Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๐. พหุธีตรสุตฺตํ
10. Bahudhītarasuttaṃ
๑๙๖. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ วิหรติ อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภารทฺวาชโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส จตุทฺทส พลีพทฺทา นฎฺฐา โหนฺติฯ อถ โข ภารทฺวาชโคโตฺต พฺราหฺมโณ เต พลีพเทฺท คเวสโนฺต เยน โส วนสโณฺฑ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ ตสฺมิํ วนสเณฺฑ นิสินฺนํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ ทิสฺวาน เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก อิมา คาถาโย อภาสิ –
196. Ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu viharati aññatarasmiṃ vanasaṇḍe. Tena kho pana samayena aññatarassa bhāradvājagottassa brāhmaṇassa catuddasa balībaddā naṭṭhā honti. Atha kho bhāradvājagotto brāhmaṇo te balībadde gavesanto yena so vanasaṇḍo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā addasa bhagavantaṃ tasmiṃ vanasaṇḍe nisinnaṃ pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. Disvāna yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavato santike imā gāthāyo abhāsi –
อชฺชสฎฺฐิํ น ทิสฺสนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขีฯ
Ajjasaṭṭhiṃ na dissanti, tenāyaṃ samaṇo sukhī.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ติลาเขตฺตสฺมิ ปาปกา;
‘‘Na hi nūnimassa samaṇassa, tilākhettasmi pāpakā;
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ตุจฺฉโกฎฺฐสฺมิ มูสิกา;
‘‘Na hi nūnimassa samaṇassa, tucchakoṭṭhasmi mūsikā;
อุโสฺสฬฺหิกาย นจฺจนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขีฯ
Ussoḷhikāya naccanti, tenāyaṃ samaṇo sukhī.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, สนฺถาโร สตฺตมาสิโก;
‘‘Na hi nūnimassa samaṇassa, santhāro sattamāsiko;
อุปฺปาฎเกหิ สญฺฉโนฺน, เตนายํ สมโณ สุขีฯ
Uppāṭakehi sañchanno, tenāyaṃ samaṇo sukhī.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, วิธวา สตฺต ธีตโร;
‘‘Na hi nūnimassa samaṇassa, vidhavā satta dhītaro;
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ปิงฺคลา ติลกาหตา;
‘‘Na hi nūnimassa samaṇassa, piṅgalā tilakāhatā;
โสตฺตํ ปาเทน โพเธติ, เตนายํ สมโณ สุขีฯ
Sottaṃ pādena bodheti, tenāyaṃ samaṇo sukhī.
‘‘น หิ นูนิมสฺส สมณสฺส, ปจฺจูสมฺหิ อิณายิกา;
‘‘Na hi nūnimassa samaṇassa, paccūsamhi iṇāyikā;
เทถ เทถาติ โจเทนฺติ, เตนายํ สมโณ สุขี’’ติฯ
Detha dethāti codenti, tenāyaṃ samaṇo sukhī’’ti.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, พลีพทฺทา จตุทฺทส;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, balībaddā catuddasa;
อชฺชสฎฺฐิํ น ทิสฺสนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขีฯ
Ajjasaṭṭhiṃ na dissanti, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ติลาเขตฺตสฺมิ ปาปกา;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, tilākhettasmi pāpakā;
เอกปณฺณา ทุปณฺณา จ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขีฯ
Ekapaṇṇā dupaṇṇā ca, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ตุจฺฉโกฎฺฐสฺมิ มูสิกา;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, tucchakoṭṭhasmi mūsikā;
อุโสฺสฬฺหิกาย นจฺจนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขีฯ
Ussoḷhikāya naccanti, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, สนฺถาโร สตฺตมาสิโก;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, santhāro sattamāsiko;
อุปฺปาฎเกหิ สญฺฉโนฺน, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขีฯ
Uppāṭakehi sañchanno, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, วิธวา สตฺต ธีตโร;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, vidhavā satta dhītaro;
เอกปุตฺตา ทุปุตฺตา จ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขีฯ
Ekaputtā duputtā ca, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ปิงฺคลา ติลกาหตา;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, piṅgalā tilakāhatā;
โสตฺตํ ปาเทน โพเธติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขีฯ
Sottaṃ pādena bodheti, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī.
‘‘น หิ มยฺหํ พฺราหฺมณ, ปจฺจูสมฺหิ อิณายิกา;
‘‘Na hi mayhaṃ brāhmaṇa, paccūsamhi iṇāyikā;
เทถ เทถาติ โจเทนฺติ, เตนาหํ พฺราหฺมณา สุขี’’ติฯ
Detha dethāti codenti, tenāhaṃ brāhmaṇā sukhī’’ti.
เอวํ วุเตฺต, ภารทฺวาชโคโตฺต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมว โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ ลเภยฺยาหํ โภโต โคตมสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ
Evaṃ vutte, bhāradvājagotto brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evameva bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Labheyyāhaṃ bhoto gotamassa santike pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti.
อลตฺถ โข ภารทฺวาชโคโตฺต พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน ปนายสฺมา ภารทฺวาโช เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร จ ปนายสฺมา ภารทฺวาโช อรหตํ อโหสีติฯ
Alattha kho bhāradvājagotto brāhmaṇo bhagavato santike pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno panāyasmā bhāradvājo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro ca panāyasmā bhāradvājo arahataṃ ahosīti.
อรหนฺตวโคฺค ปฐโมฯ
Arahantavaggo paṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ธนญฺชานี จ อโกฺกสํ, อสุรินฺทํ พิลงฺคิกํ;
Dhanañjānī ca akkosaṃ, asurindaṃ bilaṅgikaṃ;
อหิํสกํ ชฎา เจว, สุทฺธิกเญฺจว อคฺคิกา;
Ahiṃsakaṃ jaṭā ceva, suddhikañceva aggikā;
สุนฺทริกํ พหุธีตเรน จ เต ทสาติฯ
Sundarikaṃ bahudhītarena ca te dasāti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. พหุธีตรสุตฺตวณฺณนา • 10. Bahudhītarasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. พหุธีตรสุตฺตวณฺณนา • 10. Bahudhītarasuttavaṇṇanā