Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā

    ๙. พลกถา

    9. Balakathā

    พลกถาวณฺณนา

    Balakathāvaṇṇanā

    ๔๔. อิทานิ โลกุตฺตรกถาย อนนฺตรํ กถิตาย โลกุตฺตรกถาวติยา สุตฺตนฺตปุพฺพงฺคมาย พลกถาย อปุพฺพตฺถานุวณฺณนาฯ ตตฺถ อาทิโต สุตฺตนฺตวเสน ปญฺจ พลานิ ทเสฺสตฺวา ตทญฺญานิปิ พลานิ ทเสฺสตุกาโม อปิจ อฎฺฐสฎฺฐิ พลานีติอาทิมาหฯ สพฺพานิปิ ตํตํปฎิปเกฺขหิ อกมฺปิยเฎฺฐน พลานิ นาม โหนฺติฯ หิริพลนฺติอาทีสุ ปาปโต หิรียนฺติ เอตายาติ หิรี, ลชฺชาเยตํ นามํฯ ปาปโต โอตฺตปฺปนฺติ เอเตนาติ โอตฺตปฺปํ, ปาปโต อุเพฺพคเสฺสตํ นามํฯ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานา หิรี, พหิทฺธาสมุฎฺฐานํ โอตฺตปฺปํฯ อตฺตาธิปติ หิรี, โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ ฯ ลชฺชาสภาวสณฺฐิตา หิรี, ภยสภาวสณฺฐิตํ โอตฺตปฺปํฯ สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํฯ สา เอว หิรี อหิริเกน น กมฺปตีติ หิริพลํฯ ตเทว โอตฺตปฺปํ อโนตฺตเปฺปน น กมฺปตีติ โอตฺตปฺปพลํฯ อปฺปฎิสงฺขาเนน น กมฺปตีติ ปฎิสงฺขานพลํฯ อุปปริกฺขณปญฺญาเยตํ นามํฯ วีริยสีเสน สตฺต โพชฺฌเงฺค ภาเวนฺตสฺส อุปฺปนฺนพลํ ภาวนาพลํฯ ตถาปวตฺตานํ จตุนฺนํ ขนฺธานเมตํ นามํฯ ปริสุทฺธานิ สีลาทีนิ อนวชฺชพลํฯ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ สงฺคหพลํฯ สงฺคเห พลนฺติปิ ปาโฐฯ ทุกฺขมานํ อธิวาสนํ ขนฺติพลํฯ ธมฺมกถาย ปเรสํ โตสนํ ปญฺญตฺติพลํฯ อธิตสฺส อตฺถสฺส อธิคมาปนํ นิชฺฌตฺติพลํฯ กุสเลสุ พหุภาโว อิสฺสริยพลํฯ กุสเลสุ ยถารุจิ ปติฎฺฐานํ อธิฎฺฐานพลํฯ หิริพลาทีนํ อโตฺถ มาติกาปเทสุ พฺยญฺชนวเสน วิเสสโต ยุชฺชมานํ คเหตฺวา วุโตฺตฯ สมถพลํ วิปสฺสนาพลนฺติ พลปฺปตฺตา สมถวิปสฺสนา เอวฯ

    44. Idāni lokuttarakathāya anantaraṃ kathitāya lokuttarakathāvatiyā suttantapubbaṅgamāya balakathāya apubbatthānuvaṇṇanā. Tattha ādito suttantavasena pañca balāni dassetvā tadaññānipi balāni dassetukāmo apica aṭṭhasaṭṭhi balānītiādimāha. Sabbānipi taṃtaṃpaṭipakkhehi akampiyaṭṭhena balāni nāma honti. Hiribalantiādīsu pāpato hirīyanti etāyāti hirī, lajjāyetaṃ nāmaṃ. Pāpato ottappanti etenāti ottappaṃ, pāpato ubbegassetaṃ nāmaṃ. Ajjhattasamuṭṭhānā hirī, bahiddhāsamuṭṭhānaṃ ottappaṃ. Attādhipati hirī, lokādhipati ottappaṃ . Lajjāsabhāvasaṇṭhitā hirī, bhayasabhāvasaṇṭhitaṃ ottappaṃ. Sappatissavalakkhaṇā hirī, vajjabhīrukabhayadassāvilakkhaṇaṃ ottappaṃ. Sā eva hirī ahirikena na kampatīti hiribalaṃ. Tadeva ottappaṃ anottappena na kampatīti ottappabalaṃ. Appaṭisaṅkhānena na kampatīti paṭisaṅkhānabalaṃ. Upaparikkhaṇapaññāyetaṃ nāmaṃ. Vīriyasīsena satta bojjhaṅge bhāventassa uppannabalaṃ bhāvanābalaṃ. Tathāpavattānaṃ catunnaṃ khandhānametaṃ nāmaṃ. Parisuddhāni sīlādīni anavajjabalaṃ. Cattāri saṅgahavatthūni saṅgahabalaṃ. Saṅgahe balantipi pāṭho. Dukkhamānaṃ adhivāsanaṃ khantibalaṃ. Dhammakathāya paresaṃ tosanaṃ paññattibalaṃ. Adhitassa atthassa adhigamāpanaṃ nijjhattibalaṃ. Kusalesu bahubhāvo issariyabalaṃ. Kusalesu yathāruci patiṭṭhānaṃ adhiṭṭhānabalaṃ. Hiribalādīnaṃ attho mātikāpadesu byañjanavasena visesato yujjamānaṃ gahetvā vutto. Samathabalaṃ vipassanābalanti balappattā samathavipassanā eva.

    มาติกานิเทฺทเส อสฺสทฺธิเย น กมฺปตีติ สทฺธาพลนฺติ มูลพลฎฺฐํ วตฺวา ตเมว อปเรหิ นวหิ ปริยาเยหิ วิเสเสตฺวา ทเสฺสสิฯ โย หิ ธโมฺม อกมฺปิโย พลปฺปโตฺต โหติ, โส สหชาเต อุปตฺถเมฺภติ, อตฺตโน ปฎิปเกฺข กิเลเส ปริยาทิยติ, ปฎิเวธสฺส อาทิภูตํ สีลํ ทิฎฺฐิญฺจ วิโสเธติ, จิตฺตํ อารมฺมเณ ปติฎฺฐาเปติ, จิตฺตํ ปภสฺสรํ กโรโนฺต โวทาเปติ, วสิํ ปาเปโนฺต วิเสสํ อธิคมาเปติ, ตโต อุตฺตริํ ปาเปโนฺต อุตฺตริปฎิเวธํ กาเรติ, กเมน อริยมคฺคํ ปาเปตฺวา สจฺจาภิสมยํ กาเรติ, ผลปฺปตฺติยา นิโรเธ ปติฎฺฐาเปติฯ ตสฺมา นวธา พลโฎฺฐ วิเสสิโตฯ เอส นโย วีริยพลาทีสุ จตูสุฯ

    Mātikāniddese assaddhiye na kampatīti saddhābalanti mūlabalaṭṭhaṃ vatvā tameva aparehi navahi pariyāyehi visesetvā dassesi. Yo hi dhammo akampiyo balappatto hoti, so sahajāte upatthambheti, attano paṭipakkhe kilese pariyādiyati, paṭivedhassa ādibhūtaṃ sīlaṃ diṭṭhiñca visodheti, cittaṃ ārammaṇe patiṭṭhāpeti, cittaṃ pabhassaraṃ karonto vodāpeti, vasiṃ pāpento visesaṃ adhigamāpeti, tato uttariṃ pāpento uttaripaṭivedhaṃ kāreti, kamena ariyamaggaṃ pāpetvā saccābhisamayaṃ kāreti, phalappattiyā nirodhe patiṭṭhāpeti. Tasmā navadhā balaṭṭho visesito. Esa nayo vīriyabalādīsu catūsu.

