṃ pharusāhi vācāhi santajjeyyāsī’’ti āha. Sā guhaṃ pavisitvā nipajji. Atheko biḷāro āgantvā ‘‘dehi, ajja me maṃsa’’nti āha. Atha naṃ mūsikā ‘‘are, duṭṭhabiḷāra, kiṃ te ahaṃ maṃsahārikā, attano puttānaṃ maṃsaṃ khādā’’ti tajjesi. Biḷāro phalikaguhāya nipannabhāvaṃ ajānanto kodhavasena mūsikaṃ gaṇhissāmī’’ti sahasāva pakkhanditvā hadayena phalikaguhāyaṃ pahari. Tāvadevassa hadayaṃ bhijji, akkhīni nikkhamanākārappattāni jātāni. So tattheva jīvitakkhayaṃ patvā ekamantaṃ paṭicchannaṭṭhāne pati. Etenūpāyena aparopi aparopīti cattāropi janā jīvitakkhayaṃ pāpuṇiṃsu. Tato paṭṭhāya mūsikā nibbhayā hutvā bodhisattassa devasikaṃ dve tayo kahāpaṇe deti. Evaṃ anukkamena sabbampi dhanaṃ bodhisattasseva adāsi. Te ubhopi yāvajīvaṃ mettiṃ abhinditvā yathākammaṃ gatā.

    สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุโทฺธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

    Satthā imaṃ atītaṃ āharitvā abhisambuddho hutvā imaṃ gāthamāha –

    ๑๓๗.

    137.

    ‘‘ยเตฺถโก ลภเต พพฺพุ, ทุติโย ตตฺถ ชายติ;

    ‘‘Yattheko labhate babbu, dutiyo tattha jāyati;

    ตติโย จ จตุโตฺถ จ, อิทํ เต พพฺพุกา พิล’’นฺติฯ

    Tatiyo ca catuttho ca, idaṃ te babbukā bila’’nti.

    ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ฐาเนฯ พพฺพูติ พิฬาโรฯ ทุติโย ตตฺถ ชายตีติ ยตฺถ เอโก มูสิกํ วา มํสํ วา ลภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ พิฬาโร ชายติ อุปฺปชฺชติ, ตถา ตติโย จ จตุโตฺถ จฯ เอวํ เต ตทา จตฺตาโร พิฬารา อเหสุํฯ หุตฺวา จ ปน ทิวเส ทิวเส มํสํ ขาทนฺตา เต พพฺพุกา อิทํ ผลิกมยํ พิลํ อุเรน ปหริตฺวา สเพฺพปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตาติฯ

    Tattha yatthāti yasmiṃ ṭhāne. Babbūti biḷāro. Dutiyo tattha jāyatīti yattha eko mūsikaṃ vā maṃsaṃ vā labhati, dutiyopi tattha biḷāro jāyati uppajjati, tathā tatiyo ca catuttho ca. Evaṃ te tadā cattāro biḷārā ahesuṃ. Hutvā ca pana divase divase maṃsaṃ khādantā te babbukā idaṃ phalikamayaṃ bilaṃ urena paharitvā sabbepi jīvitakkhayaṃ pattāti.

    เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา จตฺตาโร พิฬารา จตฺตาโร ภิกฺขู อเหสุํ, มูสิกา กาณมาตา, ปาสาณโกฎฺฎกมณิกาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Evaṃ satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā cattāro biḷārā cattāro bhikkhū ahesuṃ, mūsikā kāṇamātā, pāsāṇakoṭṭakamaṇikāro pana ahameva ahosi’’nti.

    พพฺพุชาตกวณฺณนา สตฺตมาฯ

    Babbujātakavaṇṇanā sattamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๓๗. พพฺพุชาตกํ • 137. Babbujātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact