Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๓๘] ๘. พกชาตกวณฺณนา

    [38] 8. Bakajātakavaṇṇanā

    นาจฺจนฺตํ นิกติปฺปโญฺญติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต จีวรวฑฺฒกํ ภิกฺขุ อารพฺภ กเถสิฯ เอโก กิร เชตวนวาสิโก ภิกฺขุ ยํกิญฺจิ จีวเร กตฺตพฺพํ เฉทนฆฎฺฎนวิจารณสิพฺพนาทิกํ กมฺมํ, ตตฺถ สุกุสโลฯ โส ตาย กุสลตาย จีวรํ วเฑฺฒติ, ตสฺมา ‘‘จีวรวฑฺฒโก’’ เตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ กิํ ปเนส กโรตีติ? ชิณฺณปิโลติกาสุ หตฺถกมฺมํ ทเสฺสตฺวา สุผสฺสิกํ มนาปํ จีวรํ กตฺวา รชนปริโยสาเน ปิโฎฺฐทเกน รชิตฺวา สเงฺขน ฆํสิตฺวา อุชฺชลํ มนุญฺญํ กตฺวา นิกฺขิปติฯ จีวรกมฺมํ กาตุํ อชานนฺตา ภิกฺขู อหเต สาฎเก คเหตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘มยํ จีวรํ กาตุํ น ชานาม, จีวรํ โน กตฺวา เทถา’’ติ วทนฺติฯ โส ‘‘จีวรํ อาวุโส กริยมานํ จิเรน นิฎฺฐาติ, มยา กตจีวรเมว อตฺถิ, อิเม สาฎเก ฐเปตฺวา ตํ คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ นีหริตฺวา ทเสฺสติฯ เต ตสฺส วณฺณสมฺปตฺติเมว ทิสฺวา อนฺตรํ อชานนฺตา ‘‘ถิร’’นฺติ สญฺญาย อหตสาฎเก จีวรวฑฺฒกสฺส ทตฺวา ตํ คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺติฯ ตํ เตหิ โถกํ กิลิฎฺฐกาเล อุโณฺหทเกน โธวิยมานํ อตฺตโน ปกติํ ทเสฺสติ, ตตฺถ ตตฺถ ชิณฺณฎฺฐานํ ปญฺญายติ, เต วิปฺปฎิสาริโน โหนฺติฯ เอวํ อาคตาคเต ปิโลติกาหิ วเญฺจโนฺต โส ภิกฺขุ สพฺพตฺถ ปากโฎ ชาโตฯ

    Nāccantaṃnikatippaññoti idaṃ satthā jetavane viharanto cīvaravaḍḍhakaṃ bhikkhu ārabbha kathesi. Eko kira jetavanavāsiko bhikkhu yaṃkiñci cīvare kattabbaṃ chedanaghaṭṭanavicāraṇasibbanādikaṃ kammaṃ, tattha sukusalo. So tāya kusalatāya cīvaraṃ vaḍḍheti, tasmā ‘‘cīvaravaḍḍhako’’ tveva paññāyittha. Kiṃ panesa karotīti? Jiṇṇapilotikāsu hatthakammaṃ dassetvā suphassikaṃ manāpaṃ cīvaraṃ katvā rajanapariyosāne piṭṭhodakena rajitvā saṅkhena ghaṃsitvā ujjalaṃ manuññaṃ katvā nikkhipati. Cīvarakammaṃ kātuṃ ajānantā bhikkhū ahate sāṭake gahetvā tassa santikaṃ āgantvā ‘‘mayaṃ cīvaraṃ kātuṃ na jānāma, cīvaraṃ no katvā dethā’’ti vadanti. So ‘‘cīvaraṃ āvuso kariyamānaṃ cirena niṭṭhāti, mayā katacīvarameva atthi, ime sāṭake ṭhapetvā taṃ gaṇhitvā gacchathā’’ti nīharitvā dasseti. Te tassa vaṇṇasampattimeva disvā antaraṃ ajānantā ‘‘thira’’nti saññāya ahatasāṭake cīvaravaḍḍhakassa datvā taṃ gaṇhitvā gacchanti. Taṃ tehi thokaṃ kiliṭṭhakāle uṇhodakena dhoviyamānaṃ attano pakatiṃ dasseti, tattha tattha jiṇṇaṭṭhānaṃ paññāyati, te vippaṭisārino honti. Evaṃ āgatāgate pilotikāhi vañcento so bhikkhu sabbattha pākaṭo jāto.

    ยถา เจส เชตวเน, ตถา อญฺญตรสฺมิํ คามเกปิ เอโก จีวรวฑฺฒโก โลกํ วเญฺจติฯ ตสฺส สมฺภตฺตา ภิกฺขู ‘‘ภเนฺต, เชตวเน กิร เอโก จีวรวฑฺฒโก เอวํ โลกํ วเญฺจตี’’ติ อาโรเจสุํฯ อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘หนฺทาหํ, ตํ นครวาสิกํ วเญฺจมี’’ติ ปิโลติกจีวรํ อติมนาปํ กตฺวา สุรตฺตํ รชิตฺวา ตํ ปารุปิตฺวา เชตวนํ อคมาสิฯ อิตโร ตํ ทิสฺวาว โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘ภเนฺต, อิมํ จีวรํ ตุเมฺหหิ กต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อามาวุโส’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, อิมํ จีวรํ มยฺหํ เทถ, ตุเมฺห อญฺญํ ลภิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาวุโส, มยํ คามวาสิกา ทุลฺลภปจฺจยา, อิมาหํ ตุยฺหํ ทตฺวา อตฺตนา กิํ ปารุปิสฺสามี’’ติ? ‘‘ภเนฺต, มม สนฺติเก อหตสาฎกา อตฺถิ, เต คเหตฺวา ตุมฺหากํ จีวรํ กโรถา’’ติฯ ‘‘อาวุโส, มยา เอตฺถ หตฺถกมฺมํ ทสฺสิตํ, ตยิ ปน เอวํ วทเนฺต กิํ สกฺกา กาตุํ, คณฺหาหิ น’’นฺติ ตสฺส ปิโลติกจีวรํ ทตฺวา อหตสาฎเก อาทาย ตํ วเญฺจตฺวา ปกฺกามิฯ เชตวนวาสิโกปิ ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา กติปาหจฺจเยน อุโณฺหทเกน โธวโนฺต ชิณฺณปิโลติกภาวํ ทิสฺวา ลชฺชิโต ‘‘คามวาสิจีวรวฑฺฒเกน กิร เชตวนวาสิโก วญฺจิโต’’ติ ตสฺส วญฺจิตภาโว สงฺฆมเชฺฌ ปากโฎ ชาโตฯ

    Yathā cesa jetavane, tathā aññatarasmiṃ gāmakepi eko cīvaravaḍḍhako lokaṃ vañceti. Tassa sambhattā bhikkhū ‘‘bhante, jetavane kira eko cīvaravaḍḍhako evaṃ lokaṃ vañcetī’’ti ārocesuṃ. Athassa etadahosi ‘‘handāhaṃ, taṃ nagaravāsikaṃ vañcemī’’ti pilotikacīvaraṃ atimanāpaṃ katvā surattaṃ rajitvā taṃ pārupitvā jetavanaṃ agamāsi. Itaro taṃ disvāva lobhaṃ uppādetvā ‘‘bhante, imaṃ cīvaraṃ tumhehi kata’’nti pucchi. ‘‘Āmāvuso’’ti. ‘‘Bhante, imaṃ cīvaraṃ mayhaṃ detha, tumhe aññaṃ labhissathā’’ti? ‘‘Āvuso, mayaṃ gāmavāsikā dullabhapaccayā, imāhaṃ tuyhaṃ datvā attanā kiṃ pārupissāmī’’ti? ‘‘Bhante, mama santike ahatasāṭakā atthi, te gahetvā tumhākaṃ cīvaraṃ karothā’’ti. ‘‘Āvuso, mayā ettha hatthakammaṃ dassitaṃ, tayi pana evaṃ vadante kiṃ sakkā kātuṃ, gaṇhāhi na’’nti tassa pilotikacīvaraṃ datvā ahatasāṭake ādāya taṃ vañcetvā pakkāmi. Jetavanavāsikopi taṃ cīvaraṃ pārupitvā katipāhaccayena uṇhodakena dhovanto jiṇṇapilotikabhāvaṃ disvā lajjito ‘‘gāmavāsicīvaravaḍḍhakena kira jetavanavāsiko vañcito’’ti tassa vañcitabhāvo saṅghamajjhe pākaṭo jāto.

    อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ ตํ กถํ กเถนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิฯ เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เชตวนวาสี จีวรวฑฺฒโก อิทาเนว อเญฺญ วเญฺจติ, ปุเพฺพปิ วเญฺจสิเยวฯ น คามวาสิเกนาปิ อิทาเนว เอส เชตวนวาสี จีวรวฑฺฒโก วญฺจิโต, ปุเพฺพปิ วญฺจิโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ taṃ kathaṃ kathentā nisīdiṃsu. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchi. Te tamatthaṃ ārocesuṃ. Satthā ‘‘na, bhikkhave, jetavanavāsī cīvaravaḍḍhako idāneva aññe vañceti, pubbepi vañcesiyeva. Na gāmavāsikenāpi idāneva esa jetavanavāsī cīvaravaḍḍhako vañcito, pubbepi vañcitoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต เอกสฺมิํ อรญฺญายตเน โพธิสโตฺต อญฺญตรํ ปทุมสรํ นิสฺสาย ฐิเต วรณรุเกฺข รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตทา อญฺญตรสฺมิํ นาติมหเนฺต สเร นิทาฆสมเย อุทกํ มนฺทํ อโหสิ, พหู เจตฺถ มจฺฉา โหนฺติฯ อเถโก พโก เต มเจฺฉ ทิสฺวา ‘‘เอเกน อุปาเยน อิเม มเจฺฉ วเญฺจตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อุทกปริยเนฺต จิเนฺตโนฺต นิสีทิฯ อถ นํ มจฺฉา ทิสฺวา ‘‘กิํ, อยฺย, จิเนฺตโนฺต นิสิโนฺนสี’’ติ ปุจฺฉิํสุฯ ‘‘ตุมฺหากํ จิเนฺตโนฺต นิสิโนฺนมฺหี’’ติฯ ‘‘กิํ อมฺหากํ จิเนฺตสิ, อยฺยา’’ติ? ‘‘‘อิมสฺมิํ สเร อุทกํ ปริตฺตํ, โคจโร มโนฺท, นิทาโฆ จ มหโนฺต, อิทานิเม มจฺฉา กิํ นาม กริสฺสนฺตี’ติ ตุมฺหากํ จิเนฺตโนฺต นิสิโนฺนมฺหี’’ติฯ ‘‘อถ กิํ กโรม, อยฺยา’’ติ? ‘‘ตุเมฺห สเจ มยฺหํ วจนํ กเรยฺยาถ , อหํ โว เอเกกํ มุขตุณฺฑเกน คเหตฺวา เอกํ ปญฺจวณฺณปทุมสญฺฉนฺนํ มหาสรํ เนตฺวา วิสฺสเชฺชยฺย’’นฺติฯ ‘‘อยฺย, ปฐมกปฺปิกโต ปฎฺฐาย มจฺฉานํ จินฺตนกพโก นาม นตฺถิ, ตฺวํ อเมฺหสุ เอเกกํ ขาทิตุกาโมสี’’ติฯ ‘‘นาหํ ตุเมฺห มยฺหํ สทฺทหเนฺต ขาทิสฺสามิ’’ฯ ‘‘สเจ ปน สรสฺส อตฺถิภาวํ มยฺหํ น สทฺทหถ, เอกํ มจฺฉํ มยา สทฺธิํ สรํ ปสฺสิตุํ เปเสถา’’ติฯ มจฺฉา ตสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘อยํ ชเลปิ ถเลปิ สมโตฺถ’’ติ เอกํ กาฬมหามจฺฉํ อทํสุ ‘‘อิมํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติฯ โส ตํ คเหตฺวา เนตฺวา สเร วิสฺสเชฺชตฺวา สพฺพํ สรํ ทเสฺสตฺวา ปุน อาเนตฺวา เตสํ มจฺฉานํ สนฺติเก วิสฺสเชฺชสิฯ โส เตสํ มจฺฉานํ สรสฺส สมฺปตฺติํ วเณฺณสิฯ เต ตสฺส กถํ สุตฺวา คนฺตุกามา หุตฺวา ‘‘สาธุ, อยฺย, อเมฺห คณฺหิตฺวา คจฺฉาหี’’ติ อาหํสุฯ