    กามจฺฉนฺทํ หิรียตีติ เนกฺขมฺมยุโตฺต โยคี เนกฺขเมฺมน กามจฺฉนฺทโต หิรียติฯ โอตฺตเปฺปปิ เอเสว นโยฯ เอเตหิ สพฺพากุสเลหิปิ หิรียนา โอตฺตปฺปนา วุตฺตาเยว โหนฺติฯ พฺยาปาทนฺติอาทีนมฺปิ อิมินาว นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปฎิสงฺขาตีติ อสโมฺมหวเสน อาทีนวโต อุปปริกฺขติฯ ภาเวตีติ วเฑฺฒติฯ วชฺชนฺติ ราคาทิวชฺชํฯ สงฺคณฺหาตีติ พนฺธติฯ ขมตีติ ตสฺส โยคิสฺส ขมติ รุจฺจติฯ ปญฺญาเปตีติ โตเสติฯ นิชฺฌาเปตีติ จินฺตาเปติฯ วสํ วเตฺตตีติ จิเตฺต ปหุ หุตฺวา จิตฺตํ อตฺตโน วสํ กตฺวา ปวเตฺตติฯ อธิฎฺฐาตีติ วิทหติฯ ภาวนาพลาทีนิ สพฺพานิปิ เนกฺขมฺมาทีนิเยวฯ มาติกาวณฺณนาย อญฺญถา วุโตฺต, อโตฺถ ปน พฺยญฺชนวเสเนว ปากฎตฺตา อิธ น วุโตฺตติ เวทิตพฺพํฯ สมถพลํ วิปสฺสนาพลญฺจ วิตฺถารโต นิทฺทิสิตฺวา อวสาเน อุทฺธจฺจสหคตกิเลเส จ ขเนฺธ จ น กมฺปตีติอาทิ จ อวิชฺชาสหคตกิเลเส จ ขเนฺธ จ น กมฺปตีติอาทิ จ สมถพลวิปสฺสนาพลานํ ลกฺขณทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ

    Kāmacchandaṃ hirīyatīti nekkhammayutto yogī nekkhammena kāmacchandato hirīyati. Ottappepi eseva nayo. Etehi sabbākusalehipi hirīyanā ottappanā vuttāyeva honti. Byāpādantiādīnampi imināva nayena attho veditabbo. Paṭisaṅkhātīti asammohavasena ādīnavato upaparikkhati. Bhāvetīti vaḍḍheti. Vajjanti rāgādivajjaṃ. Saṅgaṇhātīti bandhati. Khamatīti tassa yogissa khamati ruccati. Paññāpetīti toseti. Nijjhāpetīti cintāpeti. Vasaṃ vattetīti citte pahu hutvā cittaṃ attano vasaṃ katvā pavatteti. Adhiṭṭhātīti vidahati. Bhāvanābalādīni sabbānipi nekkhammādīniyeva. Mātikāvaṇṇanāya aññathā vutto, attho pana byañjanavaseneva pākaṭattā idha na vuttoti veditabbaṃ. Samathabalaṃ vipassanābalañca vitthārato niddisitvā avasāne uddhaccasahagatakilese ca khandhe ca na kampatītiādi ca avijjāsahagatakilese ca khandhe ca na kampatītiādi ca samathabalavipassanābalānaṃ lakkhaṇadassanatthaṃ vuttaṃ.

    เสขาเสขพเลสุ สมฺมาทิฎฺฐิํ สิกฺขตีติ เสขพลนฺติ เสขปุคฺคโล สมฺมาทิฎฺฐิํ สิกฺขตีติ เสโข, สา สมฺมาทิฎฺฐิ ตสฺส เสขสฺส พลนฺติ เสขพลนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ สิกฺขิตตฺตา อเสขพลนฺติ อเสขปุคฺคโล ตตฺถ สมฺมาทิฎฺฐิยา สิกฺขิตตฺตา น สิกฺขตีติ อเสโข, สาเยว สมฺมาทิฎฺฐิ ตสฺส อเสขสฺส พลนฺติ อเสขพลํฯ เอเสว นโย สมฺมาสงฺกปฺปาทีสุฯ สมฺมาญาณนฺติ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ ตมฺปิ หิ โลกิกมฺปิ โหนฺตํ เสขสฺส ปวตฺตตฺตา เสขพลํ, อเสขสฺส ปวตฺตตฺตา อเสขพลนฺติ วุตฺตํฯ สมฺมาวิมุตฺตีติ อฎฺฐ มคฺคงฺคานิ ฐเปตฺวา เสสา ผลสมฺปยุตฺตา ธมฺมา ฯ เกจิ ปน ‘‘ฐเปตฺวา โลกุตฺตรวิมุตฺติํ อวเสสา วิมุตฺติโย สมฺมาวิมุตฺตี’’ติ วทนฺติฯ ตสฺส เสขาเสขพลตฺตํ วุตฺตนยเมวฯ

    Sekhāsekhabalesu sammādiṭṭhiṃ sikkhatīti sekhabalanti sekhapuggalo sammādiṭṭhiṃ sikkhatīti sekho, sā sammādiṭṭhi tassa sekhassa balanti sekhabalanti attho. Tattha sikkhitattā asekhabalanti asekhapuggalo tattha sammādiṭṭhiyā sikkhitattā na sikkhatīti asekho, sāyeva sammādiṭṭhi tassa asekhassa balanti asekhabalaṃ. Eseva nayo sammāsaṅkappādīsu. Sammāñāṇanti paccavekkhaṇañāṇaṃ. Tampi hi lokikampi hontaṃ sekhassa pavattattā sekhabalaṃ, asekhassa pavattattā asekhabalanti vuttaṃ. Sammāvimuttīti aṭṭha maggaṅgāni ṭhapetvā sesā phalasampayuttā dhammā . Keci pana ‘‘ṭhapetvā lokuttaravimuttiṃ avasesā vimuttiyo sammāvimuttī’’ti vadanti. Tassa sekhāsekhabalattaṃ vuttanayameva.

    ขีณาสวพเลสุ สพฺพานิปิ ญาณพลานิฯ ขีณาสวสฺส ภิกฺขุโนติ กรณเตฺถ สามิวจนํ, ขีณาสเวน ภิกฺขุนาติ อโตฺถฯ อนิจฺจโตติ หุตฺวา อภาวากาเรน อนิจฺจโตฯ ยถาภูตนฺติ ยถาสภาวโตฯ ปญฺญายาติ สหวิปสฺสนาย มคฺคปญฺญายฯ อนิจฺจโต สุทิฎฺฐา ทุกฺขโต อนตฺตโต สุทิฎฺฐา โหนฺติ ตมฺมูลกตฺตาฯ นฺติ ภาวนปุํสกวจนํ, เยน การเณนาติ วา อโตฺถฯ อาคมฺมาติ ปฎิจฺจฯ ปฎิชานาตีติ สมฺปฎิจฺฉติ ปฎิญฺญํ กโรติฯ องฺคารกาสูปมาติ มหาภิตาปเฎฺฐน องฺคารกาสุยา อุปมิตาฯ กามาติ วตฺถุกามา จ กิเลสกามา จฯ

    Khīṇāsavabalesu sabbānipi ñāṇabalāni. Khīṇāsavassa bhikkhunoti karaṇatthe sāmivacanaṃ, khīṇāsavena bhikkhunāti attho. Aniccatoti hutvā abhāvākārena aniccato. Yathābhūtanti yathāsabhāvato. Paññāyāti sahavipassanāya maggapaññāya. Aniccato sudiṭṭhā dukkhato anattato sudiṭṭhā honti tammūlakattā. Yanti bhāvanapuṃsakavacanaṃ, yena kāraṇenāti vā attho. Āgammāti paṭicca. Paṭijānātīti sampaṭicchati paṭiññaṃ karoti. Aṅgārakāsūpamāti mahābhitāpaṭṭhena aṅgārakāsuyā upamitā. Kāmāti vatthukāmā ca kilesakāmā ca.

    วิเวกนินฺนนฺติ ผลสมาปตฺติวเสน อุปธิวิเวกสงฺขาตนิพฺพานนินฺนํฯ ตโย หิ วิเวกา – กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวโกติฯ กายวิเวโก จ วิเวกฎฺฐกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํฯ จิตฺตวิเวโก จ อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํฯ อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตานํ, นิสฺสรณวิเวกสงฺขาตนิพฺพานนินฺนํ วาฯ ปญฺจ หิ วิเวกา – วิกฺขมฺภนวิเวโก ตทงฺควิเวโก สมุเจฺฉทวิเวโก ปฎิปฺปสฺสทฺธิวิเวโก นิสฺสรณวิเวโกติฯ วิเวกนินฺนนฺติ วิเวเก นินฺนํฯ วิเวกโปณนฺติ วิเวเก นตํฯ วิเวกปพฺภารนฺติ วิเวกสีสภารํฯ เทฺวปิ ปุริมเสฺสว เววจนานิฯ วิเวกฎฺฐนฺติ กิเลเสหิ วชฺชิตํ, ทูรีภูตํ วาฯ เนกฺขมฺมาภิรตนฺติ นิพฺพาเน อภิรตํ, ปพฺพชฺชาย อภิรตํ วาฯ พฺยนฺตีภูตนฺติ วิคตนฺตีภูตํ, เอกเทเสนาปิ อนลฺลีนํ วิปฺปมุตฺตํ วิสํสฎฺฐํฯ สพฺพโสติ สพฺพถาฯ อาสวฎฺฐานิเยหิ ธเมฺมหีติ สํโยควเสน อาสวานํ การณภูเตหิ กิเลสธเมฺมหีติ อโตฺถฯ อถ วา พฺยนฺตีภูตนฺติ วิคตนิกนฺติภูตํ, นิตฺตณฺหนฺติ อโตฺถฯ กุโต? สพฺพโส อาสวฎฺฐานิเยหิ ธเมฺมหิ สเพฺพหิ เตภูมกธเมฺมหีติ อโตฺถฯ อิธ ทสหิ ขีณาสวพเลหิ ขีณาสวสฺส โลกิยโลกุตฺตโร มโคฺค กถิโตฯ ‘‘อนิจฺจโต สเพฺพ สงฺขารา’’ติ ทุกฺขปริญฺญาพลํ, ‘‘องฺคารกาสูปมา กามา’’ติ สมุทยปหานพลํ, ‘‘วิเวกนินฺนํ จิตฺตํ โหตี’’ติ นิโรธสจฺฉิกิริยาพลํ, ‘‘จตฺตาโร สติปฎฺฐานา’’ติอาทิ สตฺตวิธํ มคฺคภาวนาพลนฺติปิ วทนฺติฯ ทส อิทฺธิพลานิ อิทฺธิกถาย อาวิ ภวิสฺสนฺติฯ

    Vivekaninnanti phalasamāpattivasena upadhivivekasaṅkhātanibbānaninnaṃ. Tayo hi vivekā – kāyaviveko cittaviveko upadhivivekoti. Kāyaviveko ca vivekaṭṭhakāyānaṃ nekkhammābhiratānaṃ. Cittaviveko ca adhicittamanuyuttānaṃ. Upadhiviveko ca nirupadhīnaṃ puggalānaṃ visaṅkhāragatānaṃ, nissaraṇavivekasaṅkhātanibbānaninnaṃ vā. Pañca hi vivekā – vikkhambhanaviveko tadaṅgaviveko samucchedaviveko paṭippassaddhiviveko nissaraṇavivekoti. Vivekaninnanti viveke ninnaṃ. Vivekapoṇanti viveke nataṃ. Vivekapabbhāranti vivekasīsabhāraṃ. Dvepi purimasseva vevacanāni. Vivekaṭṭhanti kilesehi vajjitaṃ, dūrībhūtaṃ vā. Nekkhammābhiratanti nibbāne abhirataṃ, pabbajjāya abhirataṃ vā. Byantībhūtanti vigatantībhūtaṃ, ekadesenāpi anallīnaṃ vippamuttaṃ visaṃsaṭṭhaṃ. Sabbasoti sabbathā. Āsavaṭṭhāniyehi dhammehīti saṃyogavasena āsavānaṃ kāraṇabhūtehi kilesadhammehīti attho. Atha vā byantībhūtanti vigatanikantibhūtaṃ, nittaṇhanti attho. Kuto? Sabbaso āsavaṭṭhāniyehi dhammehi sabbehi tebhūmakadhammehīti attho. Idha dasahi khīṇāsavabalehi khīṇāsavassa lokiyalokuttaro maggo kathito. ‘‘Aniccato sabbe saṅkhārā’’ti dukkhapariññābalaṃ, ‘‘aṅgārakāsūpamā kāmā’’ti samudayapahānabalaṃ, ‘‘vivekaninnaṃ cittaṃ hotī’’ti nirodhasacchikiriyābalaṃ, ‘‘cattāro satipaṭṭhānā’’tiādi sattavidhaṃ maggabhāvanābalantipi vadanti. Dasa iddhibalāni iddhikathāya āvi bhavissanti.

    ตถาคตพลนิเทฺทเส ตถาคตพลานีติ อเญฺญหิ อสาธารณานิ ตถาคตเสฺสว พลานิฯ ยถา วา ปุพฺพพุทฺธานํ พลานิ ปุญฺญุสฺสยสมฺปตฺติยา อาคตานิ, ตถา อาคตพลานีติปิ อโตฺถฯ ตตฺถ ทุวิธํ ตถาคตพลํ – กายพลํ ญาณพลญฺจฯ เตสุ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํฯ วุตฺตเญฺหตํ โปราเณหิ –

    Tathāgatabalaniddese tathāgatabalānīti aññehi asādhāraṇāni tathāgatasseva balāni. Yathā vā pubbabuddhānaṃ balāni puññussayasampattiyā āgatāni, tathā āgatabalānītipi attho. Tattha duvidhaṃ tathāgatabalaṃ – kāyabalaṃ ñāṇabalañca. Tesu kāyabalaṃ hatthikulānusārena veditabbaṃ. Vuttañhetaṃ porāṇehi –

    ‘‘กาฬาวกญฺจ คเงฺคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;

    ‘‘Kāḷāvakañca gaṅgeyyaṃ, paṇḍaraṃ tambapiṅgalaṃ;

    คนฺธมงฺคลเหมญฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติฯ (วิภ. อฎฺฐ. ๗๖๐; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๒๒);

    Gandhamaṅgalahemañca, uposathachaddantime dasā’’ti. (vibha. aṭṭha. 760; ma. ni. aṭṭha. 1.148; saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.22);

    อิมานิ ทส หตฺถิกุลานิฯ ตตฺถ กาฬาวกนฺติ ปกติหตฺถิกุลํ ทฎฺฐพฺพํฯ ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโน พลํฯ ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คเงฺคยฺยสฺส พลํฯ ยํ ทสนฺนํ คเงฺคยฺยานํ, ตํ เอกสฺส ปณฺฑรสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปณฺฑรานํ , ตํ เอกสฺส ตมฺพสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ตมฺพานํ, ตํ เอกสฺส ปิงฺคลสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ปิงฺคลานํ, ตํ เอกสฺส คนฺธหตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ คนฺธหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส มงฺคลหตฺถิโนฯ ยํ ทสนฺนํ มงฺคลหตฺถีนํ, ตํ เอกสฺส เหมวตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ เหมวตานํ, ตํ เอกสฺส อุโปสถสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ อุโปสถานํ, ตํ เอกสฺส ฉทฺทนฺตสฺสฯ ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส พลํฯ นารายนสงฺฆาตพลนฺติปิ อิทเมว วุจฺจติฯ ตเทตํ ปกติหตฺถิโน คณนาย หตฺถีนํ โกฎิสหสฺสสฺส, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฎิสหสฺสานํ พลํ โหติฯ อิทํ ตาว ตถาคตสฺส กายพลํ

    Imāni dasa hatthikulāni. Tattha kāḷāvakanti pakatihatthikulaṃ daṭṭhabbaṃ. Yaṃ dasannaṃ purisānaṃ kāyabalaṃ, taṃ ekassa kāḷāvakassa hatthino balaṃ. Yaṃ dasannaṃ kāḷāvakānaṃ balaṃ, taṃ ekassa gaṅgeyyassa balaṃ. Yaṃ dasannaṃ gaṅgeyyānaṃ, taṃ ekassa paṇḍarassa. Yaṃ dasannaṃ paṇḍarānaṃ , taṃ ekassa tambassa. Yaṃ dasannaṃ tambānaṃ, taṃ ekassa piṅgalassa. Yaṃ dasannaṃ piṅgalānaṃ, taṃ ekassa gandhahatthino. Yaṃ dasannaṃ gandhahatthīnaṃ, taṃ ekassa maṅgalahatthino. Yaṃ dasannaṃ maṅgalahatthīnaṃ, taṃ ekassa hemavatassa. Yaṃ dasannaṃ hemavatānaṃ, taṃ ekassa uposathassa. Yaṃ dasannaṃ uposathānaṃ, taṃ ekassa chaddantassa. Yaṃ dasannaṃ chaddantānaṃ, taṃ ekassa tathāgatassa balaṃ. Nārāyanasaṅghātabalantipi idameva vuccati. Tadetaṃ pakatihatthino gaṇanāya hatthīnaṃ koṭisahassassa, purisagaṇanāya dasannaṃ purisakoṭisahassānaṃ balaṃ hoti. Idaṃ tāva tathāgatassa kāyabalaṃ.

    ญาณพลํ ปน อิธ ตาว อญฺญตฺถ จ ปาฬิยํ อาคตเมว ทสพลญาณํ, มชฺฌิเม (ม. นิ. ๑.๑๕๐) อาคตํ จตุเวสารชฺชญาณํ, อฎฺฐสุ ปริสาสุ อกมฺปนญาณํ, จตุโยนิปริเจฺฉทกญาณํ, ปญฺจคติปริเจฺฉทกญาณํ, สํยุตฺตเก (สํ. นิ. ๒.๓๓-๓๔) อาคตานิ เตสตฺตติ ญาณานิ, สตฺตสตฺตติ ญาณานีติ เอวมญฺญานิปิ อเนกานิ ญาณสหสฺสานิฯ เอตํ ญาณพลํ นามฯ อิธาปิ ญาณพลเมว อธิเปฺปตํฯ ญาณญฺหิ อกมฺปิยเฎฺฐน อุปตฺถมฺภนเฎฺฐน จ พลนฺติ วุตฺตํฯ

    Ñāṇabalaṃ pana idha tāva aññattha ca pāḷiyaṃ āgatameva dasabalañāṇaṃ, majjhime (ma. ni. 1.150) āgataṃ catuvesārajjañāṇaṃ, aṭṭhasu parisāsu akampanañāṇaṃ, catuyoniparicchedakañāṇaṃ, pañcagatiparicchedakañāṇaṃ, saṃyuttake (saṃ. ni. 2.33-34) āgatāni tesattati ñāṇāni, sattasattati ñāṇānīti evamaññānipi anekāni ñāṇasahassāni. Etaṃ ñāṇabalaṃ nāma. Idhāpi ñāṇabalameva adhippetaṃ. Ñāṇañhi akampiyaṭṭhena upatthambhanaṭṭhena ca balanti vuttaṃ.

    ฐานญฺจ ฐานโตติ การณญฺจ การณโตฯ การณญฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ผลํ ติฎฺฐติ ตทายตฺตวุตฺติตาย อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จ, ตสฺมา ฐานนฺติ วุจฺจติฯ ตํ ภควา เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ เหตู ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ ฐานนฺติ, เย เย ธมฺมา เยสํ เยสํ ธมฺมานํ น เหตู น ปจฺจยา อุปฺปาทาย, ตํ ตํ อฎฺฐานนฺติ ปชานโนฺต ฐานญฺจ ฐานโต อฎฺฐานญฺจ อฎฺฐานโต ยถาภูตํ ปชานาติฯ ยมฺปีติ เยน ญาเณนฯ อิทมฺปีติ อิทมฺปิ ฐานาฎฺฐานญาณํ, ตถาคตสฺส ตถาคตพลํ นาม โหตีติ อโตฺถฯ เอวํ เสสปเทสุปิ โยชนา เวทิตพฺพาฯ

    Ṭhānañca ṭhānatoti kāraṇañca kāraṇato. Kāraṇañhi yasmā tattha phalaṃ tiṭṭhati tadāyattavuttitāya uppajjati ceva pavattati ca, tasmā ṭhānanti vuccati. Taṃ bhagavā ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ hetū paccayā uppādāya, taṃ taṃ ṭhānanti, ye ye dhammā yesaṃ yesaṃ dhammānaṃ na hetū na paccayā uppādāya, taṃ taṃ aṭṭhānanti pajānanto ṭhānañca ṭhānato aṭṭhānañca aṭṭhānato yathābhūtaṃ pajānāti. Yampīti yena ñāṇena. Idampīti idampi ṭhānāṭṭhānañāṇaṃ, tathāgatassa tathāgatabalaṃ nāma hotīti attho. Evaṃ sesapadesupi yojanā veditabbā.

    อาสภํ ฐานนฺติ เสฎฺฐฎฺฐานํ อุตฺตมฎฺฐานํ, อาสภา วา ปุพฺพพุทฺธา, เตสํ ฐานนฺติ อโตฺถฯ อปิจ ควสตเชฎฺฐโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภ, วชสตเชฎฺฐโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฎฺฐโก วสโภ, สพฺพควเสโฎฺฐ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสเทฺทหิปิ อสนฺตสนีโย นิสโภ, โส อิธ อุสโภติ อธิเปฺปโตฯ อิทมฺปิ หิ ตสฺส ปริยายวจนํฯ อุสภสฺส อิทนฺติ อาสภํฯ ฐานนฺติ จตูหิ ปาเทหิ ปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา อวฎฺฐานํฯ อิทํ ปน อาสภํ วิยาติ อาสภํ ยเถว หิ นิสภสงฺขาโต อุสโภ อุสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา อจลฎฺฐาเนน ติฎฺฐติ, เอวํ ตถาคโตปิ ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฎฺฐปริสปถวิํ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิเตฺตน อกมฺปิโย อจลฎฺฐาเนน ติฎฺฐติ, เอวํ ติฎฺฐมาโน จ ตํ อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาติ อุปคจฺฉติ น ปจฺจกฺขาติ, อตฺตนิ อาโรเปติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อาสภํ ฐานํ ปฎิชานาตี’’ติ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๒.๒.๒๒; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๔๘)ฯ

    Āsabhaṃṭhānanti seṭṭhaṭṭhānaṃ uttamaṭṭhānaṃ, āsabhā vā pubbabuddhā, tesaṃ ṭhānanti attho. Apica gavasatajeṭṭhako usabho, gavasahassajeṭṭhako vasabho, vajasatajeṭṭhako vā usabho, vajasahassajeṭṭhako vasabho, sabbagavaseṭṭho sabbaparissayasaho seto pāsādiko mahābhāravaho asanisatasaddehipi asantasanīyo nisabho, so idha usabhoti adhippeto. Idampi hi tassa pariyāyavacanaṃ. Usabhassa idanti āsabhaṃ. Ṭhānanti catūhi pādehi pathaviṃ uppīḷetvā avaṭṭhānaṃ. Idaṃ pana āsabhaṃ viyāti āsabhaṃ yatheva hi nisabhasaṅkhāto usabho usabhabalena samannāgato catūhi pādehi pathaviṃ uppīḷetvā acalaṭṭhānena tiṭṭhati, evaṃ tathāgatopi dasahi tathāgatabalehi samannāgato catūhi vesārajjapādehi aṭṭhaparisapathaviṃ uppīḷetvā sadevake loke kenaci paccatthikena paccāmittena akampiyo acalaṭṭhānena tiṭṭhati, evaṃ tiṭṭhamāno ca taṃ āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānāti upagacchati na paccakkhāti, attani āropeti. Tena vuttaṃ – ‘‘āsabhaṃ ṭhānaṃ paṭijānātī’’ti (saṃ. ni. aṭṭha. 2.2.22; ma. ni. aṭṭha. 1.148).

    ปริสาสูติ ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติสมณจาตุมหาราชิกตาวติํสมารพฺรหฺมานํ วเสน อฎฺฐสุ ปริสาสุฯ สีหนาทํ นทตีติ เสฎฺฐนาทํ อฉมฺภิตนาทํ นทติ, สีหนาทสทิสํ วา นาทํ นทติฯ อยมโตฺถ สีหนาทสุเตฺตน (ม. นิ. ๑.๑๔๖ อาทโย; ที. นิ. ๑.๓๘๑ อาทโย) ทีเปตโพฺพฯ ยถา วา สีโห สหนโต หนนโต จ สีโหติ วุจฺจติ, เอวํ ตถาคโต โลกธมฺมานํ สหนโต ปรปฺปวาทานํ หนนโต สีโหติ วุจฺจติฯ เอวํ วุตฺตสฺส สีหสฺส นาทํ สีหนาทํฯ ตตฺถ ยถา สีโห สีหพเลน สมนฺนาคโต สพฺพตฺถ วิสารโท วิคตโลมหํโส สีหนาทํ นทติ, เอวํ ตถาคตสีโหปิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต อฎฺฐสุ ปริสาสุ วิสารโท วิคตโลมหํโส ‘‘อิติ รูป’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๗๘) นเยน นานาวิธเทสนาวิลาสสมฺปนฺนํ สีหนาทํ นทติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปริสาสุ สีหนาทํ นทตี’’ติฯ

    Parisāsūti khattiyabrāhmaṇagahapatisamaṇacātumahārājikatāvatiṃsamārabrahmānaṃ vasena aṭṭhasu parisāsu. Sīhanādaṃ nadatīti seṭṭhanādaṃ achambhitanādaṃ nadati, sīhanādasadisaṃ vā nādaṃ nadati. Ayamattho sīhanādasuttena (ma. ni. 1.146 ādayo; dī. ni. 1.381 ādayo) dīpetabbo. Yathā vā sīho sahanato hananato ca sīhoti vuccati, evaṃ tathāgato lokadhammānaṃ sahanato parappavādānaṃ hananato sīhoti vuccati. Evaṃ vuttassa sīhassa nādaṃ sīhanādaṃ. Tattha yathā sīho sīhabalena samannāgato sabbattha visārado vigatalomahaṃso sīhanādaṃ nadati, evaṃ tathāgatasīhopi tathāgatabalehi samannāgato aṭṭhasu parisāsu visārado vigatalomahaṃso ‘‘iti rūpa’’ntiādinā (saṃ. ni. 3.78) nayena nānāvidhadesanāvilāsasampannaṃ sīhanādaṃ nadati. Tena vuttaṃ – ‘‘parisāsu sīhanādaṃ nadatī’’ti.

    พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตตีติ เอตฺถ พฺรหฺมนฺติ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ วิสุทฺธํฯ จกฺกสโทฺท ปนายํ –

    Brahmacakkaṃ pavattetīti ettha brahmanti seṭṭhaṃ uttamaṃ visuddhaṃ. Cakkasaddo panāyaṃ –

    สมฺปตฺติยํ ลกฺขเณ จ, รถเงฺค อิริยาปเถ;

    Sampattiyaṃ lakkhaṇe ca, rathaṅge iriyāpathe;

    ทาเน รตนธมฺมูร, จกฺกาทีสุ จ ทิสฺสติ;

    Dāne ratanadhammūra, cakkādīsu ca dissati;

    ธมฺมจเกฺก อิธ มโต, ตมฺปิ เทฺวธา วิภาวเยฯ

    Dhammacakke idha mato, tampi dvedhā vibhāvaye.

    ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, จกฺกานิ, เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๑) หิ อยํ สมฺปตฺติยํ ทิสฺสติฯ ‘‘เหฎฺฐา ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานิ โหนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕) เอตฺถ ลกฺขเณฯ ‘‘จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติ (ธ. ป. ๑) เอตฺถ รถเงฺคฯ ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๙) เอตฺถ อิริยาปเถฯ ‘‘ททํ ภุญฺช มา จ ปมาโท , จกฺกํ วตฺตย โกสลาธิปา’’ติ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) เอตฺถ ทาเนฯ ‘‘ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุรโหสี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓) เอตฺถ รตนจเกฺกฯ ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒) เอตฺถ ธมฺมจเกฺกฯ ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) เอตฺถ อุรจเกฺกฯ ‘‘ขุรปริยเนฺตน เจปิ จเกฺกนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๖) เอตฺถ ปหรณจเกฺกฯ ‘‘อสนิวิจกฺก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๖๑; สํ. นิ. ๒.๑๖๒) เอตฺถ อสนิมณฺฑเลฯ อิธ ปนายํ ธมฺมจเกฺก มโตฯ

    ‘‘Cattārimāni , bhikkhave, cakkāni, yehi samannāgatānaṃ devamanussāna’’ntiādīsu (a. ni. 4.31) hi ayaṃ sampattiyaṃ dissati. ‘‘Heṭṭhā pādatalesu cakkāni jātāni hontī’’ti (dī. ni. 2.35) ettha lakkhaṇe. ‘‘Cakkaṃva vahato pada’’nti (dha. pa. 1) ettha rathaṅge. ‘‘Catucakkaṃ navadvāra’’nti (saṃ. ni. 1.29) ettha iriyāpathe. ‘‘Dadaṃ bhuñja mā ca pamādo , cakkaṃ vattaya kosalādhipā’’ti (jā. 1.7.149) ettha dāne. ‘‘Dibbaṃ cakkaratanaṃ pāturahosī’’ti (dī. ni. 2.243) ettha ratanacakke. ‘‘Mayā pavattitaṃ cakka’’nti (su. ni. 562) ettha dhammacakke. ‘‘Icchāhatassa posassa, cakkaṃ bhamati matthake’’ti (jā. 1.1.104; 1.5.103) ettha uracakke. ‘‘Khurapariyantena cepi cakkenā’’ti (dī. ni. 1.166) ettha paharaṇacakke. ‘‘Asanivicakka’’nti (dī. ni. 3.61; saṃ. ni. 2.162) ettha asanimaṇḍale. Idha panāyaṃ dhammacakke mato.

    ตํ ปเนตํ ธมฺมจกฺกํ ทุวิธํ โหติ ปฎิเวธญาณญฺจ เทสนาญาณญฺจฯ ตตฺถ ปญฺญาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฎิเวธญาณํ, กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาญาณํฯ ตตฺถ ปฎิเวธญาณํ อุปฺปชฺชมานํ อุปฺปนฺนนฺติ ทุวิธํฯ ตญฺหิ อภินิกฺขมนโต ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ นาม, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ ตุสิตภวนโต วา ยาว โพธิปลฺลเงฺก อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ นาม, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ ทีปงฺกรทสพลโต วา ปฎฺฐาย ยาว อรหตฺตมคฺคา อุปฺปชฺชมานํ นาม, ผลกฺขเณ อุปฺปนฺนํ นามฯ เทสนาญาณมฺปิ ปวตฺตมานํ ปวตฺตนฺติ ทุวิธํฯ ตญฺหิ ยาว อญฺญาตโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส อรหตฺตมคฺคา ปวตฺตมานํ นาม, ผลกฺขเณ ปวตฺตํ นามฯ ตตฺถ ปฎิเวธญาณํ โลกุตฺตรํ, เทสนาญาณํ โลกิยํฯ อุภยมฺปิ ปเนตํ อเญฺญหิ อสาธารณํ, พุทฺธานํเยว โอรสญาณํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘พฺรหฺมจกฺกํ ปวเตฺตตี’’ติฯ

    Taṃ panetaṃ dhammacakkaṃ duvidhaṃ hoti paṭivedhañāṇañca desanāñāṇañca. Tattha paññāpabhāvitaṃ attano ariyaphalāvahaṃ paṭivedhañāṇaṃ, karuṇāpabhāvitaṃ sāvakānaṃ ariyaphalāvahaṃ desanāñāṇaṃ. Tattha paṭivedhañāṇaṃ uppajjamānaṃ uppannanti duvidhaṃ. Tañhi abhinikkhamanato yāva arahattamaggā uppajjamānaṃ nāma, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Tusitabhavanato vā yāva bodhipallaṅke arahattamaggā uppajjamānaṃ nāma, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Dīpaṅkaradasabalato vā paṭṭhāya yāva arahattamaggā uppajjamānaṃ nāma, phalakkhaṇe uppannaṃ nāma. Desanāñāṇampi pavattamānaṃ pavattanti duvidhaṃ. Tañhi yāva aññātakoṇḍaññattherassa arahattamaggā pavattamānaṃ nāma, phalakkhaṇe pavattaṃ nāma. Tattha paṭivedhañāṇaṃ lokuttaraṃ, desanāñāṇaṃ lokiyaṃ. Ubhayampi panetaṃ aññehi asādhāraṇaṃ, buddhānaṃyeva orasañāṇaṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘brahmacakkaṃ pavattetī’’ti.

    กมฺมสมาทานานนฺติ สมาทิยิตฺวา กตานํ กุสลากุสลกมฺมานํ, กมฺมเมว วา กมฺมสมาทานํฯ ฐานโส เหตุโสติ ปจฺจยโต เจว เหตุโต จฯ ตตฺถ คติอุปธิกาลปโยคา วิปากสฺส ฐานํฯ กมฺมํ เหตุฯ

    Kammasamādānānanti samādiyitvā katānaṃ kusalākusalakammānaṃ, kammameva vā kammasamādānaṃ. Ṭhānaso hetusoti paccayato ceva hetuto ca. Tattha gatiupadhikālapayogā vipākassa ṭhānaṃ. Kammaṃ hetu.

    สพฺพตฺถคามินินฺติ สพฺพคติคามินิญฺจ อคติคามินิญฺจฯ ปฎิปทนฺติ มคฺคํฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ พหูสุปิ มนุเสฺสสุ เอกเมว ปาณํ ฆาเตเนฺตสุ อิมสฺส เจตนา นิรยคามินี ภวิสฺสติ, อิมสฺส ติรจฺฉานโยนิคามินีติ อิมินา นเยน เอกวตฺถุสฺมิมฺปิ กุสลากุสลเจตนาสงฺขาตานํ ปฎิปตฺตีนํ อวิปรีตโต สภาวํ ชานาติฯ

    Sabbatthagāmininti sabbagatigāminiñca agatigāminiñca. Paṭipadanti maggaṃ. Yathābhūtaṃ pajānātīti bahūsupi manussesu ekameva pāṇaṃ ghātentesu imassa cetanā nirayagāminī bhavissati, imassa tiracchānayonigāminīti iminā nayena ekavatthusmimpi kusalākusalacetanāsaṅkhātānaṃ paṭipattīnaṃ aviparītato sabhāvaṃ jānāti.

    อเนกธาตุนฺติ จกฺขุธาตุอาทีหิ, กามธาตุอาทีหิ วา ธาตูหิ พหุธาตุํฯ นานาธาตุนฺติ ตาสํเยว ธาตูนํ วิลกฺขณตฺตา นานปฺปการธาตุํ ฯ โลกนฺติ ขนฺธายตนธาตุโลกํฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ ตาสํ ตาสํ ธาตูนํ อวิปรีตโต สภาวํ ปฎิวิชฺฌติฯ

    Anekadhātunti cakkhudhātuādīhi, kāmadhātuādīhi vā dhātūhi bahudhātuṃ. Nānādhātunti tāsaṃyeva dhātūnaṃ vilakkhaṇattā nānappakāradhātuṃ . Lokanti khandhāyatanadhātulokaṃ. Yathābhūtaṃ pajānātīti tāsaṃ tāsaṃ dhātūnaṃ aviparītato sabhāvaṃ paṭivijjhati.

    นานาธิมุตฺติกตนฺติ หีนปณีตาทิอธิมุตฺตีหิ นานาธิมุตฺติกภาวํฯ

    Nānādhimuttikatanti hīnapaṇītādiadhimuttīhi nānādhimuttikabhāvaṃ.

    ปรสตฺตานนฺติ ปธานสตฺตานํฯ ปรปุคฺคลานนฺติ ตโต ปเรสํ หีนสตฺตานํฯ เอกตฺถเมว วา เอตํ ปททฺวยํ เวเนยฺยวเสน ภควตา เทฺวธา วุตฺตํฯ อิธาปิ ภควตา วุตฺตนเยเนว วุตฺตํฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตนฺติ สทฺธาทีนํ อินฺทฺริยานํ ปรภาวญฺจ อปรภาวญฺจ, วุทฺธิญฺจ หานิญฺจาติ อโตฺถฯ

    Parasattānanti padhānasattānaṃ. Parapuggalānanti tato paresaṃ hīnasattānaṃ. Ekatthameva vā etaṃ padadvayaṃ veneyyavasena bhagavatā dvedhā vuttaṃ. Idhāpi bhagavatā vuttanayeneva vuttaṃ. Indriyaparopariyattanti saddhādīnaṃ indriyānaṃ parabhāvañca aparabhāvañca, vuddhiñca hāniñcāti attho.

    ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนนฺติ ปฐมาทีนํ จตุนฺนํ ฌานานํ, ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทีนํ (ปฎิ. ม. ๑.๒๐๙) อฎฺฐนฺนํ วิโมกฺขานํ, สวิตกฺกสวิจาราทีนํ ติณฺณํ สมาธีนํ, ปฐมชฺฌานสมาปตฺติอาทีนญฺจ นวนฺนํ อนุปุพฺพสมาปตฺตีนํฯ สํกิเลสนฺติ หานภาคิยธมฺมํฯ โวทานนฺติ วิเสสภาคิยธมฺมํฯ วุฎฺฐานนฺติ เยน การเณน ฌานาทีหิ วุฎฺฐหนฺติ, ตํ การณํฯ ตํ ปน ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐานํ, ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ (วิภ. ๘๒๘) เอวํ วุตฺตํ ปคุณชฺฌานเญฺจว ภวงฺคผลสมาปตฺติโย จฯ เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมญฺหิ ปคุณชฺฌานํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปทฎฺฐานํ โหติ, ตสฺมา ‘‘โวทานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ภวเงฺคน ปน สพฺพชฺฌาเนหิ วุฎฺฐานํ โหติ, นิโรธสมาปตฺติโต ผลสมาปตฺติยา วุฎฺฐานํ โหติฯ ตํ สนฺธาย ‘‘ตมฺหา ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฎฺฐานมฺปิ วุฎฺฐาน’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Jhānavimokkhasamādhisamāpattīnanti paṭhamādīnaṃ catunnaṃ jhānānaṃ, ‘‘rūpī rūpāni passatī’’tiādīnaṃ (paṭi. ma. 1.209) aṭṭhannaṃ vimokkhānaṃ, savitakkasavicārādīnaṃ tiṇṇaṃ samādhīnaṃ, paṭhamajjhānasamāpattiādīnañca navannaṃ anupubbasamāpattīnaṃ. Saṃkilesanti hānabhāgiyadhammaṃ. Vodānanti visesabhāgiyadhammaṃ. Vuṭṭhānanti yena kāraṇena jhānādīhi vuṭṭhahanti, taṃ kāraṇaṃ. Taṃ pana ‘‘vodānampi vuṭṭhānaṃ, tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti (vibha. 828) evaṃ vuttaṃ paguṇajjhānañceva bhavaṅgaphalasamāpattiyo ca. Heṭṭhimaṃ heṭṭhimañhi paguṇajjhānaṃ uparimassa uparimassa padaṭṭhānaṃ hoti, tasmā ‘‘vodānampi vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ. Bhavaṅgena pana sabbajjhānehi vuṭṭhānaṃ hoti, nirodhasamāpattito phalasamāpattiyā vuṭṭhānaṃ hoti. Taṃ sandhāya ‘‘tamhā tamhā samādhimhā vuṭṭhānampi vuṭṭhāna’’nti vuttaṃ.

    ปุเพฺพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยญาณานิ เหฎฺฐา ปกาสิตาเนวฯ

    Pubbenivāsadibbacakkhuāsavakkhayañāṇāni heṭṭhā pakāsitāneva.

    ตตฺถ อาสวานํ ขยาติ อรหตฺตมเคฺคน สพฺพกิเลสานํ ขยาฯ อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํฯ เจโตวิมุตฺติํ ปญฺญาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมฺปยุโตฺต สมาธิ, ปญฺญาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา จ ปญฺญา วุตฺตาฯ ตตฺถ จ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปญฺญา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปญฺญาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํฯ ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปญฺญา, ตทสฺส ปญฺญินฺทฺริยํฯ อิติ โข, ภิกฺขเว, ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๖; ๕๒๐)ฯ อปิเจตฺถ สมถพลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาพลํ ปญฺญาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพํฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวาติ อธิกาย ปญฺญาย อตฺตนาเยว ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจเยน ญตฺวาติ อโตฺถฯ อุปสมฺปชฺชาติ อธิคนฺตฺวา, นิปฺผาเทตฺวา วาฯ อิเมสํ ปน ทสนฺนํ ทสพลญาณานํ วิตฺถาโร อภิธเมฺม (วิภ. ๘๐๙ อาทโย) วุตฺตนเยน เวทิตโพฺพฯ

    Tattha āsavānaṃ khayāti arahattamaggena sabbakilesānaṃ khayā. Anāsavanti āsavavirahitaṃ. Cetovimuttiṃ paññāvimuttinti ettha cetovacanena arahattaphalasampayutto samādhi, paññāvacanena taṃsampayuttā ca paññā vuttā. Tattha ca samādhi rāgato vimuttattā cetovimutti, paññā avijjāya vimuttattā paññāvimuttīti veditabbā. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘yo hissa, bhikkhave, samādhi, tadassa samādhindriyaṃ. Yā hissa, bhikkhave, paññā, tadassa paññindriyaṃ. Iti kho, bhikkhave, rāgavirāgā cetovimutti avijjāvirāgā paññāvimuttī’’ti (saṃ. ni. 5.516; 520). Apicettha samathabalaṃ cetovimutti, vipassanābalaṃ paññāvimuttīti veditabbaṃ. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Sayaṃ abhiññā sacchikatvāti adhikāya paññāya attanāyeva paccakkhaṃ katvā, aparappaccayena ñatvāti attho. Upasampajjāti adhigantvā, nipphādetvā vā. Imesaṃ pana dasannaṃ dasabalañāṇānaṃ vitthāro abhidhamme (vibha. 809 ādayo) vuttanayena veditabbo.

    ตตฺถ ปรวาทิกถา โหติ – ทสพลญาณํ นาม ปาฎิเยกฺกํ ญาณํ นตฺถิ, สพฺพญฺญุตญฺญาณเสฺสวายํ ปเภโทติฯ น ตํ ตถา ทฎฺฐพฺพํฯ อญฺญเมว หิ ทสพลญาณํ, อญฺญํ สพฺพญฺญุตญฺญาณํฯ ทสพลญาณญฺหิ สกสกกิจฺจเมว ชานาติ, สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ตมฺปิ, ตโต อวเสสมฺปิ ชานาติฯ ทสพลญาเณสุ หิ ปฐมํ การณาการณเมว ชานาติ, ทุติยํ กมฺมนฺตรวิปากนฺตรเมว, ตติยํ กมฺมปริเจฺฉทเมว, จตุตฺถํ ธาตุนานตฺตการณเมว, ปญฺจมํ สตฺตานํ อชฺฌาสยาธิมุตฺติเมว, ฉฎฺฐํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุภาวเมว, สตฺตมํ ฌานาทีหิ สทฺธิํ เตสํ สํกิเลสาทิเมว, อฎฺฐมํ ปุเพฺพนิวุตฺถขนฺธสนฺตติเมว, นวมํ สตฺตานํ จุติปฎิสนฺธิเมว, ทสมํ สจฺจปริเจฺฉทเมวฯ สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปน เอเตหิ ชานิตพฺพญฺจ, ตโต อุตฺตริญฺจ ปชานาติฯ เอเตสํ ปน กิจฺจํ น สพฺพํ กโรติฯ ตญฺหิ ฌานํ หุตฺวา อเปฺปตุํ น สโกฺกติ, อิทฺธิ หุตฺวา วิกุพฺพิตุํ น สโกฺกติ, มโคฺค หุตฺวา กิเลเส เขเปตุํ น สโกฺกติฯ

    Tattha paravādikathā hoti – dasabalañāṇaṃ nāma pāṭiyekkaṃ ñāṇaṃ natthi, sabbaññutaññāṇassevāyaṃ pabhedoti. Na taṃ tathā daṭṭhabbaṃ. Aññameva hi dasabalañāṇaṃ, aññaṃ sabbaññutaññāṇaṃ. Dasabalañāṇañhi sakasakakiccameva jānāti, sabbaññutaññāṇaṃ tampi, tato avasesampi jānāti. Dasabalañāṇesu hi paṭhamaṃ kāraṇākāraṇameva jānāti, dutiyaṃ kammantaravipākantarameva, tatiyaṃ kammaparicchedameva, catutthaṃ dhātunānattakāraṇameva, pañcamaṃ sattānaṃ ajjhāsayādhimuttimeva, chaṭṭhaṃ indriyānaṃ tikkhamudubhāvameva, sattamaṃ jhānādīhi saddhiṃ tesaṃ saṃkilesādimeva, aṭṭhamaṃ pubbenivutthakhandhasantatimeva, navamaṃ sattānaṃ cutipaṭisandhimeva, dasamaṃ saccaparicchedameva. Sabbaññutaññāṇaṃ pana etehi jānitabbañca, tato uttariñca pajānāti. Etesaṃ pana kiccaṃ na sabbaṃ karoti. Tañhi jhānaṃ hutvā appetuṃ na sakkoti, iddhi hutvā vikubbituṃ na sakkoti, maggo hutvā kilese khepetuṃ na sakkoti.

    อปิจ ปรวาที เอวํ ปุจฺฉิตโพฺพ ‘‘ทสพลญาณํ นาเมตํ สวิตกฺกสวิจารํ อวิตกฺกวิจารมตฺตํ อวิตกฺกาวิจารํ กามาวจรํ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ โลกิยํ โลกุตฺตร’’นฺติฯ ชานโนฺต ‘‘ปฎิปาฎิยา สตฺต ญาณานิ สวิตกฺกสวิจารานี’’ติ วกฺขติฯ ‘‘ตโต ปรานิ เทฺว อวิตกฺกอวิจารานี’’ติ วกฺขติฯ ‘‘อาสวกฺขยญาณํ สิยา สวิตกฺกสวิจารํ, สิยา อวิตกฺกวิจารมตฺตํ, สิยา อวิตกฺกอวิจาร’’นฺติ วกฺขติฯ ตถา ‘‘ปฎิปาฎิยา สตฺต กามาวจรานิ, ตโต ปรานิ เทฺว รูปาวจรานิ, ตโต อวสาเน เอกํ โลกุตฺตร’’นฺติ วกฺขติฯ ‘‘สพฺพญฺญุตญฺญาณํ ปน สวิตกฺกสวิจารเมว กามาวจรเมว โลกิยเมวา’’ติ วกฺขติฯ

    Apica paravādī evaṃ pucchitabbo ‘‘dasabalañāṇaṃ nāmetaṃ savitakkasavicāraṃ avitakkavicāramattaṃ avitakkāvicāraṃ kāmāvacaraṃ rūpāvacaraṃ arūpāvacaraṃ lokiyaṃ lokuttara’’nti. Jānanto ‘‘paṭipāṭiyā satta ñāṇāni savitakkasavicārānī’’ti vakkhati. ‘‘Tato parāni dve avitakkaavicārānī’’ti vakkhati. ‘‘Āsavakkhayañāṇaṃ siyā savitakkasavicāraṃ, siyā avitakkavicāramattaṃ, siyā avitakkaavicāra’’nti vakkhati. Tathā ‘‘paṭipāṭiyā satta kāmāvacarāni, tato parāni dve rūpāvacarāni, tato avasāne ekaṃ lokuttara’’nti vakkhati. ‘‘Sabbaññutaññāṇaṃ pana savitakkasavicārameva kāmāvacarameva lokiyamevā’’ti vakkhati.

    เอวเมตฺถ อปุพฺพตฺถานุวณฺณนํ ญตฺวา อิทานิ ยสฺมา ตถาคโต ปฐมํเยว ฐานาฎฺฐานญาเณน เวเนยฺยสตฺตานํ อาสวกฺขยาธิคมสฺส เจว อนธิคมสฺส จ ฐานาฎฺฐานภูตํ กิเลสาวรณาภาวํ ปสฺสติ โลกิยสมฺมาทิฎฺฐิฎฺฐานทสฺสนโต นิยตมิจฺฉาทิฎฺฐิฎฺฐานาภาวทสฺสนโต จฯ อถ เนสํ กมฺมวิปากญาเณน วิปากาวรณาภาวํ ปสฺสติ ติเหตุกปฎิสนฺธิทสฺสนโตฯ สพฺพตฺถคามินิปฎิปทาญาเณน กมฺมาวรณาภาวํ ปสฺสติ อานนฺตริกกมฺมาภาวทสฺสนโตฯ เอวํ อนาวรณานํ อเนกธาตุนานาธาตุญาเณน อนุกูลธมฺมเทสนตฺถํ จริยาวิเสสํ ปสฺสติ ธาตุเวมตฺตทสฺสนโตฯ อถ เนสํ นานาธิมุตฺติกตาญาเณน อธิมุตฺติํ ปสฺสติ ปโยคํ อนาทิยิตฺวาปิ อธิมุตฺติวเสน ธมฺมเทสนตฺถํ ฯ อเถวํ ทิฎฺฐอธิมุตฺตีนํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ธมฺมํ เทเสตุํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตํ ปสฺสติ สทฺธาทีนํ ติกฺขมุทุภาวทสฺสนโตฯ เอวํ ปริญฺญาตินฺทฺริยปโรปริยตฺตาปิ ปเนเต สเจ ทูเร โหนฺติ, อถ ฌานาทิญาเณน ฌานาทีสุ วสีภูตตฺตา อิทฺธิวิเสเสน ขิปฺปํ อุปคจฺฉติฯ อุปคนฺตฺวา จ เนสํ ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาเณน ปุพฺพชาติวิภาวนํ ทิพฺพจกฺขานุภาวโต ปตฺตเพฺพน เจโตปริยญาเณน สมฺปติ จิตฺตวิเสสํ ปสฺสโนฺต อาสวกฺขยญาณานุภาเวน อาสวกฺขยคามินิยา ปฎิปทาย วิคตสโมฺมหตฺตา อาสวกฺขยาย ธมฺมํ เทเสติฯ ตสฺมา อิมินานุกฺกเมน อิมานิ ทส พลานิ วุตฺตานีติ เวทิตพฺพานีติฯ

