Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๔๐๕] ๑๐. พกชาตกวณฺณนา

    [405] 10. Bakajātakavaṇṇanā

    ทฺวาสตฺตตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต พกพฺรหฺมานํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺส หิ ‘‘อิทํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อจวนธมฺมํ, อิโต อญฺญํ โลกนิสฺสรณํ นิพฺพานํ นาม นตฺถี’’ติ เอวํ ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชิฯ เหฎฺฐูปปตฺติโก กิเรส พฺรหฺมา ปุเพฺพ ฌานํ ภาเวตฺวา เวหปฺผเลสุ นิพฺพโตฺต, ตตฺถ ปญฺจกปฺปสตปริมาณํ อายุํ เขเปตฺวา สุภกิเณฺหสุ นิพฺพตฺติตฺวา จตุสฎฺฐิกปฺปํ เขเปตฺวา ตโต จุโต อฎฺฐกปฺปายุเกสุ อาภสฺสเรสุ นิพฺพตฺติ, ตตฺรสฺส เอสา ทิฎฺฐิ อุปฺปชฺชิฯ โส หิ เนว อุปริพฺรหฺมโลกโต จุติํ, น ตตฺถ อุปปตฺติํ อนุสฺสริ, ตทุภยมฺปิ อปสฺสโนฺต เอวํ ทิฎฺฐิํ คณฺหิฯ ภควา ตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมญฺญาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิญฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิเญฺชยฺย, เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมิํ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิฯ อถ พฺรหฺมา ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ โข, มาริส, สฺวาคตํ มาริส, จิรสฺสํ โข, มาริส, อิมํ ปริยายมกาสิ, ยทิทํ อิธาคมนายฯ อิทญฺหิ มาริส, นิจฺจํ อิทํ ธุวํ อิทํ สสฺสตํ อิทํ เกวลํ อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทญฺหิ น จ ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, อิโต จ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติ อาหฯ

    Dvāsattatīti idaṃ satthā jetavane viharanto bakabrahmānaṃ ārabbha kathesi. Tassa hi ‘‘idaṃ niccaṃ dhuvaṃ sassataṃ acavanadhammaṃ, ito aññaṃ lokanissaraṇaṃ nibbānaṃ nāma natthī’’ti evaṃ diṭṭhi uppajji. Heṭṭhūpapattiko kiresa brahmā pubbe jhānaṃ bhāvetvā vehapphalesu nibbatto, tattha pañcakappasataparimāṇaṃ āyuṃ khepetvā subhakiṇhesu nibbattitvā catusaṭṭhikappaṃ khepetvā tato cuto aṭṭhakappāyukesu ābhassaresu nibbatti, tatrassa esā diṭṭhi uppajji. So hi neva uparibrahmalokato cutiṃ, na tattha upapattiṃ anussari, tadubhayampi apassanto evaṃ diṭṭhiṃ gaṇhi. Bhagavā tassa cetasā cetoparivitakkamaññāya seyyathāpi nāma balavā puriso samiñjitaṃ vā bāhaṃ pasāreyya, pasāritaṃ vā bāhaṃ samiñjeyya, evameva jetavane antarahito tasmiṃ brahmaloke pāturahosi. Atha brahmā bhagavantaṃ disvā ‘‘ehi kho, mārisa, svāgataṃ mārisa, cirassaṃ kho, mārisa, imaṃ pariyāyamakāsi, yadidaṃ idhāgamanāya. Idañhi mārisa, niccaṃ idaṃ dhuvaṃ idaṃ sassataṃ idaṃ kevalaṃ idaṃ acavanadhammaṃ, idañhi na ca jāyati na jīyati na mīyati na cavati na upapajjati, ito ca panaññaṃ uttari nissaraṇaṃ natthī’’ti āha.

    เอวํ วุเตฺต ภควา พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ ‘‘อวิชฺชาคโต วต โภ พโก พฺรหฺมา, อวิชฺชาคโต วต โภ พโก พฺรหฺมา, ยตฺร หิ นาม อนิจฺจเญฺญว สมานํ นิจฺจนฺติ วกฺขติ…เป.… สนฺตญฺจ ปนญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ, นตฺถญฺญํ อุตฺตริ นิสฺสรณนฺติ วกฺขตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๕)ฯ ตํ สุตฺวา พฺรหฺมา ‘‘ตฺวํ เอวํ กเถสิ, ตฺวํ เอวํ กเถสิ, อิติ มํ เอส อนุยุญฺชโนฺต อนุพนฺธตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ยถา นาม ทุพฺพโล โจโร กติปเย ปหาเร ลภิตฺวา ‘‘กิํ อหเมว โจโร, อสุโกปิ โจโร อสุโกปิ โจโร’’ติ สเพฺพปิ สหายเก อาจิกฺขติ, ตเถว ภควโต อนุโยคภเยน ภีโต อเญฺญปิ อตฺตโน สหายเก อาจิกฺขโนฺต ปฐมํ คาถมาห –

    Evaṃ vutte bhagavā bakaṃ brahmānaṃ etadavoca ‘‘avijjāgato vata bho bako brahmā, avijjāgato vata bho bako brahmā, yatra hi nāma aniccaññeva samānaṃ niccanti vakkhati…pe… santañca panaññaṃ uttari nissaraṇaṃ, natthaññaṃ uttari nissaraṇanti vakkhatī’’ti (saṃ. ni. 1.175). Taṃ sutvā brahmā ‘‘tvaṃ evaṃ kathesi, tvaṃ evaṃ kathesi, iti maṃ esa anuyuñjanto anubandhatī’’ti cintetvā yathā nāma dubbalo coro katipaye pahāre labhitvā ‘‘kiṃ ahameva coro, asukopi coro asukopi coro’’ti sabbepi sahāyake ācikkhati, tatheva bhagavato anuyogabhayena bhīto aññepi attano sahāyake ācikkhanto paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๖๘.

    68.

    ‘‘ทฺวาสตฺตติ โคตม ปุญฺญกมฺมา, วสวตฺติโน ชาติชรํ อตีตา;

    ‘‘Dvāsattati gotama puññakammā, vasavattino jātijaraṃ atītā;

    อยมนฺติมา เวทคู พฺรหฺมปตฺติ, อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกา’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

    Ayamantimā vedagū brahmapatti, asmābhijappanti janā anekā’’ti. (saṃ. ni. 1.175);

    ตตฺถ ทฺวาสตฺตตีติ น เกวลํ โภ โคตม, อหเมว, อถ โข อิมสฺมิํ พฺรหฺมโลเก มยํ ทฺวาสตฺตติ ชนา ปุญฺญกมฺมา อเญฺญสํ อุปริ อตฺถโน วสํ วตฺตเนน วสวตฺติโน ชาติญฺจ ชรญฺจ อตีตา, อยํ โน เวเทหิ คตตฺตา เวทคู, อยํ โภ โคตม อนฺติมา พฺรหฺมปตฺติ, ปจฺฉิมโกฎิปฺปตฺติ เสฎฺฐภาวปฺปตฺติฯ อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกาติ อเมฺห อเญฺญ พหู ชนา ปญฺชลิกา หุตฺวา – ‘‘อยํ โข ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา’’ติอาทีนิ วทนฺตา นมสฺสนฺติ ปเตฺถนฺติ ปิหยนฺติ, ‘‘อโห วต มยมฺปิ เอวรูปา ภเวยฺยามา’’ติ อิจฺฉนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tattha dvāsattatīti na kevalaṃ bho gotama, ahameva, atha kho imasmiṃ brahmaloke mayaṃ dvāsattati janā puññakammā aññesaṃ upari atthano vasaṃ vattanena vasavattino jātiñca jarañca atītā, ayaṃ no vedehi gatattā vedagū, ayaṃ bho gotama antimā brahmapatti, pacchimakoṭippatti seṭṭhabhāvappatti. Asmābhijappanti janā anekāti amhe aññe bahū janā pañjalikā hutvā – ‘‘ayaṃ kho bhavaṃ brahmā mahābrahmā’’tiādīni vadantā namassanti patthenti pihayanti, ‘‘aho vata mayampi evarūpā bhaveyyāmā’’ti icchantīti attho.

    ตสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถา ทุติยํ คาถมาห –

    Tassa vacanaṃ sutvā satthā dutiyaṃ gāthamāha –

    ๖๙.

    69.

    ‘‘อปฺปํ หิ เอตํ น หิ ทีฆมายุ, ยํ ตฺวํ พก มญฺญสิ ทีฆมายุํ;

    ‘‘Appaṃ hi etaṃ na hi dīghamāyu, yaṃ tvaṃ baka maññasi dīghamāyuṃ;

    สตํ สหสฺสานิ นิรพฺพุทานํ, อายุํ ปชานามิ ตวาห พฺรเหฺม’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

    Sataṃ sahassāni nirabbudānaṃ, āyuṃ pajānāmi tavāha brahme’’ti. (saṃ. ni. 1.175);

    ตตฺถ สตํ สหสฺสานิ นิรพฺพุทานนฺติ นิรพฺพุทสงฺขาตานํ คณนานํ สตสหสฺสานิฯ วสฺสานญฺหิ ทสทสกํ สตํ, ทส สตานํ สหสฺสํ, สตํ สหสฺสานํ สตสหสฺสํ, สตํ สตสหสฺสานํ โกฎิ นาม, สตํ โกฎิสตสหสฺสานํ ปโกฎิ นาม, สตํ ปโกฎิสตสหสฺสานํ โกฎิปโกฎิ นาม, สตํ โกฎิปโกฎิสตสหสฺสานํ เอกํ นหุตํ นาม, สตํ นหุตสตสหสฺสานํ เอกํ นินฺนหุตํ นามฯ เฉโก คณโก เอตฺตกํ คเณตุํ สโกฺกติ, ตโต ปรํ คณนา นาม พุทฺธานเมว วิสโยฯ ตตฺถ สตํ นินฺนหุตสตสหสฺสานํ เอกํ อพฺพุทํ, วีสติ อพฺพุทานิ เอกํ นิรพฺพุทํ, เตสํ นิรพฺพุทสตสหสฺสานํ เอกํ อหหํ นาม, เอตฺตกํ พกสฺส พฺรหฺมุโน ตสฺมิํ ภเว อวสิฎฺฐํ อายุ, ตํ สนฺธาย ภควา เอวมาหฯ

    Tattha sataṃ sahassāni nirabbudānanti nirabbudasaṅkhātānaṃ gaṇanānaṃ satasahassāni. Vassānañhi dasadasakaṃ sataṃ, dasa satānaṃ sahassaṃ, sataṃ sahassānaṃ satasahassaṃ, sataṃ satasahassānaṃ koṭi nāma, sataṃ koṭisatasahassānaṃ pakoṭi nāma, sataṃ pakoṭisatasahassānaṃ koṭipakoṭi nāma, sataṃ koṭipakoṭisatasahassānaṃ ekaṃ nahutaṃ nāma, sataṃ nahutasatasahassānaṃ ekaṃ ninnahutaṃ nāma. Cheko gaṇako ettakaṃ gaṇetuṃ sakkoti, tato paraṃ gaṇanā nāma buddhānameva visayo. Tattha sataṃ ninnahutasatasahassānaṃ ekaṃ abbudaṃ, vīsati abbudāni ekaṃ nirabbudaṃ, tesaṃ nirabbudasatasahassānaṃ ekaṃ ahahaṃ nāma, ettakaṃ bakassa brahmuno tasmiṃ bhave avasiṭṭhaṃ āyu, taṃ sandhāya bhagavā evamāha.

    ตํ สุตฺวา พโก ตติยํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā bako tatiyaṃ gāthamāha –

    ๗๐.

    70.

    ‘‘อนนฺตทสฺสี ภควาหมสฺมิ, ชาติชฺชรํ โสกมุปาติวโตฺต;

    ‘‘Anantadassī bhagavāhamasmi, jātijjaraṃ sokamupātivatto;

    กิํ เม ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, อาจิกฺข เม ตํ ยมหํ วิชญฺญ’’นฺติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

    Kiṃ me purāṇaṃ vatasīlavattaṃ, ācikkha me taṃ yamahaṃ vijañña’’nti. (saṃ. ni. 1.175);

    ตตฺถ ภควาติ ภควา ตุเมฺห ‘‘อายุํ ปชานามิ ตวาห’’นฺติ วทนฺตา ‘‘อหํ อนนฺตทสฺสี ชาติชรญฺจ โสกญฺจ อุปาติวโตฺตสฺมี’’ติ วทถฯ วตสีลวตฺตนฺติ วตสมาทานญฺจ สีลวตฺตญฺจฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ตุเมฺห สพฺพญฺญุพุทฺธา, เอวํ สเนฺต กิํ มยฺหํ ปุราณํ วตญฺจ สีลวตฺตญฺจ, อาจิกฺข เม ตํ, ยมหํ ตยา อาจิกฺขิตํ ยาถาวสรสโต วิชาเนยฺยนฺติฯ

    Tattha bhagavāti bhagavā tumhe ‘‘āyuṃ pajānāmi tavāha’’nti vadantā ‘‘ahaṃ anantadassī jātijarañca sokañca upātivattosmī’’ti vadatha. Vatasīlavattanti vatasamādānañca sīlavattañca. Idaṃ vuttaṃ hoti – yadi tumhe sabbaññubuddhā, evaṃ sante kiṃ mayhaṃ purāṇaṃ vatañca sīlavattañca, ācikkha me taṃ, yamahaṃ tayā ācikkhitaṃ yāthāvasarasato vijāneyyanti.

    อถสฺส ภควา อตีตานิ วตฺถูนิ อาหริตฺวา อาจิกฺขโนฺต จตโสฺส คาถา อภาสิ –

    Athassa bhagavā atītāni vatthūni āharitvā ācikkhanto catasso gāthā abhāsi –

    ๗๑.

    71.

    ‘‘ยํ ตฺวํ อปาเยสิ พหู มนุเสฺส, ปิปาสิเต ฆมฺมนิ สมฺปเรเต;

    ‘‘Yaṃ tvaṃ apāyesi bahū manusse, pipāsite ghammani samparete;

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามิฯ

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ, suttappabuddhova anussarāmi.

    ๗๒.

    72.

    ‘‘ยํ เอณิกูลสฺมิ ชนํ คหีตํ, อโมจยี คยฺหก นียมานํ;

    ‘‘Yaṃ eṇikūlasmi janaṃ gahītaṃ, amocayī gayhaka nīyamānaṃ;

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามิฯ

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ, suttappabuddhova anussarāmi.

    ๗๓.

    73.

    ‘‘คงฺคาย โสตสฺมิํ คหีตนาวํ, ลุเทฺทน นาเคน มนุสฺสกปฺปา;

    ‘‘Gaṅgāya sotasmiṃ gahītanāvaṃ, luddena nāgena manussakappā;

    อโมจยิ ตฺวํ พลสา ปสยฺห, ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ;

    Amocayi tvaṃ balasā pasayha, taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ;

    สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามิฯ

    Suttappabuddhova anussarāmi.

    ๗๔.

    74.

    ‘‘กโปฺป จ เต พทฺธจโร อโหสิํ, สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมญฺญํ;

    ‘‘Kappo ca te baddhacaro ahosiṃ, sambuddhimantaṃ vatinaṃ amaññaṃ;

    ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, สุตฺตปฺปพุโทฺธว อนุสฺสรามี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

    Taṃ te purāṇaṃ vatasīlavattaṃ, suttappabuddhova anussarāmī’’ti. (saṃ. ni. 1.175);

    ตตฺถ อปาเยสีติ ปาเยสิฯ ฆมฺมนิ สมฺปเรเตติ ฆเมฺมน สมฺปเรเต อติวิย ผุเฎฺฐ ฆมฺมกิลเนฺตฯ สุตฺตปฺปพุโทฺธวาติ ปจฺจูสกาเล สุปโนฺต สุปินํ ปสฺสิตฺวา ตํ สุปินกํ วิย อนุสฺสรามิฯ โส กิร พกพฺรหฺมา เอกสฺมิํ กเปฺป ตาปโส หุตฺวา มรุกนฺตาเร วสโนฺต พหูนํ กนฺตารปฎิปนฺนานํ ปานียํ อาหริตฺวา อทาสิฯ อเถกทิวสํ เอโก สตฺถวาโห ปญฺจหิ สกฎสเตหิ มรุกนฺตารํ ปฎิปชฺชิฯ มนุสฺสา ทิสา ววตฺถเปตุํ อสโกฺกนฺตา สตฺต ทิวสานิ อาหิณฺฑิตฺวา ขีณทารุทกา นิราหารา อุณฺหาภิภูตา ‘‘อิทานิ โน ชีวิตํ นตฺถี’’ติ สกเฎ ปริวเตฺตตฺวา โคเณ โมเจตฺวา เหฎฺฐาสกเฎสุ นิปชฺชิํสุฯ ตทา ตาปโส อาวเชฺชโนฺต เต ทิสฺวา ‘‘มยิ ปสฺสเนฺต มา นสฺสิํสู’’ติ จิเนฺตตฺวา อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน คงฺคาโสตํ อุพฺพเตฺตตฺวา สตฺถวาหาภิมุขํ อกาสิ, อวิทูเร จ เอกํ วนสณฺฑํ มาเปสิฯ มนุสฺสา ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหตฺวา โคเณ สนฺตเปฺปตฺวา วนสณฺฑโต ติณํ ลายิตฺวา ทารูนิ คเหตฺวา ทิสํ สลฺลเกฺขตฺวา อโรคา กนฺตารํ อติกฺกมิํสุ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Tattha apāyesīti pāyesi. Ghammani sampareteti ghammena samparete ativiya phuṭṭhe ghammakilante. Suttappabuddhovāti paccūsakāle supanto supinaṃ passitvā taṃ supinakaṃ viya anussarāmi. So kira bakabrahmā ekasmiṃ kappe tāpaso hutvā marukantāre vasanto bahūnaṃ kantārapaṭipannānaṃ pānīyaṃ āharitvā adāsi. Athekadivasaṃ eko satthavāho pañcahi sakaṭasatehi marukantāraṃ paṭipajji. Manussā disā vavatthapetuṃ asakkontā satta divasāni āhiṇḍitvā khīṇadārudakā nirāhārā uṇhābhibhūtā ‘‘idāni no jīvitaṃ natthī’’ti sakaṭe parivattetvā goṇe mocetvā heṭṭhāsakaṭesu nipajjiṃsu. Tadā tāpaso āvajjento te disvā ‘‘mayi passante mā nassiṃsū’’ti cintetvā attano iddhānubhāvena gaṅgāsotaṃ ubbattetvā satthavāhābhimukhaṃ akāsi, avidūre ca ekaṃ vanasaṇḍaṃ māpesi. Manussā pānīyaṃ pivitvā nhatvā goṇe santappetvā vanasaṇḍato tiṇaṃ lāyitvā dārūni gahetvā disaṃ sallakkhetvā arogā kantāraṃ atikkamiṃsu, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    เอณิกูลสฺมินฺติ เอณิยา นาม นทิยา กูเลฯ คยฺหก นียมานนฺติ กรมรคาหํ คเหตฺวา นียมานํฯ โส กิร ตาปโส อปรสฺมิํ กาเล เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย นทีตีเร วนสเณฺฑ วิหาสิฯ อเถกสฺมิํ ทิวเส ปพฺพตโต โจรา โอตริตฺวา ตํ คามํ ปหริตฺวา มหาชนํ คเหตฺวา ปพฺพตํ อาโรเปตฺวา อนฺตรามเคฺค จารกมนุเสฺส ฐเปตฺวา ปพฺพตพิลํ ปวิสิตฺวา อาหารํ ปจาเปนฺตา นิสีทิํสุฯ ตาปโส โคมหิํสาทีนเญฺจว ทารกทาริกาทีนญฺจ มหนฺตํ อฎฺฎสฺสรํ สุตฺวา ‘‘มยิ ปสฺสเนฺต มา นสฺสิํสู’’ติ อิทฺธานุภาเวน อตฺตภาวํ ชหิตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต ราชา หุตฺวา ยุทฺธเภริํ อาโกฎาเปโนฺต ตํ ฐานํ อคมาสิฯ จารกมนุสฺสา ตํ ทิสฺวา โจรานํ อาโรเจสุํฯ โจรา ‘‘รญฺญา สทฺธิํ วิคฺคโห นาม น ยุโตฺต’’ติ สพฺพํ คหิตคหิตํ ภณฺฑกํ ฉเฑฺฑตฺวา ภตฺตํ อภุญฺชิตฺวาว ปลายิํสุฯ ตาปโส เต สเพฺพ อาเนตฺวา สกคาเมเยว ปติฎฺฐาเปสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Eṇikūlasminti eṇiyā nāma nadiyā kūle. Gayhaka nīyamānanti karamaragāhaṃ gahetvā nīyamānaṃ. So kira tāpaso aparasmiṃ kāle ekaṃ paccantagāmaṃ nissāya nadītīre vanasaṇḍe vihāsi. Athekasmiṃ divase pabbatato corā otaritvā taṃ gāmaṃ paharitvā mahājanaṃ gahetvā pabbataṃ āropetvā antarāmagge cārakamanusse ṭhapetvā pabbatabilaṃ pavisitvā āhāraṃ pacāpentā nisīdiṃsu. Tāpaso gomahiṃsādīnañceva dārakadārikādīnañca mahantaṃ aṭṭassaraṃ sutvā ‘‘mayi passante mā nassiṃsū’’ti iddhānubhāvena attabhāvaṃ jahitvā caturaṅginiyā senāya parivuto rājā hutvā yuddhabheriṃ ākoṭāpento taṃ ṭhānaṃ agamāsi. Cārakamanussā taṃ disvā corānaṃ ārocesuṃ. Corā ‘‘raññā saddhiṃ viggaho nāma na yutto’’ti sabbaṃ gahitagahitaṃ bhaṇḍakaṃ chaḍḍetvā bhattaṃ abhuñjitvāva palāyiṃsu. Tāpaso te sabbe ānetvā sakagāmeyeva patiṭṭhāpesi, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    คหีตนาวนฺติ นิคฺคหิตนาวํฯ ลุเทฺทนาติ กกฺขเฬนฯ มนุสฺสกปฺปาติ มนุเสฺส วินาเสตุกามตายฯ พลสาติ พเลนฯ ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวาฯ อปรสฺมิํ กาเล โส ตาปโส คงฺคาตีเร วิหาสิฯ ตทา มนุสฺสา เทฺว ตโย นาวาสงฺฆาเฎ พนฺธิตฺวา สงฺฆาฎมตฺถเก ปุปฺผมณฺฑปํ กาเรตฺวา สงฺฆาเฎ นิสีทิตฺวา ขาทนฺตา ปิวนฺตา สมฺพนฺธกุลํ คจฺฉนฺติฯ เต ปีตาวเสสํ สุรํ ภุตฺตขาทิตาวเสสานิ ภตฺตมจฺฉมํสตมฺพุลาทีนิ คงฺคายเมว ปาเตนฺติฯ คเงฺคโยฺย นาคราชา ‘‘อิเม อุจฺฉิฎฺฐกํ มม อุปริ ขิปนฺตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘สเพฺพ เต ชเน คเหตฺวา คงฺคาย โอสีทาเปสฺสามี’’ติ มหนฺตํ เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อุทกํ ภินฺทิตฺวา ผณํ ธารยมาโน เตสํ อภิมุโข ปายาสิฯ เต นาคราชานํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิตา เอกปฺปหาเรเนว มหาสทฺทํ กริํสุฯ ตาปโส เตสํ ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา นาคราชสฺส จ กุทฺธภาวํ ญตฺวา ‘‘มยิ ปสฺสเนฺต มา นสฺสิํสู’’ติ ขิปฺปนิสนฺติยา อตฺตโน อานุภาเวน ขิปฺปํ สุปณฺณวณฺณํ อตฺตานํ มาเปตฺวา อคมาสิ ฯ นาคราชา ตํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิโต อุทเก นิมุชฺชิฯ มนุสฺสา โสตฺถิภาวํ ปตฺวา อคมํสุ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ

    Gahītanāvanti niggahitanāvaṃ. Luddenāti kakkhaḷena. Manussakappāti manusse vināsetukāmatāya. Balasāti balena. Pasayhāti abhibhavitvā. Aparasmiṃ kāle so tāpaso gaṅgātīre vihāsi. Tadā manussā dve tayo nāvāsaṅghāṭe bandhitvā saṅghāṭamatthake pupphamaṇḍapaṃ kāretvā saṅghāṭe nisīditvā khādantā pivantā sambandhakulaṃ gacchanti. Te pītāvasesaṃ suraṃ bhuttakhāditāvasesāni bhattamacchamaṃsatambulādīni gaṅgāyameva pātenti. Gaṅgeyyo nāgarājā ‘‘ime ucchiṭṭhakaṃ mama upari khipantī’’ti kujjhitvā ‘‘sabbe te jane gahetvā gaṅgāya osīdāpessāmī’’ti mahantaṃ ekadoṇikanāvappamāṇaṃ attabhāvaṃ māpetvā udakaṃ bhinditvā phaṇaṃ dhārayamāno tesaṃ abhimukho pāyāsi. Te nāgarājānaṃ disvā maraṇabhayatajjitā ekappahāreneva mahāsaddaṃ kariṃsu. Tāpaso tesaṃ paridevitasaddaṃ sutvā nāgarājassa ca kuddhabhāvaṃ ñatvā ‘‘mayi passante mā nassiṃsū’’ti khippanisantiyā attano ānubhāvena khippaṃ supaṇṇavaṇṇaṃ attānaṃ māpetvā agamāsi . Nāgarājā taṃ disvā maraṇabhayatajjito udake nimujji. Manussā sotthibhāvaṃ patvā agamaṃsu, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ.

    พทฺธจโรติ อเนฺตวาสิโกฯ สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมญฺญนฺติ พุทฺธิสมฺปโนฺน เจว วตสมฺปโนฺน จ ตาปโสติ ตํ มญฺญมาโนฯ อิมินา กิํ ทเสฺสติ? มหาพฺรเหฺม อหํ อตีเต ตว เกสวตาปสกาเล กโปฺป นาม อเนฺตวาสิโก เวยฺยาวจฺจกโร หุตฺวา ตุยฺหํ นารเทน นาม อมเจฺจน พาราณสิโต หิมวนฺตํ อานีตสฺส โรคํ วูปสเมสิํฯ อถ นํ นารโท ทุติยวาเร อาคนฺตฺวา นิโรคํ ทิสฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –

    Baddhacaroti antevāsiko. Sambuddhimantaṃ vatinaṃ amaññanti buddhisampanno ceva vatasampanno ca tāpasoti taṃ maññamāno. Iminā kiṃ dasseti? Mahābrahme ahaṃ atīte tava kesavatāpasakāle kappo nāma antevāsiko veyyāvaccakaro hutvā tuyhaṃ nāradena nāma amaccena bārāṇasito himavantaṃ ānītassa rogaṃ vūpasamesiṃ. Atha naṃ nārado dutiyavāre āgantvā nirogaṃ disvā imaṃ gāthaṃ abhāsi –

    ‘‘มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวาน, สพฺพกามสมิทฺธินํ;

    ‘‘Manussindaṃ jahitvāna, sabbakāmasamiddhinaṃ;

    กถํ นุ ภควา เกสิ, กปฺปสฺส รมติ อสฺสเม’’ติฯ (ชา. ๑.๔.๑๘๑);

    Kathaṃ nu bhagavā kesi, kappassa ramati assame’’ti. (jā. 1.4.181);

    ตเมนํ ตฺวํ เอตทโวจ –

    Tamenaṃ tvaṃ etadavoca –

    ‘‘สาทูนิ รมณียานิ, สนฺติ วกฺขา มโนรมา;

    ‘‘Sādūni ramaṇīyāni, santi vakkhā manoramā;

    สุภาสิตานิ กปฺปสฺส, นารท รมยนฺติ ม’’นฺติฯ (ชา. ๑.๔.๑๘๒);

    Subhāsitāni kappassa, nārada ramayanti ma’’nti. (jā. 1.4.182);

    อิติสฺส ภควา อิมํ อตฺตนา อเนฺตวาสิเกน หุตฺวา โรคสฺส วูปสมิตภาวํ ทีเปโนฺต เอวมาหฯ ตญฺจ ปน พฺรหฺมุนา มนุสฺสโลเก กตกมฺมํ สพฺพํ มหาพฺรหฺมานํ สลฺลกฺขาเปโนฺตว กเถสิฯ

    Itissa bhagavā imaṃ attanā antevāsikena hutvā rogassa vūpasamitabhāvaṃ dīpento evamāha. Tañca pana brahmunā manussaloke katakammaṃ sabbaṃ mahābrahmānaṃ sallakkhāpentova kathesi.

    โส สตฺถุ วจเนน อตฺตนา กตกมฺมํ สริตฺวา ตถาคตสฺส ถุติํ กโรโนฺต โอสานคาถมาห –

    So satthu vacanena attanā katakammaṃ saritvā tathāgatassa thutiṃ karonto osānagāthamāha –

    ๗๕.

    75.

    ‘‘อทฺธา ปชานาสิ มเมตมายุํ, อญฺญมฺปิ ชานาสิ ตถา หิ พุโทฺธ;

    ‘‘Addhā pajānāsi mametamāyuṃ, aññampi jānāsi tathā hi buddho;

    ตถา หิ ตายํ ชลิตานุภาโว, โอภาสยํ ติฎฺฐติ พฺรหฺมโลก’’นฺติฯ

    Tathā hi tāyaṃ jalitānubhāvo, obhāsayaṃ tiṭṭhati brahmaloka’’nti.

    ตตฺถ ตถา หิ พุโทฺธติ ตถา หิ ตฺวํ พุโทฺธฯ พุทฺธานญฺหิ อญฺญาตํ นาม นตฺถิ, สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตาเยว หิ เต พุทฺธา นามาติ ทเสฺสติฯ ตถา หิ ตายนฺติ พุทฺธตฺตาเยว จ ปน ตว อยํ ชลิโต สรีรปฺปภานุภาโวฯ โอภาสยํ ติฎฺฐตีติ อิมํ สกลมฺปิ พฺรหฺมโลกํ โอภาเสโนฺต ติฎฺฐติฯ

    Tattha tathā hi buddhoti tathā hi tvaṃ buddho. Buddhānañhi aññātaṃ nāma natthi, sabbadhammānaṃ buddhattāyeva hi te buddhā nāmāti dasseti. Tathā hi tāyanti buddhattāyeva ca pana tava ayaṃ jalito sarīrappabhānubhāvo. Obhāsayaṃ tiṭṭhatīti imaṃ sakalampi brahmalokaṃ obhāsento tiṭṭhati.

    เอวํ สตฺถา อตฺตโน พุทฺธคุณํ ชานาเปโนฺต ธมฺมํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน สมฺปตฺตานํ ทสมตฺตานํ พฺรหฺมสหสฺสานํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจิํสุฯ อิติ ภควา พหูนํ พฺรหฺมานํ อวสฺสโย หุตฺวา พฺรหฺมโลกา เชตวนํ อาคนฺตฺวา ตตฺถ กถิตนิยาเมเนว ตํ ธมฺมเทสนํ ภิกฺขูนํ กเถตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เกสวตาปโส พกพฺรหฺมา อโหสิ, กปฺปมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Evaṃ satthā attano buddhaguṇaṃ jānāpento dhammaṃ desetvā saccāni pakāsesi, saccapariyosāne sampattānaṃ dasamattānaṃ brahmasahassānaṃ anupādāya āsavehi cittāni vimucciṃsu. Iti bhagavā bahūnaṃ brahmānaṃ avassayo hutvā brahmalokā jetavanaṃ āgantvā tattha kathitaniyāmeneva taṃ dhammadesanaṃ bhikkhūnaṃ kathetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kesavatāpaso bakabrahmā ahosi, kappamāṇavo pana ahameva ahosi’’nti.

    พกชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Bakajātakavaṇṇanā dasamā.

    กุกฺกุวโคฺค ปฐโมฯ

    Kukkuvaggo paṭhamo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๐๕. พกชาตกํ • 405. Bakajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact