Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. พากุลเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Bākulattheragāthāvaṇṇanā
โย ปุเพฺพ กรณียานีติ อายสฺมโต พากุลเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร อตีเต อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสเงฺขฺยยฺยสฺส มตฺถเก อโนมทสฺสิสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสโนฺต ‘‘สมฺปรายิกตฺถํ คเวสิสฺสามี’’ติ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปพฺพตปาเท วิหรโนฺต ปญฺจาภิญฺญาอฎฺฐสมาปตฺติลาภี หุตฺวา วิหรโนฺต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐิโต สตฺถุ อุทราพาเธ อุปฺปเนฺน อรญฺญโต เภสชฺชานิ อาหริตฺวา ตํ วูปสเมตฺวา ตตฺถ ปุญฺญํ อาโรคฺยตฺถาย ปริณาเมตฺวา ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ อสเงฺขฺยยฺยํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพโตฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อปฺปาพาธานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยํ ตํ ฐานนฺตรํ อากงฺขโนฺต ปณิธานํ กตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พนฺธุมตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพโตฺต ปุริมนเยเนว อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิญฺญาลาภี หุตฺวา ปพฺพตปาเท วสโนฺต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฎฺฐิโต ภิกฺขูนํ ติณปุปฺผกโรเค อุปฺปเนฺน ตํ วูปสเมตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกนวุติกเปฺป เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ฆราวาสํ วสโนฺต เอกํ ชิณฺณํ วินสฺสมานํ มหาวิหารํ ทิสฺวา ตตฺถ อุโปสถาคาราทิกํ สพฺพํ อาวสถํ กาเรตฺวา ตตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สพฺพํ เภสชฺชํ ปฎิยาเทตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว โกสมฺพิยํ เสฎฺฐิเคเห นิพฺพตฺติฯ โส อโรคภาวาย มหายมุนาย นฺหาปิยมาโน ธาติยา หตฺถโต มเจฺฉน คิลิโต มเจฺฉ เกวฎฺฎหตฺถคเต พาราณสิเสฎฺฐิภริยาย วิกฺกิณิตฺวา คหิเต ผาลิยมาเนปิ ปุญฺญพเลน อโรโคเยว หุตฺวา ตาย ปุโตฺตติ คเหตฺวา โปสิยมาโน ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ชนเกหิ มาตาปิตูหิ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปุโตฺต, เทถ โน ปุตฺต’’นฺติ อนุโยเค กเต รญฺญา ‘‘อุภเยสมฺปิ สาธารโณ โหตู’’ติ ทฺวินฺนํ กุลานํ ทายาทภาเวน วินิจฺฉยํ กตฺวา ฐปิตตฺตา พากุโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต หุตฺวา มหติํ สมฺปตฺติํ อนุภวโนฺต อาสีติโก หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหเมว ปุถุชฺชโน อโหสิ, อฎฺฐเม อรุเณ สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๘๖-๔๑๑) –
Yopubbe karaṇīyānīti āyasmato bākulattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi kira atīte ito kappasatasahassādhikassa asaṅkhyeyyassa matthake anomadassissa bhagavato uppattito puretarameva brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto tayo vede uggahetvā tattha sāraṃ apassanto ‘‘samparāyikatthaṃ gavesissāmī’’ti isipabbajjaṃ pabbajitvā pabbatapāde viharanto pañcābhiññāaṭṭhasamāpattilābhī hutvā viharanto buddhuppādaṃ sutvā satthu santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhito satthu udarābādhe uppanne araññato bhesajjāni āharitvā taṃ vūpasametvā tattha puññaṃ ārogyatthāya pariṇāmetvā tato cuto brahmaloke nibbattitvā ekaṃ asaṅkhyeyyaṃ devamanussesu saṃsaranto padumuttarabuddhakāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbatto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ appābādhānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayaṃ taṃ ṭhānantaraṃ ākaṅkhanto paṇidhānaṃ katvā yāvajīvaṃ kusalaṃ upacinitvā sugatīsuyeva saṃsaranto vipassissa bhagavato nibbattito puretarameva bandhumatīnagare brāhmaṇakule nibbatto purimanayeneva isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānābhiññālābhī hutvā pabbatapāde vasanto buddhuppādaṃ sutvā satthu santikaṃ gantvā dhammaṃ sutvā saraṇesu patiṭṭhito bhikkhūnaṃ tiṇapupphakaroge uppanne taṃ vūpasametvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cuto brahmaloke nibbattitvā ekanavutikappe devamanussesu saṃsaranto kassapassa bhagavato kāle bārāṇasiyaṃ kulagehe nibbattitvā gharāvāsaṃ vasanto ekaṃ jiṇṇaṃ vinassamānaṃ mahāvihāraṃ disvā tattha uposathāgārādikaṃ sabbaṃ āvasathaṃ kāretvā tattha bhikkhusaṅghassa sabbaṃ bhesajjaṃ paṭiyādetvā yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā ekaṃ buddhantaraṃ devamanussesu saṃsaranto amhākaṃ bhagavato uppattito puretarameva kosambiyaṃ seṭṭhigehe nibbatti. So arogabhāvāya mahāyamunāya nhāpiyamāno dhātiyā hatthato macchena gilito macche kevaṭṭahatthagate bārāṇasiseṭṭhibhariyāya vikkiṇitvā gahite phāliyamānepi puññabalena arogoyeva hutvā tāya puttoti gahetvā posiyamāno taṃ pavattiṃ sutvā janakehi mātāpitūhi ‘‘ayaṃ amhākaṃ putto, detha no putta’’nti anuyoge kate raññā ‘‘ubhayesampi sādhāraṇo hotū’’ti dvinnaṃ kulānaṃ dāyādabhāvena vinicchayaṃ katvā ṭhapitattā bākuloti laddhanāmo vayappatto hutvā mahatiṃ sampattiṃ anubhavanto āsītiko hutvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā sattāhameva puthujjano ahosi, aṭṭhame aruṇe saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.40.386-411) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร , โสภิโต นาม ปพฺพโต;
‘‘Himavantassāvidūre , sobhito nāma pabbato;
อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, สกสิเสฺสหิ มาปิโตฯ
Assamo sukato mayhaṃ, sakasissehi māpito.
‘‘มณฺฑปา จ พหู ตตฺถ, ปุปฺผิตา สินฺธุวารกา;
‘‘Maṇḍapā ca bahū tattha, pupphitā sindhuvārakā;
กปิตฺถา จ พหู ตตฺถ, ปุปฺผิตา ชีวชีวกาฯ
Kapitthā ca bahū tattha, pupphitā jīvajīvakā.
‘‘นิคฺคุณฺฑิโย พหู ตตฺถ, พทรามลกานิ จ;
‘‘Nigguṇḍiyo bahū tattha, badarāmalakāni ca;
ผารุสกา อลาพู จ, ปุณฺฑรีกา จ ปุปฺผิตาฯ
Phārusakā alābū ca, puṇḍarīkā ca pupphitā.
‘‘อาฬกา เพลุวา ตตฺถ, กทลี มาตุลุงฺคกา;
‘‘Āḷakā beluvā tattha, kadalī mātuluṅgakā;
มหานามา พหู ตตฺถ, อชฺชุนา จ ปิยงฺคุกาฯ
Mahānāmā bahū tattha, ajjunā ca piyaṅgukā.
‘‘โกสมฺพา สฬลา นิมฺพา, นิโคฺรธา จ กปิตฺถนา;
‘‘Kosambā saḷalā nimbā, nigrodhā ca kapitthanā;
เอทิโส อสฺสโม มยฺหํ, สสิโสฺสหํ ตหิํ วสิํฯ
Ediso assamo mayhaṃ, sasissohaṃ tahiṃ vasiṃ.
‘‘อโนมทสฺสี ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;
‘‘Anomadassī bhagavā, sayambhū lokanāyako;
คเวสํ ปฎิสลฺลานํ, มมสฺสมมุปาคมิฯ
Gavesaṃ paṭisallānaṃ, mamassamamupāgami.
‘‘อุเปตมฺหิ มหาวีเร, อโนมทสฺสิมหายเส;
‘‘Upetamhi mahāvīre, anomadassimahāyase;
ขเณน โลกนาถสฺส, วาตาพาโธ สมุฎฺฐหิฯ
Khaṇena lokanāthassa, vātābādho samuṭṭhahi.
‘‘วิจรโนฺต อรญฺญมฺหิ, อทฺทสํ โลกนายกํ;
‘‘Vicaranto araññamhi, addasaṃ lokanāyakaṃ;
อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, จกฺขุมนฺตํ มหายสํฯ
Upagantvāna sambuddhaṃ, cakkhumantaṃ mahāyasaṃ.
‘‘อิริยญฺจาปิ ทิสฺวาน, อุปลเกฺขสหํ ตทา;
‘‘Iriyañcāpi disvāna, upalakkhesahaṃ tadā;
อสํสยญฺหิ พุทฺธสฺส, พฺยาธิ โน อุทปชฺชถฯ
Asaṃsayañhi buddhassa, byādhi no udapajjatha.
‘‘ขิปฺปํ อสฺสมมาคญฺฉิํ, มม สิสฺสาน สนฺติเก;
‘‘Khippaṃ assamamāgañchiṃ, mama sissāna santike;
เภสชฺชํ กตฺตุกาโมหํ, สิเสฺส อามนฺตยิํ ตทาฯ
Bhesajjaṃ kattukāmohaṃ, sisse āmantayiṃ tadā.
‘‘ปฎิสฺสุณิตฺวาน เม วากฺยํ, สิสฺสา สเพฺพ สคารวา;
‘‘Paṭissuṇitvāna me vākyaṃ, sissā sabbe sagāravā;
เอกชฺฌํ สนฺนิปติํสุ, สตฺถุคารวตา มมฯ
Ekajjhaṃ sannipatiṃsu, satthugāravatā mama.
‘‘ขิปฺปํ ปพฺพตมารุยฺห, สโพฺพสธมหาสหํ;
‘‘Khippaṃ pabbatamāruyha, sabbosadhamahāsahaṃ;
ปานียโยคํ กตฺวาน, พุทฺธเสฎฺฐสฺสทาสหํฯ
Pānīyayogaṃ katvāna, buddhaseṭṭhassadāsahaṃ.
‘‘ปริภุเตฺต มหาวีเร, สพฺพญฺญุโลกนายเก;
‘‘Paribhutte mahāvīre, sabbaññulokanāyake;
ขิปฺปํ วาโต วูปสมิ, สุคตสฺส มเหสิโนฯ
Khippaṃ vāto vūpasami, sugatassa mahesino.
‘‘ปสฺสทฺธํ ทรถํ ทิสฺวา, อโนมทสฺสี มหายโส;
‘‘Passaddhaṃ darathaṃ disvā, anomadassī mahāyaso;
สกาสเน นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ
Sakāsane nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.
‘‘โย เม ปาทาสิ เภสชฺชํ, พฺยาธิญฺจ สมยี มม;
‘‘Yo me pādāsi bhesajjaṃ, byādhiñca samayī mama;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ
Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.
‘‘กปฺปสตสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;
‘‘Kappasatasahassāni, devaloke ramissati;
วาทิเต ตูริเย ตตฺถ, โมทิสฺสติ สทา อยํฯ
Vādite tūriye tattha, modissati sadā ayaṃ.
‘‘มนุสฺสโลกมาคนฺตฺวา , สุกฺกมูเลน โจทิโต;
‘‘Manussalokamāgantvā , sukkamūlena codito;
สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Sahassakkhattuṃ rājā ca, cakkavattī bhavissati.
‘‘ปญฺจปญฺญาสกปฺปมฺหิ, อโนโม นาม ขตฺติโย;
‘‘Pañcapaññāsakappamhi, anomo nāma khattiyo;
จาตุรโนฺต วิชิตาวี, ชมฺพุมณฺฑสฺส อิสฺสโรฯ
Cāturanto vijitāvī, jambumaṇḍassa issaro.
‘‘สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล;
‘‘Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo;
ตาวติํเสปิ โขเภตฺวา, อิสฺสรํ การยิสฺสติฯ
Tāvatiṃsepi khobhetvā, issaraṃ kārayissati.
‘‘เทวภูโต มนุโสฺส วา, อปฺปาพาโธ ภวิสฺสติ;
‘‘Devabhūto manusso vā, appābādho bhavissati;
ปริคฺคหํ วิวเชฺชตฺวา, พฺยาธิํ โลเก ตริสฺสติฯ
Pariggahaṃ vivajjetvā, byādhiṃ loke tarissati.
‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Aparimeyye ito kappe, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;
สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ
Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.
‘‘กิเลเส ฌาปยิตฺวาน, ตณฺหาโสตํ ตริสฺสติ;
‘‘Kilese jhāpayitvāna, taṇhāsotaṃ tarissati;
พากุโล นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ
Bākulo nāma nāmena, hessati satthu sāvako.
‘‘อิทํ สพฺพํ อภิญฺญาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;
‘‘Idaṃ sabbaṃ abhiññāya, gotamo sakyapuṅgavo;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, เอตทเคฺค ฐเปสฺสติฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, etadagge ṭhapessati.
‘‘อโนมทสฺสี ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;
‘‘Anomadassī bhagavā, sayambhū lokanāyako;
วิเวกานุวิโลเกโนฺต, มมสฺสมมุปาคมิฯ
Vivekānuvilokento, mamassamamupāgami.
‘‘อุปาคตํ มหาวีรํ, สพฺพญฺญุํ โลกนายกํ;
‘‘Upāgataṃ mahāvīraṃ, sabbaññuṃ lokanāyakaṃ;
สโพฺพสเธน ตเปฺปสิํ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิฯ
Sabbosadhena tappesiṃ, pasanno sehi pāṇibhi.
‘‘ตสฺส เม สุกตํ กมฺมํ, สุเขเตฺต พีชสมฺปทา;
‘‘Tassa me sukataṃ kammaṃ, sukhette bījasampadā;
เขเปตุํ เนว สโกฺกมิ, ตทา หิ สุกตํ มมฯ
Khepetuṃ neva sakkomi, tadā hi sukataṃ mama.
‘‘ลาภา มม สุลทฺธํ เม, โยหํ อทฺทกฺขิ นายกํ;
‘‘Lābhā mama suladdhaṃ me, yohaṃ addakkhi nāyakaṃ;
เตน กมฺมาวเสเสน, ปโตฺตมฺหิ อจลํ ปทํฯ
Tena kammāvasesena, pattomhi acalaṃ padaṃ.
‘‘สพฺพเมตํ อภิญฺญาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;
‘‘Sabbametaṃ abhiññāya, gotamo sakyapuṅgavo;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, etadagge ṭhapesi maṃ.
‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, ยํ กมฺมมกริํ ตทา;
‘‘Aparimeyye ito kappe, yaṃ kammamakariṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, bhesajjassa idaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารา อตฺตโน สาวเก ปฎิปาฎิยา ฐานนฺตเร ฐเปเนฺตน อปฺปาพาธานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิโต โส ปรินิพฺพานสมเย สงฺฆมเชฺฌ ภิกฺขูนํ โอวาทมุเขน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā ekadivasaṃ satthārā attano sāvake paṭipāṭiyā ṭhānantare ṭhapentena appābādhānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapito so parinibbānasamaye saṅghamajjhe bhikkhūnaṃ ovādamukhena aññaṃ byākaronto –
๒๒๕.
225.
‘‘โย ปุเพฺพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ;
‘‘Yo pubbe karaṇīyāni, pacchā so kātumicchati;
สุขา โส ธํสเต ฐานา, ปจฺฉา จ มนุตปฺปติฯ
Sukhā so dhaṃsate ṭhānā, pacchā ca manutappati.
๒๒๖.
226.
‘‘ยญฺหิ กยิรา ตญฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;
‘‘Yañhi kayirā tañhi vade, yaṃ na kayirā na taṃ vade;
อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาฯ
Akarontaṃ bhāsamānaṃ, parijānanti paṇḍitā.
๒๒๗.
227.
‘‘สุสุขํ วต นิพฺพานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
‘‘Susukhaṃ vata nibbānaṃ, sammāsambuddhadesitaṃ;
อโสกํ วิรชํ เขมํ, ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌตี’’ติฯ – คาถาตฺตยมภาสิ;
Asokaṃ virajaṃ khemaṃ, yattha dukkhaṃ nirujjhatī’’ti. – gāthāttayamabhāsi;
ตตฺถ โย ปุเพฺพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉตีติ โย ปุคฺคโล ปุเพฺพ ปุเรตรํ ชราโรคาทีหิ อนภิภูตกาเลเยว กาตพฺพานิ อตฺตโน หิตสุขาวหานิ กมฺมานิ ปมาทวเสน อกตฺวา ปจฺฉา โส กาตพฺพกาลํ อติกฺกมิตฺวา กาตุํ อิจฺฉติฯ โสติ จ นิปาตมตฺตํฯ ตทา ปน ชราโรคาทีหิ อภิภูตตฺตา กาตุํ น สโกฺกติ, อสโกฺกโนฺต จ สุขา โส ธํสเต ฐานา, ปจฺฉา จ มนุตปฺปตีติ โส ปุคฺคโล สุขา ฐานา สคฺคโต นิพฺพานโต จ ตทุปายสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา ปริหายโนฺต ‘‘อกตํ เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ วิปฺปฎิสารํ อาปชฺชติฯ ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อหํ ปน กรณียํ กตฺวา เอว ตุเมฺห เอวํ วทามีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยญฺหิ กยิรา’’ติ ทุติยํ คาถมาหฯ
Tattha yo pubbe karaṇīyāni, pacchā so kātumicchatīti yo puggalo pubbe puretaraṃ jarārogādīhi anabhibhūtakāleyeva kātabbāni attano hitasukhāvahāni kammāni pamādavasena akatvā pacchā so kātabbakālaṃ atikkamitvā kātuṃ icchati. Soti ca nipātamattaṃ. Tadā pana jarārogādīhi abhibhūtattā kātuṃ na sakkoti, asakkonto ca sukhā so dhaṃsate ṭhānā, pacchā ca manutappatīti so puggalo sukhā ṭhānā saggato nibbānato ca tadupāyassa anuppāditattā parihāyanto ‘‘akataṃ me kalyāṇa’’ntiādinā (ma. ni. 3.248; netti. 120) pacchā ca anutappati vippaṭisāraṃ āpajjati. Ma-kāro padasandhikaro. Ahaṃ pana karaṇīyaṃ katvā eva tumhe evaṃ vadāmīti dassento ‘‘yañhi kayirā’’ti dutiyaṃ gāthamāha.
ตตฺถ ปริชานนฺตีติ ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺติ น พหุํ มญฺญนฺตีติ อโตฺถฯ สมฺมาปฎิปตฺติวเสน หิ ยถาวาที ตถาการี เอว โสภติ, น ตโต อญฺญถาฯ กรณียปริยาเยน สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ อิทานิ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘สุสุขํ วตา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุเทฺธน ภควตา เทสิตํ สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวโต อโสกํ วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ นิพฺพานํ สุฎฺฐุ สุขํ วต, กสฺมา? ยตฺถ ยสฺมิํ นิพฺพาเน สกลํ วฎฺฎทุกฺขํ นิรุชฺฌติ อจฺจนฺตเมว วูปสมตีติฯ
Tattha parijānantīti ‘‘ettako aya’’nti paricchijja jānanti na bahuṃ maññantīti attho. Sammāpaṭipattivasena hi yathāvādī tathākārī eva sobhati, na tato aññathā. Karaṇīyapariyāyena sādhāraṇato vuttamatthaṃ idāni sarūpato dassetuṃ ‘‘susukhaṃ vatā’’tiādinā tatiyaṃ gāthamāha. Tassattho – sammā sāmaṃ sabbadhammānaṃ buddhattā sammāsambuddhena bhagavatā desitaṃ sabbaso sokahetūnaṃ abhāvato asokaṃ vigatarāgādirajattā virajaṃ catūhi yogehi anupaddutattā khemaṃ nibbānaṃ suṭṭhu sukhaṃ vata, kasmā? Yattha yasmiṃ nibbāne sakalaṃ vaṭṭadukkhaṃ nirujjhati accantameva vūpasamatīti.
พากุลเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bākulattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. พากุลเตฺถรคาถา • 3. Bākulattheragāthā