    Evamettha apubbatthānuvaṇṇanaṃ ñatvā idāni yasmā tathāgato paṭhamaṃyeva ṭhānāṭṭhānañāṇena veneyyasattānaṃ āsavakkhayādhigamassa ceva anadhigamassa ca ṭhānāṭṭhānabhūtaṃ kilesāvaraṇābhāvaṃ passati lokiyasammādiṭṭhiṭṭhānadassanato niyatamicchādiṭṭhiṭṭhānābhāvadassanato ca. Atha nesaṃ kammavipākañāṇena vipākāvaraṇābhāvaṃ passati tihetukapaṭisandhidassanato. Sabbatthagāminipaṭipadāñāṇena kammāvaraṇābhāvaṃ passati ānantarikakammābhāvadassanato. Evaṃ anāvaraṇānaṃ anekadhātunānādhātuñāṇena anukūladhammadesanatthaṃ cariyāvisesaṃ passati dhātuvemattadassanato. Atha nesaṃ nānādhimuttikatāñāṇena adhimuttiṃ passati payogaṃ anādiyitvāpi adhimuttivasena dhammadesanatthaṃ . Athevaṃ diṭṭhaadhimuttīnaṃ yathāsatti yathābalaṃ dhammaṃ desetuṃ indriyaparopariyattañāṇena indriyaparopariyattaṃ passati saddhādīnaṃ tikkhamudubhāvadassanato. Evaṃ pariññātindriyaparopariyattāpi panete sace dūre honti, atha jhānādiñāṇena jhānādīsu vasībhūtattā iddhivisesena khippaṃ upagacchati. Upagantvā ca nesaṃ pubbenivāsānussatiñāṇena pubbajātivibhāvanaṃ dibbacakkhānubhāvato pattabbena cetopariyañāṇena sampati cittavisesaṃ passanto āsavakkhayañāṇānubhāvena āsavakkhayagāminiyā paṭipadāya vigatasammohattā āsavakkhayāya dhammaṃ deseti. Tasmā iminānukkamena imāni dasa balāni vuttānīti veditabbānīti.

    ๔๕. อิทานิ สพฺพพลานิ ลกฺขณโต นิทฺทิสิตุกาโม เกนเฎฺฐน สทฺธาพลนฺติอาทินา นเยน ปุจฺฉํ กตฺวา อสฺสทฺธิเย อกมฺปิยเฎฺฐนาติอาทินา นเยน วิสฺสชฺชนํ อกาสิฯ ตตฺถ หิรียตีติอาทิ ปุคฺคลาธิฎฺฐานา เทสนาฯ ภาวนาพลาทีสุ อธิฎฺฐานพลปริยเนฺตสุ ‘‘ตตฺถา’’ติ จ, ‘‘เตนา’’ติ จ, ‘‘ต’’นฺติ จ เนกฺขมฺมาทิกเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เตน จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ เตน สมาธินา จิตฺตํ เอกคฺคํ โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ ชาเตติ ตตฺถ สมเถ สมฺปโยควเสน ชาเต, ตสฺมิํ วา วิปสฺสนารมฺมณํ หุตฺวา ชาเตฯ ตตฺถ สิกฺขตีติ ตตฺถ เสขพเล เสโข สิกฺขตีติ เสขพลนฺติ อโตฺถฯ ตตฺถ สิกฺขิตตฺตาติ ตตฺถ อเสขพเล อเสขสฺส สิกฺขิตตฺตา อเสขพลํฯ เตน อาสวา ขีณาติ เตน โลกิยโลกุตฺตเรน ญาเณน อาสวา ขีณาติ ตํ ญาณํ ขีณาสวพลํ ฯ โลกิเยนาปิ หิ ญาเณน อาสวา ขีณา นาม วิปสฺสนาย อภาเว โลกุตฺตรมคฺคาภาวโตฯ เอวํ ขีณาสวสฺส พลนฺติ ขีณาสวพลํฯ ตสฺส อิชฺฌตีติ อิทฺธิพลนฺติ ตสฺส อิทฺธิมโต อิชฺฌตีติ อิทฺธิเยว พลํ อิทฺธิพลํฯ อปฺปเมยฺยเฎฺฐนาติ ยสฺมา สาวกา ฐานาฎฺฐานาทีนิ เอกเทเสน ชานนฺติ, สพฺพากาเรน ปชานนํเยว สนฺธาย ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ วุตฺตํฯ กิญฺจาปิ ตีสุ วิชฺชาสุ ‘‘ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ น วุตฺตํ, อญฺญตฺถ ปน วุตฺตตฺตา ตาสุปิ วุตฺตเมว โหติฯ อญฺญตฺถาติ เสเสสุ สตฺตสุ ญาณพเลสุ จ อภิธเมฺม (วิภ. ๗๖๐) จ ทสสุปิ พเลสุฯ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณํ ปน สพฺพถาปิ สาวเกหิ อสาธารณเมวฯ ตสฺมา ทสปิ พลานิ สาวเกหิ อสาธารณานีติฯ อธิมตฺตเฎฺฐน อตุลิยเฎฺฐน อปฺปเมยฺยานิ, ตสฺมาเยว จ ‘‘อปฺปเมยฺยเฎฺฐน ตถาคตพล’’นฺติ วุตฺตนฺติฯ

    45. Idāni sabbabalāni lakkhaṇato niddisitukāmo kenaṭṭhena saddhābalantiādinā nayena pucchaṃ katvā assaddhiye akampiyaṭṭhenātiādinā nayena vissajjanaṃ akāsi. Tattha hirīyatītiādi puggalādhiṭṭhānā desanā. Bhāvanābalādīsu adhiṭṭhānabalapariyantesu ‘‘tatthā’’ti ca, ‘‘tenā’’ti ca, ‘‘ta’’nti ca nekkhammādikameva sandhāya vuttanti veditabbaṃ. Tena cittaṃ ekagganti tena samādhinā cittaṃ ekaggaṃ hotīti vuttaṃ hoti. Tattha jāteti tattha samathe sampayogavasena jāte, tasmiṃ vā vipassanārammaṇaṃ hutvā jāte. Tattha sikkhatīti tattha sekhabale sekho sikkhatīti sekhabalanti attho. Tattha sikkhitattāti tattha asekhabale asekhassa sikkhitattā asekhabalaṃ. Tena āsavā khīṇāti tena lokiyalokuttarena ñāṇena āsavā khīṇāti taṃ ñāṇaṃ khīṇāsavabalaṃ . Lokiyenāpi hi ñāṇena āsavā khīṇā nāma vipassanāya abhāve lokuttaramaggābhāvato. Evaṃ khīṇāsavassa balanti khīṇāsavabalaṃ. Tassa ijjhatīti iddhibalanti tassa iddhimato ijjhatīti iddhiyeva balaṃ iddhibalaṃ. Appameyyaṭṭhenāti yasmā sāvakā ṭhānāṭṭhānādīni ekadesena jānanti, sabbākārena pajānanaṃyeva sandhāya ‘‘yathābhūtaṃ pajānātī’’ti vuttaṃ. Kiñcāpi tīsu vijjāsu ‘‘yathābhūtaṃ pajānātī’’ti na vuttaṃ, aññattha pana vuttattā tāsupi vuttameva hoti. Aññatthāti sesesu sattasu ñāṇabalesu ca abhidhamme (vibha. 760) ca dasasupi balesu. Indriyaparopariyattañāṇaṃ pana sabbathāpi sāvakehi asādhāraṇameva. Tasmā dasapi balāni sāvakehi asādhāraṇānīti. Adhimattaṭṭhena atuliyaṭṭhena appameyyāni, tasmāyeva ca ‘‘appameyyaṭṭhena tathāgatabala’’nti vuttanti.

    พลกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Balakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๙. พลกถา • 9. Balakathā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact