Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya

    ๔. พากุลสุตฺตํ

    4. Bākulasuttaṃ

    ๒๐๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ อายสฺมา พากุโล 1 ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อถ โข อเจลกสฺสโป อายสฺมโต พากุลสฺส ปุราณคิหิสหาโย เยนายสฺมา พากุโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา พากุเลน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อเจลกสฺสโป อายสฺมนฺตํ พากุลํ เอตทโวจ –

    209. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ āyasmā bākulo 2 rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Atha kho acelakassapo āyasmato bākulassa purāṇagihisahāyo yenāyasmā bākulo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā bākulena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho acelakassapo āyasmantaṃ bākulaṃ etadavoca –

    ‘‘กีวจิรํ ปพฺพชิโตสิ, อาวุโส พากุลา’’ติ? ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺสา’’ติฯ ‘‘อิเมหิ ปน เต, อาวุโส พากุล, อสีติยา วเสฺสหิ กติกฺขตฺตุํ เมถุโน ธโมฺม ปฎิเสวิโต’’ติ? ‘‘น โข มํ, อาวุโส กสฺสป, เอวํ ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘อิเมหิ ปน เต, อาวุโส พากุล, อสีติยา วเสฺสหิ กติกฺขตฺตุํ เมถุโน ธโมฺม ปฎิเสวิโต’ติฯ เอวญฺจ โข มํ, อาวุโส กสฺสป, ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘อิเมหิ ปน เต, อาวุโส พากุล, อสีติยา วเสฺสหิ กติกฺขตฺตุํ กามสญฺญา อุปฺปนฺนปุพฺพา’’’ติ? ( ) 3

    ‘‘Kīvaciraṃ pabbajitosi, āvuso bākulā’’ti? ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassā’’ti. ‘‘Imehi pana te, āvuso bākula, asītiyā vassehi katikkhattuṃ methuno dhammo paṭisevito’’ti? ‘‘Na kho maṃ, āvuso kassapa, evaṃ pucchitabbaṃ – ‘imehi pana te, āvuso bākula, asītiyā vassehi katikkhattuṃ methuno dhammo paṭisevito’ti. Evañca kho maṃ, āvuso kassapa, pucchitabbaṃ – ‘imehi pana te, āvuso bākula, asītiyā vassehi katikkhattuṃ kāmasaññā uppannapubbā’’’ti? ( ) 4

    ๒๑๐. ‘‘อสีติ เม, อาวุโส , วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ กามสญฺญํ อุปฺปนฺนปุพฺพํฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ กามสญฺญํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    210. ‘‘Asīti me, āvuso , vassāni pabbajitassa nābhijānāmi kāmasaññaṃ uppannapubbaṃ. Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti kāmasaññaṃ uppannapubbaṃ idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ พฺยาปาทสญฺญํ…เป.… วิหิํสาสญฺญํ อุปฺปนฺนปุพฺพํฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ วิหิํสาสญฺญํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi byāpādasaññaṃ…pe… vihiṃsāsaññaṃ uppannapubbaṃ. Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti vihiṃsāsaññaṃ uppannapubbaṃ, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ กามวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ กามวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi kāmavitakkaṃ uppannapubbaṃ. Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti kāmavitakkaṃ uppannapubbaṃ, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ พฺยาปาทวิตกฺกํ…เป.… วิหิํสาวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ วิหิํสาวิตกฺกํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi byāpādavitakkaṃ…pe… vihiṃsāvitakkaṃ uppannapubbaṃ. Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti vihiṃsāvitakkaṃ uppannapubbaṃ, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ๒๑๑. ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ คหปติจีวรํ สาทิตาฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ คหปติจีวรํ สาทิตา, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    211. ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi gahapaticīvaraṃ sāditā. Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti gahapaticīvaraṃ sāditā, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ สเตฺถน จีวรํ ฉินฺทิตาฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ สเตฺถน จีวรํ ฉินฺทิตา…เป.… ธาเรมฯ

    ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi satthena cīvaraṃ chinditā. Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti satthena cīvaraṃ chinditā…pe… dhārema.

    ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ สูจิยา จีวรํ สิพฺพิตา…เป.… นาภิชานามิ รชเนน จีวรํ รชิตา… นาภิชานามิ กถิเน 5 จีวรํ สิพฺพิตา… นาภิชานามิ สพฺรหฺมจารีนํ จีวรกเมฺม วิจาริตา 6 … นาภิชานามิ นิมนฺตนํ สาทิตา… นาภิชานามิ เอวรูปํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ – ‘อโห วต มํ โกจิ นิมเนฺตยฺยา’ติ… นาภิชานามิ อนฺตรฆเร นิสีทิตา… นาภิชานามิ อนฺตรฆเร ภุญฺชิตา… นาภิชานามิ มาตุคามสฺส อนุพฺยญฺชนโส นิมิตฺตํ คเหตา… นาภิชานามิ มาตุคามสฺส ธมฺมํ เทสิตา อนฺตมโส จตุปฺปทมฺปิ คาถํ… นาภิชานามิ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตา… นาภิชานามิ ภิกฺขุนิยา ธมฺมํ เทสิตา… นาภิชานามิ สิกฺขมานาย ธมฺมํ เทสิตา… นาภิชานามิ สามเณริยา ธมฺมํ เทสิตา… นาภิชานามิ ปพฺพาเชตา… นาภิชานามิ อุปสมฺปาเทตา… นาภิชานามิ นิสฺสยํ ทาตา… นาภิชานามิ สามเณรํ อุปฎฺฐาเปตา… นาภิชานามิ ชนฺตาฆเร นฺหายิตา… นาภิชานามิ จุเณฺณน นฺหายิตา… นาภิชานามิ สพฺรหฺมจารีคตฺตปริกเมฺม วิจาริตา 7 … นาภิชานามิ อาพาธํ อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ… นาภิชานามิ เภสชฺชํ อุปหริตา, อนฺตมโส หริตกิขณฺฑมฺปิ… นาภิชานามิ อปเสฺสนกํ อปสฺสยิตา… นาภิชานามิ เสยฺยํ กเปฺปตาฯ ยํปายสฺมา…เป.… ธาเรมฯ

    ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi sūciyā cīvaraṃ sibbitā…pe… nābhijānāmi rajanena cīvaraṃ rajitā… nābhijānāmi kathine 8 cīvaraṃ sibbitā… nābhijānāmi sabrahmacārīnaṃ cīvarakamme vicāritā 9 … nābhijānāmi nimantanaṃ sāditā… nābhijānāmi evarūpaṃ cittaṃ uppannapubbaṃ – ‘aho vata maṃ koci nimanteyyā’ti… nābhijānāmi antaraghare nisīditā… nābhijānāmi antaraghare bhuñjitā… nābhijānāmi mātugāmassa anubyañjanaso nimittaṃ gahetā… nābhijānāmi mātugāmassa dhammaṃ desitā antamaso catuppadampi gāthaṃ… nābhijānāmi bhikkhunupassayaṃ upasaṅkamitā… nābhijānāmi bhikkhuniyā dhammaṃ desitā… nābhijānāmi sikkhamānāya dhammaṃ desitā… nābhijānāmi sāmaṇeriyā dhammaṃ desitā… nābhijānāmi pabbājetā… nābhijānāmi upasampādetā… nābhijānāmi nissayaṃ dātā… nābhijānāmi sāmaṇeraṃ upaṭṭhāpetā… nābhijānāmi jantāghare nhāyitā… nābhijānāmi cuṇṇena nhāyitā… nābhijānāmi sabrahmacārīgattaparikamme vicāritā 10 … nābhijānāmi ābādhaṃ uppannapubbaṃ, antamaso gaddūhanamattampi… nābhijānāmi bhesajjaṃ upaharitā, antamaso haritakikhaṇḍampi… nābhijānāmi apassenakaṃ apassayitā… nābhijānāmi seyyaṃ kappetā. Yaṃpāyasmā…pe… dhārema.

    ‘‘อสีติ เม, อาวุโส, วสฺสานิ ปพฺพชิตสฺส นาภิชานามิ คามนฺตเสนาสเน วสฺสํ อุปคนฺตา ฯ ยํปายสฺมา พากุโล อสีติยา วเสฺสหิ นาภิชานาติ คามนฺตเสนาสเน วสฺสํ อุปคนฺตา, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    ‘‘Asīti me, āvuso, vassāni pabbajitassa nābhijānāmi gāmantasenāsane vassaṃ upagantā . Yaṃpāyasmā bākulo asītiyā vassehi nābhijānāti gāmantasenāsane vassaṃ upagantā, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ‘‘สตฺตาหเมว โข อหํ, อาวุโส, สรโณ รฎฺฐปิณฺฑํ ภุญฺชิํ; อถ อฎฺฐมิยํ อญฺญา อุทปาทิฯ ยํปายสฺมา พากุโล สตฺตาหเมว สรโณ รฎฺฐปิณฺฑํ ภุญฺชิ; อถ อฎฺฐมิยํ อญฺญา อุทปาทิ อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมฯ

    ‘‘Sattāhameva kho ahaṃ, āvuso, saraṇo raṭṭhapiṇḍaṃ bhuñjiṃ; atha aṭṭhamiyaṃ aññā udapādi. Yaṃpāyasmā bākulo sattāhameva saraṇo raṭṭhapiṇḍaṃ bhuñji; atha aṭṭhamiyaṃ aññā udapādi idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema.

    ๒๑๒. ‘‘ลเภยฺยาหํ, อาวุโส พากุล, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ปพฺพชฺชํ, ลเภยฺยํ อุปสมฺปท’’นฺติฯ อลตฺถ โข อเจลกสฺสโป อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปทํฯ อจิรูปสมฺปโนฺน ปนายสฺมา กสฺสโป เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร โข ปนายสฺมา กสฺสโป อรหตํ อโหสิฯ

    212. ‘‘Labheyyāhaṃ, āvuso bākula, imasmiṃ dhammavinaye pabbajjaṃ, labheyyaṃ upasampada’’nti. Alattha kho acelakassapo imasmiṃ dhammavinaye pabbajjaṃ, alattha upasampadaṃ. Acirūpasampanno panāyasmā kassapo eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsi. Aññataro kho panāyasmā kassapo arahataṃ ahosi.

    อถ โข อายสฺมา พากุโล อปเรน สมเยน อวาปุรณํ 11 อาทาย วิหาเรน วิหารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘อภิกฺกมถายสฺมโนฺต, อภิกฺกมถายสฺมโนฺตฯ อชฺช เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’’ติฯ ‘‘ยํปายสฺมา พากุโล อวาปุรณํ อาทาย วิหาเรน วิหารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อภิกฺกมถายสฺมโนฺต, อภิกฺกมถายสฺมโนฺต; อชฺช เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสตี’ติ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรม’’ฯ

    Atha kho āyasmā bākulo aparena samayena avāpuraṇaṃ 12 ādāya vihārena vihāraṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘‘abhikkamathāyasmanto, abhikkamathāyasmanto. Ajja me parinibbānaṃ bhavissatī’’ti. ‘‘Yaṃpāyasmā bākulo avāpuraṇaṃ ādāya vihārena vihāraṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘abhikkamathāyasmanto, abhikkamathāyasmanto; ajja me parinibbānaṃ bhavissatī’ti, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhārema’’.

    อายสฺมา พากุโล มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนโกว ปรินิพฺพายิฯ ‘‘ยํปายสฺมา พากุโล มเชฺฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนโกว ปรินิพฺพายิ, อิทมฺปิ มยํ อายสฺมโต พากุลสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตธมฺมํ ธาเรมา’’ติฯ

    Āyasmā bākulo majjhe bhikkhusaṅghassa nisinnakova parinibbāyi. ‘‘Yaṃpāyasmā bākulo majjhe bhikkhusaṅghassa nisinnakova parinibbāyi, idampi mayaṃ āyasmato bākulassa acchariyaṃ abbhutadhammaṃ dhāremā’’ti.

    พากุลสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ

    Bākulasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.







    Footnotes:
    1. พกฺกุโล (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    2. bakkulo (sī. syā. kaṃ. pī.)
    3. (อิเมหิ ปน เต อาวุโส พกฺกุล อสีติโย วเสฺสหิ กติกฺขตฺตุํ กามสญฺญา อุปฺปนฺนปุพฺพาติฯ) (สี. ปี.)
    4. (imehi pana te āvuso bakkula asītiyo vassehi katikkhattuṃ kāmasaññā uppannapubbāti.) (sī. pī.)
    5. กฐิเน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    6. สพฺรหฺมจารี จีวรกเมฺม พฺยาปาริตา (สี. ปี.)
    7. พฺยาปาริตา (สี. ปี.)
    8. kaṭhine (sī. syā. kaṃ. pī.)
    9. sabrahmacārī cīvarakamme byāpāritā (sī. pī.)
    10. byāpāritā (sī. pī.)
    11. อปาปุรณํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)
    12. apāpuraṇaṃ (sī. syā. kaṃ. pī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. พากุลสุตฺตวณฺณนา • 4. Bākulasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. พากุลสุตฺตวณฺณนา • 4. Bākulasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact