Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. พาหิรผสฺสนานตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา
9. Bāhiraphassanānattasuttādivaṇṇanā
๙๓-๙๔. นวเม อุปฺปชฺชติ รูปสญฺญาติ วุตฺตปฺปกาเร อารมฺมเณ อุปฺปชฺชติ สญฺญาฯ รูปสงฺกโปฺปติ ตสฺมิํเยว อารมฺมเณ ตีหิ จิเตฺตหิ สมฺปยุตฺตสงฺกโปฺปฯ รูปสมฺผโสฺสติ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผโสฺสฯ เวทนาติ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาฯ ฉนฺทาทโย วุตฺตนยาวฯ รูปลาโภติ ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ สห ตณฺหาย อารมฺมณํ ‘‘รูปลาโภ’’ติ วุตฺตํฯ อยํ ตาว สพฺพสงฺคาหิกนโย เอกสฺมิํ เยวารมฺมเณ สพฺพธมฺมานํ อุปฺปตฺติวเสน วุโตฺตฯ อปโร อาคนฺตุการมฺมณมิสฺสโก โหติ – รูปสญฺญา รูปสงฺกโปฺป ผโสฺส เวทนาติ อิเม ตาว จตฺตาโร ธมฺมา ธุวปริโภเค นิพทฺธารมฺมเณ โหนฺติฯ นิพทฺธารมฺมณญฺหิ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาปํ ปิยํ ยํกิญฺจิ วิย อุปฎฺฐาติ, อาคนฺตุการมฺมณํ ปน ยํกิญฺจิ สมานมฺปิ โขเภตฺวา ติฎฺฐติฯ
93-94. Navame uppajjati rūpasaññāti vuttappakāre ārammaṇe uppajjati saññā. Rūpasaṅkappoti tasmiṃyeva ārammaṇe tīhi cittehi sampayuttasaṅkappo. Rūpasamphassoti tadevārammaṇaṃ phusamāno phasso. Vedanāti tadeva ārammaṇaṃ anubhavamānā vedanā. Chandādayo vuttanayāva. Rūpalābhoti pariyesitvā laddhaṃ saha taṇhāya ārammaṇaṃ ‘‘rūpalābho’’ti vuttaṃ. Ayaṃ tāva sabbasaṅgāhikanayo ekasmiṃ yevārammaṇe sabbadhammānaṃ uppattivasena vutto. Aparo āgantukārammaṇamissako hoti – rūpasaññā rūpasaṅkappo phasso vedanāti ime tāva cattāro dhammā dhuvaparibhoge nibaddhārammaṇe honti. Nibaddhārammaṇañhi iṭṭhaṃ kantaṃ manāpaṃ piyaṃ yaṃkiñci viya upaṭṭhāti, āgantukārammaṇaṃ pana yaṃkiñci samānampi khobhetvā tiṭṭhati.
ตตฺริทํ วตฺถุ – เอโก กิร อมจฺจปุโตฺต คามิเยหิ ปริวาริโต คามมเชฺฌ ฐตฺวา กมฺมํ กโรติฯ ตสฺมิญฺจสฺส สมเย อุปาสิกา นทิํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกตปฎิยตฺตา ธาติคณปริวุตา เคหํ คจฺฉติฯ โส ทูรโต ทิสฺวา ‘‘อาคนฺตุกมาตุคาโม ภวิสฺสตี’’ติ สญฺญํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘คจฺฉ, ภเณ ชานาหิ, กา เอสา’’ติ ปุริสํ เปเสสิฯ โส คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ปจฺจาคโต, ‘‘กา เอสา’’ติ ปุโฎฺฐ ยถาสภาวํ อาโรเจสิฯ เอวํ อาคนฺตุการมฺมณํ โขเภติ ฯ ตสฺมิํ อุปฺปโนฺน ฉโนฺท รูปฉโนฺท นาม, ตเทว อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปโนฺน ปริฬาโห รูปปริฬาโห นาม, สหาเย คณฺหิตฺวา ตสฺส ปริเยสนํ รูปปริเยสนา นาม, ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ สห ตณฺหาย อารมฺมณํ รูปลาโภ นามฯ
Tatridaṃ vatthu – eko kira amaccaputto gāmiyehi parivārito gāmamajjhe ṭhatvā kammaṃ karoti. Tasmiñcassa samaye upāsikā nadiṃ gantvā nhatvā alaṅkatapaṭiyattā dhātigaṇaparivutā gehaṃ gacchati. So dūrato disvā ‘‘āgantukamātugāmo bhavissatī’’ti saññaṃ uppādetvā ‘‘gaccha, bhaṇe jānāhi, kā esā’’ti purisaṃ pesesi. So gantvā taṃ disvā paccāgato, ‘‘kā esā’’ti puṭṭho yathāsabhāvaṃ ārocesi. Evaṃ āgantukārammaṇaṃ khobheti . Tasmiṃ uppanno chando rūpachando nāma, tadeva ārammaṇaṃ katvā uppanno pariḷāho rūpapariḷāho nāma, sahāye gaṇhitvā tassa pariyesanaṃ rūpapariyesanā nāma, pariyesitvā laddhaṃ saha taṇhāya ārammaṇaṃ rūpalābho nāma.
