Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā |
๕. พาหิรมาติกาวณฺณนา
5. Bāhiramātikāvaṇṇanā
๕. เอวํ ธาตุกถาย มาติกโต พหิ ฐปิตตฺตาติ ‘‘สพฺพาปิ…เป.… มาติกา’’ติ เอเตน ฐปนากาเรน พหิ ปิฎฺฐิโต ฐปิตตฺตาติ อโตฺถฯ เอเตน วา ฐปนากาเรน กุสลาทีนํ อรณนฺตานํ อิธ อฎฺฐเปตฺวา ธาตุกถาย มาติกโต พหิ ปกรณนฺตรมาติกาย อิมสฺส ปกรณสฺส มาติกาภาเวน ฐปิตตฺตา ตถา ปกาสิตตฺตาติ อโตฺถฯ
5. Evaṃ dhātukathāya mātikato bahi ṭhapitattāti ‘‘sabbāpi…pe… mātikā’’ti etena ṭhapanākārena bahi piṭṭhito ṭhapitattāti attho. Etena vā ṭhapanākārena kusalādīnaṃ araṇantānaṃ idha aṭṭhapetvā dhātukathāya mātikato bahi pakaraṇantaramātikāya imassa pakaraṇassa mātikābhāvena ṭhapitattā tathā pakāsitattāti attho.
สงฺคโห อสงฺคโหติอาทีสุ สงฺคโห เอกวิโธว, โส กสฺมา ‘‘จตุพฺพิโธ’’ติ วุโตฺตติ? สงฺคโหติ อตฺถํ อวตฺวา อนิทฺธาริตตฺถสฺส สทฺทเสฺสว วุตฺตตฺตาฯ สงฺคโห อสงฺคโหติอาทีสุ สเทฺทสุ สงฺคหสโทฺท ตาว อตฺตโน อตฺถวเสน จตุพฺพิโธติ อยเญฺหตฺถโตฺถฯ อโตฺถปิ วา อนิทฺธาริตวิเสโส สามเญฺญน คเหตพฺพตํ ปโตฺต ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห’’ติอาทีสุ ‘‘สงฺคโห’’ติ วุโตฺตติ น โกจิ โทโสฯ นิทฺธาริเต หิ วิเสเส ตสฺส เอกวิธตา สิยา, น ตโต ปุเพฺพติฯ ชาติสทฺทสฺส สาเปกฺขสทฺทตฺตา ‘‘ชาติยา สงฺคโห’’ติ วุเตฺต ‘‘อตฺตโน ชาติยา’’ติ วิญฺญายติ สมฺพนฺธารหสฺส อญฺญสฺส อวุตฺตตฺตาติ ชาติสงฺคโหติ รูปกเณฺฑ วุโตฺต สชาติสงฺคโห วุโตฺต โหติฯ
Saṅgaho asaṅgahotiādīsu saṅgaho ekavidhova, so kasmā ‘‘catubbidho’’ti vuttoti? Saṅgahoti atthaṃ avatvā aniddhāritatthassa saddasseva vuttattā. Saṅgaho asaṅgahotiādīsu saddesu saṅgahasaddo tāva attano atthavasena catubbidhoti ayañhetthattho. Atthopi vā aniddhāritaviseso sāmaññena gahetabbataṃ patto ‘‘saṅgaho asaṅgaho’’tiādīsu ‘‘saṅgaho’’ti vuttoti na koci doso. Niddhārite hi visese tassa ekavidhatā siyā, na tato pubbeti. Jātisaddassa sāpekkhasaddattā ‘‘jātiyā saṅgaho’’ti vutte ‘‘attano jātiyā’’ti viññāyati sambandhārahassa aññassa avuttattāti jātisaṅgahoti rūpakaṇḍe vutto sajātisaṅgaho vutto hoti.
เอตฺถ นยมาติกาย ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห, สมฺปโยโค วิปฺปโยโค’’ติ อิเม เทฺว ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมวิเสสํ อนิทฺธาเรตฺวา สามเญฺญน ธมฺมานํ ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนนยอุเทฺทสา, อวเสสา นิทฺธาเรตฺวาฯ ‘‘สงฺคหิเตน อสงฺคหิต’’นฺติ หิ ‘‘สงฺคหิเตน อสงฺคหิตํ อสงฺคหิต’’นฺติ วตฺตเพฺพ เอกสฺส อสงฺคหิตสทฺทสฺส โลโป ทฎฺฐโพฺพฯ เตน สงฺคหิตวิเสสวิสิโฎฺฐ โย อสงฺคหิโต ธมฺมวิเสโส, ตนฺนิสฺสิโต อสงฺคหิตตาสงฺขาโต ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนนโย อุทฺทิโฎฺฐ โหติ, ‘‘สงฺคหิเตนา’’ติ จ วิเสสเน กรณวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เอส นโย ตติยาทีสุ ทสมาวสาเนสุ นยุเทฺทเสสุ ฉฎฺฐวเชฺชสุฯ เตสุปิ หิ วุตฺตนเยน ทฺวีหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ปุจฺฉิตพฺพวิสฺสชฺชิตพฺพธมฺมวิเสสนิทฺธารณํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อนฺติมปทสทิเสน ตติยปเทน ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนนยา อุทฺทิฎฺฐาติฯ ตตฺถ จตุตฺถปญฺจเมสุ กตฺตุอเตฺถ กรณนิเทฺทโส, สตฺตมาทีสุ จ จตูสุ สหโยเค ทฎฺฐโพฺพ, น ทุติยตติเยสุ วิย สมานาธิกรเณ วิเสสเนฯ ตตฺถ หิ สภาวนฺตเรน สภาวนฺตรสฺส วิเสสนํ กตํ, เอเตสุ ธมฺมนฺตเรน ธมฺมนฺตรสฺสาติฯ เอกาทสมาทีสุ ปน จตูสุ อาทิปเทเนว ธมฺมวิเสสนิทฺธารณํ กตฺวา อิตเรหิ ปุจฺฉนวิสฺสชฺชนนยา อุทฺทิฎฺฐาฯ วิเสสเน เอว เจตฺถ กรณวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนานญฺหิ นิสฺสยภูตา ธมฺมา สงฺคหิตตาทิวิเสเสน กรณภูเตน สมฺปยุตฺตวิปฺปยุตฺตาทิภาวํ อตฺตโน วิเสเสนฺตีติฯ
Ettha nayamātikāya ‘‘saṅgaho asaṅgaho, sampayogo vippayogo’’ti ime dve pucchitabbavissajjitabbadhammavisesaṃ aniddhāretvā sāmaññena dhammānaṃ pucchanavissajjananayauddesā, avasesā niddhāretvā. ‘‘Saṅgahitena asaṅgahita’’nti hi ‘‘saṅgahitena asaṅgahitaṃ asaṅgahita’’nti vattabbe ekassa asaṅgahitasaddassa lopo daṭṭhabbo. Tena saṅgahitavisesavisiṭṭho yo asaṅgahito dhammaviseso, tannissito asaṅgahitatāsaṅkhāto pucchāvissajjananayo uddiṭṭho hoti, ‘‘saṅgahitenā’’ti ca visesane karaṇavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Esa nayo tatiyādīsu dasamāvasānesu nayuddesesu chaṭṭhavajjesu. Tesupi hi vuttanayena dvīhi dvīhi padehi pucchitabbavissajjitabbadhammavisesaniddhāraṇaṃ katvā tattha tattha antimapadasadisena tatiyapadena pucchanavissajjananayā uddiṭṭhāti. Tattha catutthapañcamesu kattuatthe karaṇaniddeso, sattamādīsu ca catūsu sahayoge daṭṭhabbo, na dutiyatatiyesu viya samānādhikaraṇe visesane. Tattha hi sabhāvantarena sabhāvantarassa visesanaṃ kataṃ, etesu dhammantarena dhammantarassāti. Ekādasamādīsu pana catūsu ādipadeneva dhammavisesaniddhāraṇaṃ katvā itarehi pucchanavissajjananayā uddiṭṭhā. Visesane eva cettha karaṇavacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Pucchāvissajjanānañhi nissayabhūtā dhammā saṅgahitatādivisesena karaṇabhūtena sampayuttavippayuttādibhāvaṃ attano visesentīti.
วิกปฺปโตติ วิวิธกปฺปนโต, วิภาคโตติ อโตฺถฯ สนฺนิฎฺฐานวเสนาติ อธิโมกฺขสมฺปโยควเสนฯ สนฺนิฎฺฐานวเสน วุตฺตา จ สเพฺพ จ จิตฺตุปฺปาทา สนฺนิฎฺฐานวเสน วุตฺตสพฺพจิตฺตุปฺปาทา, เตสํ สาธารณวเสนาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อธิโมโกฺข หิ สนฺนิฎฺฐานวเสน วุตฺตานํ จิตฺตุปฺปาทานํ สาธารณวเสน วุโตฺต, อิตเร สเพฺพสนฺติฯ ตตฺถ สาธารณา ปสฎา ปากฎา จาติ อาทิโต ปริคฺคเหตพฺพา, ตสฺมา เตสํ สงฺคหาทิปริคฺคหตฺถํ อุเทฺทโส กโต, อสาธารณาปิ ปน ปริคฺคเหตพฺพาวาติ เตสุ มหาวิสเยน อเญฺญสมฺปิ สงฺคหาทิปริคฺคหํ ทเสฺสตุํ อธิโมโกฺข อุทฺทิโฎฺฐฯ ‘‘สนฺนิฎฺฐานวเสน วุตฺตา’’ติ จ ธมฺมสงฺคหวณฺณนายํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทวิภเงฺค จ วจนํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ สนฺนิฎฺฐานวเสน เย วุตฺตา, เตสํ สเพฺพสํ สาธารณโตติ ปน อเตฺถ สติ สาธารณาสาธารเณสุ วตฺตเพฺพสุ โย อสาธารเณสุ มหาวิสโย อธิโมโกฺข, ตสฺส วเสน วุตฺตสพฺพจิตฺตุปฺปาทสาธารณโต ผสฺสาทโย สพฺพสาธารณาติ อธิโมโกฺข จ อสาธารเณสุ มหาวิสโยติ กตฺวา วุโตฺต อญฺญสฺส ตาทิสสฺส อภาวาติ อยมธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพฯ
Vikappatoti vividhakappanato, vibhāgatoti attho. Sanniṭṭhānavasenāti adhimokkhasampayogavasena. Sanniṭṭhānavasena vuttā ca sabbe ca cittuppādā sanniṭṭhānavasena vuttasabbacittuppādā, tesaṃ sādhāraṇavasenāti evamettha attho daṭṭhabbo. Adhimokkho hi sanniṭṭhānavasena vuttānaṃ cittuppādānaṃ sādhāraṇavasena vutto, itare sabbesanti. Tattha sādhāraṇā pasaṭā pākaṭā cāti ādito pariggahetabbā, tasmā tesaṃ saṅgahādipariggahatthaṃ uddeso kato, asādhāraṇāpi pana pariggahetabbāvāti tesu mahāvisayena aññesampi saṅgahādipariggahaṃ dassetuṃ adhimokkho uddiṭṭho. ‘‘Sanniṭṭhānavasena vuttā’’ti ca dhammasaṅgahavaṇṇanāyaṃ paṭiccasamuppādavibhaṅge ca vacanaṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ. Sanniṭṭhānavasena ye vuttā, tesaṃ sabbesaṃ sādhāraṇatoti pana atthe sati sādhāraṇāsādhāraṇesu vattabbesu yo asādhāraṇesu mahāvisayo adhimokkho, tassa vasena vuttasabbacittuppādasādhāraṇato phassādayo sabbasādhāraṇāti adhimokkho ca asādhāraṇesu mahāvisayoti katvā vutto aññassa tādisassa abhāvāti ayamadhippāyo daṭṭhabbo.
ชีวิตินฺทฺริยํ ปเนตฺถ รูปมิสฺสกตฺตา น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, จิเตฺตกคฺคตา ปน อสมาธิสภาวา สามญฺญสเทฺทเนว สามญฺญวิเสสสเทฺทหิ จ สมาธิสภาวา วิเสสสทฺทวจนียํ อญฺญํ พฺยาเปตพฺพํ นิวเตฺตตพฺพญฺจ นตฺถีติ อนญฺญพฺยาปกนิวตฺตกสามญฺญวิเสสทีปนโต ตเสฺสว ธมฺมสฺส เภททีปเกหิ วตฺตพฺพา, น สุขาทิสภาวา เวทนา วิย วุตฺตลกฺขณวิปรีเตหิ สามญฺญวิเสสสเทฺทเหว, ตสฺมา ‘‘จิเตฺตกคฺคตา’’ติ อยํ สามญฺญสโทฺท สมาธิสภาเว วิเสสสทฺทนิรเปโกฺข ปวตฺตมาโน สยเมว วิเสสสทฺทมาปชฺชิตฺวา อสมาธิสภาวเมว ปกาเสยฺย, อิตโร จ สมาธิสภาวเมวาติ ทฺวิธา ภินฺนา จิเตฺตกคฺคตา อสาธารณา เจว อปฺปวิสยา จาติ อิธ อุเทฺทสํ น อรหติฯ อภินฺนาปิ วา ผสฺสาทีนํ วิย ปากฎตฺตาภาวโต อญฺญธมฺมนิสฺสเยน วตฺตพฺพโต จ สา ชีวิตญฺจ น อรหตีติ น อุทฺทิฎฺฐาติฯ
Jīvitindriyaṃ panettha rūpamissakattā na vuttanti veditabbaṃ, cittekaggatā pana asamādhisabhāvā sāmaññasaddeneva sāmaññavisesasaddehi ca samādhisabhāvā visesasaddavacanīyaṃ aññaṃ byāpetabbaṃ nivattetabbañca natthīti anaññabyāpakanivattakasāmaññavisesadīpanato tasseva dhammassa bhedadīpakehi vattabbā, na sukhādisabhāvā vedanā viya vuttalakkhaṇaviparītehi sāmaññavisesasaddeheva, tasmā ‘‘cittekaggatā’’ti ayaṃ sāmaññasaddo samādhisabhāve visesasaddanirapekkho pavattamāno sayameva visesasaddamāpajjitvā asamādhisabhāvameva pakāseyya, itaro ca samādhisabhāvamevāti dvidhā bhinnā cittekaggatā asādhāraṇā ceva appavisayā cāti idha uddesaṃ na arahati. Abhinnāpi vā phassādīnaṃ viya pākaṭattābhāvato aññadhammanissayena vattabbato ca sā jīvitañca na arahatīti na uddiṭṭhāti.
มาติกาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Mātikāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธาตุกถาปาฬิ • Dhātukathāpāḷi / ๕. พาหิรมาติกา • 5. Bāhiramātikā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๕. พาหิรมาติกาวณฺณนา • 5. Bāhiramātikāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā / ๕. พาหิรมาติกาวณฺณนา • 5. Bāhiramātikāvaṇṇanā