    Atīte ekasmiṃ araññāyatane bodhisatto aññataraṃ padumasaraṃ nissāya ṭhite varaṇarukkhe rukkhadevatā hutvā nibbatti. Tadā aññatarasmiṃ nātimahante sare nidāghasamaye udakaṃ mandaṃ ahosi, bahū cettha macchā honti. Atheko bako te macche disvā ‘‘ekena upāyena ime macche vañcetvā khādissāmī’’ti gantvā udakapariyante cintento nisīdi. Atha naṃ macchā disvā ‘‘kiṃ, ayya, cintento nisinnosī’’ti pucchiṃsu. ‘‘Tumhākaṃ cintento nisinnomhī’’ti. ‘‘Kiṃ amhākaṃ cintesi, ayyā’’ti? ‘‘‘Imasmiṃ sare udakaṃ parittaṃ, gocaro mando, nidāgho ca mahanto, idānime macchā kiṃ nāma karissantī’ti tumhākaṃ cintento nisinnomhī’’ti. ‘‘Atha kiṃ karoma, ayyā’’ti? ‘‘Tumhe sace mayhaṃ vacanaṃ kareyyātha , ahaṃ vo ekekaṃ mukhatuṇḍakena gahetvā ekaṃ pañcavaṇṇapadumasañchannaṃ mahāsaraṃ netvā vissajjeyya’’nti. ‘‘Ayya, paṭhamakappikato paṭṭhāya macchānaṃ cintanakabako nāma natthi, tvaṃ amhesu ekekaṃ khāditukāmosī’’ti. ‘‘Nāhaṃ tumhe mayhaṃ saddahante khādissāmi’’. ‘‘Sace pana sarassa atthibhāvaṃ mayhaṃ na saddahatha, ekaṃ macchaṃ mayā saddhiṃ saraṃ passituṃ pesethā’’ti. Macchā tassa saddahitvā ‘‘ayaṃ jalepi thalepi samattho’’ti ekaṃ kāḷamahāmacchaṃ adaṃsu ‘‘imaṃ gahetvā gacchathā’’ti. So taṃ gahetvā netvā sare vissajjetvā sabbaṃ saraṃ dassetvā puna ānetvā tesaṃ macchānaṃ santike vissajjesi. So tesaṃ macchānaṃ sarassa sampattiṃ vaṇṇesi. Te tassa kathaṃ sutvā gantukāmā hutvā ‘‘sādhu, ayya, amhe gaṇhitvā gacchāhī’’ti āhaṃsu.

    พโก ปฐมํ ตํ กาฬมหามจฺฉเมว คเหตฺวา สรตีรํ เนตฺวา สรํ ทเสฺสตฺวา สรตีเร ชาเต วรณรุเกฺข นิลียิตฺวา ตํ วิฎปนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ตุเณฺฑน วิชฺฌโนฺต ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา กณฺฎเก รุกฺขมูเล ปาเตตฺวา ปุน คนฺตฺวา ‘‘วิสฺสโฎฺฐ, เม โส มโจฺฉ, อโญฺญ อาคจฺฉตู’’ติ เอเตนุปาเยน เอเกกํ คเหตฺวา สเพฺพ มเจฺฉ ขาทิตฺวา ปุน อาคโต เอกํ มจฺฉมฺปิ นาทฺทสฯ เอโก ปเนตฺถ กกฺกฎโก อวสิโฎฺฐฯ พโก ตมฺปิ ขาทิตุกาโม หุตฺวา ‘‘โภ, กกฺกฎก, มยา สเพฺพเต มจฺฉา เนตฺวา ปทุมสญฺฉเนฺน มหาสเร วิสฺสชฺชิตา, เอหิ ตมฺปิ เนสฺสามี’’ติฯ ‘‘มํ คเหตฺวา คจฺฉโนฺต กถํ คณฺหิสฺสสี’’ติ? ‘‘ฑํสิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ เอวํ คเหตฺวา คจฺฉโนฺต มํ ปาเตสฺสสิ, นาหํ ตยา สทฺธิํ คมิสฺสามี’’ติฯ ‘‘มา ภายิ, อหํ ตํ สุคฺคหิตํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติฯ กกฺกฎโก จิเนฺตสิ ‘‘อิมสฺส มเจฺฉ เนตฺวา สเร วิสฺสชฺชนํ นาม นตฺถิฯ สเจ ปน มํ สเร วิสฺสเชฺชสฺสติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ วิสฺสเชฺชสฺสติ, คีวมสฺส ฉินฺทิตฺวา ชีวิตํ หริสฺสามี’’ติฯ

    Bako paṭhamaṃ taṃ kāḷamahāmacchameva gahetvā saratīraṃ netvā saraṃ dassetvā saratīre jāte varaṇarukkhe nilīyitvā taṃ viṭapantare pakkhipitvā tuṇḍena vijjhanto jīvitakkhayaṃ pāpetvā maṃsaṃ khāditvā kaṇṭake rukkhamūle pātetvā puna gantvā ‘‘vissaṭṭho, me so maccho, añño āgacchatū’’ti etenupāyena ekekaṃ gahetvā sabbe macche khāditvā puna āgato ekaṃ macchampi nāddasa. Eko panettha kakkaṭako avasiṭṭho. Bako tampi khāditukāmo hutvā ‘‘bho, kakkaṭaka, mayā sabbete macchā netvā padumasañchanne mahāsare vissajjitā, ehi tampi nessāmī’’ti. ‘‘Maṃ gahetvā gacchanto kathaṃ gaṇhissasī’’ti? ‘‘Ḍaṃsitvā gaṇhissāmī’’ti. ‘‘Tvaṃ evaṃ gahetvā gacchanto maṃ pātessasi, nāhaṃ tayā saddhiṃ gamissāmī’’ti. ‘‘Mā bhāyi, ahaṃ taṃ suggahitaṃ gahetvā gamissāmī’’ti. Kakkaṭako cintesi ‘‘imassa macche netvā sare vissajjanaṃ nāma natthi. Sace pana maṃ sare vissajjessati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce vissajjessati, gīvamassa chinditvā jīvitaṃ harissāmī’’ti.

    อถ นํ เอวมาห ‘‘สมฺม พก, น โข ตฺวํ สุคฺคหิตํ คเหตุํ สกฺขิสฺสสิ, อมฺหากํ ปน คหณํ สุคฺคหณํ , สจาหํ อเฬหิ ตว คีวํ คเหตุํ ลภิสฺสามิ, ตว คีวํ สุคฺคหิตํ กตฺวา ตยา สทฺธิํ คมิสฺสามี’’ติฯ โส ตํ ‘‘วเญฺจตุกาโม เอส ม’’นฺติ อชานโนฺต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ กกฺกฎโก อตฺตโน อเฬหิ กมฺมารสณฺฑาเสน วิย ตสฺส คีวํ สุคฺคหิตํ กตฺวา ‘‘อิทานิ คจฺฉา’’ติ อาหฯ โส ตํ เนตฺวา สรํ ทเสฺสตฺวา วรณรุกฺขาภิมุโข ปายาสิฯ กกฺกฎโก อาห ‘‘มาตุล, อยํ สโร เอโตฺต, ตฺวํ ปน อิโต กิํ เนสี’’ติ? พโก ‘‘น เต มาตุโล อหํ, น ภคินิปุโตฺตสิ วต เม ตฺว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ ‘เอส มํ อุกฺขิปิตฺวา วิจรโนฺต มยฺหํ ทาโส’ติ สญฺญํ กโรสิ มเญฺญ, ปเสฺสตํ วรณรุกฺขสฺส มูเล กณฺฎกราสิํ, ยถา เม เต สเพฺพ มจฺฉา ขาทิตา, ตมฺปิ ตเถว ขาทิสฺสามี’’ติ อาหฯ กกฺกฎโก ‘‘เอเต มจฺฉา อตฺตโน พาลตาย ตยา ขาทิตา, อหํ ปน เต มํ ขาทิตุํ น ทสฺสามิ, ตเญฺญว ปน วินาสํ ปาเปสฺสามิฯ ตฺวญฺหิ พาลตาย มยา วญฺจิตภาวํ น ชานาสิ, มรนฺตา อุโภปิ มริสฺสาม, อหํ เต สีสํ ฉินฺทิตฺวา ภูมิยํ ขิปิสฺสามี’’ติ วตฺวา กมฺมารสณฺฑาเสน วิย อเฬหิ ตสฺส คีวํ นิปฺปีเฬสิฯ โส วิวเฎน มุเขน อกฺขีหิ อสฺสุนา ปคฺฆรเนฺตน มรณภยตชฺชิโต ‘‘สามิ, อหํ ตํ น ขาทิสฺสามิ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ อาหฯ ‘‘ยทิ เอวํ โอตริตฺวา มํ สรสฺมิํ วิสฺสเชฺชหี’’ติฯ โส นิวตฺติตฺวา สรเมว โอตริตฺวา กกฺกฎกํ สรปริยเนฺต ปงฺกปิเฎฺฐ ฐเปสิ, กกฺกฎโก กตฺตริกาย กุมุทนาฬํ กเปฺปโนฺต วิย ตสฺส คีวํ กเปฺปตฺวา อุทกํ ปาวิสิฯ

    Atha naṃ evamāha ‘‘samma baka, na kho tvaṃ suggahitaṃ gahetuṃ sakkhissasi, amhākaṃ pana gahaṇaṃ suggahaṇaṃ , sacāhaṃ aḷehi tava gīvaṃ gahetuṃ labhissāmi, tava gīvaṃ suggahitaṃ katvā tayā saddhiṃ gamissāmī’’ti. So taṃ ‘‘vañcetukāmo esa ma’’nti ajānanto ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Kakkaṭako attano aḷehi kammārasaṇḍāsena viya tassa gīvaṃ suggahitaṃ katvā ‘‘idāni gacchā’’ti āha. So taṃ netvā saraṃ dassetvā varaṇarukkhābhimukho pāyāsi. Kakkaṭako āha ‘‘mātula, ayaṃ saro etto, tvaṃ pana ito kiṃ nesī’’ti? Bako ‘‘na te mātulo ahaṃ, na bhaginiputtosi vata me tva’’nti vatvā ‘‘tvaṃ ‘esa maṃ ukkhipitvā vicaranto mayhaṃ dāso’ti saññaṃ karosi maññe, passetaṃ varaṇarukkhassa mūle kaṇṭakarāsiṃ, yathā me te sabbe macchā khāditā, tampi tatheva khādissāmī’’ti āha. Kakkaṭako ‘‘ete macchā attano bālatāya tayā khāditā, ahaṃ pana te maṃ khādituṃ na dassāmi, taññeva pana vināsaṃ pāpessāmi. Tvañhi bālatāya mayā vañcitabhāvaṃ na jānāsi, marantā ubhopi marissāma, ahaṃ te sīsaṃ chinditvā bhūmiyaṃ khipissāmī’’ti vatvā kammārasaṇḍāsena viya aḷehi tassa gīvaṃ nippīḷesi. So vivaṭena mukhena akkhīhi assunā paggharantena maraṇabhayatajjito ‘‘sāmi, ahaṃ taṃ na khādissāmi, jīvitaṃ me dehī’’ti āha. ‘‘Yadi evaṃ otaritvā maṃ sarasmiṃ vissajjehī’’ti. So nivattitvā sarameva otaritvā kakkaṭakaṃ sarapariyante paṅkapiṭṭhe ṭhapesi, kakkaṭako kattarikāya kumudanāḷaṃ kappento viya tassa gīvaṃ kappetvā udakaṃ pāvisi.

    ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา วรณรุเกฺข อธิวตฺถา เทวตา สาธุการํ ททมานา วนํ อุนฺนาทยมานา มธุรสฺสเรน อิมํ คาถมาห –

    Taṃ acchariyaṃ disvā varaṇarukkhe adhivatthā devatā sādhukāraṃ dadamānā vanaṃ unnādayamānā madhurassarena imaṃ gāthamāha –

    ๓๘.

    38.

    ‘‘นาจฺจนฺตํ นิกติปฺปโญฺญ, นิกตฺยา สุขเมธติ;

    ‘‘Nāccantaṃ nikatippañño, nikatyā sukhamedhati;

    อาราเธติ นิกติปฺปโญฺญ, พโก กกฺกฎกามิวา’’ติฯ

    Ārādheti nikatippañño, bako kakkaṭakāmivā’’ti.

    ตตฺถ นาจฺจนฺตํ นิกติปฺปโญฺญ, นิกตฺยา สุขเมธตีติ นิกติ วุจฺจติ วญฺจนา, นิกติปฺปโญฺญ วญฺจนปโญฺญ ปุคฺคโล ตาย นิกตฺยา นิกติยา วญฺจนาย น อจฺจนฺตํ สุขเมธติ, นิจฺจกาเล สุขสฺมิํเยว ปติฎฺฐาตุํ น สโกฺกติ, เอกํเสน ปน วินาสํ ปาปุณาติเยวาติ อโตฺถฯ อาราเธตีติ ปฎิลภติฯ นิกติปฺปโญฺญติ เกราฎิกภาวํ สิกฺขิตปโญฺญ ปาปปุคฺคโล อตฺตนา กตสฺส ปาปสฺส ผลํ อาราเธติ ปฎิลภติ วินฺทตีติ อโตฺถฯ กถํ? พโก กกฺกฎกามิว, ยถา พโก กกฺกฎกา คีวเจฺฉทํ ปาปุณาติ, เอวํ ปาปปุคฺคโล อตฺตนา กตปาปโต ทิฎฺฐธเมฺม วา สมฺปราเย วา ภยํ อาราเธติ ปฎิลภตีติ อิมมตฺถํ ปกาเสโนฺต มหาสโตฺต วนํ อุนฺนาเทโนฺต ธมฺมํ เทเสสิฯ

    Tattha nāccantaṃ nikatippañño, nikatyā sukhamedhatīti nikati vuccati vañcanā, nikatippañño vañcanapañño puggalo tāya nikatyā nikatiyā vañcanāya na accantaṃ sukhamedhati, niccakāle sukhasmiṃyeva patiṭṭhātuṃ na sakkoti, ekaṃsena pana vināsaṃ pāpuṇātiyevāti attho. Ārādhetīti paṭilabhati. Nikatippaññoti kerāṭikabhāvaṃ sikkhitapañño pāpapuggalo attanā katassa pāpassa phalaṃ ārādheti paṭilabhati vindatīti attho. Kathaṃ? Bako kakkaṭakāmiva, yathā bako kakkaṭakā gīvacchedaṃ pāpuṇāti, evaṃ pāpapuggalo attanā katapāpato diṭṭhadhamme vā samparāye vā bhayaṃ ārādheti paṭilabhatīti imamatthaṃ pakāsento mahāsatto vanaṃ unnādento dhammaṃ desesi.

    สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว คามวาสิจีวรวฑฺฒเกเนส วญฺจิโต, อตีเตปิ วญฺจิโตเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธิํ ฆเฎตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โส พโก เชตวนวาสี จีวรวฑฺฒโก อโหสิ, กกฺกฎโก คามวาสี จีวรวฑฺฒโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā ‘‘na, bhikkhave, idāneva gāmavāsicīvaravaḍḍhakenesa vañcito, atītepi vañcitoyevā’’ti imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā anusandhiṃ ghaṭetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā so bako jetavanavāsī cīvaravaḍḍhako ahosi, kakkaṭako gāmavāsī cīvaravaḍḍhako, rukkhadevatā pana ahameva ahosi’’nti.

    พกชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Bakajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๓๘. พกชาตกํ • 38. Bakajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact