Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๘. พาหิติกสุตฺตํ
8. Bāhitikasuttaṃ
๓๕๘. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน ปุพฺพาราโม มิคารมาตุปาสาโท เตนุปสงฺกมิ ทิวาวิหารายฯ เตน โข ปน สมเยน ราชา ปเสนทิ โกสโล เอกปุณฺฑรีกํ นาคํ อภิรุหิตฺวา สาวตฺถิยา นิยฺยาติ ทิวา ทิวสฺสฯ อทฺทสา โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน สิริวฑฺฒํ มหามตฺตํ อามเนฺตสิ – ‘‘อายสฺมา โน เอโส, สมฺม สิริวฑฺฒ, อานโนฺท’’ติ ฯ ‘‘เอวํ, มหาราช, อายสฺมา เอโส อานโนฺท’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อญฺญตรํ ปุริสํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, อโมฺภ ปุริส, เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทาหิ – ‘ราชา, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’ติฯ เอวญฺจ วเทหิ – ‘สเจ กิร, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิญฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ, อาคเมตุ กิร, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท มุหุตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติฯ ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ โข โส ปุริโส รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข โส ปุริโส อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘ราชา, ภเนฺต, ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปาเท สิรสา วนฺทติ; เอวญฺจ วเทติ – ‘สเจ กิร, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิญฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ, อาคเมตุ กิร, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท มุหุตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’’ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อานโนฺท ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา นาคา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘สเจ, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส น กิญฺจิ อจฺจายิกํ กรณียํ , สาธุ, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท เยน อจิรวติยา นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อานโนฺท ตุณฺหีภาเวนฯ
358. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho āyasmā ānando pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya sāvatthiyaṃ piṇḍāya pāvisi. Sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena pubbārāmo migāramātupāsādo tenupasaṅkami divāvihārāya. Tena kho pana samayena rājā pasenadi kosalo ekapuṇḍarīkaṃ nāgaṃ abhiruhitvā sāvatthiyā niyyāti divā divassa. Addasā kho rājā pasenadi kosalo āyasmantaṃ ānandaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna sirivaḍḍhaṃ mahāmattaṃ āmantesi – ‘‘āyasmā no eso, samma sirivaḍḍha, ānando’’ti . ‘‘Evaṃ, mahārāja, āyasmā eso ānando’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo aññataraṃ purisaṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, ambho purisa, yenāyasmā ānando tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā mama vacanena āyasmato ānandassa pāde sirasā vandāhi – ‘rājā, bhante, pasenadi kosalo āyasmato ānandassa pāde sirasā vandatī’ti. Evañca vadehi – ‘sace kira, bhante, āyasmato ānandassa na kiñci accāyikaṃ karaṇīyaṃ, āgametu kira, bhante, āyasmā ānando muhuttaṃ anukampaṃ upādāyā’’’ti. ‘‘Evaṃ, devā’’ti kho so puriso rañño pasenadissa kosalassa paṭissutvā yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho so puriso āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘rājā, bhante, pasenadi kosalo āyasmato ānandassa pāde sirasā vandati; evañca vadeti – ‘sace kira, bhante, āyasmato ānandassa na kiñci accāyikaṃ karaṇīyaṃ, āgametu kira, bhante, āyasmā ānando muhuttaṃ anukampaṃ upādāyā’’’ti. Adhivāsesi kho āyasmā ānando tuṇhībhāvena. Atha kho rājā pasenadi kosalo yāvatikā nāgassa bhūmi nāgena gantvā nāgā paccorohitvā pattikova yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho rājā pasenadi kosalo āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘sace, bhante, āyasmato ānandassa na kiñci accāyikaṃ karaṇīyaṃ , sādhu, bhante, āyasmā ānando yena aciravatiyā nadiyā tīraṃ tenupasaṅkamatu anukampaṃ upādāyā’’ti. Adhivāsesi kho āyasmā ānando tuṇhībhāvena.
๓๕๙. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน อจิรวติยา นทิยา ตีรํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ยาวติกา นาคสฺส ภูมิ นาเคน คนฺตฺวา นาคา ปโจฺจโรหิตฺวา ปตฺติโกว เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท หตฺถตฺถเร นิสีทตู’’ติฯ ‘‘อลํ, มหาราชฯ นิสีท ตฺวํ; นิสิโนฺน อหํ สเก อาสเน’’ติฯ นิสีทิ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิสชฺช โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘กิํ นุ โข, ภเนฺต อานนฺท, โส ภควา ตถารูปํ กายสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส กายสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหี’’ติ 1? ‘‘น โข, มหาราช, โส ภควา ตถารูปํ กายสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส กายสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติฯ
359. Atha kho āyasmā ānando yena aciravatiyā nadiyā tīraṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā aññatarasmiṃ rukkhamūle paññatte āsane nisīdi. Atha kho rājā pasenadi kosalo yāvatikā nāgassa bhūmi nāgena gantvā nāgā paccorohitvā pattikova yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho rājā pasenadi kosalo āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘idha, bhante, āyasmā ānando hatthatthare nisīdatū’’ti. ‘‘Alaṃ, mahārāja. Nisīda tvaṃ; nisinno ahaṃ sake āsane’’ti. Nisīdi kho rājā pasenadi kosalo paññatte āsane. Nisajja kho rājā pasenadi kosalo āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘kiṃ nu kho, bhante ānanda, so bhagavā tathārūpaṃ kāyasamācāraṃ samācareyya, yvāssa kāyasamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehī’’ti 2? ‘‘Na kho, mahārāja, so bhagavā tathārūpaṃ kāyasamācāraṃ samācareyya, yvāssa kāyasamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti.
‘‘กิํ ปน, ภเนฺต อานนฺท, โส ภควา ตถารูปํ วจีสมาจารํ…เป.… มโนสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส มโนสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหี’’ติ 3? ‘‘น โข, มหาราช, โส ภควา ตถารูปํ มโนสมาจารํ สมาจเรยฺย, ยฺวาสฺส มโนสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติฯ
‘‘Kiṃ pana, bhante ānanda, so bhagavā tathārūpaṃ vacīsamācāraṃ…pe… manosamācāraṃ samācareyya, yvāssa manosamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehī’’ti 4? ‘‘Na kho, mahārāja, so bhagavā tathārūpaṃ manosamācāraṃ samācareyya, yvāssa manosamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti.
‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยญฺหิ มยํ, ภเนฺต, นาสกฺขิมฺหา ปเญฺหน ปริปูเรตุํ ตํ, ภเนฺต, อายสฺมตา อานเนฺทน ปญฺหสฺส เวยฺยากรเณน ปริปูริตํฯ เย เต, ภเนฺต, พาลา อพฺยตฺตา อนนุวิจฺจ อปริโยคาเหตฺวา ปเรสํ วณฺณํ วา อวณฺณํ วา ภาสนฺติ, น มยํ ตํ สารโต ปจฺจาคจฺฉาม; เย ปน 5 เต, ภเนฺต , ปณฺฑิตา วิยตฺตา 6 เมธาวิโน อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา ปเรสํ วณฺณํ วา อวณฺณํ วา ภาสนฺติ, มยํ ตํ สารโต ปจฺจาคจฺฉาม’’ฯ
‘‘Acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Yañhi mayaṃ, bhante, nāsakkhimhā pañhena paripūretuṃ taṃ, bhante, āyasmatā ānandena pañhassa veyyākaraṇena paripūritaṃ. Ye te, bhante, bālā abyattā ananuvicca apariyogāhetvā paresaṃ vaṇṇaṃ vā avaṇṇaṃ vā bhāsanti, na mayaṃ taṃ sārato paccāgacchāma; ye pana 7 te, bhante , paṇḍitā viyattā 8 medhāvino anuvicca pariyogāhetvā paresaṃ vaṇṇaṃ vā avaṇṇaṃ vā bhāsanti, mayaṃ taṃ sārato paccāgacchāma’’.
๓๖๐. ‘‘กตโม ปน, ภเนฺต อานนฺท, กายสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อกุสโล’’ฯ
360. ‘‘Katamo pana, bhante ānanda, kāyasamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro akusalo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร อกุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สาวโชฺช’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro akusalo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro sāvajjo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร สาวโชฺช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สพฺยาพโชฺฌ’’ 9ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro sāvajjo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro sabyābajjho’’ 10.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร สพฺยาพโชฺฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro sabyābajjho’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro dukkhavipāko’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, กายสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro dukkhavipāko’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro attabyābādhāyapi saṃvattati, parabyābādhāyapi saṃvattati, ubhayabyābādhāyapi saṃvattati tassa akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti; evarūpo kho, mahārāja, kāyasamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต อานนฺท, วจีสมาจาโร…เป.… มโนสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อกุสโล’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante ānanda, vacīsamācāro…pe… manosamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro akusalo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร อกุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สาวโชฺช’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro akusalo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro sāvajjo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร สาวโชฺช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สพฺยาพโชฺฌ’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro sāvajjo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro sabyābajjho’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร สพฺยาพโชฺฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro sabyābajjho’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro dukkhavipāko’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร ทุกฺขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, มโนสมาจาโร โอปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro dukkhavipāko’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro attabyābādhāyapi saṃvattati, parabyābādhāyapi saṃvattati, ubhayabyābādhāyapi saṃvattati tassa akusalā dhammā abhivaḍḍhanti, kusalā dhammā parihāyanti; evarūpo kho, mahārāja, manosamācāro opārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti.
‘‘กิํ นุ โข, ภเนฺต อานนฺท, โส ภควา สเพฺพสํเยว อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานํ วเณฺณตี’’ติ? ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโต’’ติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, bhante ānanda, so bhagavā sabbesaṃyeva akusalānaṃ dhammānaṃ pahānaṃ vaṇṇetī’’ti? ‘‘Sabbākusaladhammapahīno kho, mahārāja, tathāgato kusaladhammasamannāgato’’ti.
๓๖๑. ‘‘กตโม ปน, ภเนฺต อานนฺท, กายสมาจาโร อโนปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร กุสโล’’ฯ
361. ‘‘Katamo pana, bhante ānanda, kāyasamācāro anopārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro kusalo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร กุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวโชฺช’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro kusalo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro anavajjo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร อนวโชฺช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อพฺยาพโชฺฌ’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro anavajjo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro abyābajjho’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร อพฺยาพโชฺฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร สุขวิปาโก’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro abyābajjho’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro sukhavipāko’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, กายสมาจาโร สุขวิปาโก’’?
‘‘Katamo pana, bhante, kāyasamācāro sukhavipāko’’?
‘‘โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ; เอวรูโป โข, มหาราช, กายสมาจาโร อโนปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติฯ
‘‘Yo kho, mahārāja, kāyasamācāro nevattabyābādhāyapi saṃvattati, na parabyābādhāyapi saṃvattati, na ubhayabyābādhāyapi saṃvattati tassa akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti; evarūpo kho, mahārāja, kāyasamācāro anopārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต อานนฺท, วจีสมาจาโร…เป.… มโนสมาจาโร อโนปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร กุสโล’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante ānanda, vacīsamācāro…pe… manosamācāro anopārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro kusalo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร กุสโล’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อนวโชฺช’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro kusalo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro anavajjo’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร อนวโชฺช’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อพฺยาพโชฺฌ’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro anavajjo’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro abyābajjho’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร อพฺยาพโชฺฌ’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร สุขวิปาโก’’ฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro abyābajjho’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro sukhavipāko’’.
‘‘กตโม ปน, ภเนฺต, มโนสมาจาโร สุขวิปาโก’’? ‘‘โย โข, มหาราช, มโนสมาจาโร เนวตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น ปรพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติ, น อุภยพฺยาพาธายปิ สํวตฺตติฯ ตสฺส อกุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, กุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติฯ เอวรูโป โข, มหาราช, มโนสมาจาโร อโนปารโมฺภ สมเณหิ พฺราหฺมเณหิ วิญฺญูหี’’ติฯ
‘‘Katamo pana, bhante, manosamācāro sukhavipāko’’? ‘‘Yo kho, mahārāja, manosamācāro nevattabyābādhāyapi saṃvattati, na parabyābādhāyapi saṃvattati, na ubhayabyābādhāyapi saṃvattati. Tassa akusalā dhammā parihāyanti, kusalā dhammā abhivaḍḍhanti. Evarūpo kho, mahārāja, manosamācāro anopārambho samaṇehi brāhmaṇehi viññūhī’’ti.
‘‘กิํ ปน, ภเนฺต อานนฺท, โส ภควา สเพฺพสํเยว กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทํ วเณฺณตี’’ติ? ‘‘สพฺพากุสลธมฺมปหีโน โข, มหาราช, ตถาคโต กุสลธมฺมสมนฺนาคโต’’ติฯ
‘‘Kiṃ pana, bhante ānanda, so bhagavā sabbesaṃyeva kusalānaṃ dhammānaṃ upasampadaṃ vaṇṇetī’’ti? ‘‘Sabbākusaladhammapahīno kho, mahārāja, tathāgato kusaladhammasamannāgato’’ti.
๓๖๒. ‘‘อจฺฉริยํ , ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! ยาว สุภาสิตํ จิทํ 11, ภเนฺต, อายสฺมตา อานเนฺทนฯ อิมินา จ มยํ, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิเตน อตฺตมนาภิรทฺธาฯ เอวํ อตฺตมนาภิรทฺธา จ มยํ , ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส สุภาสิเตนฯ สเจ, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส หตฺถิรตนํ กเปฺปยฺย, หตฺถิรตนมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยามฯ สเจ, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส อสฺสรตนํ กเปฺปยฺย, อสฺสรตนมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยามฯ สเจ, ภเนฺต, อายสฺมโต อานนฺทสฺส คามวรํ กเปฺปยฺย, คามวรมฺปิ มยํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส ทเทยฺยามฯ อปิ จ, ภเนฺต, มยเมฺปตํ 12 ชานาม – ‘เนตํ อายสฺมโต อานนฺทสฺส กปฺปตี’ติฯ อยํ เม, ภเนฺต, พาหิติกา รญฺญา มาคเธน อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุเตฺตน วตฺถนาฬิยา 13 ปกฺขิปิตฺวา ปหิตา โสฬสสมา อายาเมน, อฎฺฐสมา วิตฺถาเรน ฯ ตํ, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท ปฎิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติฯ ‘‘อลํ, มหาราช, ปริปุณฺณํ เม ติจีวร’’นฺติฯ
362. ‘‘Acchariyaṃ , bhante, abbhutaṃ, bhante! Yāva subhāsitaṃ cidaṃ 14, bhante, āyasmatā ānandena. Iminā ca mayaṃ, bhante, āyasmato ānandassa subhāsitena attamanābhiraddhā. Evaṃ attamanābhiraddhā ca mayaṃ , bhante, āyasmato ānandassa subhāsitena. Sace, bhante, āyasmato ānandassa hatthiratanaṃ kappeyya, hatthiratanampi mayaṃ āyasmato ānandassa dadeyyāma. Sace, bhante, āyasmato ānandassa assaratanaṃ kappeyya, assaratanampi mayaṃ āyasmato ānandassa dadeyyāma. Sace, bhante, āyasmato ānandassa gāmavaraṃ kappeyya, gāmavarampi mayaṃ āyasmato ānandassa dadeyyāma. Api ca, bhante, mayampetaṃ 15 jānāma – ‘netaṃ āyasmato ānandassa kappatī’ti. Ayaṃ me, bhante, bāhitikā raññā māgadhena ajātasattunā vedehiputtena vatthanāḷiyā 16 pakkhipitvā pahitā soḷasasamā āyāmena, aṭṭhasamā vitthārena . Taṃ, bhante, āyasmā ānando paṭiggaṇhātu anukampaṃ upādāyā’’ti. ‘‘Alaṃ, mahārāja, paripuṇṇaṃ me ticīvara’’nti.
‘‘อยํ , ภเนฺต, อจิรวตี นที ทิฎฺฐา อายสฺมตา เจว อานเนฺทน อเมฺหหิ จฯ ยทา อุปริปพฺพเต มหาเมโฆ อภิปฺปวุโฎฺฐ โหติ, อถายํ อจิรวตี นที อุภโต กูลานิ สํวิสฺสนฺทนฺตี คจฺฉติ; เอวเมว โข, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท อิมาย พาหิติกาย อตฺตโน ติจีวรํ กริสฺสติฯ ยํ ปนายสฺมโต อานนฺทสฺส ปุราณํ ติจีวรํ ตํ สพฺรหฺมจารีหิ สํวิภชิสฺสติฯ เอวายํ อมฺหากํ ทกฺขิณา สํวิสฺสนฺทนฺตี มเญฺญ คมิสฺสติฯ ปฎิคฺคณฺหาตุ, ภเนฺต, อายสฺมา อานโนฺท พาหิติก’’นฺติฯ ปฎิคฺคเหสิ โข อายสฺมา อานโนฺท พาหิติกํฯ
‘‘Ayaṃ , bhante, aciravatī nadī diṭṭhā āyasmatā ceva ānandena amhehi ca. Yadā uparipabbate mahāmegho abhippavuṭṭho hoti, athāyaṃ aciravatī nadī ubhato kūlāni saṃvissandantī gacchati; evameva kho, bhante, āyasmā ānando imāya bāhitikāya attano ticīvaraṃ karissati. Yaṃ panāyasmato ānandassa purāṇaṃ ticīvaraṃ taṃ sabrahmacārīhi saṃvibhajissati. Evāyaṃ amhākaṃ dakkhiṇā saṃvissandantī maññe gamissati. Paṭiggaṇhātu, bhante, āyasmā ānando bāhitika’’nti. Paṭiggahesi kho āyasmā ānando bāhitikaṃ.
อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภเนฺต อานนฺท, คจฺฉาม; พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, มหาราช, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล อายสฺมโต อานนฺทสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
Atha kho rājā pasenadi kosalo āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘handa ca dāni mayaṃ, bhante ānanda, gacchāma; bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, mahārāja, kālaṃ maññasī’’ti. Atha kho rājā pasenadi kosalo āyasmato ānandassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
๓๖๓. อถ โข อายสฺมา อานโนฺท อจิรปกฺกนฺตสฺส รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ยาวตโก อโหสิ รญฺญา ปเสนทินา โกสเลน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ ภควโต อาโรเจสิฯ ตญฺจ พาหิติกํ ภควโต ปาทาสิฯ อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ลาภา, ภิกฺขเว, รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส, สุลทฺธลาภา, ภิกฺขเว, รโญฺญ ปเสนทิสฺส โกสลสฺส; ยํ ราชา ปเสนทิ โกสโล ลภติ อานนฺทํ ทสฺสนาย, ลภติ ปยิรุปาสนายา’’ติฯ
363. Atha kho āyasmā ānando acirapakkantassa rañño pasenadissa kosalassa yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando yāvatako ahosi raññā pasenadinā kosalena saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ bhagavato ārocesi. Tañca bāhitikaṃ bhagavato pādāsi. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘lābhā, bhikkhave, rañño pasenadissa kosalassa, suladdhalābhā, bhikkhave, rañño pasenadissa kosalassa; yaṃ rājā pasenadi kosalo labhati ānandaṃ dassanāya, labhati payirupāsanāyā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
พาหิติกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Bāhitikasuttaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. พาหิติกสุตฺตวณฺณนา • 8. Bāhitikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. พาหิติกสุตฺตวณฺณนา • 8. Bāhitikasuttavaṇṇanā