Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๕. พหุชนหิตสุตฺตวณฺณนา
5. Bahujanahitasuttavaṇṇanā
๘๔. ปญฺจเม โลเกติ เอตฺถ ตโย โลกา – สตฺตโลโก, สงฺขารโลโก, โอกาสโลโกติฯ เตสุ อินฺทฺริยพทฺธานํ รูปธมฺมานํ อรูปธมฺมานํ รูปารูปธมฺมานญฺจ สนฺตานวเสน วตฺตมานานํ สมูโห สตฺตโลโก, ปถวีปพฺพตาทิเภโท โอกาสโลโก, อุภเยปิ ขนฺธา สงฺขารโลโกฯ เตสุ สตฺตโลโก อิธ อธิเปฺปโตฯ ตสฺมา โลเกติ สตฺตโลเกฯ ตตฺถาปิ น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเกฯ มนุสฺสโลเกปิ น อญฺญสฺมิํ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมิํเยว จกฺกวาเฬฯ ตตฺราปิ น สพฺพฎฺฐาเนสุ, ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มเชฺฌ; ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มเชฺฌ; ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา , โอรโต มเชฺฌ; ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มเชฺฌ; อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มเชฺฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉิเนฺน อายามโต ติโยชนสเต วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต ปริเกฺขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมเทเส อุปฺปชฺชติ ตถาคโตฯ น เกวลญฺจ ตถาคโตว ปเจฺจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติมหาเถรา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺติราชา อเญฺญ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอเตฺถว อุปฺปชฺชนฺติฯ อิธ ปน ตถาคตวาเรเยว สพฺพตฺถกวเสน อยํ นโย ลพฺภติ, อิตเรสุ เอกเทสวเสนฯ
84. Pañcame loketi ettha tayo lokā – sattaloko, saṅkhāraloko, okāsalokoti. Tesu indriyabaddhānaṃ rūpadhammānaṃ arūpadhammānaṃ rūpārūpadhammānañca santānavasena vattamānānaṃ samūho sattaloko, pathavīpabbatādibhedo okāsaloko, ubhayepi khandhā saṅkhāraloko. Tesu sattaloko idha adhippeto. Tasmā loketi sattaloke. Tatthāpi na devaloke, na brahmaloke, manussaloke. Manussalokepi na aññasmiṃ cakkavāḷe, imasmiṃyeva cakkavāḷe. Tatrāpi na sabbaṭṭhānesu, ‘‘puratthimāya disāya gajaṅgalaṃ nāma nigamo, tassa aparena mahāsālā, tato paraṃ paccantimā janapadā, orato majjhe; puratthimadakkhiṇāya disāya sallavatī nāma nadī, tato paraṃ paccantimā janapadā, orato majjhe; dakkhiṇāya disāya setakaṇṇikaṃ nāma nigamo, tato paraṃ paccantimā janapadā , orato majjhe; pacchimāya disāya thūṇaṃ nāma brāhmaṇagāmo, tato paraṃ paccantimā janapadā, orato majjhe; uttarāya disāya usiraddhajo nāma pabbato, tato paraṃ paccantimā janapadā, orato majjhe’’ti (mahāva. 259) evaṃ paricchinne āyāmato tiyojanasate vitthārato aḍḍhateyyayojanasate parikkhepato navayojanasate majjhimadese uppajjati tathāgato. Na kevalañca tathāgatova paccekabuddhā aggasāvakā asītimahātherā buddhamātā buddhapitā cakkavattirājā aññe ca sārappattā brāhmaṇagahapatikā ettheva uppajjanti. Idha pana tathāgatavāreyeva sabbatthakavasena ayaṃ nayo labbhati, itaresu ekadesavasena.
อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺตีติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว, อุปฺปชฺชนฺตา พหุชนหิตตฺถาย อุปฺปชฺชนฺติ, น อเญฺญน การเณนาติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ เอวรูปเญฺหตฺถ สทฺทลกฺขณํ น สกฺกา อเญฺญน สทฺทลกฺขเณน ปฎิพาหิตุํฯ
Uppajjamānāuppajjantīti idaṃ pana ubhayampi vippakatavacanameva, uppajjantā bahujanahitatthāya uppajjanti, na aññena kāraṇenāti evamettha attho veditabbo. Evarūpañhettha saddalakkhaṇaṃ na sakkā aññena saddalakkhaṇena paṭibāhituṃ.
อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม อุปฺปชฺชติ นาม อุปฺปโนฺน นามาติ อยํ ปเภโท เวทิตโพฺพฯ ตถาคโต หิ มหาภินีหารํ กโรโนฺต, พุทฺธกเร ธเมฺม ปริเยสโนฺต, ปารมิโย ปูเรโนฺต, ปญฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชโนฺต, ญาตตฺถจริยํ จรโนฺต, โลกตฺถจริยํ, พุทฺธตฺถจริยํ โกฎิํ ปาเปโนฺต, ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน ติฎฺฐโนฺต, ตโต โอตริตฺวา จริมภเว ปฎิสนฺธิํ คณฺหโนฺต, อคารมเชฺฌ วสโนฺต, อภินิกฺขมโนฺต, มหาปธานํ ปทหโนฺต, ปริปกฺกญาโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธเมโนฺต ปฐมยาเม ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรโนฺต, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธโนฺต, ปจฺฉิมยาเม ปฎิจฺจสมุปฺปาเท ญาณํ โอตาเรตฺวา อเนกาการํ สพฺพสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฎิวิชฺฌโนฺต ยาว อนาคามิผลํ สจฺฉิกโรโนฺตปิ อุปฺปชฺชมาโน เอว นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ ปน อุปฺปโนฺน นามฯ พุทฺธานญฺหิ สาวกานํ วิย น ปฎิปาฎิยา อิทฺธิวิธญาณาทีนํ อุปฺปาทนกิจฺจํ อตฺถิ, สเหว ปน อรหตฺตมเคฺคน สกโลปิ พุทฺธคุณราสิ อาคโตว นาม โหติฯ ตสฺมา เต นิพฺพตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺนา นาม โหนฺติฯ อิธ อรหตฺตผลกฺขณํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุโตฺตฯ อุปฺปโนฺน โหตีติ อยเญฺหตฺถ อโตฺถฯ
Apica uppajjamāno nāma uppajjati nāma uppanno nāmāti ayaṃ pabhedo veditabbo. Tathāgato hi mahābhinīhāraṃ karonto, buddhakare dhamme pariyesanto, pāramiyo pūrento, pañca mahāpariccāge pariccajanto, ñātatthacariyaṃ caranto, lokatthacariyaṃ, buddhatthacariyaṃ koṭiṃ pāpento, pāramiyo pūretvā tusitabhavane tiṭṭhanto, tato otaritvā carimabhave paṭisandhiṃ gaṇhanto, agāramajjhe vasanto, abhinikkhamanto, mahāpadhānaṃ padahanto, paripakkañāṇo bodhimaṇḍaṃ āruyha mārabalaṃ vidhamento paṭhamayāme pubbenivāsaṃ anussaranto, majjhimayāme dibbacakkhuṃ visodhento, pacchimayāme paṭiccasamuppāde ñāṇaṃ otāretvā anekākāraṃ sabbasaṅkhāre sammasitvā sotāpattimaggaṃ paṭivijjhanto yāva anāgāmiphalaṃ sacchikarontopi uppajjamāno eva nāma, arahattamaggakkhaṇe uppajjati nāma, arahattaphalakkhaṇe pana uppanno nāma. Buddhānañhi sāvakānaṃ viya na paṭipāṭiyā iddhividhañāṇādīnaṃ uppādanakiccaṃ atthi, saheva pana arahattamaggena sakalopi buddhaguṇarāsi āgatova nāma hoti. Tasmā te nibbattasabbakiccattā arahattaphalakkhaṇe uppannā nāma honti. Idha arahattaphalakkhaṇaṃ sandhāya ‘‘uppajjatī’’ti vutto. Uppanno hotīti ayañhettha attho.
สาวโกปิ ขีณาสโว สาวกโพธิยา เหตุภูเต ปุญฺญสมฺภาเร สมฺภรโนฺต ปุพฺพโยคํ ปุพฺพจริยํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรโนฺต จริมภเว นิพฺพตฺตโนฺต อนุกฺกเมน วิญฺญุตํ ปตฺวา สํสาเร อาทีนวํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชาย เจตยมาโน ปพฺพชฺชํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา สีลาทีนิ ปริปูเรโนฺต ธุตธเมฺม สมาทาย วตฺตมาโน ชาคริยํ อนุยุญฺชโนฺต ญาณานิ นิพฺพเตฺตโนฺต วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา เหฎฺฐิมมเคฺค อธิคจฺฉโนฺตปิ อุปฺปชฺชมาโน เอว นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ ปน อุปฺปโนฺน นามฯ เสโกฺข ปน ปุพฺพูปนิสฺสยโต ปฎฺฐาย ยาว โคตฺรภุญาณา อุปฺปชฺชมาโน นาม, ปฐมมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, ปฐมผลกฺขณโต ปฎฺฐาย อุปฺปโนฺน นามฯ เอตฺตาวตา ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา โลเก อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ปทานํ อโตฺถ วุโตฺต โหติฯ
Sāvakopi khīṇāsavo sāvakabodhiyā hetubhūte puññasambhāre sambharanto pubbayogaṃ pubbacariyaṃ gatapaccāgatavattaṃ pūrento carimabhave nibbattanto anukkamena viññutaṃ patvā saṃsāre ādīnavaṃ disvā pabbajjāya cetayamāno pabbajjaṃ matthakaṃ pāpetvā sīlādīni paripūrento dhutadhamme samādāya vattamāno jāgariyaṃ anuyuñjanto ñāṇāni nibbattento vipassanaṃ paṭṭhapetvā heṭṭhimamagge adhigacchantopi uppajjamāno eva nāma, arahattamaggakkhaṇe uppajjati nāma, arahattaphalakkhaṇe pana uppanno nāma. Sekkho pana pubbūpanissayato paṭṭhāya yāva gotrabhuñāṇā uppajjamāno nāma, paṭhamamaggakkhaṇe uppajjati nāma, paṭhamaphalakkhaṇato paṭṭhāya uppanno nāma. Ettāvatā ‘‘tayome, bhikkhave, puggalā loke uppajjamānā uppajjantī’’ti padānaṃ attho vutto hoti.
อิทานิ พหุชนหิตายาติอาทีสุ พหุชนหิตายาติ มหาชนสฺส หิตตฺถายฯ พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถายฯ โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฎิจฺจฯ กตรสตฺตโลกสฺสาติ ? โย ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌติ, อมตปานํ ปิวติ, ตสฺสฯ ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาย อญฺญาตโกณฺฑญฺญปฺปมุขา อฎฺฐารส พฺรหฺมโกฎิโย ธมฺมํ ปฎิวิชฺฌิํสุฯ เอวํ ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา ธมฺมํ ปฎิวิทฺธสตฺตานํ คณนา นตฺถิ, มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนายํ มงฺคลสุตฺตํ, จูฬราหุโลวาทํ, สมจิตฺตเทสนายนฺติ อิเมสุ จตูสุ ฐาเนสุ อภิสมยํ ปตฺตสตฺตานํ ปริเจฺฉโท นตฺถิฯ เอวเมตสฺส อปริมาณสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปายฯ สาวกสฺส ปน อรหโต เสกฺขสฺส จ โลกานุกมฺปาย อุปฺปตฺติ ธมฺมเสนาปติอาทีหิ ธมฺมภณฺฑาคาริกาทีหิ จ เทสิตเทสนาย ปฎิเวธปฺปตฺตสตฺตานํ วเสน, อปรภาเค จ มหามหินฺทเตฺถราทีหิ เทสิตเทสนาย ปฎิวิทฺธสจฺจานํ วเสน, ยาวชฺชตนา อิโต ปรํ อนาคเต จ สาสนํ นิสฺสาย สคฺคโมกฺขมเคฺคสุ ปติฎฺฐหนฺตานํ วเสนปิ อยมโตฺถ วิภาเวตโพฺพฯ
Idāni bahujanahitāyātiādīsu bahujanahitāyāti mahājanassa hitatthāya. Bahujanasukhāyāti mahājanassa sukhatthāya. Lokānukampāyāti sattalokassa anukampaṃ paṭicca. Katarasattalokassāti ? Yo tathāgatassa dhammadesanaṃ sutvā dhammaṃ paṭivijjhati, amatapānaṃ pivati, tassa. Bhagavato hi dhammacakkappavattanasuttantadesanāya aññātakoṇḍaññappamukhā aṭṭhārasa brahmakoṭiyo dhammaṃ paṭivijjhiṃsu. Evaṃ yāva subhaddaparibbājakavinayanā dhammaṃ paṭividdhasattānaṃ gaṇanā natthi, mahāsamayasuttantadesanāyaṃ maṅgalasuttaṃ, cūḷarāhulovādaṃ, samacittadesanāyanti imesu catūsu ṭhānesu abhisamayaṃ pattasattānaṃ paricchedo natthi. Evametassa aparimāṇassa sattalokassa anukampāya. Sāvakassa pana arahato sekkhassa ca lokānukampāya uppatti dhammasenāpatiādīhi dhammabhaṇḍāgārikādīhi ca desitadesanāya paṭivedhappattasattānaṃ vasena, aparabhāge ca mahāmahindattherādīhi desitadesanāya paṭividdhasaccānaṃ vasena, yāvajjatanā ito paraṃ anāgate ca sāsanaṃ nissāya saggamokkhamaggesu patiṭṭhahantānaṃ vasenapi ayamattho vibhāvetabbo.
อปิจ พหุชนหิตายาติ พหุชนสฺส หิตตฺถาย, เนสํ ปญฺญาสมฺปตฺติยา ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโกติฯ พหุชนสุขายาติ พหุชนสฺส สุขตฺถาย, จาคสมฺปตฺติยา อุปกรณสุขสมฺปทายโกติฯ โลกานุกมฺปายาติ โลกสฺส อนุกมฺปนตฺถาย, เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา มาตาปิตโร วิย โลกสฺส รกฺขิตา โคปิตาติฯ อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺติ อิธ เทวมนุสฺสคฺคหเณน ภพฺพปุคฺคเล เวเนยฺยสเตฺต เอว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา ปฐมวาเร, ทุติยตติยวาเรสุ ปน อรหโต เสกฺขสฺส จ วเสน โยเชตพฺพํฯ ตตฺถ อตฺถายาติ อิมินา ปรมตฺถาย, นิพฺพานายาติ วุตฺตํ โหติฯ หิตายาติ ตํสมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติฯ นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตริํ หิตํ นาม นตฺถิฯ สุขายาติ ผลสมาปตฺติสุขตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโตฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติญฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔)ฯ
Apica bahujanahitāyāti bahujanassa hitatthāya, nesaṃ paññāsampattiyā diṭṭhadhammikasamparāyikahitūpadesakoti. Bahujanasukhāyāti bahujanassa sukhatthāya, cāgasampattiyā upakaraṇasukhasampadāyakoti. Lokānukampāyāti lokassa anukampanatthāya, mettākaruṇāsampattiyā mātāpitaro viya lokassa rakkhitā gopitāti. Atthāya hitāya sukhāya devamanussānanti idha devamanussaggahaṇena bhabbapuggale veneyyasatte eva gahetvā tesaṃ nibbānamaggaphalādhigamāya tathāgatassa uppatti dassitā paṭhamavāre, dutiyatatiyavāresu pana arahato sekkhassa ca vasena yojetabbaṃ. Tattha atthāyāti iminā paramatthāya, nibbānāyāti vuttaṃ hoti. Hitāyāti taṃsampāpakamaggatthāyāti vuttaṃ hoti. Nibbānasampāpakamaggato hi uttariṃ hitaṃ nāma natthi. Sukhāyāti phalasamāpattisukhatthāyāti vuttaṃ hoti, tato uttari sukhābhāvato. Vuttañhetaṃ ‘‘ayaṃ samādhi paccuppannasukho ceva āyatiñca sukhavipāko’’ti (dī. ni. 3.355; a. ni. 5.27; vibha. 804).
ตถาคโตติอาทีนํ ปทานํ อโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตฯ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺนติอาทีสุ ติโสฺสปิ วิชฺชา ภยเภรเว (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) อาคตนเยน, ฉปิ วิชฺชา ฉฬภิญฺญาวเสน, อฎฺฐปิ วิชฺชา อมฺพฎฺฐสุเตฺต อาคตาติ วิชฺชาหิ, สีลสํวราทีหิ, ปนฺนรสหิ จรณธเมฺมหิ จ, อนญฺญสาธารเณหิ สมฺปโนฺน สมนฺนาคโตติ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺนฯ โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ ฐานํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา คทตฺตา จ สุคโตฯ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทูฯ นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโรฯ ปุริสทเมฺม ปุริสเวเนเยฺย สาเรติ วิเนตีติ ปุริสทมฺมสารถิฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกปรมเตฺถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถาฯ สพฺพสฺสาปิ เนยฺยสฺส สพฺพปฺปกาเรน สยมฺภุญาเณน พุทฺธตฺตา พุโทฺธติ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๒-๑๓๓) คเหตโพฺพฯ
Tathāgatotiādīnaṃ padānaṃ attho heṭṭhā vutto. Vijjācaraṇasampannotiādīsu tissopi vijjā bhayabherave (ma. ni. 1.34 ādayo) āgatanayena, chapi vijjā chaḷabhiññāvasena, aṭṭhapi vijjā ambaṭṭhasutte āgatāti vijjāhi, sīlasaṃvarādīhi, pannarasahi caraṇadhammehi ca, anaññasādhāraṇehi sampanno samannāgatoti vijjācaraṇasampanno. Sobhanagamanattā, sundaraṃ ṭhānaṃ gatattā, sammā gatattā, sammā gadattā ca sugato. Sabbathā viditalokattā lokavidū. Natthi etassa uttaroti anuttaro. Purisadamme purisaveneyye sāreti vinetīti purisadammasārathi. Diṭṭhadhammikasamparāyikaparamatthehi yathārahaṃ anusāsatīti satthā. Sabbassāpi neyyassa sabbappakārena sayambhuñāṇena buddhattā buddhoti ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimaggato (visuddhi. 1.132-133) gahetabbo.
โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิ…เป.… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สเตฺตสุ การุญฺญํ ปฎิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติฯ ตญฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสโนฺต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติฯ กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปฐมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติเยหิ มเชฺฌกลฺยาณา, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณาฯ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มเชฺฌกลฺยาณํฯ นานานุสนฺธิกํ สุตฺตํ ปฐเมน อนุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มเชฺฌกลฺยาณํฯ สกโลปิ วา สาสนธโมฺม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มเชฺฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณฯ สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามเคฺคหิ มเชฺฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณฯ พุทฺธสุพุทฺธตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มเชฺฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฎิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณฯ ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฎิปเนฺนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสโมฺพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปเจฺจกโพธิยา มเชฺฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณฯ สุยฺยมาโน เจส นีวรณวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฎิปชฺชิยมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฎิปตฺติยาปิ สุขเมว อาวหตีติ มเชฺฌกลฺยาโณ, ตถาปฎิปโนฺน จ ปฎิปตฺติผเล นิฎฺฐิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฎิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณฯ นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มเชฺฌกลฺยาโณ, กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิ…เป.… ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติฯ
So dhammaṃ deseti ādi…pe… pariyosānakalyāṇanti so bhagavā sattesu kāruññaṃ paṭicca hitvāpi anuttaraṃ vivekasukhaṃ dhammaṃ deseti. Tañca kho appaṃ vā bahuṃ vā desento ādikalyāṇādippakārameva deseti. Kathaṃ? Ekagāthāpi hi samantabhaddakattā dhammassa paṭhamapādena ādikalyāṇā, dutiyatatiyehi majjhekalyāṇā, pacchimena pariyosānakalyāṇā. Ekānusandhikaṃ suttaṃ nidānena ādikalyāṇaṃ, nigamanena pariyosānakalyāṇaṃ, sesena majjhekalyāṇaṃ. Nānānusandhikaṃ suttaṃ paṭhamena anusandhinā ādikalyāṇaṃ, pacchimena pariyosānakalyāṇaṃ, sesehi majjhekalyāṇaṃ. Sakalopi vā sāsanadhammo attano atthabhūtena sīlena ādikalyāṇo, samathavipassanāmaggaphalehi majjhekalyāṇo, nibbānena pariyosānakalyāṇo. Sīlasamādhīhi vā ādikalyāṇo, vipassanāmaggehi majjhekalyāṇo, phalanibbānehi pariyosānakalyāṇo. Buddhasubuddhatāya vā ādikalyāṇo, dhammasudhammatāya majjhekalyāṇo, saṅghasuppaṭipattiyā pariyosānakalyāṇo. Taṃ sutvā tathattāya paṭipannena adhigantabbāya abhisambodhiyā vā ādikalyāṇo, paccekabodhiyā majjhekalyāṇo, sāvakabodhiyā pariyosānakalyāṇo. Suyyamāno cesa nīvaraṇavikkhambhanato savanenapi kalyāṇameva āvahatīti ādikalyāṇo, paṭipajjiyamāno samathavipassanāsukhāvahanato paṭipattiyāpi sukhameva āvahatīti majjhekalyāṇo, tathāpaṭipanno ca paṭipattiphale niṭṭhite tādibhāvāvahanato paṭipattiphalenapi kalyāṇameva āvahatīti pariyosānakalyāṇo. Nāthappabhavattā ca pabhavasuddhiyā ādikalyāṇo, atthasuddhiyā majjhekalyāṇo, kiccasuddhiyā pariyosānakalyāṇo. Tena vuttaṃ ‘‘so dhammaṃ deseti ādi…pe… pariyosānakalyāṇa’’nti.
ยํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสโนฺต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ, ตํ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยญฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนํฯ สงฺกาสน, ปกาสน, วิวรณ, วิภชน, อุตฺตานีกรณ ปญฺญตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยญฺชนาการนิรุตฺตินิเทฺทสสมฺปตฺติยา สพฺยญฺชนํ, อตฺถคมฺภีรตาปฎิเวธคมฺภีรตาหิ วา สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยญฺชนํฯ อตฺถปฎิภานปฎิสมฺภิทาวิสยโต วา สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฎิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยญฺชนํฯ ปณฺฑิตเวทนียโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สเทฺธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยญฺชนํฯ คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยญฺชนํฯ อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ, อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิโทฺทสภาเวน ปริสุทฺธํ, อปิจ ปฎิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยญฺชนํ, สีลาทิปญฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา ปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสเฎฺฐหิ จริตพฺพโต เตสํ จริยภาวโต จ พฺรหฺมจริยํฯ ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ…เป.… ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติฯ ปฐโมติ คณนานุปุพฺพโต สพฺพโลกุตฺตมภาวโต จ ปฐโม ปุคฺคโลฯ
Yaṃ pana bhagavā dhammaṃ desento sāsanabrahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca pakāseti, nānānayehi dīpeti, taṃ yathānurūpaṃ atthasampattiyā sātthaṃ, byañjanasampattiyā sabyañjanaṃ. Saṅkāsana, pakāsana, vivaraṇa, vibhajana, uttānīkaraṇa paññattiatthapadasamāyogato sātthaṃ, akkharapadabyañjanākāraniruttiniddesasampattiyā sabyañjanaṃ, atthagambhīratāpaṭivedhagambhīratāhi vā sātthaṃ, dhammagambhīratādesanāgambhīratāhi sabyañjanaṃ. Atthapaṭibhānapaṭisambhidāvisayato vā sātthaṃ, dhammaniruttipaṭisambhidāvisayato sabyañjanaṃ. Paṇḍitavedanīyato parikkhakajanappasādakanti sātthaṃ, saddheyyato lokiyajanappasādakanti sabyañjanaṃ. Gambhīrādhippāyato sātthaṃ, uttānapadato sabyañjanaṃ. Upanetabbassa abhāvato sakalaparipuṇṇabhāvena kevalaparipuṇṇaṃ, apanetabbassa abhāvato niddosabhāvena parisuddhaṃ, apica paṭipattiyā adhigamabyattito sātthaṃ, pariyattiyā āgamabyattito sabyañjanaṃ, sīlādipañcadhammakkhandhapāripūriyā paripuṇṇaṃ, nirupakkilesato nittharaṇatthāya pavattito lokāmisanirapekkhato ca parisuddhaṃ, sikkhattayapariggahitattā brahmabhūtehi seṭṭhehi caritabbato tesaṃ cariyabhāvato ca brahmacariyaṃ. Tasmā ‘‘sātthaṃ sabyañjanaṃ…pe… pakāsetī’’ti vuccati. Paṭhamoti gaṇanānupubbato sabbalokuttamabhāvato ca paṭhamo puggalo.
ตเสฺสว สตฺถุ สาวโกติ ตเสฺสว ยถาวุตฺตคุณสฺส สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมเทสนาย สวนเนฺต ชาโต ธมฺมเสนาปติสทิโส สาวโก, น ปูรณาทิ วิย ปฎิญฺญามเตฺตน สตฺถุ สาวโกฯ ปาฎิปโทติ ปฎิปทาสงฺขาเตน อริยมเคฺคน อริยาย ชาติยา ชาโต ภโวติ ปาฎิปโท, อนิฎฺฐิตปฎิปตฺติกิโจฺจ ปฎิปชฺชมาโนติ อโตฺถฯ สุตฺตเคยฺยาทิ ปริยตฺติธโมฺม พหุํ สุโต เอเตนาติ พหุสฺสุโตฯ ปาติโมกฺขสํวราทิสีเลน เจว อารญฺญิกงฺคาทิธุตงฺควเตหิ จ อุปปโนฺน สมฺปโนฺน สมนฺนาคโตติ สีลวตูปปโนฺนฯ อิติ ภควา ‘‘โลกานุกมฺปา นาม หิตชฺฌาสเยน ธมฺมเทสนา, สา จ อิเมสุ เอว ตีสุ ปุคฺคเลสุ ปฎิพทฺธา’’ติ ทเสฺสติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Tasseva satthu sāvakoti tasseva yathāvuttaguṇassa satthu sammāsambuddhassa dhammadesanāya savanante jāto dhammasenāpatisadiso sāvako, na pūraṇādi viya paṭiññāmattena satthu sāvako. Pāṭipadoti paṭipadāsaṅkhātena ariyamaggena ariyāya jātiyā jāto bhavoti pāṭipado, aniṭṭhitapaṭipattikicco paṭipajjamānoti attho. Suttageyyādi pariyattidhammo bahuṃ suto etenāti bahussuto. Pātimokkhasaṃvarādisīlena ceva āraññikaṅgādidhutaṅgavatehi ca upapanno sampanno samannāgatoti sīlavatūpapanno. Iti bhagavā ‘‘lokānukampā nāma hitajjhāsayena dhammadesanā, sā ca imesu eva tīsu puggalesu paṭibaddhā’’ti dasseti. Sesaṃ suviññeyyameva.
คาถาสุ ตสฺสนฺวโยติ ตเสฺสว สตฺถุ ปฎิปตฺติยา ธมฺมเทสนาย จ อนุคมเนน ตสฺสนฺวโย อนุชาโตฯ อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา สปรสนฺตาเนสุ ธมฺมาโลกสงฺขาตาย ปภาย กรณโต ปภงฺกราฯ ธมฺมมุทีรยนฺตาติ จตุสจฺจธมฺมํ กเถนฺตาฯ อปาปุรนฺตีติ อุคฺฆาเฎนฺติฯ อมตสฺส นิพฺพานสฺสฯ ทฺวารํ อริยมคฺคํฯ โยคาติ กามโยคาทิโตฯ สตฺถวาเหนาติ เวเนยฺยสตฺถวาหนโต ภวกนฺตารนิตฺถรณโต สตฺถวาโห, ภควา, เตน สตฺถวาเหนฯ สุเทสิตํ มคฺคมนุกฺกมนฺตีติ เตน สมฺมา เทสิตํ อริยมคฺคํ ตสฺส เทสนานุสาเรน อนุคจฺฉนฺติ ปฎิปชฺชนฺติฯ อิเธวาติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
Gāthāsu tassanvayoti tasseva satthu paṭipattiyā dhammadesanāya ca anugamanena tassanvayo anujāto. Avijjandhakāraṃ vidhamitvā saparasantānesu dhammālokasaṅkhātāya pabhāya karaṇato pabhaṅkarā. Dhammamudīrayantāti catusaccadhammaṃ kathentā. Apāpurantīti ugghāṭenti. Amatassa nibbānassa. Dvāraṃ ariyamaggaṃ. Yogāti kāmayogādito. Satthavāhenāti veneyyasatthavāhanato bhavakantāranittharaṇato satthavāho, bhagavā, tena satthavāhena. Sudesitaṃ maggamanukkamantīti tena sammā desitaṃ ariyamaggaṃ tassa desanānusārena anugacchanti paṭipajjanti. Idhevāti imasmiṃyeva attabhāve. Sesaṃ uttānameva.
ปญฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pañcamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๕. พหุชนหิตสุตฺตํ • 5. Bahujanahitasuttaṃ