Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๘. พหุการสุตฺตวณฺณนา
8. Bahukārasuttavaṇṇanā
๑๐๗. อฎฺฐเม พฺราหฺมณคหปติกาติ พฺราหฺมณา เจว คหปติกา จฯ ฐเปตฺวา พฺราหฺมเณ เย เกจิ อคารํ อชฺฌาวสนฺตา อิธ คหปติกาติ เวทิตพฺพา ฯ เยติ อนิยมโต นิทฺทิฎฺฐปรามสนํฯ โวติ อุปโยคพหุวจนํฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขปโตฺถ – ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ พหูปการา พฺราหฺมณคหปติกา, เย พฺราหฺมณา เจว เสสอคาริกา จ ‘‘ตุเมฺห เอว อมฺหากํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ, ยตฺถ มยํ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฎฺฐาเปม โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติ จีวราทีหิ ปจฺจเยหิ ปติอุปฎฺฐิตาติฯ
107. Aṭṭhame brāhmaṇagahapatikāti brāhmaṇā ceva gahapatikā ca. Ṭhapetvā brāhmaṇe ye keci agāraṃ ajjhāvasantā idha gahapatikāti veditabbā . Yeti aniyamato niddiṭṭhaparāmasanaṃ. Voti upayogabahuvacanaṃ. Ayañhettha saṅkhepattho – bhikkhave, tumhākaṃ bahūpakārā brāhmaṇagahapatikā, ye brāhmaṇā ceva sesaagārikā ca ‘‘tumhe eva amhākaṃ puññakkhettaṃ, yattha mayaṃ uddhaggikaṃ dakkhiṇaṃ patiṭṭhāpema sovaggikaṃ sukhavipākaṃ saggasaṃvattanika’’nti cīvarādīhi paccayehi patiupaṭṭhitāti.
เอวํ ‘‘อามิสทาเนน อามิสสํวิภาเคน อามิสานุคฺคเหน คหฎฺฐา ภิกฺขูนํ อุปการวโนฺต’’ติ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ธมฺมทาเนน ธมฺมสํวิภาเคน ธมฺมานุคฺคเหน ภิกฺขูนมฺปิ เตสํ อุปการวนฺตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตุเมฺหปิ, ภิกฺขเว,’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตนยเมวฯ
Evaṃ ‘‘āmisadānena āmisasaṃvibhāgena āmisānuggahena gahaṭṭhā bhikkhūnaṃ upakāravanto’’ti dassetvā idāni dhammadānena dhammasaṃvibhāgena dhammānuggahena bhikkhūnampi tesaṃ upakāravantataṃ dassetuṃ ‘‘tumhepi, bhikkhave,’’tiādi vuttaṃ, taṃ vuttanayameva.
อิมินา กิํ กถิตํ? ปิณฺฑาปจายนํ นาม กถิตํฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, ยสฺมา อิเม พฺราหฺมณคหปติกา เนว ตุมฺหากํ ญาตกา, น มิตฺตา, น อิณํ วา ธาเรนฺติ, อถ โข ‘‘อิเม สมณา สมฺมคฺคตา สมฺมา ปฎิปนฺนา, เอตฺถ โน การา มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา’’ติ ผลวิเสสํ อากงฺขนฺตา ตุเมฺห จีวราทีหิ อุปฎฺฐหนฺติฯ ตสฺมา ตํ เตสํ อธิปฺปายํ ปริปูเรนฺตา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ธมฺมเทสนาปิ โว การกานํเยว โสภติ, อาเทยฺยา จ โหติ, น อิตเรสนฺติ เอวํ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อปฺปมาโท กรณีโยติฯ
Iminā kiṃ kathitaṃ? Piṇḍāpacāyanaṃ nāma kathitaṃ. Ayañhettha adhippāyo – bhikkhave, yasmā ime brāhmaṇagahapatikā neva tumhākaṃ ñātakā, na mittā, na iṇaṃ vā dhārenti, atha kho ‘‘ime samaṇā sammaggatā sammā paṭipannā, ettha no kārā mahapphalā bhavissanti mahānisaṃsā’’ti phalavisesaṃ ākaṅkhantā tumhe cīvarādīhi upaṭṭhahanti. Tasmā taṃ tesaṃ adhippāyaṃ paripūrentā appamādena sampādetha, dhammadesanāpi vo kārakānaṃyeva sobhati, ādeyyā ca hoti, na itaresanti evaṃ sammāpaṭipattiyaṃ appamādo karaṇīyoti.
เอวมิทํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – ภิกฺขเว, เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน คหฎฺฐปพฺพชิเตหิ อามิสทานธมฺมทานวเสน อญฺญมญฺญํ สนฺนิสฺสาย กามาทิวเสน จตุพฺพิธสฺสปิ โอฆสฺส นิตฺถรณตฺถาย สกลสฺสปิ วฎฺฎทุกฺขสฺส สมฺมเทว ปริโยสานกรณาย อุโปสถสีลนิยมาทิวเสน จตุปาริสุทฺธิสีลาทิวเสน วา อิทํ สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยญฺจ วุสฺสติ จรียตีติฯ
Evamidaṃ, bhikkhavetiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – bhikkhave, evaṃ iminā vuttappakārena gahaṭṭhapabbajitehi āmisadānadhammadānavasena aññamaññaṃ sannissāya kāmādivasena catubbidhassapi oghassa nittharaṇatthāya sakalassapi vaṭṭadukkhassa sammadeva pariyosānakaraṇāya uposathasīlaniyamādivasena catupārisuddhisīlādivasena vā idaṃ sāsanabrahmacariyaṃ maggabrahmacariyañca vussati carīyatīti.
คาถาสุ สาคาราติ คหฎฺฐาฯ อนคาราติ ปริจฺจตฺตอคารา ปพฺพชิตาฯ อุโภ อโญฺญญฺญนิสฺสิตาติ เต อุโภปิ อญฺญมญฺญสนฺนิสฺสิตาฯ สาคารา หิ อนคารานํ ธมฺมทานสนฺนิสฺสิตา, อนคารา จ สาคารานํ ปจฺจยทานสนฺนิสฺสิตาฯ อาราธยนฺตีติ สาเธนฺติ สมฺปาเทนฺติฯ สทฺธมฺมนฺติ ปฎิปตฺติสทฺธมฺมํ ปฎิเวธสทฺธมฺมญฺจฯ ตตฺถ ยํ อุตฺตมํ, ตํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘โยคเกฺขมํ อนุตฺตร’’นฺติ อรหตฺตํ นิพฺพานญฺจฯ สาคาเรสูติ สาคาเรหิ, นิสฺสเกฺก อิทํ ภุมฺมวจนํ, สาคารานํ วา สนฺติเกฯ ปจฺจยนฺติ วุตฺตาวเสสํ ทุวิธํ ปจฺจยํ ปิณฺฑปาตํ เภสชฺชญฺจฯ ปริสฺสยวิโนทนนฺติ อุตุปริสฺสยาทิปริสฺสยหรณํ วิหาราทิอาวสถํฯ สุคตนฺติ สมฺมา ปฎิปนฺนํ กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธิํ อฎฺฐวิธํ อริยปุคฺคลํฯ สาวโก หิ อิธ สุคโตติ อธิเปฺปโตฯ ฆรเมสิโนติ ฆรํ เอสิโน, เคเห ฐตฺวา ฆราวาสํ วสนฺตา โภคูปกรณานิ เจว คหฎฺฐสีลาทีนิ จ เอสนสีลาติ อโตฺถฯ สทฺทหาโน อรหตนฺติ อรหนฺตานํ อริยานํ วจนํ, เตสํ วา สมฺมาปฎิปตฺติํ สทฺทหนฺตาฯ ‘‘อทฺธา อิเม สมฺมา ปฎิปนฺนา, ยถา อิเม กเถนฺติ, ตถา ปฎิปชฺชนฺตานํ สา ปฎิปตฺติ สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติยา สํวตฺตตี’’ติ อภิสทฺทหนฺตาติ อโตฺถฯ ‘‘สทฺทหนฺตา’’ติปิ ปาโฐฯ อริยปญฺญายาติ สุวิสุทฺธปญฺญายฯ ฌายิโนติ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌายิโนฯ
Gāthāsu sāgārāti gahaṭṭhā. Anagārāti pariccattaagārā pabbajitā. Ubho aññoññanissitāti te ubhopi aññamaññasannissitā. Sāgārā hi anagārānaṃ dhammadānasannissitā, anagārā ca sāgārānaṃ paccayadānasannissitā. Ārādhayantīti sādhenti sampādenti. Saddhammanti paṭipattisaddhammaṃ paṭivedhasaddhammañca. Tattha yaṃ uttamaṃ, taṃ dassento āha ‘‘yogakkhemaṃanuttara’’nti arahattaṃ nibbānañca. Sāgāresūti sāgārehi, nissakke idaṃ bhummavacanaṃ, sāgārānaṃ vā santike. Paccayanti vuttāvasesaṃ duvidhaṃ paccayaṃ piṇḍapātaṃ bhesajjañca. Parissayavinodananti utuparissayādiparissayaharaṇaṃ vihārādiāvasathaṃ. Sugatanti sammā paṭipannaṃ kalyāṇaputhujjanena saddhiṃ aṭṭhavidhaṃ ariyapuggalaṃ. Sāvako hi idha sugatoti adhippeto. Gharamesinoti gharaṃ esino, gehe ṭhatvā gharāvāsaṃ vasantā bhogūpakaraṇāni ceva gahaṭṭhasīlādīni ca esanasīlāti attho. Saddahāno arahatanti arahantānaṃ ariyānaṃ vacanaṃ, tesaṃ vā sammāpaṭipattiṃ saddahantā. ‘‘Addhā ime sammā paṭipannā, yathā ime kathenti, tathā paṭipajjantānaṃ sā paṭipatti saggamokkhasampattiyā saṃvattatī’’ti abhisaddahantāti attho. ‘‘Saddahantā’’tipi pāṭho. Ariyapaññāyāti suvisuddhapaññāya. Jhāyinoti ārammaṇalakkhaṇūpanijjhānavasena duvidhenapi jhānena jhāyino.
อิธ ธมฺมํ จริตฺวานาติ อิมสฺมิํ อตฺตภาเว, อิมสฺมิํ วา สาสเน โลกิยโลกุตฺตรสุขสฺส มคฺคภูตํ สีลาทิธมฺมํ ปฎิปชฺชิตฺวา ยาว ปรินิพฺพานํ น ปาปุณนฺติ, ตาวเทว สุคติคามิโนฯ นนฺทิโนติ ปีติโสมนสฺสโยเคน นนฺทนสีลาฯ เกจิ ปน ‘‘ธมฺมํ จริตฺวาน มคฺคนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํ ปาปุณิตฺวา’’ติ วทนฺติฯ เทวโลกสฺมินฺติ ฉพฺพิเธปิ กามาวจรเทวโลเกฯ โมทนฺติ กามกามิโนติ ยถิจฺฉิตวตฺถุนิปฺผตฺติโต กามกามิโน กามวโนฺต หุตฺวา ปโมทนฺตีติฯ
Idha dhammaṃ caritvānāti imasmiṃ attabhāve, imasmiṃ vā sāsane lokiyalokuttarasukhassa maggabhūtaṃ sīlādidhammaṃ paṭipajjitvā yāva parinibbānaṃ na pāpuṇanti, tāvadeva sugatigāmino. Nandinoti pītisomanassayogena nandanasīlā. Keci pana ‘‘dhammaṃ caritvāna magganti sotāpattimaggaṃ pāpuṇitvā’’ti vadanti. Devalokasminti chabbidhepi kāmāvacaradevaloke. Modanti kāmakāminoti yathicchitavatthunipphattito kāmakāmino kāmavanto hutvā pamodantīti.
อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๘. พหุการสุตฺตํ • 8. Bahukārasuttaṃ