อุรุวลฺลิยวาสี จูฬติสฺสเตฺถโร ปนาห – ‘‘กิญฺจาปิ ภควตา ผสฺสเวทนา ปาฬิยา มเชฺฌ คหิตา, ปาฬิํ ปน ปริวเฎฺฎตฺวา วุตฺตปฺปกาเร อารมฺมเณ อุปฺปนฺนา สญฺญา รูปสญฺญา, ตสฺมิํเยว สงฺกโปฺป รูปสงฺกโปฺป ตสฺมิํ ฉโนฺท รูปจฺฉโนฺท, ตสฺมิํ ปริฬาโห รูปปริฬาโห, ตสฺมิํ ปริเยสนา รูปปริเยสนา, ปริเยสิตฺวา ลทฺธํ สห ตณฺหาย อารมฺมณํ รูปลาโภฯ เอวํ ลทฺธารมฺมเณ ปน ผุสนํ ผโสฺส, อนุภวนํ เวทนาฯ รูปสมฺผโสฺส รูปสมฺผสฺสชา เวทนาติ อิทํ ทฺวยํ ลพฺภตี’’ติฯ อปรมฺปิ อวิภูตวารํ นาม คณฺหนฺติฯ อารมฺมณญฺหิ สาณิปากาเรหิ วา ปริกฺขิตฺตํ ติณปณฺณาทีหิ วา ปฎิจฺฉนฺนํ โหติ, ตํ ‘‘อุปฑฺฒํ ทิฎฺฐํ เม อารมฺมณํ, สุฎฺฐุ นํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ โอโลกยโต ตสฺมิํ อารมฺมเณ อุปฺปนฺนา สญฺญา รูปสญฺญา นามฯ ตสฺมิํเยว อุปฺปนฺนา สงฺกปฺปาทโย รูปสงฺกปฺปาทโย นามาติ เวทิตพฺพาฯ เอตฺถาปิ จ สญฺญาสงฺกปฺปผสฺสเวทนาฉนฺทา เอกชวนวาเรปิ นานาชวนวาเรปิ ลพฺภนฺติ, ปริฬาหปริเยสนาลาภา นานาชวนวาเรเยวาติฯ ทสมํ อุตฺตานเมวาติฯ นวมทสมานิฯ
Uruvalliyavāsī cūḷatissatthero panāha – ‘‘kiñcāpi bhagavatā phassavedanā pāḷiyā majjhe gahitā, pāḷiṃ pana parivaṭṭetvā vuttappakāre ārammaṇe uppannā saññā rūpasaññā, tasmiṃyeva saṅkappo rūpasaṅkappo tasmiṃ chando rūpacchando, tasmiṃ pariḷāho rūpapariḷāho, tasmiṃ pariyesanā rūpapariyesanā, pariyesitvā laddhaṃ saha taṇhāya ārammaṇaṃ rūpalābho. Evaṃ laddhārammaṇe pana phusanaṃ phasso, anubhavanaṃ vedanā. Rūpasamphasso rūpasamphassajā vedanāti idaṃ dvayaṃ labbhatī’’ti. Aparampi avibhūtavāraṃ nāma gaṇhanti. Ārammaṇañhi sāṇipākārehi vā parikkhittaṃ tiṇapaṇṇādīhi vā paṭicchannaṃ hoti, taṃ ‘‘upaḍḍhaṃ diṭṭhaṃ me ārammaṇaṃ, suṭṭhu naṃ passissāmī’’ti olokayato tasmiṃ ārammaṇe uppannā saññā rūpasaññā nāma. Tasmiṃyeva uppannā saṅkappādayo rūpasaṅkappādayo nāmāti veditabbā. Etthāpi ca saññāsaṅkappaphassavedanāchandā ekajavanavārepi nānājavanavārepi labbhanti, pariḷāhapariyesanālābhā nānājavanavāreyevāti. Dasamaṃ uttānamevāti. Navamadasamāni.
นานตฺตวโคฺค ปฐโมฯ
Nānattavaggo paṭhamo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya
๙. พาหิรผสฺสนานตฺตสุตฺตํ • 9. Bāhiraphassanānattasuttaṃ
๑๐. ทุติยพาหิรผสฺสนานตฺตสุตฺตํ • 10. Dutiyabāhiraphassanānattasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. พาหิรผสฺสนานตฺตสุตฺตาทิวณฺณนา • 9. Bāhiraphassanānattasuttādivaṇṇanā