Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตํ
9. Bālapaṇḍitasuttaṃ
๒๔๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
246. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานิ พาลนิมิตฺตานิ พาลาปทานานิฯ กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฎกมฺมการี จฯ โน เจตํ 1, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ อภวิสฺส ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฎกมฺมการี จ เกน นํ 2 ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ – ‘พาโล อยํ ภวํ อสปฺปุริโส’ติ? ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, พาโล ทุจฺจินฺติตจินฺตี จ โหติ ทุพฺภาสิตภาสี จ ทุกฺกฎกมฺมการี จ ตสฺมา นํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ – ‘พาโล อยํ ภวํ อสปฺปุริโส’ติฯ ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล ติวิธํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ สเจ, ภิกฺขเว, พาโล สภายํ วา นิสิโนฺน โหติ, รถิกาย 3 วา นิสิโนฺน โหติ, สิงฺฆาฎเก วา นิสิโนฺน โหติ; ตตฺร เจ ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มเนฺตติฯ สเจ, ภิกฺขเว, พาโล ปาณาติปาตี โหติ, อทินฺนาทายี โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารี โหติ, มุสาวาที โหติ, สุราเมรยมชฺชปมาทฎฺฐายี โหติ, ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํ โข ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มเนฺตติ, สํวิชฺชเนฺตว เต 4 ธมฺมา มยิ, อหญฺจ เตสุ ธเมฺมสุ สนฺทิสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, พาโล ปฐมํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ
‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, bālassa bālalakkhaṇāni bālanimittāni bālāpadānāni. Katamāni tīṇi? Idha, bhikkhave, bālo duccintitacintī ca hoti dubbhāsitabhāsī ca dukkaṭakammakārī ca. No cetaṃ 5, bhikkhave, bālo duccintitacintī ca abhavissa dubbhāsitabhāsī ca dukkaṭakammakārī ca kena naṃ 6 paṇḍitā jāneyyuṃ – ‘bālo ayaṃ bhavaṃ asappuriso’ti? Yasmā ca kho, bhikkhave, bālo duccintitacintī ca hoti dubbhāsitabhāsī ca dukkaṭakammakārī ca tasmā naṃ paṇḍitā jānanti – ‘bālo ayaṃ bhavaṃ asappuriso’ti. Sa kho so, bhikkhave, bālo tividhaṃ diṭṭheva dhamme dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti. Sace, bhikkhave, bālo sabhāyaṃ vā nisinno hoti, rathikāya 7 vā nisinno hoti, siṅghāṭake vā nisinno hoti; tatra ce jano tajjaṃ tassāruppaṃ kathaṃ manteti. Sace, bhikkhave, bālo pāṇātipātī hoti, adinnādāyī hoti, kāmesumicchācārī hoti, musāvādī hoti, surāmerayamajjapamādaṭṭhāyī hoti, tatra, bhikkhave, bālassa evaṃ hoti – ‘yaṃ kho jano tajjaṃ tassāruppaṃ kathaṃ manteti, saṃvijjanteva te 8 dhammā mayi, ahañca tesu dhammesu sandissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, bālo paṭhamaṃ diṭṭheva dhamme dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti.
๒๔๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, พาโล ปสฺสติ ราชาโน โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรเนฺต – กสาหิปิ ตาเฬเนฺต เวเตฺตหิปิ ตาเฬเนฺต อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬเนฺต หตฺถมฺปิ ฉินฺทเนฺต ปาทมฺปิ ฉินฺทเนฺต หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทเนฺต กณฺณมฺปิ ฉินฺทเนฺต นาสมฺปิ ฉินฺทเนฺต กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทเนฺต พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรเนฺต สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรเนฺต ราหุมุขมฺปิ กโรเนฺต โชติมาลิกมฺปิ กโรเนฺต หตฺถปโชฺชติกมฺปิ กโรเนฺต เอรกวตฺติกมฺปิ กโรเนฺต จีรกวาสิกมฺปิ กโรเนฺต เอเณยฺยกมฺปิ กโรเนฺต พฬิสมํสิกมฺปิ กโรเนฺต กหาปณิกมฺปิ กโรเนฺต ขาราปตจฺฉิกมฺปิ 9 กโรเนฺต ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรเนฺต ปลาลปีฐกมฺปิ 10 กโรเนฺต ตเตฺตนปิ เตเลน โอสิญฺจเนฺต สุนเขหิปิ ขาทาเปเนฺต ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสเนฺต อสินาปิ สีสํ ฉินฺทเนฺตฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ – ‘ยถารูปานํ โข ปาปกานํ กมฺมานํ เหตุ ราชาโน โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ – กสาหิปิ ตาเฬนฺติ…เป.… อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ; สํวิชฺชเนฺตว เต ธมฺมา มยิ, อหญฺจ เตสุ ธเมฺมสุ สนฺทิสฺสามิฯ มํ เจปิ ราชาโน 11 ชาเนยฺยุํ, มมฺปิ ราชาโน คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรยฺยุํ – กสาหิปิ ตาเฬยฺยุํ…เป.… ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสยฺยุํ, อสินาปิ สีสํ ฉิเนฺทยฺยุ’นฺติฯ อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, พาโล ทุติยํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ
247. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bālo passati rājāno coraṃ āgucāriṃ gahetvā vividhā kammakāraṇā kārente – kasāhipi tāḷente vettehipi tāḷente addhadaṇḍakehipi tāḷente hatthampi chindante pādampi chindante hatthapādampi chindante kaṇṇampi chindante nāsampi chindante kaṇṇanāsampi chindante bilaṅgathālikampi karonte saṅkhamuṇḍikampi karonte rāhumukhampi karonte jotimālikampi karonte hatthapajjotikampi karonte erakavattikampi karonte cīrakavāsikampi karonte eṇeyyakampi karonte baḷisamaṃsikampi karonte kahāpaṇikampi karonte khārāpatacchikampi 12 karonte palighaparivattikampi karonte palālapīṭhakampi 13 karonte tattenapi telena osiñcante sunakhehipi khādāpente jīvantampi sūle uttāsente asināpi sīsaṃ chindante. Tatra, bhikkhave, bālassa evaṃ hoti – ‘yathārūpānaṃ kho pāpakānaṃ kammānaṃ hetu rājāno coraṃ āgucāriṃ gahetvā vividhā kammakāraṇā kārenti – kasāhipi tāḷenti…pe… asināpi sīsaṃ chindanti; saṃvijjanteva te dhammā mayi, ahañca tesu dhammesu sandissāmi. Maṃ cepi rājāno 14 jāneyyuṃ, mampi rājāno gahetvā vividhā kammakāraṇā kāreyyuṃ – kasāhipi tāḷeyyuṃ…pe… jīvantampi sūle uttāseyyuṃ, asināpi sīsaṃ chindeyyu’nti. Idampi, bhikkhave, bālo dutiyaṃ diṭṭheva dhamme dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti.
๒๔๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, พาลํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ 15 วา เสมานํ, ยานิสฺส ปุเพฺพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฎานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยา โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, พาลํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ, ยานิสฺส ปุเพฺพ ปาปกานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน ทุจฺจริตานิ วาจาย ทุจฺจริตานิ มนสา ทุจฺจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺส เอวํ โหติ – ‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตาณํ; กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิสํฯ ยาวตา, โภ, อกตกลฺยาณานํ อกตกุสลานํ อกตภีรุตฺตาณานํ กตปาปานํ กตลุทฺทานํ กตกิพฺพิสานํ คติ ตํ คติํ เปจฺจ คจฺฉามี’ติฯ โส โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, พาโล ตติยํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ
248. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bālaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ 16 vā semānaṃ, yānissa pubbe pāpakāni kammāni katāni kāyena duccaritāni vācāya duccaritāni manasā duccaritāni tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Seyyathāpi, bhikkhave, mahataṃ pabbatakūṭānaṃ chāyā sāyanhasamayaṃ pathaviyā olambanti ajjholambanti abhippalambanti; evameva kho, bhikkhave, bālaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ vā semānaṃ, yānissa pubbe pāpakāni kammāni katāni kāyena duccaritāni vācāya duccaritāni manasā duccaritāni tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Tatra, bhikkhave, bālassa evaṃ hoti – ‘akataṃ vata me kalyāṇaṃ, akataṃ kusalaṃ, akataṃ bhīruttāṇaṃ; kataṃ pāpaṃ, kataṃ luddaṃ, kataṃ kibbisaṃ. Yāvatā, bho, akatakalyāṇānaṃ akatakusalānaṃ akatabhīruttāṇānaṃ katapāpānaṃ kataluddānaṃ katakibbisānaṃ gati taṃ gatiṃ pecca gacchāmī’ti. So socati kilamati paridevati urattāḷiṃ kandati sammohaṃ āpajjati. Idampi, bhikkhave, bālo tatiyaṃ diṭṭheva dhamme dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อนิฎฺฐํ เอกนฺตํ อกนฺตํ เอกนฺตํ อมนาป’นฺติ, นิรยเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อนิฎฺฐํ เอกนฺตํ อกนฺตํ เอกนฺตํ อมนาป’นฺติฯ ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, อุปมาปิ 17 น สุกรา ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, bālo kāyena duccaritaṃ caritvā vācāya duccaritaṃ caritvā manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Yaṃ kho taṃ, bhikkhave, sammā vadamāno vadeyya – ‘ekantaṃ aniṭṭhaṃ ekantaṃ akantaṃ ekantaṃ amanāpa’nti, nirayameva taṃ sammā vadamāno vadeyya – ‘ekantaṃ aniṭṭhaṃ ekantaṃ akantaṃ ekantaṃ amanāpa’nti. Yāvañcidaṃ, bhikkhave, upamāpi 18 na sukarā yāva dukkhā nirayā’’ti.
๒๔๙. เอวํ วุเตฺต, อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา ปน, ภเนฺต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา รโญฺญ ทเสฺสยฺยุํ – ‘อยํ โข, เทว, โจโร อาคุจารี, อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติฯ ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ, โภ, อิมํ ปุริสํ ปุพฺพณฺหสมยํ สตฺติสเตน หนถา’ติ ฯ ตเมนํ ปุพฺพณฺหสมยํ สตฺติสเตน หเนยฺยุํฯ อถ ราชา มชฺฌนฺหิกสมยํ 19 เอวํ วเทยฺย – ‘อโมฺภ, กถํ โส ปุริโส’ติ? ‘‘‘ตเถว, เทว, ชีวตี’ติฯ ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ, โภ, ตํ ปุริสํ มชฺฌนฺหิกสมยํ สตฺติสเตน หนถา’ติฯ ตเมนํ มชฺฌนฺหิกสมยํ สตฺติสเตน หเนยฺยุํฯ อถ ราชา สายนฺหสมยํ เอวํ วเทยฺย – ‘อโมฺภ, กถํ โส ปุริโส’ติ? ‘ตเถว, เทว, ชีวตี’ติฯ ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย – ‘คจฺฉถ, โภ, ตํ ปุริสํ สายนฺหสมยํ สตฺติสเตน หนถา’ติฯ ตเมนํ สายนฺหสมยํ สตฺติสเตน หเนยฺยุํฯ ตํ กิํ มญฺญถ , ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส ตีหิ สตฺติสเตหิ หญฺญมาโน ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวทิเยถา’’ติ? ‘‘เอกิสฺสาปิ, ภเนฺต, สตฺติยา หญฺญมาโน โส ปุริโส ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวทิเยถ, โก ปน วาโท ตีหิ สตฺติสเตหี’’ติ?
249. Evaṃ vutte, aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sakkā pana, bhante, upamaṃ kātu’’nti? ‘‘Sakkā bhikkhū’’ti bhagavā avoca. Seyyathāpi, bhikkhu, coraṃ āgucāriṃ gahetvā rañño dasseyyuṃ – ‘ayaṃ kho, deva, coro āgucārī, imassa yaṃ icchasi taṃ daṇḍaṃ paṇehī’ti. Tamenaṃ rājā evaṃ vadeyya – ‘gacchatha, bho, imaṃ purisaṃ pubbaṇhasamayaṃ sattisatena hanathā’ti . Tamenaṃ pubbaṇhasamayaṃ sattisatena haneyyuṃ. Atha rājā majjhanhikasamayaṃ 20 evaṃ vadeyya – ‘ambho, kathaṃ so puriso’ti? ‘‘‘Tatheva, deva, jīvatī’ti. Tamenaṃ rājā evaṃ vadeyya – ‘gacchatha, bho, taṃ purisaṃ majjhanhikasamayaṃ sattisatena hanathā’ti. Tamenaṃ majjhanhikasamayaṃ sattisatena haneyyuṃ. Atha rājā sāyanhasamayaṃ evaṃ vadeyya – ‘ambho, kathaṃ so puriso’ti? ‘Tatheva, deva, jīvatī’ti. Tamenaṃ rājā evaṃ vadeyya – ‘gacchatha, bho, taṃ purisaṃ sāyanhasamayaṃ sattisatena hanathā’ti. Tamenaṃ sāyanhasamayaṃ sattisatena haneyyuṃ. Taṃ kiṃ maññatha , bhikkhave, api nu so puriso tīhi sattisatehi haññamāno tatonidānaṃ dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvediyethā’’ti? ‘‘Ekissāpi, bhante, sattiyā haññamāno so puriso tatonidānaṃ dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvediyetha, ko pana vādo tīhi sattisatehī’’ti?
๒๕๐. อถ โข ภควา ปริตฺตํ ปาณิมตฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตโม นุ โข มหนฺตตโร – โย จายํ มยา ปริโตฺต ปาณิมโตฺต ปาสาโณ คหิโต, โย จ หิมวา ปพฺพตราชา’’ติ? ‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ, ภเนฺต, ภควตา ปริโตฺต ปาณิมโตฺต ปาสาโณ คหิโต, หิมวนฺตํ ปพฺพตราชานํ อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ, อุปนิธมฺปิ 21 น อุเปติ’’ฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ โส ปุริโส ตีหิ สตฺติสเตหิ หญฺญมาโน ตโตนิทานํ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ ตํ นิรยกสฺส ทุกฺขสฺส อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ, กลภาคมฺปิ น อุเปติ, อุปนิธมฺปิ น อุเปติ’’ฯ
250. Atha kho bhagavā parittaṃ pāṇimattaṃ pāsāṇaṃ gahetvā bhikkhū āmantesi – ‘‘taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamo nu kho mahantataro – yo cāyaṃ mayā paritto pāṇimatto pāsāṇo gahito, yo ca himavā pabbatarājā’’ti? ‘‘Appamattako ayaṃ, bhante, bhagavatā paritto pāṇimatto pāsāṇo gahito, himavantaṃ pabbatarājānaṃ upanidhāya saṅkhampi na upeti, kalabhāgampi na upeti, upanidhampi 22 na upeti’’. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, yaṃ so puriso tīhi sattisatehi haññamāno tatonidānaṃ dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedeti taṃ nirayakassa dukkhassa upanidhāya saṅkhampi na upeti, kalabhāgampi na upeti, upanidhampi na upeti’’.
‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปญฺจวิธพนฺธนํ นาม กมฺมการณํ กโรนฺติ – ตตฺตํ อโยขิลํ 23 หเตฺถ คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติเย หเตฺถ คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ปาเท คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ ทุติเย ปาเท คเมนฺติ, ตตฺตํ อโยขิลํ มเชฺฌ อุรสฺมิํ คเมนฺติฯ โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติ 24ฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา สํเวเสตฺวา กุฐารีหิ 25 ตจฺฉนฺติฯ โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา…เป.… พฺยนฺตีโหติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา วาสีหิ ตจฺฉนฺติฯ โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา…เป.… พฺยนฺตีโหติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา รเถ โยเชตฺวา อาทิตฺตาย ปถวิยา สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย 26 สาเรนฺติปิ ปจฺจาสาเรนฺติปิ ฯ โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา…เป.… พฺยนฺตีโหติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา มหนฺตํ องฺคารปพฺพตํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ อาโรเปนฺติปิ โอโรเปนฺติปิฯ โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลํ กโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ คเหตฺวา ตตฺตาย โลหกุมฺภิยา ปกฺขิปนฺติ อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตายฯ โส ตตฺถ เผณุเทฺทหกํ ปจฺจติฯ โส ตตฺถ เผณุเทฺทหกํ ปจฺจมาโน สกิมฺปิ อุทฺธํ คจฺฉติ, สกิมฺปิ อโธ คจฺฉติ, สกิมฺปิ ติริยํ คจฺฉติฯ โส ตตฺถ ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฎุกา เวทนา เวเทติ, น จ ตาว กาลงฺกโรติ ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหติฯ ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา 27 มหานิรเย ปกฺขิปนฺติฯ โส โข ปน, ภิกฺขเว, มหานิรโย –
‘‘Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā pañcavidhabandhanaṃ nāma kammakāraṇaṃ karonti – tattaṃ ayokhilaṃ 28 hatthe gamenti, tattaṃ ayokhilaṃ dutiye hatthe gamenti, tattaṃ ayokhilaṃ pāde gamenti, tattaṃ ayokhilaṃ dutiye pāde gamenti, tattaṃ ayokhilaṃ majjhe urasmiṃ gamenti. So tattha dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedeti, na ca tāva kālaṃ karoti yāva na taṃ pāpakammaṃ byantīhoti 29. Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā saṃvesetvā kuṭhārīhi 30 tacchanti. So tattha dukkhā tibbā…pe… byantīhoti. Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā uddhaṃpādaṃ adhosiraṃ gahetvā vāsīhi tacchanti. So tattha dukkhā tibbā…pe… byantīhoti. Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā rathe yojetvā ādittāya pathaviyā sampajjalitāya sajotibhūtāya 31 sārentipi paccāsārentipi . So tattha dukkhā tibbā…pe… byantīhoti. Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā mahantaṃ aṅgārapabbataṃ ādittaṃ sampajjalitaṃ sajotibhūtaṃ āropentipi oropentipi. So tattha dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedeti, na ca tāva kālaṃ karoti yāva na taṃ pāpakammaṃ byantīhoti. Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā uddhaṃpādaṃ adhosiraṃ gahetvā tattāya lohakumbhiyā pakkhipanti ādittāya sampajjalitāya sajotibhūtāya. So tattha pheṇuddehakaṃ paccati. So tattha pheṇuddehakaṃ paccamāno sakimpi uddhaṃ gacchati, sakimpi adho gacchati, sakimpi tiriyaṃ gacchati. So tattha dukkhā tibbā kharā kaṭukā vedanā vedeti, na ca tāva kālaṅkaroti yāva na taṃ pāpakammaṃ byantīhoti. Tamenaṃ, bhikkhave, nirayapālā 32 mahāniraye pakkhipanti. So kho pana, bhikkhave, mahānirayo –
‘‘จตุกฺกโณฺณ จตุทฺวาโร, วิภโตฺต ภาคโส มิโต;
‘‘Catukkaṇṇo catudvāro, vibhatto bhāgaso mito;
อโยปาการปริยโนฺต, อยสา ปฎิกุชฺชิโตฯ
Ayopākārapariyanto, ayasā paṭikujjito.
‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;
‘‘Tassa ayomayā bhūmi, jalitā tejasā yutā;
สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฎฺฐติ สพฺพทา’’ฯ
Samantā yojanasataṃ, pharitvā tiṭṭhati sabbadā’’.
‘‘อเนกปริยาเยนปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, นิรยกถํ กเถยฺยํ; ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว ทุกฺขา นิรยาฯ
‘‘Anekapariyāyenapi kho ahaṃ, bhikkhave, nirayakathaṃ katheyyaṃ; yāvañcidaṃ, bhikkhave, na sukarā akkhānena pāpuṇituṃ yāva dukkhā nirayā.
๒๕๑. ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา ติณภกฺขาฯ เต อลฺลานิปิ ติณานิ สุกฺขานิปิ ติณานิ ทนฺตุเลฺลหกํ ขาทนฺติฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา ติณภกฺขา? หตฺถี อสฺสา โคณา คทฺรภา อชา มิคา, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา ติณภกฺขาฯ ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุเพฺพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา ติณภกฺขาฯ
251. ‘‘Santi, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā tiṇabhakkhā. Te allānipi tiṇāni sukkhānipi tiṇāni dantullehakaṃ khādanti. Katame ca, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā tiṇabhakkhā? Hatthī assā goṇā gadrabhā ajā migā, ye vā panaññepi keci tiracchānagatā pāṇā tiṇabhakkhā. Sa kho so, bhikkhave, bālo idha pubbe rasādo idha pāpāni kammāni karitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tesaṃ sattānaṃ sahabyataṃ upapajjati ye te sattā tiṇabhakkhā.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขาฯ เต ทูรโตว คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ธาวนฺติ – ‘เอตฺถ ภุญฺชิสฺสาม, เอตฺถ ภุญฺชิสฺสามา’ติฯ เสยฺยถาปิ นาม พฺราหฺมณา อาหุติคเนฺธน ธาวนฺติ – ‘เอตฺถ ภุญฺชิสฺสาม, เอตฺถ ภุญฺชิสฺสามา’ติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, สนฺติ ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขา, เต ทูรโตว คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ธาวนฺติ – ‘เอตฺถ ภุญฺชิสฺสาม, เอตฺถ ภุญฺชิสฺสามา’ติฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขา? กุกฺกุฎา สูกรา โสณา สิงฺคาลา, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา คูถภกฺขาฯ ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุเพฺพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา คูถภกฺขาฯ
‘‘Santi, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā gūthabhakkhā. Te dūratova gūthagandhaṃ ghāyitvā dhāvanti – ‘ettha bhuñjissāma, ettha bhuñjissāmā’ti. Seyyathāpi nāma brāhmaṇā āhutigandhena dhāvanti – ‘ettha bhuñjissāma, ettha bhuñjissāmā’ti; evameva kho, bhikkhave, santi tiracchānagatā pāṇā gūthabhakkhā, te dūratova gūthagandhaṃ ghāyitvā dhāvanti – ‘ettha bhuñjissāma, ettha bhuñjissāmā’ti. Katame ca, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā gūthabhakkhā? Kukkuṭā sūkarā soṇā siṅgālā, ye vā panaññepi keci tiracchānagatā pāṇā gūthabhakkhā. Sa kho so, bhikkhave, bālo idha pubbe rasādo idha pāpāni kammāni karitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tesaṃ sattānaṃ sahabyataṃ upapajjati ye te sattā gūthabhakkhā.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ 33 อนฺธกาเร มียนฺติ 34ฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ อนฺธกาเร มียนฺติ? กีฎา ปุฬวา 35 คณฺฑุปฺปาทา, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ อนฺธกาเร มียนฺติฯ ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุเพฺพ รสาโท, อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา อนฺธกาเร ชายนฺติ อนฺธกาเร ชียนฺติ อนฺธกาเร มียนฺติฯ
‘‘Santi, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā andhakāre jāyanti andhakāre jīyanti 36 andhakāre mīyanti 37. Katame ca, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā andhakāre jāyanti andhakāre jīyanti andhakāre mīyanti? Kīṭā puḷavā 38 gaṇḍuppādā, ye vā panaññepi keci tiracchānagatā pāṇā andhakāre jāyanti andhakāre jīyanti andhakāre mīyanti. Sa kho so, bhikkhave, bālo idha pubbe rasādo, idha pāpāni kammāni karitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tesaṃ sattānaṃ sahabyataṃ upapajjati ye te sattā andhakāre jāyanti andhakāre jīyanti andhakāre mīyanti.
‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อุทกสฺมิํ ชายนฺติ อุทกสฺมิํ ชียนฺติ อุทกสฺมิํ มียนฺติฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อุทกสฺมิํ ชายนฺติ อุทกสฺมิํ ชียนฺติ อุทกสฺมิํ มียนฺติ? มจฺฉา กจฺฉปา สุสุมารา, เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา อุทกสฺมิํ ชายนฺติ อุทกสฺมิํ ชียนฺติ อุทกสฺมิํ มียนฺติฯ ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุเพฺพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา อุทกสฺมิํ ชายนฺติ อุทกสฺมิํ ชียนฺติ อุทกสฺมิํ มียนฺติฯ
‘‘Santi, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā udakasmiṃ jāyanti udakasmiṃ jīyanti udakasmiṃ mīyanti. Katame ca, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā udakasmiṃ jāyanti udakasmiṃ jīyanti udakasmiṃ mīyanti? Macchā kacchapā susumārā, ye vā panaññepi keci tiracchānagatā pāṇā udakasmiṃ jāyanti udakasmiṃ jīyanti udakasmiṃ mīyanti. Sa kho so, bhikkhave, bālo idha pubbe rasādo idha pāpāni kammāni karitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tesaṃ sattānaṃ sahabyataṃ upapajjati ye te sattā udakasmiṃ jāyanti udakasmiṃ jīyanti udakasmiṃ mīyanti.
‘‘สนฺติ , ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อสุจิสฺมิํ ชายนฺติ อสุจิสฺมิํ ชียนฺติ อสุจิสฺมิํ มียนฺติฯ กตเม จ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา อสุจิสฺมิํ ชายนฺติ อสุจิสฺมิํ ชียนฺติ อสุจิสฺมิํ มียนฺติ? เย เต, ภิกฺขเว, สตฺตา ปูติมเจฺฉ วา ชายนฺติ ปูติมเจฺฉ วา ชียนฺติ ปูติมเจฺฉ วา มียนฺติ ปูติกุณเป วา…เป.… ปูติกุมฺมาเส วา… จนฺทนิกาย วา… โอลิคเลฺล วา ชายนฺติ, (เย วา ปนเญฺญปิ เกจิ ติรจฺฉานคตา ปาณา อสุจิสฺมิํ ชายนฺติ อสุจิสฺมิํ ชียนฺติ อสุจิสฺมิํ มียนฺติฯ) 39 ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล อิธ ปุเพฺพ รสาโท อิธ ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เตสํ สตฺตานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ เย เต สตฺตา อสุจิสฺมิํ ชายนฺติ อสุจิสฺมิํ ชียนฺติ อสุจิสฺมิํ มียนฺติฯ
‘‘Santi , bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā asucismiṃ jāyanti asucismiṃ jīyanti asucismiṃ mīyanti. Katame ca, bhikkhave, tiracchānagatā pāṇā asucismiṃ jāyanti asucismiṃ jīyanti asucismiṃ mīyanti? Ye te, bhikkhave, sattā pūtimacche vā jāyanti pūtimacche vā jīyanti pūtimacche vā mīyanti pūtikuṇape vā…pe… pūtikummāse vā… candanikāya vā… oligalle vā jāyanti, (ye vā panaññepi keci tiracchānagatā pāṇā asucismiṃ jāyanti asucismiṃ jīyanti asucismiṃ mīyanti.) 40 Sa kho so, bhikkhave, bālo idha pubbe rasādo idha pāpāni kammāni karitvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā tesaṃ sattānaṃ sahabyataṃ upapajjati ye te sattā asucismiṃ jāyanti asucismiṃ jīyanti asucismiṃ mīyanti.
‘‘อเนกปริยาเยนปิ โข อหํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานโยนิกถํ กเถยฺยํ; ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว ทุกฺขา ติรจฺฉานโยนิฯ
‘‘Anekapariyāyenapi kho ahaṃ, bhikkhave, tiracchānayonikathaṃ katheyyaṃ; yāvañcidaṃ, bhikkhave, na sukaraṃ akkhānena pāpuṇituṃ yāva dukkhā tiracchānayoni.
๒๕๒. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส เอกจฺฉิคฺคลํ ยุคํ มหาสมุเทฺท ปกฺขิเปยฺยฯ ตเมนํ ปุรตฺถิโม วาโต ปจฺฉิเมน สํหเรยฺย, ปจฺฉิโม วาโต ปุรตฺถิเมน สํหเรยฺย, อุตฺตโร วาโต ทกฺขิเณน สํหเรยฺย, ทกฺขิโณ วาโต อุตฺตเรน สํหเรยฺยฯ ตตฺราสฺส กาโณ กจฺฉโป, โส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส 41 อจฺจเยน สกิํ อุมฺมุเชฺชยฺยฯ ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส กาโณ กจฺฉโป อมุสฺมิํ เอกจฺฉิคฺคเล ยุเค คีวํ ปเวเสยฺยา’’ติ? (‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ) 42 ‘‘ยทิ ปน 43, ภเนฺต, กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยนา’’ติฯ ‘‘ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขเว, กาโณ กจฺฉโป อมุสฺมิํ เอกจฺฉิคฺคเล ยุเค คีวํ ปเวเสยฺย, อโต ทุลฺลภตราหํ, ภิกฺขเว, มนุสฺสตฺตํ วทามิ สกิํ วินิปาตคเตน พาเลนฯ ตํ กิสฺส เหตุ? น เหตฺถ, ภิกฺขเว, อตฺถิ ธมฺมจริยา สมจริยา กุสลกิริยา ปุญฺญกิริยาฯ อญฺญมญฺญขาทิกา เอตฺถ, ภิกฺขเว, วตฺตติ ทุพฺพลขาทิกา’’ฯ
252. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, puriso ekacchiggalaṃ yugaṃ mahāsamudde pakkhipeyya. Tamenaṃ puratthimo vāto pacchimena saṃhareyya, pacchimo vāto puratthimena saṃhareyya, uttaro vāto dakkhiṇena saṃhareyya, dakkhiṇo vāto uttarena saṃhareyya. Tatrāssa kāṇo kacchapo, so vassasatassa vassasatassa 44 accayena sakiṃ ummujjeyya. Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu so kāṇo kacchapo amusmiṃ ekacchiggale yuge gīvaṃ paveseyyā’’ti? (‘‘No hetaṃ, bhante’’.) 45 ‘‘Yadi pana 46, bhante, kadāci karahaci dīghassa addhuno accayenā’’ti. ‘‘Khippataraṃ kho so, bhikkhave, kāṇo kacchapo amusmiṃ ekacchiggale yuge gīvaṃ paveseyya, ato dullabhatarāhaṃ, bhikkhave, manussattaṃ vadāmi sakiṃ vinipātagatena bālena. Taṃ kissa hetu? Na hettha, bhikkhave, atthi dhammacariyā samacariyā kusalakiriyā puññakiriyā. Aññamaññakhādikā ettha, bhikkhave, vattati dubbalakhādikā’’.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, พาโล สเจ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยานิ ตานิ นีจกุลานิ – จณฺฑาลกุลํ วา เนสาทกุลํ วา เวนกุลํ 47 วา รถการกุลํ วา ปุกฺกุสกุลํ วาฯ ตถารูเป กุเล ปจฺจาชายติ ทลิเทฺท อปฺปนฺนปานโภชเน กสิรวุตฺติเก, ยตฺถ กสิเรน ฆาสจฺฉาโท ลพฺภติฯ โส จ โหติ ทุพฺพโณฺณ ทุทฺทสิโก โอโกฎิมโก พวฺหาพาโธ 48 กาโณ วา กุณี วา ขุโชฺช วา ปกฺขหโต วา น ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺสฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, bālo sace kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena manussattaṃ āgacchati, yāni tāni nīcakulāni – caṇḍālakulaṃ vā nesādakulaṃ vā venakulaṃ 49 vā rathakārakulaṃ vā pukkusakulaṃ vā. Tathārūpe kule paccājāyati dalidde appannapānabhojane kasiravuttike, yattha kasirena ghāsacchādo labbhati. So ca hoti dubbaṇṇo duddasiko okoṭimako bavhābādho 50 kāṇo vā kuṇī vā khujjo vā pakkhahato vā na lābhī annassa pānassa vatthassa yānassa mālāgandhavilepanassa seyyāvasathapadīpeyyassa. So kāyena duccaritaṃ carati vācāya duccaritaṃ carati manasā duccaritaṃ carati. So kāyena duccaritaṃ caritvā vācāya duccaritaṃ caritvā manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati.
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อกฺขธุโตฺต ปฐเมเนว กลิคฺคเหน ปุตฺตมฺปิ ชีเยถ, ทารมฺปิ ชีเยถ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ ชีเยถ, อุตฺตริปิ อธิพนฺธํ 51 นิคเจฺฉยฺยฯ อปฺปมตฺตโก โส, ภิกฺขเว, กลิคฺคโห ยํ โส อกฺขธุโตฺต ปฐเมเนว กลิคฺคเหน ปุตฺตมฺปิ ชีเยถ, ทารมฺปิ ชีเยถ, สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ ชีเยถ, อุตฺตริปิ อธิพนฺธํ นิคเจฺฉยฺยฯ อถ โข อยเมว ตโต มหนฺตตโร กลิคฺคโห ยํ โส พาโล กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติฯ อยํ, ภิกฺขเว, เกวลา ปริปูรา 52 พาลภูมี’’ติฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, akkhadhutto paṭhameneva kaliggahena puttampi jīyetha, dārampi jīyetha, sabbaṃ sāpateyyampi jīyetha, uttaripi adhibandhaṃ 53 nigaccheyya. Appamattako so, bhikkhave, kaliggaho yaṃ so akkhadhutto paṭhameneva kaliggahena puttampi jīyetha, dārampi jīyetha, sabbaṃ sāpateyyampi jīyetha, uttaripi adhibandhaṃ nigaccheyya. Atha kho ayameva tato mahantataro kaliggaho yaṃ so bālo kāyena duccaritaṃ caritvā vācāya duccaritaṃ caritvā manasā duccaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati. Ayaṃ, bhikkhave, kevalā paripūrā 54 bālabhūmī’’ti.
๒๕๓. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานิ ปณฺฑิตนิมิตฺตานิ ปณฺฑิตาปทานานิฯ กตมานิ ตีณิ? อิธ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จฯ โน เจตํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ อภวิสฺส สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ, เกน นํ 55 ปณฺฑิตา ชาเนยฺยุํ – ‘ปณฺฑิโต อยํ ภวํ สปฺปุริโส’ติ? ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สุจินฺติตจินฺตี จ โหติ สุภาสิตภาสี จ สุกตกมฺมการี จ ตสฺมา นํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ – ‘ปณฺฑิโต อยํ ภวํ สปฺปุริโส’ติฯ ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ติวิธํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สภายํ วา นิสิโนฺน โหติ, รถิกาย วา นิสิโนฺน โหติ, สิงฺฆาฎเก วา นิสิโนฺน โหติ; ตตฺร เจ ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มเนฺตติ ฯ สเจ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ปาณาติปาตา ปฎิวิรโต โหติ, อทินฺนาทานา ปฎิวิรโต โหติ, กาเมสุมิจฺฉาจารา ปฎิวิรโต โหติ, มุสาวาทา ปฎิวิรโต โหติ, สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฎฺฐานา ปฎิวิรโต โหติ; ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยํ โข ชโน ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปํ กถํ มเนฺตติ; สํวิชฺชเนฺตว เต ธมฺมา มยิ, อหญฺจ เตสุ ธเมฺมสุ สนฺทิสฺสามี’ติฯ อิทํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ปฐมํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ
253. ‘‘Tīṇimāni, bhikkhave, paṇḍitassa paṇḍitalakkhaṇāni paṇḍitanimittāni paṇḍitāpadānāni. Katamāni tīṇi? Idha, bhikkhave, paṇḍito sucintitacintī ca hoti subhāsitabhāsī ca sukatakammakārī ca. No cetaṃ, bhikkhave, paṇḍito sucintitacintī ca abhavissa subhāsitabhāsī ca sukatakammakārī ca, kena naṃ 56 paṇḍitā jāneyyuṃ – ‘paṇḍito ayaṃ bhavaṃ sappuriso’ti? Yasmā ca kho, bhikkhave, paṇḍito sucintitacintī ca hoti subhāsitabhāsī ca sukatakammakārī ca tasmā naṃ paṇḍitā jānanti – ‘paṇḍito ayaṃ bhavaṃ sappuriso’ti. Sa kho so, bhikkhave, paṇḍito tividhaṃ diṭṭheva dhamme sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti. Sace, bhikkhave, paṇḍito sabhāyaṃ vā nisinno hoti, rathikāya vā nisinno hoti, siṅghāṭake vā nisinno hoti; tatra ce jano tajjaṃ tassāruppaṃ kathaṃ manteti . Sace, bhikkhave, paṇḍito pāṇātipātā paṭivirato hoti, adinnādānā paṭivirato hoti, kāmesumicchācārā paṭivirato hoti, musāvādā paṭivirato hoti, surāmerayamajjappamādaṭṭhānā paṭivirato hoti; tatra, bhikkhave, paṇḍitassa evaṃ hoti – ‘yaṃ kho jano tajjaṃ tassāruppaṃ kathaṃ manteti; saṃvijjanteva te dhammā mayi, ahañca tesu dhammesu sandissāmī’ti. Idaṃ, bhikkhave, paṇḍito paṭhamaṃ diṭṭheva dhamme sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti.
๒๕๔. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ปสฺสติ ราชาโน โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรเนฺต – กสาหิปิ ตาเฬเนฺต เวเตฺตหิปิ ตาเฬเนฺต อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬเนฺต หตฺถมฺปิ ฉินฺทเนฺต ปาทมฺปิ ฉินฺทเนฺต หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทเนฺต กณฺณมฺปิ ฉินฺทเนฺต นาสมฺปิ ฉินฺทเนฺต กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทเนฺต พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรเนฺต สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรเนฺต ราหุมุขมฺปิ กโรเนฺต โชติมาลิกมฺปิ กโรเนฺต หตฺถปโชฺชติกมฺปิ กโรเนฺต เอรกวตฺติกมฺปิ กโรเนฺต จีรกวาสิกมฺปิ กโรเนฺต เอเณยฺยกมฺปิ กโรเนฺต พลิสมํสิกมฺปิ กโรเนฺต กหาปณิกมฺปิ กโรเนฺต ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรเนฺต ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรเนฺต ปลาลปีฐกมฺปิ กโรเนฺต ตเตฺตนปิ เตเลน โอสิญฺจเนฺต สุนเขหิปิ ขาทาเปเนฺต ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสเนฺต อสินาปิ สีสํ ฉินฺทเนฺตฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส เอวํ โหติ – ‘ยถารูปานํ โข ปาปกานํ กมฺมานํ เหตุ ราชาโน โจรํ อาคุจาริํ คเหตฺวา วิวิธา กมฺมการณา กาเรนฺติ กสาหิปิ ตาเฬนฺติ, เวเตฺตหิปิ ตาเฬนฺติ, อทฺธทณฺฑเกหิปิ ตาเฬนฺติ, หตฺถมฺปิ ฉินฺทนฺติ , ปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, หตฺถปาทมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณมฺปิ ฉินฺทนฺติ, นาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, กณฺณนาสมฺปิ ฉินฺทนฺติ, พิลงฺคถาลิกมฺปิ กโรนฺติ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ กโรนฺติ, ราหุมุขมฺปิ กโรนฺติ, โชติมาลิกมฺปิ กโรนฺติ, หตฺถปโชฺชติกมฺปิ กโรนฺติ, เอรกวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, จีรกวาสิกมฺปิ กโรนฺติ, เอเณยฺยกมฺปิ กโรนฺติ, พลิสมํสิกมฺปิ กโรนฺติ, กหาปณิกมฺปิ กโรนฺติ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ กโรนฺติ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ กโรนฺติ, ปลาลปีฐกมฺปิ กโรนฺติ, ตเตฺตนปิ เตเลน โอสิญฺจนฺติ, สุนเขหิปิ ขาทาเปนฺติ, ชีวนฺตมฺปิ สูเล อุตฺตาเสนฺติ, อสินาปิ สีสํ ฉินฺทนฺติ, น เต ธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺติ, อหญฺจ น เตสุ ธเมฺมสุ สนฺทิสฺสามี’ติฯ อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ทุติยํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ
254. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, paṇḍito passati rājāno coraṃ āgucāriṃ gahetvā vividhā kammakāraṇā kārente – kasāhipi tāḷente vettehipi tāḷente addhadaṇḍakehipi tāḷente hatthampi chindante pādampi chindante hatthapādampi chindante kaṇṇampi chindante nāsampi chindante kaṇṇanāsampi chindante bilaṅgathālikampi karonte saṅkhamuṇḍikampi karonte rāhumukhampi karonte jotimālikampi karonte hatthapajjotikampi karonte erakavattikampi karonte cīrakavāsikampi karonte eṇeyyakampi karonte balisamaṃsikampi karonte kahāpaṇikampi karonte khārāpatacchikampi karonte palighaparivattikampi karonte palālapīṭhakampi karonte tattenapi telena osiñcante sunakhehipi khādāpente jīvantampi sūle uttāsente asināpi sīsaṃ chindante. Tatra, bhikkhave, paṇḍitassa evaṃ hoti – ‘yathārūpānaṃ kho pāpakānaṃ kammānaṃ hetu rājāno coraṃ āgucāriṃ gahetvā vividhā kammakāraṇā kārenti kasāhipi tāḷenti, vettehipi tāḷenti, addhadaṇḍakehipi tāḷenti, hatthampi chindanti , pādampi chindanti, hatthapādampi chindanti, kaṇṇampi chindanti, nāsampi chindanti, kaṇṇanāsampi chindanti, bilaṅgathālikampi karonti, saṅkhamuṇḍikampi karonti, rāhumukhampi karonti, jotimālikampi karonti, hatthapajjotikampi karonti, erakavattikampi karonti, cīrakavāsikampi karonti, eṇeyyakampi karonti, balisamaṃsikampi karonti, kahāpaṇikampi karonti, khārāpatacchikampi karonti, palighaparivattikampi karonti, palālapīṭhakampi karonti, tattenapi telena osiñcanti, sunakhehipi khādāpenti, jīvantampi sūle uttāsenti, asināpi sīsaṃ chindanti, na te dhammā mayi saṃvijjanti, ahañca na tesu dhammesu sandissāmī’ti. Idampi, bhikkhave, paṇḍito dutiyaṃ diṭṭheva dhamme sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti.
๒๕๕. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ, ยานิสฺส ปุเพฺพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ…เป.… เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหตํ ปพฺพตกูฎานํ ฉายา สายนฺหสมยํ ปถวิยา โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตํ ปีฐสมารูฬฺหํ วา มญฺจสมารูฬฺหํ วา ฉมายํ วา เสมานํ ยานิสฺส ปุเพฺพ กลฺยาณานิ กมฺมานิ กตานิ กาเยน สุจริตานิ วาจาย สุจริตานิ มนสา สุจริตานิ ตานิสฺส ตมฺหิ สมเย โอลมฺพนฺติ อโชฺฌลมฺพนฺติ อภิปฺปลมฺพนฺติฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส เอวํ โหติ – ‘อกตํ วต เม ปาปํ, อกตํ ลุทฺทํ, อกตํ กิพฺพิสํ; กตํ กลฺยาณํ, กตํ กุสลํ, กตํ ภีรุตฺตาณํฯ ยาวตา, โภ, อกตปาปานํ อกตลุทฺทานํ อกตกิพฺพิสานํ กตกลฺยาณานํ กตกุสลานํ กตภีรุตฺตาณานํ คติ ตํ คติํ เปจฺจ คจฺฉามี’ติฯ โส น โสจติ, น กิลมติ, น ปริเทวติ, น อุรตฺตาฬิํ กนฺทติ, น สโมฺมหํ อาปชฺชติฯ อิทมฺปิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต ตติยํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ
255. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, paṇḍitaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ vā semānaṃ, yānissa pubbe kalyāṇāni kammāni katāni kāyena sucaritāni vācāya sucaritāni manasā sucaritāni tānissa tamhi samaye olambanti…pe… seyyathāpi, bhikkhave, mahataṃ pabbatakūṭānaṃ chāyā sāyanhasamayaṃ pathaviyā olambanti ajjholambanti abhippalambanti; evameva kho, bhikkhave, paṇḍitaṃ pīṭhasamārūḷhaṃ vā mañcasamārūḷhaṃ vā chamāyaṃ vā semānaṃ yānissa pubbe kalyāṇāni kammāni katāni kāyena sucaritāni vācāya sucaritāni manasā sucaritāni tānissa tamhi samaye olambanti ajjholambanti abhippalambanti. Tatra, bhikkhave, paṇḍitassa evaṃ hoti – ‘akataṃ vata me pāpaṃ, akataṃ luddaṃ, akataṃ kibbisaṃ; kataṃ kalyāṇaṃ, kataṃ kusalaṃ, kataṃ bhīruttāṇaṃ. Yāvatā, bho, akatapāpānaṃ akataluddānaṃ akatakibbisānaṃ katakalyāṇānaṃ katakusalānaṃ katabhīruttāṇānaṃ gati taṃ gatiṃ pecca gacchāmī’ti. So na socati, na kilamati, na paridevati, na urattāḷiṃ kandati, na sammohaṃ āpajjati. Idampi, bhikkhave, paṇḍito tatiyaṃ diṭṭheva dhamme sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต กาเยน สุจริตํ จริตฺวา วาจาย สุจริตํ จริตฺวา มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ ยํ โข ตํ, ภิกฺขเว, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อิฎฺฐํ เอกนฺตํ กนฺตํ เอกนฺตํ มนาป’นฺติ, สคฺคเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘เอกนฺตํ อิฎฺฐํ เอกนฺตํ กนฺตํ เอกนฺตํ มนาป’นฺติฯ ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, อุปมาปิ น สุกรา ยาว สุขา สคฺคา’’ติฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, paṇḍito kāyena sucaritaṃ caritvā vācāya sucaritaṃ caritvā manasā sucaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Yaṃ kho taṃ, bhikkhave, sammā vadamāno vadeyya – ‘ekantaṃ iṭṭhaṃ ekantaṃ kantaṃ ekantaṃ manāpa’nti, saggameva taṃ sammā vadamāno vadeyya – ‘ekantaṃ iṭṭhaṃ ekantaṃ kantaṃ ekantaṃ manāpa’nti. Yāvañcidaṃ, bhikkhave, upamāpi na sukarā yāva sukhā saggā’’ti.
๒๕๖. เอวํ วุเตฺต, อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สกฺกา ปน, ภเนฺต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจฯ ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต จตูหิ จ อิทฺธีหิ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติฯ กตเมหิ สตฺตหิ? อิธ, ภิกฺขเว, รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํฯ ตํ ทิสฺวาน รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส เอวํ โหติ 57 – ‘สุตํ โข ปน เมตํ ยสฺส รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ, โส โหติ ราชา จกฺกวตฺตีติฯ อสฺสํ นุ โข อหํ ราชา จกฺกวตฺตี’’’ติ?
256. Evaṃ vutte, aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sakkā pana, bhante, upamaṃ kātu’’nti? ‘‘Sakkā bhikkhū’’ti bhagavā avoca. ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, rājā cakkavattī sattahi ratanehi samannāgato catūhi ca iddhīhi tatonidānaṃ sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti. Katamehi sattahi? Idha, bhikkhave, rañño khattiyassa muddhāvasittassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ. Taṃ disvāna rañño khattiyassa muddhāvasittassa evaṃ hoti 58 – ‘sutaṃ kho pana metaṃ yassa rañño khattiyassa muddhāvasittassa tadahuposathe pannarase sīsaṃnhātassa uposathikassa uparipāsādavaragatassa dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati sahassāraṃ sanemikaṃ sanābhikaṃ sabbākāraparipūraṃ, so hoti rājā cakkavattīti. Assaṃ nu kho ahaṃ rājā cakkavattī’’’ti?
‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิโตฺต วาเมน หเตฺถน ภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิรติ – ‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’นฺติฯ อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปวตฺตติฯ อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ ยสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาติ ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุเปติ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว , ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน เต ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช! สฺวาคตํ เต, มหาราช 59! สกํ เต, มหาราช! อนุสาส, มหาราชา’ติ ฯ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปุรตฺถิมาย ทิสาย ปฎิราชาโน เต รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา 60 ภวนฺติ 61ฯ
‘‘Atha kho, bhikkhave, rājā khattiyo muddhāvasitto vāmena hatthena bhiṅkāraṃ gahetvā dakkhiṇena hatthena cakkaratanaṃ abbhukkirati – ‘pavattatu bhavaṃ cakkaratanaṃ, abhivijinātu bhavaṃ cakkaratana’nti. Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ puratthimaṃ disaṃ pavattati. Anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Yasmiṃ kho pana, bhikkhave, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāti tattha rājā cakkavattī vāsaṃ upeti saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Ye kho pana, bhikkhave , puratthimāya disāya paṭirājāno te rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho, mahārāja! Svāgataṃ te, mahārāja 62! Sakaṃ te, mahārāja! Anusāsa, mahārājā’ti . Rājā cakkavattī evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ nādātabbaṃ, kāmesumicchā na caritabbā, musā na bhāsitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ, yathābhuttañca bhuñjathā’ti. Ye kho pana, bhikkhave, puratthimāya disāya paṭirājāno te rañño cakkavattissa anuyantā 63 bhavanti 64.
๒๕๗. ‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา 65 ปจฺจุตฺตริตฺวา ทกฺขิณํ ทิสํ ปวตฺตติ…เป.… ทกฺขิณํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ปจฺฉิมํ ทิสํ ปวตฺตติ… ปจฺฉิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อุตฺตรํ ทิสํ ปวตฺตติ อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ ยสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาติ ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุเปติ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายฯ
257. ‘‘Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ puratthimaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā 66 paccuttaritvā dakkhiṇaṃ disaṃ pavattati…pe… dakkhiṇaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā pacchimaṃ disaṃ pavattati… pacchimaṃ samuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā uttaraṃ disaṃ pavattati anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāya. Yasmiṃ kho pana, bhikkhave, padese cakkaratanaṃ patiṭṭhāti tattha rājā cakkavattī vāsaṃ upeti saddhiṃ caturaṅginiyā senāya.
‘‘เย โข ปน, ภิกฺขเว, อุตฺตราย ทิสาย ปฎิราชาโน เต ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘เอหิ โข, มหาราช! สฺวาคตํ เต, มหาราช! สกํ เต, มหาราช! อนุสาส, มหาราชา’ติฯ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ; ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถา’ติฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, อุตฺตราย ทิสาย ปฎิราชาโน เต รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อนุยนฺตา ภวนฺติฯ
‘‘Ye kho pana, bhikkhave, uttarāya disāya paṭirājāno te rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ehi kho, mahārāja! Svāgataṃ te, mahārāja! Sakaṃ te, mahārāja! Anusāsa, mahārājā’ti. Rājā cakkavattī evamāha – ‘pāṇo na hantabbo, adinnaṃ nādātabbaṃ, kāmesumicchā na caritabbā, musā na bhāsitabbā, majjaṃ na pātabbaṃ; yathābhuttañca bhuñjathā’ti. Ye kho pana, bhikkhave, uttarāya disāya paṭirājāno te rañño cakkavattissa anuyantā bhavanti.
‘‘อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อภิวิชินิตฺวา ตเมว ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อเนฺตปุรทฺวาเร อกฺขาหตํ มเญฺญ ติฎฺฐติ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อเนฺตปุรทฺวารํ อุปโสภยมานํฯ รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติฯ
‘‘Atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ samuddapariyantaṃ pathaviṃ abhivijinitvā tameva rājadhāniṃ paccāgantvā rañño cakkavattissa antepuradvāre akkhāhataṃ maññe tiṭṭhati rañño cakkavattissa antepuradvāraṃ upasobhayamānaṃ. Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati.
๒๕๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส หตฺถิรตนํ ปาตุภวติ – สพฺพเสโต สตฺตปฺปติโฎฺฐ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสโถ นาม นาคราชาฯ ตํ ทิสฺวาน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส จิตฺตํ ปสีทติ – ‘ภทฺทกํ วต, โภ, หตฺถิยานํ, สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’ติฯ อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, หตฺถิรตนํ เสยฺยถาปิ นาม ภโทฺท หตฺถาชานีโย ทีฆรตฺตํ สุปริทโนฺต เอวเมว ทมถํ อุเปติฯ ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว หตฺถิรตนํ วีมํสมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อนุสํยายิตฺวา ตเมว ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา ปาตราสมกาสิฯ รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ หตฺถิรตนํ ปาตุภวติฯ
258. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa hatthiratanaṃ pātubhavati – sabbaseto sattappatiṭṭho iddhimā vehāsaṅgamo uposatho nāma nāgarājā. Taṃ disvāna rañño cakkavattissa cittaṃ pasīdati – ‘bhaddakaṃ vata, bho, hatthiyānaṃ, sace damathaṃ upeyyā’ti. Atha kho taṃ, bhikkhave, hatthiratanaṃ seyyathāpi nāma bhaddo hatthājānīyo dīgharattaṃ suparidanto evameva damathaṃ upeti. Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī tameva hatthiratanaṃ vīmaṃsamāno pubbaṇhasamayaṃ abhiruhitvā samuddapariyantaṃ pathaviṃ anusaṃyāyitvā tameva rājadhāniṃ paccāgantvā pātarāsamakāsi. Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ hatthiratanaṃ pātubhavati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อสฺสรตนํ ปาตุภวติ – สพฺพเสโต กาฬสีโส มุญฺชเกโส อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม วลาหโก นาม อสฺสราชาฯ ตํ ทิสฺวาน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส จิตฺตํ ปสีทติ – ‘ภทฺทกํ วต, โภ, อสฺสยานํ, สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’ติฯ อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, อสฺสรตนํ เสยฺยถาปิ นาม ภโทฺท อสฺสาชานีโย ทีฆรตฺตํ สุปริทโนฺต เอวเมว ทมถํ อุเปติฯ ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว อสฺสรตนํ วีมํสมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทปริยนฺตํ ปถวิํ อนุสํยายิตฺวา ตเมว ราชธานิํ ปจฺจาคนฺตฺวา ปาตราสมกาสิฯ รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ อสฺสรตนํ ปาตุภวติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa assaratanaṃ pātubhavati – sabbaseto kāḷasīso muñjakeso iddhimā vehāsaṅgamo valāhako nāma assarājā. Taṃ disvāna rañño cakkavattissa cittaṃ pasīdati – ‘bhaddakaṃ vata, bho, assayānaṃ, sace damathaṃ upeyyā’ti. Atha kho taṃ, bhikkhave, assaratanaṃ seyyathāpi nāma bhaddo assājānīyo dīgharattaṃ suparidanto evameva damathaṃ upeti. Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī tameva assaratanaṃ vīmaṃsamāno pubbaṇhasamayaṃ abhiruhitvā samuddapariyantaṃ pathaviṃ anusaṃyāyitvā tameva rājadhāniṃ paccāgantvā pātarāsamakāsi. Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ assaratanaṃ pātubhavati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส มณิรตนํ ปาตุภวติฯ โส โหติ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฎฺฐํโส สุปริกมฺมกโต ฯ ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, มณิรตนสฺส อาภา สมนฺตา โยชนํ ผุฎา โหติฯ ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว มณิรตนํ วีมํสมาโน จตุรงฺคินิํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา มณิํ ธชคฺคํ อาโรเปตฺวา รตฺตนฺธการติมิสาย ปายาสิฯ เย โข ปน, ภิกฺขเว, สมนฺตา คามา อเหสุํ เต เตโนภาเสน กมฺมเนฺต ปโยเชสุํ ‘ทิวา’ติ มญฺญมานาฯ รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ มณิรตนํ ปาตุภวติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa maṇiratanaṃ pātubhavati. So hoti maṇi veḷuriyo subho jātimā aṭṭhaṃso suparikammakato . Tassa kho pana, bhikkhave, maṇiratanassa ābhā samantā yojanaṃ phuṭā hoti. Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī tameva maṇiratanaṃ vīmaṃsamāno caturaṅginiṃ senaṃ sannayhitvā maṇiṃ dhajaggaṃ āropetvā rattandhakāratimisāya pāyāsi. Ye kho pana, bhikkhave, samantā gāmā ahesuṃ te tenobhāsena kammante payojesuṃ ‘divā’ti maññamānā. Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ maṇiratanaṃ pātubhavati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อิตฺถิรตนํ ปาตุภวติฯ สา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬิกา 67 นาโจฺจทาตา, อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ, อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํฯ ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนสฺส เอวรูโป กายสมฺผโสฺส โหติ เสยฺยถาปิ นาม ตูลปิจุโน วา กปฺปาสปิจุโน วาฯ ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนสฺส สีเต อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุเณฺห สีตานิ คตฺตานิ โหนฺติฯ ตสฺส โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนสฺส กายโต จนฺทนคโนฺธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคโนฺธ วายติฯ ตํ โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนํ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปุพฺพุฎฺฐายินี โหติ ปจฺฉานิปาตินี กิํการปฎิสฺสาวินี มนาปจารินี ปิยวาทินีฯ ตํ โข ปน, ภิกฺขเว, อิตฺถิรตนํ ราชานํ จกฺกวตฺติํ มนสาปิ โน อติจรติ, กุโต ปน กาเยน? รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ อิตฺถิรตนํ ปาตุภวติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa itthiratanaṃ pātubhavati. Sā abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā nātidīghā nātirassā nātikisā nātithūlā nātikāḷikā 68 nāccodātā, atikkantā mānusaṃ vaṇṇaṃ, appattā dibbaṃ vaṇṇaṃ. Tassa kho pana, bhikkhave, itthiratanassa evarūpo kāyasamphasso hoti seyyathāpi nāma tūlapicuno vā kappāsapicuno vā. Tassa kho pana, bhikkhave, itthiratanassa sīte uṇhāni gattāni honti, uṇhe sītāni gattāni honti. Tassa kho pana, bhikkhave, itthiratanassa kāyato candanagandho vāyati, mukhato uppalagandho vāyati. Taṃ kho pana, bhikkhave, itthiratanaṃ rañño cakkavattissa pubbuṭṭhāyinī hoti pacchānipātinī kiṃkārapaṭissāvinī manāpacārinī piyavādinī. Taṃ kho pana, bhikkhave, itthiratanaṃ rājānaṃ cakkavattiṃ manasāpi no aticarati, kuto pana kāyena? Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ itthiratanaṃ pātubhavati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส คหปติรตนํ ปาตุภวติฯ ตสฺส กมฺมวิปากชํ ทิพฺพจกฺขุ ปาตุภวติ, เยน นิธิํ ปสฺสติ สสฺสามิกมฺปิ อสฺสามิกมฺปิฯ โส ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตฺวํ, เทว, โหหิฯ อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ 69 กริสฺสามี’ติฯ ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ตเมว คหปติรตนํ วีมํสมาโน นาวํ อภิรุหิตฺวา มเชฺฌ คงฺคาย นทิยา โสตํ โอคาหิตฺวา 70 คหปติรตนํ เอตทโวจ – ‘อโตฺถ เม, คหปติ, หิรญฺญสุวเณฺณนา’ติฯ ‘เตน หิ, มหาราช, เอกํ ตีรํ นาวา อุเปตู’ติฯ ‘อิเธว เม, คหปติ, อโตฺถ หิรญฺญสุวเณฺณนา’ติฯ อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, คหปติรตนํ อุโภหิ หเตฺถหิ อุทเก โอมสิตฺวา ปูรํ หิรญฺญสุวณฺณสฺส กุมฺภิํ อุทฺธริตฺวา ราชานํ จกฺกวตฺติํ เอตทโวจ – ‘อลเมตฺตาวตา, มหาราช! กตเมตฺตาวตา, มหาราช! ปูชิตเมตฺตาวตา, มหาราชา’ติฯ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห – ‘อลเมตฺตาวตา, คหปติ! กตเมตฺตาวตา, คหปติ! ปูชิตเมตฺตาวตา, คหปตี’ติ ฯ รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ คหปติรตนํ ปาตุภวติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa gahapatiratanaṃ pātubhavati. Tassa kammavipākajaṃ dibbacakkhu pātubhavati, yena nidhiṃ passati sassāmikampi assāmikampi. So rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘appossukko tvaṃ, deva, hohi. Ahaṃ te dhanena dhanakaraṇīyaṃ 71 karissāmī’ti. Bhūtapubbaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī tameva gahapatiratanaṃ vīmaṃsamāno nāvaṃ abhiruhitvā majjhe gaṅgāya nadiyā sotaṃ ogāhitvā 72 gahapatiratanaṃ etadavoca – ‘attho me, gahapati, hiraññasuvaṇṇenā’ti. ‘Tena hi, mahārāja, ekaṃ tīraṃ nāvā upetū’ti. ‘Idheva me, gahapati, attho hiraññasuvaṇṇenā’ti. Atha kho taṃ, bhikkhave, gahapatiratanaṃ ubhohi hatthehi udake omasitvā pūraṃ hiraññasuvaṇṇassa kumbhiṃ uddharitvā rājānaṃ cakkavattiṃ etadavoca – ‘alamettāvatā, mahārāja! Katamettāvatā, mahārāja! Pūjitamettāvatā, mahārājā’ti. Rājā cakkavattī evamāha – ‘alamettāvatā, gahapati! Katamettāvatā, gahapati! Pūjitamettāvatā, gahapatī’ti . Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ gahapatiratanaṃ pātubhavati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปริณายกรตนํ ปาตุภวติ – ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี ปฎิพโล ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปยาเปตพฺพํ อุปยาเปตุํ 73 อปยาเปตพฺพํ อปยาเปตุํ ฐเปตพฺพํ ฐเปตุํฯ โส ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘อโปฺปสฺสุโกฺก ตฺวํ , เทว, โหหิฯ อหมนุสาสิสฺสามี’ติฯ รโญฺญ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส เอวรูปํ ปริณายกรตนํ ปาตุภวติฯ ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa pariṇāyakaratanaṃ pātubhavati – paṇḍito byatto medhāvī paṭibalo rājānaṃ cakkavattiṃ upayāpetabbaṃ upayāpetuṃ 74 apayāpetabbaṃ apayāpetuṃ ṭhapetabbaṃ ṭhapetuṃ. So rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāha – ‘appossukko tvaṃ , deva, hohi. Ahamanusāsissāmī’ti. Rañño, bhikkhave, cakkavattissa evarūpaṃ pariṇāyakaratanaṃ pātubhavati. Rājā, bhikkhave, cakkavattī imehi sattahi ratanehi samannāgato hoti.
๒๕๙. ‘‘กตมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี อภิรูโป โหติ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต อติวิย อเญฺญหิ มนุเสฺสหิฯ ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย ปฐมาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติฯ
259. ‘‘Katamāhi catūhi iddhīhi? Idha, bhikkhave, rājā cakkavattī abhirūpo hoti dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato ativiya aññehi manussehi. Rājā, bhikkhave, cakkavattī imāya paṭhamāya iddhiyā samannāgato hoti.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี ทีฆายุโก โหติ จิรฎฺฐิติโก อติวิย อเญฺญหิ มนุเสฺสหิฯ ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย ทุติยาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī dīghāyuko hoti ciraṭṭhitiko ativiya aññehi manussehi. Rājā, bhikkhave, cakkavattī imāya dutiyāya iddhiyā samannāgato hoti.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตโงฺก สมเวปากินิยา คหณิยา สมนฺนาคโต นาติสีตาย นาจฺจุณฺหาย อติวิย อเญฺญหิ มนุเสฺสหิฯ ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย ตติยาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī appābādho hoti appātaṅko samavepākiniyā gahaṇiyā samannāgato nātisītāya nāccuṇhāya ativiya aññehi manussehi. Rājā, bhikkhave, cakkavattī imāya tatiyāya iddhiyā samannāgato hoti.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิโย โหติ มนาโปฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปิตา ปุตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี พฺราหฺมณคหปติกานํ ปิโย โหติ มนาโปฯ รโญฺญปิ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺติสฺส พฺราหฺมณคหปติกา ปิยา โหนฺติ มนาปาฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปิตุ ปุตฺตา ปิยา โหนฺติ มนาปา, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, รโญฺญปิ จกฺกวตฺติสฺส พฺราหฺมณคหปติกา ปิยา โหนฺติ มนาปาฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, rājā cakkavattī brāhmaṇagahapatikānaṃ piyo hoti manāpo. Seyyathāpi, bhikkhave, pitā puttānaṃ piyo hoti manāpo, evameva kho, bhikkhave, rājā cakkavattī brāhmaṇagahapatikānaṃ piyo hoti manāpo. Raññopi, bhikkhave, cakkavattissa brāhmaṇagahapatikā piyā honti manāpā. Seyyathāpi, bhikkhave, pitu puttā piyā honti manāpā, evameva kho, bhikkhave, raññopi cakkavattissa brāhmaṇagahapatikā piyā honti manāpā.
‘‘ภูตปุพฺพํ , ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี จตุรงฺคินิยา เสนาย อุยฺยานภูมิํ นิยฺยาสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณคหปติกา ราชานํ จกฺกวตฺติํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘อตรมาโน, เทว, ยาหิ ยถา ตํ มยํ จิรตรํ ปเสฺสยฺยามา’ติฯ ราชาปิ, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี สารถิํ อามเนฺตสิ – ‘อตรมาโน , สารถิ, เปเสหิ ยถา มํ พฺราหฺมณคหปติกา จิรตรํ ปเสฺสยฺยุ’นฺติฯ ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาย จตุตฺถาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต โหติฯ ราชา, ภิกฺขเว, จกฺกวตฺตี อิมาหิ จตูหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต โหติฯ
‘‘Bhūtapubbaṃ , bhikkhave, rājā cakkavattī caturaṅginiyā senāya uyyānabhūmiṃ niyyāsi. Atha kho, bhikkhave, brāhmaṇagahapatikā rājānaṃ cakkavattiṃ upasaṅkamitvā evamāhaṃsu – ‘ataramāno, deva, yāhi yathā taṃ mayaṃ cirataraṃ passeyyāmā’ti. Rājāpi, bhikkhave, cakkavattī sārathiṃ āmantesi – ‘ataramāno , sārathi, pesehi yathā maṃ brāhmaṇagahapatikā cirataraṃ passeyyu’nti. Rājā, bhikkhave, cakkavattī imāya catutthāya iddhiyā samannāgato hoti. Rājā, bhikkhave, cakkavattī imāhi catūhi iddhīhi samannāgato hoti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โข ราชา จกฺกวตฺตี อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต อิมาหิ จตูหิ จ อิทฺธีหิ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวทิเยถา’’ติ? ‘‘เอกเมเกนปิ, ภเนฺต, รตเนน 75 สมนฺนาคโต ราชา จกฺกวตฺตี ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวทิเยถ, โก ปน วาโท สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ จ อิทฺธีหี’’ติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, api nu kho rājā cakkavattī imehi sattahi ratanehi samannāgato imāhi catūhi ca iddhīhi tatonidānaṃ sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvediyethā’’ti? ‘‘Ekamekenapi, bhante, ratanena 76 samannāgato rājā cakkavattī tatonidānaṃ sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvediyetha, ko pana vādo sattahi ratanehi catūhi ca iddhīhī’’ti?
๒๖๐. อถ โข ภควา ปริตฺตํ ปาณิมตฺตํ ปาสาณํ คเหตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, กตโม นุ โข มหนฺตตโร – โย จายํ มยา ปริโตฺต ปาณิมโตฺต ปาสาโณ คหิโต โย จ หิมวา ปพฺพตราชา’’ติ? ‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ, ภเนฺต, ภควตา ปริโตฺต ปาณิมโตฺต ปาสาโณ คหิโต; หิมวนฺตํ ปพฺพตราชานํ อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ; กลภาคมฺปิ น อุเปติ; อุปนิธมฺปิ น อุเปตี’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ ราชา จกฺกวตฺตี สตฺตหิ รตเนหิ สมนฺนาคโต จตูหิ จ อิทฺธีหิ ตโตนิทานํ สุขํ โสมนสฺสํ ปฎิสํเวเทติ ตํ ทิพฺพสฺส สุขสฺส อุปนิธาย สงฺขมฺปิ น อุเปติ; กลภาคมฺปิ น อุเปติ; อุปนิธมฺปิ น อุเปติ’’ฯ
260. Atha kho bhagavā parittaṃ pāṇimattaṃ pāsāṇaṃ gahetvā bhikkhū āmantesi – ‘‘taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, katamo nu kho mahantataro – yo cāyaṃ mayā paritto pāṇimatto pāsāṇo gahito yo ca himavā pabbatarājā’’ti? ‘‘Appamattako ayaṃ, bhante, bhagavatā paritto pāṇimatto pāsāṇo gahito; himavantaṃ pabbatarājānaṃ upanidhāya saṅkhampi na upeti; kalabhāgampi na upeti; upanidhampi na upetī’’ti. ‘‘Evameva kho, bhikkhave, yaṃ rājā cakkavattī sattahi ratanehi samannāgato catūhi ca iddhīhi tatonidānaṃ sukhaṃ somanassaṃ paṭisaṃvedeti taṃ dibbassa sukhassa upanidhāya saṅkhampi na upeti; kalabhāgampi na upeti; upanidhampi na upeti’’.
‘‘ส โข โส, ภิกฺขเว, ปณฺฑิโต สเจ กทาจิ กรหจิ ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยานิ ตานิ อุจฺจากุลานิ – ขตฺติยมหาสาลกุลํ วา พฺราหฺมณมหาสาลกุลํ วา คหปติมหาสาลกุลํ วา ตถารูเป กุเล ปจฺจาชายติ อเฑฺฒ มหทฺธเน มหาโภเค ปหูตชาตรูปรชเต ปหูตวิตฺตูปกรเณ ปหูตธนธเญฺญฯ โส จ โหติ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส วตฺถสฺส ยานสฺส มาลาคนฺธวิเลปนสฺส เสยฺยาวสถปทีเปยฺยสฺสฯ โส กาเยน สุจริตํ จรติ, วาจาย สุจริตํ จรติ, มนสา สุจริตํ จรติฯ โส กาเยน สุจริตํ จริตฺวา, วาจาย สุจริตํ จริตฺวา, มนสา สุจริตํ จริตฺวา, กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อกฺขธุโตฺต ปฐเมเนว กฎคฺคเหน มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคเจฺฉยฺย; อปฺปมตฺตโก โส, ภิกฺขเว, กฎคฺคโห ยํ โส อกฺขธุโตฺต ปฐเมเนว กฎคฺคเหน มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคเจฺฉยฺยฯ อถ โข อยเมว ตโต มหนฺตตโร กฎคฺคโห ยํ โส ปณฺฑิโต กาเยน สุจริตํ จริตฺวา, วาจาย สุจริตํ จริตฺวา, มนสา สุจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติฯ อยํ, ภิกฺขเว, เกวลา ปริปูรา ปณฺฑิตภูมี’’ติฯ
‘‘Sa kho so, bhikkhave, paṇḍito sace kadāci karahaci dīghassa addhuno accayena manussattaṃ āgacchati, yāni tāni uccākulāni – khattiyamahāsālakulaṃ vā brāhmaṇamahāsālakulaṃ vā gahapatimahāsālakulaṃ vā tathārūpe kule paccājāyati aḍḍhe mahaddhane mahābhoge pahūtajātarūparajate pahūtavittūpakaraṇe pahūtadhanadhaññe. So ca hoti abhirūpo dassanīyo pāsādiko paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgato, lābhī annassa pānassa vatthassa yānassa mālāgandhavilepanassa seyyāvasathapadīpeyyassa. So kāyena sucaritaṃ carati, vācāya sucaritaṃ carati, manasā sucaritaṃ carati. So kāyena sucaritaṃ caritvā, vācāya sucaritaṃ caritvā, manasā sucaritaṃ caritvā, kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Seyyathāpi, bhikkhave, akkhadhutto paṭhameneva kaṭaggahena mahantaṃ bhogakkhandhaṃ adhigaccheyya; appamattako so, bhikkhave, kaṭaggaho yaṃ so akkhadhutto paṭhameneva kaṭaggahena mahantaṃ bhogakkhandhaṃ adhigaccheyya. Atha kho ayameva tato mahantataro kaṭaggaho yaṃ so paṇḍito kāyena sucaritaṃ caritvā, vācāya sucaritaṃ caritvā, manasā sucaritaṃ caritvā kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapajjati. Ayaṃ, bhikkhave, kevalā paripūrā paṇḍitabhūmī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
พาลปณฺฑิตสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ นวมํฯ
Bālapaṇḍitasuttaṃ niṭṭhitaṃ navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา • 9. Bālapaṇḍitasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา • 9. Bālapaṇḍitasuttavaṇṇanā