Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya

    ๔. พกพฺรหฺมสุตฺตํ

    4. Bakabrahmasuttaṃ

    ๑๗๕. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน พกสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, อิโต จ ปนญฺญํ อุตฺตริํ 1 นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติฯ

    175. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena bakassa brahmuno evarūpaṃ pāpakaṃ diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti – ‘‘idaṃ niccaṃ, idaṃ dhuvaṃ, idaṃ sassataṃ, idaṃ kevalaṃ, idaṃ acavanadhammaṃ, idañhi na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, ito ca panaññaṃ uttariṃ 2 nissaraṇaṃ natthī’’ti.

    อถ โข ภควา พกสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย – เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย เอวเมว – เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิฯ อทฺทสา โข พโก พฺรหฺมา ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอหิ โข มาริส, สฺวาคตํ เต, มาริส! จิรสฺสํ โข มาริส! อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนายฯ อิทญฺหิ, มาริส, นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ เกวลํ, อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติฯ อิโต จ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติฯ

    Atha kho bhagavā bakassa brahmuno cetasā cetoparivitakkamaññāya – seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya evameva – jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi. Addasā kho bako brahmā bhagavantaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ehi kho mārisa, svāgataṃ te, mārisa! Cirassaṃ kho mārisa! Imaṃ pariyāyamakāsi yadidaṃ idhāgamanāya. Idañhi, mārisa, niccaṃ, idaṃ dhuvaṃ, idaṃ sassataṃ, idaṃ kevalaṃ, idaṃ acavanadhammaṃ, idañhi na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati. Ito ca panaññaṃ uttari nissaraṇaṃ natthī’’ti.

    เอวํ วุเตฺต, ภควา พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘‘อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมา; อวิชฺชาคโต วต, โภ, พโก พฺรหฺมาฯ ยตฺร หิ นาม อนิจฺจํเยว สมานํ นิจฺจนฺติ วกฺขติ, อธุวํเยว สมานํ ธุวนฺติ วกฺขติ, อสสฺสตํเยว สมานํ สสฺสตนฺติ วกฺขติ, อเกวลํเยว สมานํ เกวลนฺติ วกฺขติ, จวนธมฺมํเยว สมานํ อจวนธมฺมนฺติ วกฺขติฯ ยตฺถ จ ปน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, ตญฺจ ตถา วกฺขติ – ‘อิทญฺหิ น ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ’ฯ สนฺตญฺจ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ, ‘นตฺถญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณ’นฺติ วกฺขตี’’ติฯ

    Evaṃ vutte, bhagavā bakaṃ brahmānaṃ etadavoca – ‘‘avijjāgato vata, bho, bako brahmā; avijjāgato vata, bho, bako brahmā. Yatra hi nāma aniccaṃyeva samānaṃ niccanti vakkhati, adhuvaṃyeva samānaṃ dhuvanti vakkhati, asassataṃyeva samānaṃ sassatanti vakkhati, akevalaṃyeva samānaṃ kevalanti vakkhati, cavanadhammaṃyeva samānaṃ acavanadhammanti vakkhati. Yattha ca pana jāyati ca jīyati ca mīyati ca cavati ca upapajjati ca, tañca tathā vakkhati – ‘idañhi na jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati’. Santañca panaññaṃ uttari nissaraṇaṃ, ‘natthaññaṃ uttari nissaraṇa’nti vakkhatī’’ti.

    ‘‘ทฺวาสตฺตติ โคตม ปุญฺญกมฺมา,

    ‘‘Dvāsattati gotama puññakammā,

    วสวตฺติโน ชาติชรํ อตีตา;

    Vasavattino jātijaraṃ atītā;

    อยมนฺติมา เวทคู พฺรหฺมุปปตฺติ,

    Ayamantimā vedagū brahmupapatti,

    อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกา’’ติฯ

    Asmābhijappanti janā anekā’’ti.

    ‘‘อปฺปญฺหิ เอตํ น หิ ทีฆมายุ,

    ‘‘Appañhi etaṃ na hi dīghamāyu,

    ยํ ตฺวํ พก มญฺญสิ ทีฆมายุํ;

    Yaṃ tvaṃ baka maññasi dīghamāyuṃ;

    สตํ สหสฺสานํ 3 นิรพฺพุทานํ,

    Sataṃ sahassānaṃ 4 nirabbudānaṃ,

    อายุํ ปชานามิ ตวาหํ พฺรเหฺม’’ติฯ

    Āyuṃ pajānāmi tavāhaṃ brahme’’ti.

    ‘‘อนนฺตทสฺสี ภควาหมสฺมิ,

    ‘‘Anantadassī bhagavāhamasmi,

    ชาติชรํ โสกมุปาติวโตฺต;

    Jātijaraṃ sokamupātivatto;

    กิํ เม ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,

    Kiṃ me purāṇaṃ vatasīlavattaṃ,

    อาจิกฺข เม ตํ ยมหํ วิชญฺญา’’ติฯ

    Ācikkha me taṃ yamahaṃ vijaññā’’ti.

    ‘‘ยํ ตฺวํ อปาเยสิ พหู มนุเสฺส,

    ‘‘Yaṃ tvaṃ apāyesi bahū manusse,

    ปิปาสิเต ฆมฺมนิ สมฺปเรเต;

    Pipāsite ghammani samparete;

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ,

    สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามิฯ

    Suttappabuddhova anussarāmi.

    ‘‘ยํ เอณิกูลสฺมิํ ชนํ คหีตํ,

    ‘‘Yaṃ eṇikūlasmiṃ janaṃ gahītaṃ,

    อโมจยี คยฺหกํ นียมานํ;

    Amocayī gayhakaṃ nīyamānaṃ;

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ,

    สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามิฯ

    Suttappabuddhova anussarāmi.

    ‘‘คงฺคาย โสตสฺมิํ คหีตนาวํ,

    ‘‘Gaṅgāya sotasmiṃ gahītanāvaṃ,

    ลุเทฺทน นาเคน มนุสฺสกมฺยา;

    Luddena nāgena manussakamyā;

    ปโมจยิตฺถ พลสา ปสยฺห,

    Pamocayittha balasā pasayha,

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ,

    สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามิฯ

    Suttappabuddhova anussarāmi.

    ‘‘กโปฺป จ เต พทฺธจโร อโหสิํ,

    ‘‘Kappo ca te baddhacaro ahosiṃ,

    สมฺพุทฺธิมนฺตํ 5 วตินํ อมญฺญิ;

    Sambuddhimantaṃ 6 vatinaṃ amaññi;

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ,

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ,

    สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามี’’ติฯ

    Suttappabuddhova anussarāmī’’ti.

    ‘‘อทฺธา ปชานาสิ มเมตมายุํ,

    ‘‘Addhā pajānāsi mametamāyuṃ,

    อเญฺญปิ 7 ชานาสิ ตถา หิ พุโทฺธ;

    Aññepi 8 jānāsi tathā hi buddho;

    ตถา หิ ตฺยายํ ชลิตานุภาโว,

    Tathā hi tyāyaṃ jalitānubhāvo,

    โอภาสยํ ติฎฺฐติ พฺรหฺมโลก’’นฺติฯ

    Obhāsayaṃ tiṭṭhati brahmaloka’’nti.







    Footnotes:
    1. อุตฺตริํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. uttariṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)
    3. สหสฺสาน (สฺยา. กํ.)
    4. sahassāna (syā. kaṃ.)
    5. สมฺพุทฺธิวนฺตํ (พหูสุ)
    6. sambuddhivantaṃ (bahūsu)
    7. อญฺญมฺปิ (สี. ปี.)
    8. aññampi (sī. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. พกพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา • 4. Bakabrahmasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๔. พกพฺรหฺมสุตฺตวณฺณนา • 4. Bakabrahmasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact