Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi |
๑๐. พาหิยสุตฺตํ
10. Bāhiyasuttaṃ
๑๐. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน พาหิโย ทารุจีริโย สุปฺปารเก ปฎิวสติ สมุทฺทตีเร สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํฯ อถ โข พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส รโหคตสฺส ปฎิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตโกฺก อุทปาทิ – ‘‘เย โข เกจิ โลเก อรหโนฺต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อหํ เตสํ อญฺญตโร’’ติฯ
10. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena bāhiyo dārucīriyo suppārake paṭivasati samuddatīre sakkato garukato mānito pūjito apacito lābhī cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānapaccayabhesajjaparikkhārānaṃ. Atha kho bāhiyassa dārucīriyassa rahogatassa paṭisallīnassa evaṃ cetaso parivitakko udapādi – ‘‘ye kho keci loke arahanto vā arahattamaggaṃ vā samāpannā, ahaṃ tesaṃ aññataro’’ti.
อถ โข พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส ปุราณสาโลหิตา เทวตา อนุกมฺปิกา อตฺถกามา พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เยน พาหิโย ทารุจีริโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา พาหิยํ ทารุจีริยํ เอตทโวจ – ‘‘เนว โข ตฺวํ , พาหิย, อรหา, นาปิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปโนฺนฯ สาปิ เต ปฎิปทา นตฺถิ ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส 1 อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปโนฺน’’ติฯ
Atha kho bāhiyassa dārucīriyassa purāṇasālohitā devatā anukampikā atthakāmā bāhiyassa dārucīriyassa cetasā cetoparivitakkamaññāya yena bāhiyo dārucīriyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bāhiyaṃ dārucīriyaṃ etadavoca – ‘‘neva kho tvaṃ , bāhiya, arahā, nāpi arahattamaggaṃ vā samāpanno. Sāpi te paṭipadā natthi yāya tvaṃ arahā vā assa 2 arahattamaggaṃ vā samāpanno’’ti.
‘‘อถ เก จรหิ สเทวเก โลเก อรหโนฺต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปโนฺน’’ติ? ‘‘อตฺถิ, พาหิย, อุตฺตเรสุ ชนปเทสุ 3 สาวตฺถิ นาม นครํฯ ตตฺถ โส ภควา เอตรหิ วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ โส หิ, พาหิย, ภควา อรหา เจว อรหตฺตาย จ ธมฺมํ เทเสตี’’ติฯ
‘‘Atha ke carahi sadevake loke arahanto vā arahattamaggaṃ vā samāpanno’’ti? ‘‘Atthi, bāhiya, uttaresu janapadesu 4 sāvatthi nāma nagaraṃ. Tattha so bhagavā etarahi viharati arahaṃ sammāsambuddho. So hi, bāhiya, bhagavā arahā ceva arahattāya ca dhammaṃ desetī’’ti.
อถ โข พาหิโย ทารุจีริโย ตาย เทวตาย สํเวชิโต ตาวเทว สุปฺปารกมฺหา ปกฺกามิฯ สพฺพตฺถ เอกรตฺติปริวาเสน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อโพฺภกาเส จงฺกมนฺติฯ อถ โข พาหิโย ทารุจีริโย เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘กหํ นุ โข, ภเนฺต, เอตรหิ ภควา วิหรติ อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ? ทสฺสนกามมฺหา มยํ ตํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติฯ ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิโฎฺฐ โข, พาหิย, ภควา ปิณฺฑายา’’ติฯ
Atha kho bāhiyo dārucīriyo tāya devatāya saṃvejito tāvadeva suppārakamhā pakkāmi. Sabbattha ekarattiparivāsena yena sāvatthi jetavanaṃ anāthapiṇḍikassa ārāmo tenupasaṅkami. Tena kho pana samayena sambahulā bhikkhū abbhokāse caṅkamanti. Atha kho bāhiyo dārucīriyo yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘kahaṃ nu kho, bhante, etarahi bhagavā viharati arahaṃ sammāsambuddho? Dassanakāmamhā mayaṃ taṃ bhagavantaṃ arahantaṃ sammāsambuddha’’nti. ‘‘Antaragharaṃ paviṭṭho kho, bāhiya, bhagavā piṇḍāyā’’ti.
อถ โข พาหิโย ทารุจีริโย ตรมานรูโป เชตวนา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถิํ ปวิสิตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ สนฺตินฺทฺริยํ สนฺตมานสํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ ยตินฺทฺริยํ นาคํฯ ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เทเสตุ เม, ภเนฺต ภควา, ธมฺมํ; เทเสตุ, สุคโต, ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา พาหิยํ ทารุจีริยํ เอตทโวจ – ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิย, อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐมฺหา ปิณฺฑายา’’ติฯ
Atha kho bāhiyo dārucīriyo taramānarūpo jetavanā nikkhamitvā sāvatthiṃ pavisitvā addasa bhagavantaṃ sāvatthiyaṃ piṇḍāya carantaṃ pāsādikaṃ pasādanīyaṃ santindriyaṃ santamānasaṃ uttamadamathasamathamanuppattaṃ dantaṃ guttaṃ yatindriyaṃ nāgaṃ. Disvāna yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavato pāde sirasā nipatitvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘desetu me, bhante bhagavā, dhammaṃ; desetu, sugato, dhammaṃ, yaṃ mamassa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Evaṃ vutte, bhagavā bāhiyaṃ dārucīriyaṃ etadavoca – ‘‘akālo kho tāva, bāhiya, antaragharaṃ paviṭṭhamhā piṇḍāyā’’ti.
ทุติยมฺปิ โข พาหิโย ทารุจีริโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทุชฺชานํ โข ปเนตํ, ภเนฺต, ภควโต วา ชีวิตนฺตรายานํ, มยฺหํ วา ชีวิตนฺตรายานํ ฯ เทเสตุ เม, ภเนฺต ภควา, ธมฺมํ; เทเสตุ, สุคโต, ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา พาหิยํ ทารุจีริยํ เอตทโวจ – ‘‘อกาโล โข ตาว, พาหิย, อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐมฺหา ปิณฺฑายา’’ติฯ
Dutiyampi kho bāhiyo dārucīriyo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dujjānaṃ kho panetaṃ, bhante, bhagavato vā jīvitantarāyānaṃ, mayhaṃ vā jīvitantarāyānaṃ . Desetu me, bhante bhagavā, dhammaṃ; desetu, sugato, dhammaṃ, yaṃ mamassa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti. Dutiyampi kho bhagavā bāhiyaṃ dārucīriyaṃ etadavoca – ‘‘akālo kho tāva, bāhiya, antaragharaṃ paviṭṭhamhā piṇḍāyā’’ti.
ตติยมฺปิ โข พาหิโย ทารุจีริโย ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ทุชฺชานํ โข ปเนตํ, ภเนฺต, ภควโต วา ชีวิตนฺตรายานํ, มยฺหํ วา ชีวิตนฺตรายานํฯ เทเสตุ เม ภเนฺต ภควา, ธมฺมํ; เทเสตุ, สุคโต, ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
Tatiyampi kho bāhiyo dārucīriyo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘dujjānaṃ kho panetaṃ, bhante, bhagavato vā jīvitantarāyānaṃ, mayhaṃ vā jīvitantarāyānaṃ. Desetu me bhante bhagavā, dhammaṃ; desetu, sugato, dhammaṃ, yaṃ mamassa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
‘‘ตสฺมาติห เต, พาหิย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต สุตมตฺตํ ภวิสฺสติ, มุเต มุตมตฺตํ ภวิสฺสติ, วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสตี’ติฯ เอวญฺหิ เต, พาหิย, สิกฺขิตพฺพํฯ ยโต โข เต, พาหิย, ทิเฎฺฐ ทิฎฺฐมตฺตํ ภวิสฺสติ, สุเต สุตมตฺตํ ภวิสฺสติ, มุเต มุตมตฺตํ ภวิสฺสติ, วิญฺญาเต วิญฺญาตมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน; ยโต ตฺวํ, พาหิย, น เตน ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ ; ยโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถ, ตโต ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรนฯ เอเสวโนฺต ทุกฺขสฺสา’’ติฯ
‘‘Tasmātiha te, bāhiya, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute sutamattaṃ bhavissati, mute mutamattaṃ bhavissati, viññāte viññātamattaṃ bhavissatī’ti. Evañhi te, bāhiya, sikkhitabbaṃ. Yato kho te, bāhiya, diṭṭhe diṭṭhamattaṃ bhavissati, sute sutamattaṃ bhavissati, mute mutamattaṃ bhavissati, viññāte viññātamattaṃ bhavissati, tato tvaṃ, bāhiya, na tena; yato tvaṃ, bāhiya, na tena tato tvaṃ, bāhiya, na tattha ; yato tvaṃ, bāhiya, na tattha, tato tvaṃ, bāhiya, nevidha na huraṃ na ubhayamantarena. Esevanto dukkhassā’’ti.
อถ โข พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส ภควโต อิมาย สํขิตฺตาย ธมฺมเทสนาย ตาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิฯ
Atha kho bāhiyassa dārucīriyassa bhagavato imāya saṃkhittāya dhammadesanāya tāvadeva anupādāya āsavehi cittaṃ vimucci.
อถ โข ภควา พาหิยํ ทารุจีริยํ อิมินา สํขิเตฺตน โอวาเทน โอวทิตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต พาหิยํ ทารุจีริยํ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา 5 ชีวิตา โวโรเปสิฯ
Atha kho bhagavā bāhiyaṃ dārucīriyaṃ iminā saṃkhittena ovādena ovaditvā pakkāmi. Atha kho acirapakkantassa bhagavato bāhiyaṃ dārucīriyaṃ gāvī taruṇavacchā adhipatitvā 6 jīvitā voropesi.
อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ นครมฺหา นิกฺขมิตฺวา อทฺทส พาหิยํ ทารุจีริยํ กาลงฺกตํ 7; ทิสฺวาน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘คณฺหถ, ภิกฺขเว, พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส สรีรกํ; มญฺจกํ อาโรเปตฺวา นีหริตฺวา ฌาเปถ; ถูปญฺจสฺส กโรถฯ สพฺรหฺมจารี โว, ภิกฺขเว, กาลงฺกโต’’ติฯ
Atha kho bhagavā sāvatthiyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto sambahulehi bhikkhūhi saddhiṃ nagaramhā nikkhamitvā addasa bāhiyaṃ dārucīriyaṃ kālaṅkataṃ 8; disvāna bhikkhū āmantesi – ‘‘gaṇhatha, bhikkhave, bāhiyassa dārucīriyassa sarīrakaṃ; mañcakaṃ āropetvā nīharitvā jhāpetha; thūpañcassa karotha. Sabrahmacārī vo, bhikkhave, kālaṅkato’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส สรีรกํ มญฺจกํ อาโรเปตฺวา นีหริตฺวา ฌาเปตฺวา ถูปญฺจสฺส กตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘ทฑฺฒํ, ภเนฺต, พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส สรีรํ, ถูโป จสฺส กโตฯ ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ? ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, พาหิโย ทารุจีริโย ปจฺจปาทิ ธมฺมสฺสานุธมฺมํ; น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเสสิฯ ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว, พาหิโย ทารุจีริโย’’ติฯ
‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paṭissutvā bāhiyassa dārucīriyassa sarīrakaṃ mañcakaṃ āropetvā nīharitvā jhāpetvā thūpañcassa katvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ – ‘‘daḍḍhaṃ, bhante, bāhiyassa dārucīriyassa sarīraṃ, thūpo cassa kato. Tassa kā gati, ko abhisamparāyo’’ti? ‘‘Paṇḍito, bhikkhave, bāhiyo dārucīriyo paccapādi dhammassānudhammaṃ; na ca maṃ dhammādhikaraṇaṃ vihesesi. Parinibbuto, bhikkhave, bāhiyo dārucīriyo’’ti.
อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
Atha kho bhagavā etamatthaṃ viditvā tāyaṃ velāyaṃ imaṃ udānaṃ udānesi –
‘‘ยตฺถ อาโป จ ปถวี, เตโช วาโย น คาธติ;
‘‘Yattha āpo ca pathavī, tejo vāyo na gādhati;
น ตตฺถ สุกฺกา โชตนฺติ, อาทิโจฺจ นปฺปกาสติ;
Na tattha sukkā jotanti, ādicco nappakāsati;
น ตตฺถ จนฺทิมา ภาติ, ตโม ตตฺถ น วิชฺชติฯ
Na tattha candimā bhāti, tamo tattha na vijjati.
อถ รูปา อรูปา จ, สุขทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติฯ ทสมํ;
Atha rūpā arūpā ca, sukhadukkhā pamuccatī’’ti. dasamaṃ;
โพธิวโคฺค ปฐโม นิฎฺฐิโตฯ
Bodhivaggo paṭhamo niṭṭhito.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā / ๑๐. พาหิยสุตฺตวณฺณนา • 10. Bāhiyasuttavaṇṇanā