Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. พหุธีตรสุตฺตวณฺณนา
10. Bahudhītarasuttavaṇṇanā
๑๙๖. ทสเม อญฺญตรสฺมิํ วนสเณฺฑติ ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกโนฺต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘คจฺฉามิสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ตสฺมิํ วนสเณฺฑ วิหรติฯ นฎฺฐา โหนฺตีติ กสิตฺวา วิสฺสฎฺฐา อฎวิมุขา จรมานา พฺราหฺมเณ ภุญฺชิตุํ คเต ปลาตา โหนฺติฯ ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํฯ อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวา ฯ อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ ฐเปตฺวา, อฎฺฐารส ปิฎฺฐิกณฺฎเก โกฎิยา โกฎิํ ปฎิปาเทตฺวาฯ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาติ กมฺมฎฺฐานาภิมุขํ สติํ ฐปยิตฺวา, มุขสมีเป วา กตฺวาติ อโตฺถฯ เตเนว วิภเงฺค วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อุปฎฺฐิตา โหติ สูปฎฺฐิตา นาสิกเคฺค วา มุขนิมิเตฺต วา, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗)ฯ อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหโฎฺฐฯ มุขนฺติ นิยฺยานโฎฺฐฯ สตีติ อุปฎฺฐานโฎฺฐฯ เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา’’ติ เอวํ ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๑.๑๖๔) วุตฺตนเยนเปตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ตตฺรายํ สเงฺขโป – ‘‘ปริคฺคหิตนิยฺยานํ สติํ กตฺวา’’ติฯ เอวํ นิสีทโนฺต จ ปน ฉพฺพณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสเชฺชตฺวา นิสีทิฯ อุปสงฺกมีติ โทมนสฺสาภิภูโต อาหิณฺฑโนฺต, ‘‘สุเขน วตายํ สมโณ นิสิโนฺน’’ติ จิเนฺตตฺวา อุปสงฺกมิฯ
196. Dasame aññatarasmiṃ vanasaṇḍeti paccūsasamaye lokaṃ olokento tassa brāhmaṇassa arahattassa upanissayaṃ disvā ‘‘gacchāmissa saṅgahaṃ karissāmī’’ti gantvā tasmiṃ vanasaṇḍe viharati. Naṭṭhā hontīti kasitvā vissaṭṭhā aṭavimukhā caramānā brāhmaṇe bhuñjituṃ gate palātā honti. Pallaṅkanti samantato ūrubaddhāsanaṃ. Ābhujitvāti bandhitvā . Ujuṃ kāyaṃ paṇidhāyāti uparimaṃ sarīraṃ ujukaṃ ṭhapetvā, aṭṭhārasa piṭṭhikaṇṭake koṭiyā koṭiṃ paṭipādetvā. Parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvāti kammaṭṭhānābhimukhaṃ satiṃ ṭhapayitvā, mukhasamīpe vā katvāti attho. Teneva vibhaṅge vuttaṃ – ‘‘ayaṃ sati upaṭṭhitā hoti sūpaṭṭhitā nāsikagge vā mukhanimitte vā, tena vuccati parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti (vibha. 537). Atha vā ‘‘parīti pariggahaṭṭho. Mukhanti niyyānaṭṭho. Satīti upaṭṭhānaṭṭho. Tena vuccati parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā’’ti evaṃ paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 1.164) vuttanayenapettha attho daṭṭhabbo. Tatrāyaṃ saṅkhepo – ‘‘pariggahitaniyyānaṃ satiṃ katvā’’ti. Evaṃ nisīdanto ca pana chabbaṇṇā ghanabuddharasmiyo vissajjetvā nisīdi. Upasaṅkamīti domanassābhibhūto āhiṇḍanto, ‘‘sukhena vatāyaṃ samaṇo nisinno’’ti cintetvā upasaṅkami.
อชฺชสฎฺฐิํ น ทิสฺสนฺตีติ อชฺช ฉทิวสมตฺตกา ปฎฺฐาย น ทิสฺสนฺติฯ ปาปกาติ ลามกา ติลขาณุกาฯ เตน กิร ติลเขเตฺต วปิเต ตทเหว เทโว วสฺสิตฺวา ติเล ปํสุมฺหิ โอสีทาเปสิ , ปุปฺผํ วา ผลํ วา คเหตุํ นาสกฺขิํสุฯ เยปิ วฑฺฒิํสุ, เตสํ อุปริ ปาณกา ปติตฺวา ปณฺณานิ ขาทิํสุ, เอกปณฺณทุปณฺณา ขาณุกา อวสิสฺสิํสุฯ พฺราหฺมโณ เขตฺตํ โอโลเกตุํ คโต เต ทิสฺวา – ‘‘วฑฺฒิยา เม ติลา คหิตา, เตปิ นฎฺฐา’’ติ โทมนสฺสชาโต อโหสิ, ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาหฯ
Ajjasaṭṭhiṃna dissantīti ajja chadivasamattakā paṭṭhāya na dissanti. Pāpakāti lāmakā tilakhāṇukā. Tena kira tilakhette vapite tadaheva devo vassitvā tile paṃsumhi osīdāpesi , pupphaṃ vā phalaṃ vā gahetuṃ nāsakkhiṃsu. Yepi vaḍḍhiṃsu, tesaṃ upari pāṇakā patitvā paṇṇāni khādiṃsu, ekapaṇṇadupaṇṇā khāṇukā avasissiṃsu. Brāhmaṇo khettaṃ oloketuṃ gato te disvā – ‘‘vaḍḍhiyā me tilā gahitā, tepi naṭṭhā’’ti domanassajāto ahosi, taṃ gahetvā imaṃ gāthamāha.
อุโสฺสฬฺหิกายาติ อุสฺสาเหน กณฺณนงฺคุฎฺฐาทีนิ อุกฺขิปิตฺวา วิจรนฺตา อุปฺปตนฺติฯ ตสฺส กิร อนุปุเพฺพน โภเคสุ ปริกฺขีเณสุ ปกฺขิปิตพฺพสฺส อภาเวน ตุจฺฉโกฎฺฐา อเหสุํฯ ตสฺส อิโต จิโต จ สตฺตหิ ฆเรหิ อาคตา มูสิกา เต ตุจฺฉโกเฎฺฐ ปวิสิตฺวา อุยฺยานกีฬํ กีฬนฺตา วิย นจฺจนฺติ, ตํ คเหตฺวา เอวมาหฯ
Ussoḷhikāyāti ussāhena kaṇṇanaṅguṭṭhādīni ukkhipitvā vicarantā uppatanti. Tassa kira anupubbena bhogesu parikkhīṇesu pakkhipitabbassa abhāvena tucchakoṭṭhā ahesuṃ. Tassa ito cito ca sattahi gharehi āgatā mūsikā te tucchakoṭṭhe pavisitvā uyyānakīḷaṃ kīḷantā viya naccanti, taṃ gahetvā evamāha.
อุปฺปาฎเกหิ สญฺฉโนฺนติ อุปฺปาฎกปาณเกหิ สญฺฉโนฺนฯ ตสฺส กิร พฺราหฺมณสฺส สยนตฺถาย สนฺถตํ ติณปณฺณสนฺถารํ โกจิ อนฺตรนฺตรา ปฎิชคฺคโนฺต นตฺถิฯ โส ทิวสํ อรเญฺญ กมฺมํ กตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา ตสฺมิํ นิปชฺชติฯ อถสฺส อุปฺปาฎกปาณกา สรีรํ เอกจฺฉนฺนํ กโรนฺตา ขาทนฺติ, ตํ คเหตฺวา เอวมาหฯ
Uppāṭakehi sañchannoti uppāṭakapāṇakehi sañchanno. Tassa kira brāhmaṇassa sayanatthāya santhataṃ tiṇapaṇṇasanthāraṃ koci antarantarā paṭijagganto natthi. So divasaṃ araññe kammaṃ katvā sāyaṃ āgantvā tasmiṃ nipajjati. Athassa uppāṭakapāṇakā sarīraṃ ekacchannaṃ karontā khādanti, taṃ gahetvā evamāha.
วิธวาติ มตปติกาฯ ยาว กิร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห วิภวมตฺตา อโหสิ, ตาว ตา วิธวาปิ หุตฺวา ปติกุเลสุ วสิตุํ ลภิํสุฯ ยทา ปน โส นิทฺธโน ชาโต, ตทา ตา ‘‘ปิตุฆรํ คจฺฉถา’’ติ สสฺสุสสุราทีหิ นิกฺกฑฺฒิตา ตโต ตเสฺสว ฆรํ อาคนฺตฺวา วสนฺติโย พฺราหฺมณสฺส โภชนกาเล ‘‘คจฺฉถ อยฺยเกน สทฺธิํ ภุญฺชถา’’ติ ปุเตฺต เปเสนฺติ, เตหิ ปาติยํ หเตฺถสุ โอตาริเตสุ พฺราหฺมโณ หตฺถสฺส โอกาสํ น ลภติฯ ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาหฯ
Vidhavāti matapatikā. Yāva kira tassa brāhmaṇassa gehe vibhavamattā ahosi, tāva tā vidhavāpi hutvā patikulesu vasituṃ labhiṃsu. Yadā pana so niddhano jāto, tadā tā ‘‘pitugharaṃ gacchathā’’ti sassusasurādīhi nikkaḍḍhitā tato tasseva gharaṃ āgantvā vasantiyo brāhmaṇassa bhojanakāle ‘‘gacchatha ayyakena saddhiṃ bhuñjathā’’ti putte pesenti, tehi pātiyaṃ hatthesu otāritesu brāhmaṇo hatthassa okāsaṃ na labhati. Taṃ gahetvā imaṃ gāthamāha.
ปิงฺคลาติ กฬารปิงฺคลาฯ ติลกาหตาติ กาฬเสตาทิวเณฺณหิ ติลเกหิ อาหตคตฺตาฯ โสตฺตํ ปาเทน โพเธตีติ นิทฺทํ โอกฺกนฺตํ ปาเทน ปหริตฺวา ปโพเธติฯ อยํ กิร พฺราหฺมโณ มูสิกสเทฺทน อุพฺพาโฬฺห อุปฺปาฎเกหิ จ ขชฺชมาโน สพฺพรตฺติํ นิทฺทํ อลภิตฺวา ปจฺจูสกาเล นิทฺทายติฯ อถ นํ อกฺขีสุ นิมฺมิลิตมเตฺตเสฺวว – ‘‘กิํ กโรสิ, พฺราหฺมณ, ปจฺฉา จ ปุเพฺพ จ คหิตสฺส อิณสฺส? วฑฺฒิ มตฺถกํ ปตฺตา, สตฺต ธีตโร โปเสตพฺพาฯ อิทานิ อิณายิกา อาคนฺตฺวา เคหํ ปริวาเรสฺสนฺติ, คจฺฉ กมฺมํ กโรหี’’ติ ปาเทน ปหริตฺวา ปโพเธติฯ ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาหฯ
Piṅgalāti kaḷārapiṅgalā. Tilakāhatāti kāḷasetādivaṇṇehi tilakehi āhatagattā. Sottaṃ pādena bodhetīti niddaṃ okkantaṃ pādena paharitvā pabodheti. Ayaṃ kira brāhmaṇo mūsikasaddena ubbāḷho uppāṭakehi ca khajjamāno sabbarattiṃ niddaṃ alabhitvā paccūsakāle niddāyati. Atha naṃ akkhīsu nimmilitamattesveva – ‘‘kiṃ karosi, brāhmaṇa, pacchā ca pubbe ca gahitassa iṇassa? Vaḍḍhi matthakaṃ pattā, satta dhītaro posetabbā. Idāni iṇāyikā āgantvā gehaṃ parivāressanti, gaccha kammaṃ karohī’’ti pādena paharitvā pabodheti. Taṃ gahetvā imaṃ gāthamāha.
อิณายิกาติ เยสํ อเนน หตฺถโต อิณํ คหิตํฯ โส กิร กสฺสจิ หตฺถโต เอกํ กหาปณํ กสฺสจิ เทฺว กสฺสจิ ทส…เป.… กสฺสจิ สตนฺติ เอวํ พหูนํ หตฺถโต อิณํ อคฺคเหสิฯ เต ทิวา พฺราหฺมณํ อปสฺสนฺตา ‘‘เคหโต ตํ นิกฺขนฺตเมว คณฺหิสฺสามา’’ติ พลวปจฺจูเส คนฺตฺวา โจเทนฺติฯ ตํ คเหตฺวา อิมํ คาถมาหฯ
Iṇāyikāti yesaṃ anena hatthato iṇaṃ gahitaṃ. So kira kassaci hatthato ekaṃ kahāpaṇaṃ kassaci dve kassaci dasa…pe… kassaci satanti evaṃ bahūnaṃ hatthato iṇaṃ aggahesi. Te divā brāhmaṇaṃ apassantā ‘‘gehato taṃ nikkhantameva gaṇhissāmā’’ti balavapaccūse gantvā codenti. Taṃ gahetvā imaṃ gāthamāha.
ภควา เตน พฺราหฺมเณน อิมาหิ สตฺตหิ คาถาหิ ทุเกฺข กถิเต ‘‘ยํ ยํ, พฺราหฺมณ, ตยา ทุกฺขํ กถิตํ, สพฺพเมตํ มยฺหํ นตฺถี’’ติ ทเสฺสโนฺต ปฎิคาถาหิ พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ วเฑฺฒสิฯ พฺราหฺมโณ ตา คาถา สุตฺวา ภควติ ปสโนฺน สรเณสุ ปติฎฺฐาย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตํ ทเสฺสตุํ เอวํ วุเตฺต ภารทฺวาชโคโตฺตติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อลตฺถาติ ลภิฯ
Bhagavā tena brāhmaṇena imāhi sattahi gāthāhi dukkhe kathite ‘‘yaṃ yaṃ, brāhmaṇa, tayā dukkhaṃ kathitaṃ, sabbametaṃ mayhaṃ natthī’’ti dassento paṭigāthāhi brāhmaṇassa dhammadesanaṃ vaḍḍhesi. Brāhmaṇo tā gāthā sutvā bhagavati pasanno saraṇesu patiṭṭhāya pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇi. Taṃ dassetuṃ evaṃ vutte bhāradvājagottotiādi vuttaṃ. Tattha alatthāti labhi.
ตญฺจ ปน พฺราหฺมณํ ภควา ปพฺพาเชตฺวา อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส เตน เถเรน ปจฺฉาสมเณน โกสลรโญฺญ เคหทฺวารํ อคมาสิ ฯ ราชา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตํ อุปริปาสาทํ อาโรเปตฺวา วราสเน นิสีทาเปตฺวา คโนฺธทเกน ปาเท โธวิตฺวา สตปากเตเลน มเกฺขตฺวา ยาคุํ อาหราเปตฺวา รชตทณฺฑํ สุวณฺณกฎจฺฉุํ คเหตฺวา สตฺถุ อุปนาเมสิฯ สตฺถา ปตฺตํ ปิทหิฯ ราชา ตถาคตสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา, ‘‘สเจ เม, ภเนฺต, โทโส อตฺถิ, ขมถา’’ติ อาหฯ นตฺถิ, มหาราชาติฯ อถ กสฺมา ยาคุํ น คณฺหถาติ? ปลิโพโธ อตฺถิ, มหาราชาติฯ กิํ ปน, ภเนฺต, ยาคุํ อคณฺหเนฺตเหว ลภิตโพฺพ เอส ปลิโพโธ, ปฎิพโล อหํ ปลิโพธํ ทาตุํ, คณฺหถ, ภเนฺตติฯ สตฺถา อคฺคเหสิฯ มหลฺลกเตฺถโรปิ ทีฆรตฺตํ ฉาโต ยาวทตฺถํ ยาคุํ ปิวิฯ ราชา ขาทนียโภชนียํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘ภควา ตุเมฺห ปเวณิยา อาคเต โอกฺกากวํเส อุปฺปชฺชิตฺวา จกฺกวตฺติสิริํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา โลเก อคฺคตํ ปโตฺต, โก นาม, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปลิโพโธ’’ติ? มหาราช, เอตสฺส มหลฺลกเตฺถรสฺส ปลิโพโธ อมฺหากํ ปลิโพธสทิโสวาติฯ
Tañca pana brāhmaṇaṃ bhagavā pabbājetvā ādāya jetavanaṃ gantvā punadivase tena therena pacchāsamaṇena kosalarañño gehadvāraṃ agamāsi . Rājā ‘‘satthā āgato’’ti sutvā pāsādā oruyha vanditvā hatthato pattaṃ gahetvā tathāgataṃ uparipāsādaṃ āropetvā varāsane nisīdāpetvā gandhodakena pāde dhovitvā satapākatelena makkhetvā yāguṃ āharāpetvā rajatadaṇḍaṃ suvaṇṇakaṭacchuṃ gahetvā satthu upanāmesi. Satthā pattaṃ pidahi. Rājā tathāgatassa pādesu patitvā, ‘‘sace me, bhante, doso atthi, khamathā’’ti āha. Natthi, mahārājāti. Atha kasmā yāguṃ na gaṇhathāti? Palibodho atthi, mahārājāti. Kiṃ pana, bhante, yāguṃ agaṇhanteheva labhitabbo esa palibodho, paṭibalo ahaṃ palibodhaṃ dātuṃ, gaṇhatha, bhanteti. Satthā aggahesi. Mahallakattheropi dīgharattaṃ chāto yāvadatthaṃ yāguṃ pivi. Rājā khādanīyabhojanīyaṃ datvā bhattakiccāvasāne bhagavantaṃ vanditvā āha – ‘‘bhagavā tumhe paveṇiyā āgate okkākavaṃse uppajjitvā cakkavattisiriṃ pahāya pabbajitvā loke aggataṃ patto, ko nāma, bhante, tumhākaṃ palibodho’’ti? Mahārāja, etassa mahallakattherassa palibodho amhākaṃ palibodhasadisovāti.
ราชา เถรํ วนฺทิตฺวา – ‘‘โก, ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปลิโพโธ’’ติ ปุจฺฉิ? อิณปลิโพโธ, มหาราชาติฯ กิตฺตโก, ภเนฺตติ? คเณหิ, มหาราชาติฯ รโญฺญ ‘‘เอกํ เทฺว สตํ สหสฺส’’นฺติ คเณนฺตสฺส องฺคุลิโย นปฺปโหนฺติฯ อเถกํ ปุริสํ ปโกฺกสิตฺวา, ‘‘คจฺฉ, ภเณ, นคเร เภริํ จราเปหิ ‘สเพฺพ พหุธีติกพฺราหฺมณสฺส อิณายิกา ราชงฺคเณ สนฺนิปตนฺตู’’ติฯ มนุสฺสา เภริํ สุตฺวา สนฺนิปติํสุฯ ราชา เตสํ หตฺถโต ปณฺณานิ อาหราเปตฺวา สเพฺพสํ อนูนํ ธนมทาสิฯ ตตฺถ สุวณฺณเมว สตสหสฺสคฺฆนกํ อโหสิฯ ปุน ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘อโญฺญปิ อตฺถิ, ภเนฺต, ปลิโพโธ’’ติฯ อิณํ นาม, มหาราช, ทตฺวา มุจฺจิตุํ สกฺกา, เอตา ปน สตฺต ทาริกา มหาปลิโพธา มยฺหนฺติฯ ราชา ยานานิ เปเสตฺวา ตสฺส ธีตโร อาหราเปตฺวา อตฺตโน ธีตโร กตฺวา ตํ ตํ กุลฆรํ เปเสตฺวา, ‘‘อโญฺญปิ, ภเนฺต, อตฺถิ ปลิโพโธ’’ติ ปุจฺฉิ? พฺราหฺมณี, มหาราชาติฯ ราชา ยานํ เปเสตฺวา, ตสฺส พฺราหฺมณิํ อาหราเปตฺวา, อยฺยิกฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘อโญฺญปิ, ภเนฺต, อตฺถิ ปลิโพโธ’’ติ? นตฺถิ , มหาราชาติ วุเตฺต ราชาปิ จีวรทุสฺสานิ ทาเปตฺวา, ‘‘ภเนฺต, มม สนฺตกํ ตุมฺหากํ ภิกฺขุภาวํ ชานาถา’’ติ อาหฯ อาม, มหาราชาติฯ อถ นํ ราชา อาห – ‘‘ภเนฺต, จีวรปิณฺฑปาตาทโยปิ สเพฺพ ปจฺจยา อมฺหากํ สนฺตกา ภวิสฺสนฺติฯ ตุเมฺห ตถาคตสฺส มนํ คเหตฺวา สมณธมฺมํ กโรถา’’ติฯ เถโร ตเถว อปฺปมโตฺต สมณธมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อาสวกฺขยํ ปโตฺตติฯ ทสมํฯ
Rājā theraṃ vanditvā – ‘‘ko, bhante, tumhākaṃ palibodho’’ti pucchi? Iṇapalibodho, mahārājāti. Kittako, bhanteti? Gaṇehi, mahārājāti. Rañño ‘‘ekaṃ dve sataṃ sahassa’’nti gaṇentassa aṅguliyo nappahonti. Athekaṃ purisaṃ pakkositvā, ‘‘gaccha, bhaṇe, nagare bheriṃ carāpehi ‘sabbe bahudhītikabrāhmaṇassa iṇāyikā rājaṅgaṇe sannipatantū’’ti. Manussā bheriṃ sutvā sannipatiṃsu. Rājā tesaṃ hatthato paṇṇāni āharāpetvā sabbesaṃ anūnaṃ dhanamadāsi. Tattha suvaṇṇameva satasahassagghanakaṃ ahosi. Puna rājā pucchi – ‘‘aññopi atthi, bhante, palibodho’’ti. Iṇaṃ nāma, mahārāja, datvā muccituṃ sakkā, etā pana satta dārikā mahāpalibodhā mayhanti. Rājā yānāni pesetvā tassa dhītaro āharāpetvā attano dhītaro katvā taṃ taṃ kulagharaṃ pesetvā, ‘‘aññopi, bhante, atthi palibodho’’ti pucchi? Brāhmaṇī, mahārājāti. Rājā yānaṃ pesetvā, tassa brāhmaṇiṃ āharāpetvā, ayyikaṭṭhāne ṭhapetvā puna pucchi – ‘‘aññopi, bhante, atthi palibodho’’ti? Natthi , mahārājāti vutte rājāpi cīvaradussāni dāpetvā, ‘‘bhante, mama santakaṃ tumhākaṃ bhikkhubhāvaṃ jānāthā’’ti āha. Āma, mahārājāti. Atha naṃ rājā āha – ‘‘bhante, cīvarapiṇḍapātādayopi sabbe paccayā amhākaṃ santakā bhavissanti. Tumhe tathāgatassa manaṃ gahetvā samaṇadhammaṃ karothā’’ti. Thero tatheva appamatto samaṇadhammaṃ karonto nacirasseva āsavakkhayaṃ pattoti. Dasamaṃ.
ปฐโม วโคฺคฯ
Paṭhamo vaggo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. พหุธีตรสุตฺตํ • 10. Bahudhītarasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. พหุธีตรสุตฺตวณฺณนา • 10. Bahudhītarasuttavaṇṇanā