Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๑๐๘] ๘. พาหิยชาตกวณฺณนา

    [108] 8. Bāhiyajātakavaṇṇanā

    สิเกฺขยฺย สิกฺขิตพฺพานีติ อิทํ สตฺถา เวสาลิํ อุปนิสฺสาย มหาวเน กูฎาคารสาลายํ วิหรโนฺต เอกํ ลิจฺฉวิํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร ลิจฺฉวิราชา สโทฺธ ปสโนฺน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมเนฺตตฺวา อตฺตโน นิเวสเน มหาทานํ ปวเตฺตสิฯ ภริยา ปนสฺส ถูลงฺคปจฺจงฺคา อุทฺธุมาตกนิมิตฺตสทิสา อนากปฺปสมฺปนฺนา อโหสิฯ สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ โอวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ตสฺส นาม ลิจฺฉวิรโญฺญ ตาว อภิรูปสฺส ตาทิสา ภริยา ถูลงฺคปจฺจงฺคา อนากปฺปสมฺปนฺนา, กถํ โส ตาย สทฺธิํ อภิรมตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส อิทาเนว, ปุเพฺพปิ ถูลสรีราย เอว อิตฺถิยา สทฺธิํ อภิรมี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Sikkheyyasikkhitabbānīti idaṃ satthā vesāliṃ upanissāya mahāvane kūṭāgārasālāyaṃ viharanto ekaṃ licchaviṃ ārabbha kathesi. So kira licchavirājā saddho pasanno buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nimantetvā attano nivesane mahādānaṃ pavattesi. Bhariyā panassa thūlaṅgapaccaṅgā uddhumātakanimittasadisā anākappasampannā ahosi. Satthā bhattakiccāvasāne anumodanaṃ katvā vihāraṃ gantvā bhikkhūnaṃ ovādaṃ datvā gandhakuṭiṃ pāvisi. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, tassa nāma licchavirañño tāva abhirūpassa tādisā bhariyā thūlaṅgapaccaṅgā anākappasampannā, kathaṃ so tāya saddhiṃ abhiramatī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, esa idāneva, pubbepi thūlasarīrāya eva itthiyā saddhiṃ abhiramī’’ti vatvā tehi yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ตสฺส อมโจฺจ อโหสิฯ อเถกา ชนปทิตฺถี ถูลสรีรา อนากปฺปสมฺปนฺนา ภติํ กุรุมานา ราชงฺคณสฺส อวิทูเรน คจฺฉมานา สรีรวฬญฺชปีฬิตา หุตฺวา นิวตฺถสาฎเกน สรีรํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา นิสีทิตฺวา สรีรวฬญฺชํ มุญฺจิตฺวา ขิปฺปเมว อุฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ พาราณสิราชา วาตปาเนน ราชงฺคณํ โอโลเกโนฺต ตํ ทิสฺวา จิเนฺตสิ ‘‘อยํ เอวรูเป องฺคณฎฺฐาเน สรีรวฬญฺชํ มุญฺจมานา หิโรตฺตปฺปํ อปฺปหาย นิวาสเนเนว ปฎิจฺฉนฺนา หุตฺวา สรีรวฬญฺชํ โมเจตฺวา ขิปฺปํ อุฎฺฐิตา, อิมาย นิโรคาย ภวิตพฺพํ, เอติสฺสา วตฺถุ วิสทํ ภวิสฺสติ, วิสเท ปน วตฺถุสฺมิํ เอโก ปุโตฺต ลพฺภมาโน วิสโท ปุญฺญวา ภวิสฺสติ, อิมํ มยา อคฺคมเหสิํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ โส ตสฺสา อปริคฺคหิตภาวํ ญตฺวา อาหราเปตฺวา อคฺคมเหสิฎฺฐานํ อทาสิฯ สา ตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา, น จิรเสฺสว เอกํ ปุตฺตํ วิชายิฯ โส ปนสฺสา ปุโตฺต จกฺกวตฺตี ราชา อโหสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto tassa amacco ahosi. Athekā janapaditthī thūlasarīrā anākappasampannā bhatiṃ kurumānā rājaṅgaṇassa avidūrena gacchamānā sarīravaḷañjapīḷitā hutvā nivatthasāṭakena sarīraṃ paṭicchādetvā nisīditvā sarīravaḷañjaṃ muñcitvā khippameva uṭṭhāsi. Tasmiṃ khaṇe bārāṇasirājā vātapānena rājaṅgaṇaṃ olokento taṃ disvā cintesi ‘‘ayaṃ evarūpe aṅgaṇaṭṭhāne sarīravaḷañjaṃ muñcamānā hirottappaṃ appahāya nivāsaneneva paṭicchannā hutvā sarīravaḷañjaṃ mocetvā khippaṃ uṭṭhitā, imāya nirogāya bhavitabbaṃ, etissā vatthu visadaṃ bhavissati, visade pana vatthusmiṃ eko putto labbhamāno visado puññavā bhavissati, imaṃ mayā aggamahesiṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti. So tassā apariggahitabhāvaṃ ñatvā āharāpetvā aggamahesiṭṭhānaṃ adāsi. Sā tassa piyā ahosi manāpā, na cirasseva ekaṃ puttaṃ vijāyi. So panassā putto cakkavattī rājā ahosi.

    โพธิสโตฺต ตสฺสา สมฺปตฺติํ ทิสฺวา ตถารูปํ วจโนกาสํ ลภิตฺวา ‘‘เทว, สิกฺขิตพฺพยุตฺตกํ นาม สิปฺปํ กสฺมา น สิกฺขิตพฺพํ, ยตฺร หิ นามายํ มหาปุญฺญา หิโรตฺตปฺปํ อปฺปหาย ปฎิจฺฉนฺนากาเรน สรีรวฬญฺชํ กุรุมานา ตุเมฺห อาราเธตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺติํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา สิกฺขิตพฺพยุตฺตกานํ สิปฺปานํ วณฺณํ กเถโนฺต อิมํ คาถมาห –

    Bodhisatto tassā sampattiṃ disvā tathārūpaṃ vacanokāsaṃ labhitvā ‘‘deva, sikkhitabbayuttakaṃ nāma sippaṃ kasmā na sikkhitabbaṃ, yatra hi nāmāyaṃ mahāpuññā hirottappaṃ appahāya paṭicchannākārena sarīravaḷañjaṃ kurumānā tumhe ārādhetvā evarūpaṃ sampattiṃ pattā’’ti vatvā sikkhitabbayuttakānaṃ sippānaṃ vaṇṇaṃ kathento imaṃ gāthamāha –

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘สิเกฺขยฺย สิกฺขิตพฺพานิ, สนฺติ สจฺฉนฺทิโน ชนา;

    ‘‘Sikkheyya sikkhitabbāni, santi sacchandino janā;

    พาหิยา หิ สุหเนฺนน, ราชานมภิราธยี’’ติฯ

    Bāhiyā hi suhannena, rājānamabhirādhayī’’ti.

    ตตฺถ สนฺติ สจฺฉนฺทิโน ชนาติ เตสุ เตสุ สิเปฺปสุ สจฺฉนฺทา ชนา อตฺถิเยวฯ พาหิยาติ พหิชนปเท ชาตา สํวฑฺฒา อิตฺถีฯ สุหเนฺนนาติ หิโรตฺตปฺปํ อปฺปหาย ปฎิจฺฉเนฺนนากาเรน หนฺนํ สุหนฺนํ นาม, เตน สุหเนฺนนฯ ราชานมภิราธยีติ เทวํ อภิราธยิตฺวา อิมํ สมฺปตฺติํ ปตฺตาติฯ เอวํ มหาสโตฺต สิกฺขิตพฺพยุตฺตกานํ สิปฺปานํ คุณํ กเถสิฯ

    Tattha santi sacchandino janāti tesu tesu sippesu sacchandā janā atthiyeva. Bāhiyāti bahijanapade jātā saṃvaḍḍhā itthī. Suhannenāti hirottappaṃ appahāya paṭicchannenākārena hannaṃ suhannaṃ nāma, tena suhannena. Rājānamabhirādhayīti devaṃ abhirādhayitvā imaṃ sampattiṃ pattāti. Evaṃ mahāsatto sikkhitabbayuttakānaṃ sippānaṃ guṇaṃ kathesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกา เอตรหิปิ ชยมฺปติกาว, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā jayampatikā etarahipi jayampatikāva, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.

    พาหิยชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Bāhiyajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๐๘. พาหิยชาตกํ • 108. Bāhiyajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact