Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๕. พหุธาตุกสุตฺตํ
5. Bahudhātukasuttaṃ
๑๒๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
124. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ยานิ กานิจิ, ภิกฺขเว, ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต; เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ สเพฺพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต; เย เกจิ อุปสคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ สเพฺพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโตฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว , นฬาคารา วา ติณาคารา วา อคฺคิ มุโตฺต 1 กูฎาคารานิปิ ทหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต; เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ สเพฺพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต; เย เกจิ อุปสคฺคา อุปฺปชฺชนฺติ สเพฺพ เต พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโตฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฎิภโย พาโล, อปฺปฎิภโย ปณฺฑิโต; สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต; สอุปสโคฺค พาโล, อนุปสโคฺค ปณฺฑิโตฯ นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสโคฺคฯ ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, ‘ปณฺฑิตา ภวิสฺสาม วีมํสกา’ติ – เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Yāni kānici, bhikkhave, bhayāni uppajjanti sabbāni tāni bālato uppajjanti, no paṇḍitato; ye keci upaddavā uppajjanti sabbe te bālato uppajjanti, no paṇḍitato; ye keci upasaggā uppajjanti sabbe te bālato uppajjanti, no paṇḍitato. Seyyathāpi, bhikkhave , naḷāgārā vā tiṇāgārā vā aggi mutto 2 kūṭāgārānipi dahati ullittāvalittāni nivātāni phusitaggaḷāni pihitavātapānāni; evameva kho, bhikkhave, yāni kānici bhayāni uppajjanti sabbāni tāni bālato uppajjanti, no paṇḍitato; ye keci upaddavā uppajjanti sabbe te bālato uppajjanti, no paṇḍitato; ye keci upasaggā uppajjanti sabbe te bālato uppajjanti, no paṇḍitato. Iti kho, bhikkhave, sappaṭibhayo bālo, appaṭibhayo paṇḍito; saupaddavo bālo, anupaddavo paṇḍito; saupasaggo bālo, anupasaggo paṇḍito. Natthi, bhikkhave, paṇḍitato bhayaṃ, natthi paṇḍitato upaddavo, natthi paṇḍitato upasaggo. Tasmātiha, bhikkhave, ‘paṇḍitā bhavissāma vīmaṃsakā’ti – evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabba’’nti.
เอวํ วุเตฺต, อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, ปณฺฑิโต ภิกฺขุ ‘วีมํสโก’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘ยโต โข, อานนฺท, ภิกฺขุ ธาตุกุสโล จ โหติ, อายตนกุสโล จ โหติ, ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสโล จ โหติ, ฐานาฐานกุสโล จ โหติ – เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ปณฺฑิโต ภิกฺขุ ‘วีมํสโก’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
Evaṃ vutte, āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kittāvatā nu kho, bhante, paṇḍito bhikkhu ‘vīmaṃsako’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Yato kho, ānanda, bhikkhu dhātukusalo ca hoti, āyatanakusalo ca hoti, paṭiccasamuppādakusalo ca hoti, ṭhānāṭhānakusalo ca hoti – ettāvatā kho, ānanda, paṇḍito bhikkhu ‘vīmaṃsako’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
๑๒๕. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘อฎฺฐารส โข อิมา, อานนฺท, ธาตุโย – จกฺขุธาตุ, รูปธาตุ, จกฺขุวิญฺญาณธาตุ; โสตธาตุ, สทฺทธาตุ, โสตวิญฺญาณธาตุ; ฆานธาตุ, คนฺธธาตุ, ฆานวิญฺญาณธาตุ; ชิวฺหาธาตุ, รสธาตุ, ชิวฺหาวิญฺญาณธาตุ; กายธาตุ, โผฎฺฐพฺพธาตุ, กายวิญฺญาณธาตุ; มโนธาตุ, ธมฺมธาตุ, มโนวิญฺญาณธาตุฯ อิมา โข, อานนฺท, อฎฺฐารส ธาตุโย ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
125. ‘‘Kittāvatā pana, bhante, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Aṭṭhārasa kho imā, ānanda, dhātuyo – cakkhudhātu, rūpadhātu, cakkhuviññāṇadhātu; sotadhātu, saddadhātu, sotaviññāṇadhātu; ghānadhātu, gandhadhātu, ghānaviññāṇadhātu; jivhādhātu, rasadhātu, jivhāviññāṇadhātu; kāyadhātu, phoṭṭhabbadhātu, kāyaviññāṇadhātu; manodhātu, dhammadhātu, manoviññāṇadhātu. Imā kho, ānanda, aṭṭhārasa dhātuyo yato jānāti passati – ettāvatāpi kho, ānanda, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
‘‘สิยา ปน, ภเนฺต, อโญฺญปิ ปริยาโย, ยถา ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺทฯ ฉยิมา, อานนฺท, ธาตุโย – ปถวีธาตุ, อาโปธาตุ, เตโชธาตุ, วาโยธาตุ, อากาสธาตุ, วิญฺญาณธาตุฯ อิมา โข, อานนฺท, ฉ ธาตุโย ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘Siyā pana, bhante, aññopi pariyāyo, yathā ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Siyā, ānanda. Chayimā, ānanda, dhātuyo – pathavīdhātu, āpodhātu, tejodhātu, vāyodhātu, ākāsadhātu, viññāṇadhātu. Imā kho, ānanda, cha dhātuyo yato jānāti passati – ettāvatāpi kho, ānanda, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
‘‘สิยา ปน, ภเนฺต, อโญฺญปิ ปริยาโย, ยถา ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺทฯ ฉยิมา, อานนฺท, ธาตุโย – สุขธาตุ , ทุกฺขธาตุ, โสมนสฺสธาตุ, โทมนสฺสธาตุ, อุเปกฺขาธาตุ, อวิชฺชาธาตุฯ อิมา โข, อานนฺท, ฉ ธาตุโย ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘Siyā pana, bhante, aññopi pariyāyo, yathā ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Siyā, ānanda. Chayimā, ānanda, dhātuyo – sukhadhātu , dukkhadhātu, somanassadhātu, domanassadhātu, upekkhādhātu, avijjādhātu. Imā kho, ānanda, cha dhātuyo yato jānāti passati – ettāvatāpi kho, ānanda, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
‘‘สิยา ปน, ภเนฺต, อโญฺญปิ ปริยาโย, ยถา ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺทฯ ฉยิมา, อานนฺท, ธาตุโย – กามธาตุ, เนกฺขมฺมธาตุ, พฺยาปาทธาตุ, อพฺยาปาทธาตุ, วิหิํสาธาตุ , อวิหิํสาธาตุฯ อิมา โข, อานนฺท, ฉ ธาตุโย ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘Siyā pana, bhante, aññopi pariyāyo, yathā ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Siyā, ānanda. Chayimā, ānanda, dhātuyo – kāmadhātu, nekkhammadhātu, byāpādadhātu, abyāpādadhātu, vihiṃsādhātu , avihiṃsādhātu. Imā kho, ānanda, cha dhātuyo yato jānāti passati – ettāvatāpi kho, ānanda, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
‘‘สิยา ปน, ภเนฺต, อโญฺญปิ ปริยาโย, ยถา ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺทฯ ติโสฺส อิมา, อานนฺท, ธาตุโย – กามธาตุ, รูปธาตุ, อรูปธาตุฯ อิมา โข, อานนฺท, ติโสฺส ธาตุโย ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘Siyā pana, bhante, aññopi pariyāyo, yathā ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Siyā, ānanda. Tisso imā, ānanda, dhātuyo – kāmadhātu, rūpadhātu, arūpadhātu. Imā kho, ānanda, tisso dhātuyo yato jānāti passati – ettāvatāpi kho, ānanda, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
‘‘สิยา ปน, ภเนฺต, อโญฺญปิ ปริยาโย, ยถา ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘สิยา, อานนฺทฯ เทฺว อิมา, อานนฺท, ธาตุโย – สงฺขตาธาตุ, อสงฺขตาธาตุฯ อิมา โข, อานนฺท, เทฺว ธาตุโย ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตาปิ โข, อานนฺท, ‘ธาตุกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘Siyā pana, bhante, aññopi pariyāyo, yathā ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Siyā, ānanda. Dve imā, ānanda, dhātuyo – saṅkhatādhātu, asaṅkhatādhātu. Imā kho, ānanda, dve dhātuyo yato jānāti passati – ettāvatāpi kho, ānanda, ‘dhātukusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
๑๒๖. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ‘อายตนกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘ฉ โข ปนิมานิ, อานนฺท, อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ – จกฺขุเจว รูปา จ โสตญฺจ สทฺทา จ ฆานญฺจ คนฺธา จ ชิวฺหา จ รสา จ กาโย จ โผฎฺฐพฺพา จ มโน จ ธมฺมา จฯ อิมานิ โข, อานนฺท, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ ยโต ชานาติ ปสฺสติ – เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ‘อายตนกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
126. ‘‘Kittāvatā pana, bhante, ‘āyatanakusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Cha kho panimāni, ānanda, ajjhattikabāhirāni āyatanāni – cakkhuceva rūpā ca sotañca saddā ca ghānañca gandhā ca jivhā ca rasā ca kāyo ca phoṭṭhabbā ca mano ca dhammā ca. Imāni kho, ānanda, cha ajjhattikabāhirāni āyatanāni yato jānāti passati – ettāvatā kho, ānanda, ‘āyatanakusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ‘ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุ เอวํ ปชานาติ – ‘อิมสฺมิํ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชติ, อิมสฺมิํ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌติ, ยทิทํ – อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผโสฺส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว , ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสูปายาสา สมฺภวนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติฯ อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิญฺญาณนิโรโธ, วิญฺญาณนิโรธา นามรูปนิโรโธ, นามรูปนิโรธา สฬายตนนิโรโธ, สฬายตนนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ, เวทนานิโรธา ตณฺหานิโรโธ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสูปายาสา นิรุชฺฌนฺติฯ เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ’ฯ เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ‘ปฎิจฺจสมุปฺปาทกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘Kittāvatā pana, bhante, ‘paṭiccasamuppādakusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Idhānanda, bhikkhu evaṃ pajānāti – ‘imasmiṃ sati idaṃ hoti, imassuppādā idaṃ uppajjati, imasmiṃ asati idaṃ na hoti, imassa nirodhā idaṃ nirujjhati, yadidaṃ – avijjāpaccayā saṅkhārā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpaṃ, nāmarūpapaccayā saḷāyatanaṃ, saḷāyatanapaccayā phasso, phassapaccayā vedanā, vedanāpaccayā taṇhā, taṇhāpaccayā upādānaṃ, upādānapaccayā bhavo , bhavapaccayā jāti, jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassūpāyāsā sambhavanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa samudayo hoti. Avijjāyatveva asesavirāganirodhā saṅkhāranirodho, saṅkhāranirodhā viññāṇanirodho, viññāṇanirodhā nāmarūpanirodho, nāmarūpanirodhā saḷāyatananirodho, saḷāyatananirodhā phassanirodho, phassanirodhā vedanānirodho, vedanānirodhā taṇhānirodho, taṇhānirodhā upādānanirodho, upādānanirodhā bhavanirodho, bhavanirodhā jātinirodho, jātinirodhā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassūpāyāsā nirujjhanti. Evametassa kevalassa dukkhakkhandhassa nirodho hoti’. Ettāvatā kho, ānanda, ‘paṭiccasamuppādakusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
๑๒๗. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ‘ฐานาฐานกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติ? ‘‘อิธานนฺท, ภิกฺขุ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล กญฺจิ 3 สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน กญฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคเจฺฉยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล กญฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน กญฺจิ สงฺขารํ สุขโต อุปคเจฺฉยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล กญฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคเจฺฉยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ, ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน กญฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคเจฺฉยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ
127. ‘‘Kittāvatā pana, bhante, ‘ṭhānāṭhānakusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti? ‘‘Idhānanda, bhikkhu ‘aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo kañci 4 saṅkhāraṃ niccato upagaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano kañci saṅkhāraṃ niccato upagaccheyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo kañci saṅkhāraṃ sukhato upagaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano kañci saṅkhāraṃ sukhato upagaccheyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo kañci dhammaṃ attato upagaccheyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti, ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano kañci dhammaṃ attato upagaccheyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti.
๑๒๘. ‘‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย…เป.… อรหนฺตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล ทุฎฺฐจิโตฺต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน ทุฎฺฐจิโตฺต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สงฺฆํ ภิเนฺทยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน สงฺฆํ ภิเนฺทยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล อญฺญํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุถุชฺชโน อญฺญํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ
128. ‘‘‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo mātaraṃ jīvitā voropeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano mātaraṃ jīvitā voropeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo pitaraṃ jīvitā voropeyya…pe… arahantaṃ jīvitā voropeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo duṭṭhacitto tathāgatassa lohitaṃ uppādeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano duṭṭhacitto tathāgatassa lohitaṃ uppādeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo saṅghaṃ bhindeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano saṅghaṃ bhindeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ diṭṭhisampanno puggalo aññaṃ satthāraṃ uddiseyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puthujjano aññaṃ satthāraṃ uddiseyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti.
๑๒๙. ‘‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เอโก อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อุปฺปเชฺชยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เทฺว ราชาโน จกฺกวตฺติโน อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา เอโก ราชา จกฺกวตฺตี อุปฺปเชฺชยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ
129. ‘‘‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ ekissā lokadhātuyā dve arahanto sammāsambuddhā apubbaṃ acarimaṃ uppajjeyyuṃ, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ ekissā lokadhātuyā eko arahaṃ sammāsambuddho uppajjeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ ekissā lokadhātuyā dve rājāno cakkavattino apubbaṃ acarimaṃ uppajjeyyuṃ, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ ekissā lokadhātuyā eko rājā cakkavattī uppajjeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti.
๑๓๐. ‘‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุโทฺธ , เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุริโส อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุโทฺธ, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ อิตฺถี ราชา อสฺส จกฺกวตฺตี, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุริโส ราชา อสฺส จกฺกวตฺตี, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ อิตฺถี สกฺกตฺตํ กเรยฺย … มารตฺตํ กเรยฺย… พฺรหฺมตฺตํ กเรยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ ปุริโส สกฺกตฺตํ กเรยฺย… มารตฺตํ กเรยฺย… พฺรหฺมตฺตํ กเรยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ
130. ‘‘‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ itthī arahaṃ assa sammāsambuddho , netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puriso arahaṃ assa sammāsambuddho, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ itthī rājā assa cakkavattī, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puriso rājā assa cakkavattī, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ itthī sakkattaṃ kareyya … mārattaṃ kareyya… brahmattaṃ kareyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ puriso sakkattaṃ kareyya… mārattaṃ kareyya… brahmattaṃ kareyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti.
๑๓๑. ‘‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ กายทุจฺจริตสฺส อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ กายทุจฺจริตสฺส อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ วจีทุจฺจริตสฺส…เป.… ยํ มโนทุจฺจริตสฺส อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ วจีทุจฺจริตสฺส…เป.… ยํ มโนทุจฺจริตสฺส อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตีติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ กายสุจริตสฺส อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ กายสุจริตสฺส อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ วจีสุจริตสฺส…เป.… ยํ มโนสุจริตสฺส อนิโฎฺฐ อกโนฺต อมนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ วจีสุจริตสฺส…เป.… ยํ มโนสุจริตสฺส อิโฎฺฐ กโนฺต มนาโป วิปาโก นิพฺพเตฺตยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ
131. ‘‘‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ kāyaduccaritassa iṭṭho kanto manāpo vipāko nibbatteyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ kāyaduccaritassa aniṭṭho akanto amanāpo vipāko nibbatteyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ vacīduccaritassa…pe… yaṃ manoduccaritassa iṭṭho kanto manāpo vipāko nibbatteyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ vacīduccaritassa…pe… yaṃ manoduccaritassa aniṭṭho akanto amanāpo vipāko nibbatteyya, ṭhānametaṃ vijjatīti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ kāyasucaritassa aniṭṭho akanto amanāpo vipāko nibbatteyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ kāyasucaritassa iṭṭho kanto manāpo vipāko nibbatteyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ vacīsucaritassa…pe… yaṃ manosucaritassa aniṭṭho akanto amanāpo vipāko nibbatteyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ vacīsucaritassa…pe… yaṃ manosucaritassa iṭṭho kanto manāpo vipāko nibbatteyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti.
‘‘‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ กายทุจฺจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ กายทุจฺจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ วจีทุจฺจริตสมงฺคี…เป.… ยํ มโนทุจฺจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ วจีทุจฺจริตสมงฺคี…เป.… ยํ มโนทุจฺจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ กายสุจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ กายสุจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ ‘อฎฺฐานเมตํ อนวกาโส ยํ วจีสุจริตสมงฺคี…เป.… ยํ มโนสุจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺย, เนตํ ฐานํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติ; ‘ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ วจีสุจริตสมงฺคี…เป.… ยํ มโนสุจริตสมงฺคี ตํนิทานา ตปฺปจฺจยา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปเชฺชยฺย, ฐานเมตํ วิชฺชตี’ติ ปชานาติฯ เอตฺตาวตา โข, อานนฺท, ‘ฐานาฐานกุสโล ภิกฺขู’ติ อลํ วจนายา’’ติฯ
‘‘‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ kāyaduccaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ kāyaduccaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ vacīduccaritasamaṅgī…pe… yaṃ manoduccaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ vacīduccaritasamaṅgī…pe… yaṃ manoduccaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ kāyasucaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ kāyasucaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. ‘Aṭṭhānametaṃ anavakāso yaṃ vacīsucaritasamaṅgī…pe… yaṃ manosucaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyya, netaṃ ṭhānaṃ vijjatī’ti pajānāti; ‘ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ vacīsucaritasamaṅgī…pe… yaṃ manosucaritasamaṅgī taṃnidānā tappaccayā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjeyya, ṭhānametaṃ vijjatī’ti pajānāti. Ettāvatā kho, ānanda, ‘ṭhānāṭhānakusalo bhikkhū’ti alaṃ vacanāyā’’ti.
๑๓๒. เอวํ วุเตฺต อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺฉริยํ, ภเนฺต, อพฺภุตํ, ภเนฺต! โกนาโม อยํ, ภเนฺต, ธมฺมปริยาโย’’ติ? ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อานนฺท, อิมํ ธมฺมปริยายํ ‘พหุธาตุโก’ติปิ นํ ธาเรหิ, ‘จตุปริวโฎฺฎ’ติปิ นํ ธาเรหิ, ‘ธมฺมาทาโส’ติปิ นํ ธาเรหิ, ‘อมตทุนฺทุภี’ติปิ 5 นํ ธาเรหิ, ‘อนุตฺตโร สงฺคามวิชโย’ติปิ นํ ธาเรหี’’ติฯ
132. Evaṃ vutte āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘acchariyaṃ, bhante, abbhutaṃ, bhante! Konāmo ayaṃ, bhante, dhammapariyāyo’’ti? ‘‘Tasmātiha tvaṃ, ānanda, imaṃ dhammapariyāyaṃ ‘bahudhātuko’tipi naṃ dhārehi, ‘catuparivaṭṭo’tipi naṃ dhārehi, ‘dhammādāso’tipi naṃ dhārehi, ‘amatadundubhī’tipi 6 naṃ dhārehi, ‘anuttaro saṅgāmavijayo’tipi naṃ dhārehī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อานโนฺท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamano āyasmā ānando bhagavato bhāsitaṃ abhinandīti.
พหุธาตุกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ปญฺจมํฯ
Bahudhātukasuttaṃ niṭṭhitaṃ pañcamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๕. พหุธาตุกสุตฺตวณฺณนา • 5. Bahudhātukasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๕. พหุธาตุกสุตฺตวณฺณนา • 5. Bahudhātukasuttavaṇṇanā