Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา
9. Bālapaṇḍitasuttavaṇṇanā
๒๔๖. เอวํ เม สุตนฺติ พาลปณฺฑิตสุตฺตํฯ ตตฺถ พาลลกฺขณานีติ พาโล อยนฺติ เอเตหิ ลกฺขิยติ ญายตีติ พาลลกฺขณานิฯ ตาเนว ตสฺส สญฺชานนการณานีติ พาลนิมิตฺตานิฯ พาลสฺส อปทานานีติ พาลาปทานานิ ฯ ทุจฺจินฺติตจินฺตีติ จินฺตยโนฺต อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทสฺสนวเสน ทุจฺจินฺติตเมว จิเนฺตติฯ ทุพฺภาสิตภาสีติ ภาสมาโนปิ มุสาวาทาทิเภทํ ทุพฺภาสิตเมว ภาสติฯ ทุกฺกฎกมฺมการีติ กโรโนฺตปิ ปาณาติปาตาทิวเสน ทุกฺกฎกมฺมเมว กโรติฯ ตตฺร เจติ ยตฺถ นิสิโนฺน, ตสฺสํ ปริสติฯ ตชฺชํ ตสฺสารุปฺปนฺติ ตชฺชาติกํ ตทนุจฺฉวิกํ, ปญฺจนฺนํ เวรานํ ทิฎฺฐธมฺมกสมฺปรายิกอาทีนวปฺปฎิสํยุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺราติ ตาย กถาย กจฺฉมานายฯ พาลนฺติอาทีนิ สามิอเตฺถ อุปโยควจนํฯ
246.Evaṃme sutanti bālapaṇḍitasuttaṃ. Tattha bālalakkhaṇānīti bālo ayanti etehi lakkhiyati ñāyatīti bālalakkhaṇāni. Tāneva tassa sañjānanakāraṇānīti bālanimittāni. Bālassa apadānānīti bālāpadānāni. Duccintitacintīti cintayanto abhijjhābyāpādamicchādassanavasena duccintitameva cinteti. Dubbhāsitabhāsīti bhāsamānopi musāvādādibhedaṃ dubbhāsitameva bhāsati. Dukkaṭakammakārīti karontopi pāṇātipātādivasena dukkaṭakammameva karoti. Tatra ceti yattha nisinno, tassaṃ parisati. Tajjaṃ tassāruppanti tajjātikaṃ tadanucchavikaṃ, pañcannaṃ verānaṃ diṭṭhadhammakasamparāyikaādīnavappaṭisaṃyuttanti adhippāyo. Tatrāti tāya kathāya kacchamānāya. Bālantiādīni sāmiatthe upayogavacanaṃ.
๒๔๘. โอลมฺพนฺตีติ อุปฎฺฐหนฺติฯ เสสปททฺวยํ ตเสฺสว เววจนํ, โอลมฺพนาทิอากาเรน หิ ตานิ อุปฎฺฐหนฺติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ ปถวิยา โอลมฺพนฺตีติ ปถวิตเล ปตฺถรนฺติฯ เสสปททฺวยํ ตเสฺสว เววจนํฯ ปตฺถรณากาโรเยว เหสฯ ตตฺร, ภิกฺขเว, พาลสฺสาติ ตสฺมิํ อุปฎฺฐานากาเร อาปาถคเต พาลสฺส เอวํ โหติฯ
248.Olambantīti upaṭṭhahanti. Sesapadadvayaṃ tasseva vevacanaṃ, olambanādiākārena hi tāni upaṭṭhahanti, tasmā evaṃ vuttaṃ. Pathaviyā olambantīti pathavitale pattharanti. Sesapadadvayaṃ tasseva vevacanaṃ. Pattharaṇākāroyeva hesa. Tatra, bhikkhave, bālassāti tasmiṃ upaṭṭhānākāre āpāthagate bālassa evaṃ hoti.
๒๔๙. เอตทโวจาติ อนุสนฺธิกุสโล ภิกฺขุ ‘‘นิรยสฺส อุปมา กาตุํ น สกฺกา’’ติ น ภควา วทติ, ‘‘น สุกรา’’ติ ปน วทติ, น สุกรํ ปน สกฺกา โหติ กาตุํ, หนฺทาหํ ทสพลํ อุปมํ การาเปมีติ จิเนฺตตฺวา เอตํ ‘‘สกฺกา, ภเนฺต’’ติ วจนํ อโวจฯ หเนยฺยุนฺติ วินิวิชฺฌิตฺวา คมนวเสน ยถา เอกสฺมิํ ฐาเน เทฺว ปหารา นิปตนฺติ, เอวํ หเนยฺยุํฯ เตนสฺส เทฺว วณมุขสตานิ โหนฺติฯ อิโต อุตฺตริปิ เอเสว นโยฯ
249.Etadavocāti anusandhikusalo bhikkhu ‘‘nirayassa upamā kātuṃ na sakkā’’ti na bhagavā vadati, ‘‘na sukarā’’ti pana vadati, na sukaraṃ pana sakkā hoti kātuṃ, handāhaṃ dasabalaṃ upamaṃ kārāpemīti cintetvā etaṃ ‘‘sakkā, bhante’’ti vacanaṃ avoca. Haneyyunti vinivijjhitvā gamanavasena yathā ekasmiṃ ṭhāne dve pahārā nipatanti, evaṃ haneyyuṃ. Tenassa dve vaṇamukhasatāni honti. Ito uttaripi eseva nayo.
๒๕๐. ปาณิมตฺตนฺติ อโนฺตมุฎฺฐิยํ ฐปนมตฺตํฯ สงฺขมฺปิ น อุเปตีติ คณนมตฺตมฺปิ น คจฺฉติฯ กลภาคมฺปีติ สติมํ กลํ สหสฺสิมํ กลํ สตสหสฺสิมํ วา กลํ อุปคจฺฉตีติปิ วตฺตพฺพตํ น อุเปติฯ อุปนิธมฺปีติ อุปนิเกฺขปนมตฺตมฺปิ น อุเปติ, โอโลเกนฺตสฺส โอโลกิตมตฺตมฺปิ นตฺถิฯ ตตฺตํ อโยขิลนฺติ ติคาวุตํ อตฺตภาวํ สมฺปชฺชลิตาย โลหปถวิยา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา ตสฺส ทกฺขิณหเตฺถ ตาลปฺปมาณํ อยสูลํ ปเวเสนฺติ, ตถา วามหตฺถาทีสุฯ ยถา จ อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา, เอวํ อุเรนปิ ทกฺขิณปเสฺสนปิ วามปเสฺสนปิ นิปชฺชาเปตฺวา ตํ กมฺมการณํ กโรนฺติเยวฯ สํเวเสตฺวาติ สมฺปชฺชลิตาย โลหปถวิยา ติคาวุตํ อตฺตภาวํ นิปชฺชาเปตฺวาฯ กุฐารีหีติ มหตีหิ เคหสฺส เอกปกฺขฉทนมตฺตาหิ กุฐารีหิ ตจฺฉนฺติฯ โลหิตํ นที หุตฺวา สนฺทติ, โลหปถวิโต ชาลา อุฎฺฐหิตฺวา ตจฺฉิตฎฺฐานํ คณฺหนฺติฯ มหาทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตจฺฉนฺตา ปน สุตฺตาหตํ กริตฺวา ทารู วิย อฎฺฐํสมฺปิ ฉฬํสมฺปิ กโรนฺติฯ วาสีหีติ มหาสุปฺปปมาณาหิ วาสีหิฯ ตาหิ ตจฺฉนฺตา ตจโต ยาว อฎฺฐีนิ สณิกํ ตจฺฉนฺติ, ตจฺฉิตํ ตจฺฉิตํ ปฎิปากติกํ โหติฯ รเถ โยเชตฺวาติ สทฺธิํ ยุคโยตฺตปญฺจรจกฺกกุพฺพรปาจเนหิ สพฺพโต สมฺปชฺชลิเต รเถ โยเชตฺวาฯ มหนฺตนฺติ มหากูฎาคารปฺปมาณํฯ อาโรเปนฺตีติ สมฺปชฺชลิเตหิ อยมุคฺคเรหิ โปเถนฺตา อาโรเปนฺติฯ สกิมฺปิ อุทฺธนฺติ สุปกฺกุถิตาย อุกฺขลิยา ปกฺขิตฺตตณฺฑุลา วิย อุทฺธํ อโธ ติริยญฺจ คจฺฉติฯ
250.Pāṇimattanti antomuṭṭhiyaṃ ṭhapanamattaṃ. Saṅkhampi na upetīti gaṇanamattampi na gacchati. Kalabhāgampīti satimaṃ kalaṃ sahassimaṃ kalaṃ satasahassimaṃ vā kalaṃ upagacchatītipi vattabbataṃ na upeti. Upanidhampīti upanikkhepanamattampi na upeti, olokentassa olokitamattampi natthi. Tattaṃayokhilanti tigāvutaṃ attabhāvaṃ sampajjalitāya lohapathaviyā uttānakaṃ nipajjāpetvā tassa dakkhiṇahatthe tālappamāṇaṃ ayasūlaṃ pavesenti, tathā vāmahatthādīsu. Yathā ca uttānakaṃ nipajjāpetvā, evaṃ urenapi dakkhiṇapassenapi vāmapassenapi nipajjāpetvā taṃ kammakāraṇaṃ karontiyeva. Saṃvesetvāti sampajjalitāya lohapathaviyā tigāvutaṃ attabhāvaṃ nipajjāpetvā. Kuṭhārīhīti mahatīhi gehassa ekapakkhachadanamattāhi kuṭhārīhi tacchanti. Lohitaṃ nadī hutvā sandati, lohapathavito jālā uṭṭhahitvā tacchitaṭṭhānaṃ gaṇhanti. Mahādukkhaṃ uppajjati, tacchantā pana suttāhataṃ karitvā dārū viya aṭṭhaṃsampi chaḷaṃsampi karonti. Vāsīhīti mahāsuppapamāṇāhi vāsīhi. Tāhi tacchantā tacato yāva aṭṭhīni saṇikaṃ tacchanti, tacchitaṃ tacchitaṃ paṭipākatikaṃ hoti. Rathe yojetvāti saddhiṃ yugayottapañcaracakkakubbarapācanehi sabbato sampajjalite rathe yojetvā. Mahantanti mahākūṭāgārappamāṇaṃ. Āropentīti sampajjalitehi ayamuggarehi pothentā āropenti. Sakimpiuddhanti supakkuthitāya ukkhaliyā pakkhittataṇḍulā viya uddhaṃ adho tiriyañca gacchati.
ภาคโส มิโตติ ภาเค ฐเปตฺวา ฐเปตฺวา วิภโตฺตฯ ปริยโนฺตติ ปริกฺขิโตฺตฯ อยสาติ อุปริ อยปเฎฺฎน ฉาทิโตฯ
Bhāgaso mitoti bhāge ṭhapetvā ṭhapetvā vibhatto. Pariyantoti parikkhitto. Ayasāti upari ayapaṭṭena chādito.
สมนฺตา โยชนสตํ ผริตฺวา ติฎฺฐตีติ เอวํ ผริตฺวา ติฎฺฐติ, ยถา สมนฺตา โยชนสเต ฐาเน ฐตฺวา โอโลเกนฺตสฺส อกฺขีนิ ยมกโคฬกา วิย นิกฺขมนฺติฯ
Samantā yojanasataṃ pharitvā tiṭṭhatīti evaṃ pharitvā tiṭṭhati, yathā samantā yojanasate ṭhāne ṭhatvā olokentassa akkhīni yamakagoḷakā viya nikkhamanti.
น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตุนฺติ นิรโย นาม เอวมฺปิ ทุโกฺข เอวมฺปิ ทุโกฺขติ วสฺสสตํ วสฺสสหสฺสํ กเถเนฺตนาปิ มตฺถกํ ปาเปตฺวา กเถตุํ น สุกราติ อโตฺถฯ
Na sukarā akkhānena pāpuṇitunti nirayo nāma evampi dukkho evampi dukkhoti vassasataṃ vassasahassaṃ kathentenāpi matthakaṃ pāpetvā kathetuṃ na sukarāti attho.
๒๕๑. ทนฺตุเลฺลหกนฺติ ทเนฺตหิ อุเลฺลหิตฺวา, ลุญฺจิตฺวาติ วุตฺตํ โหติฯ รสาโทติ รสเคเธน ปริภุตฺตรโสฯ
251.Dantullehakanti dantehi ullehitvā, luñcitvāti vuttaṃ hoti. Rasādoti rasagedhena paribhuttaraso.
๒๕๒. อญฺญมญฺญขาทิกาติ อญฺญมญฺญขาทนํฯ
252.Aññamaññakhādikāti aññamaññakhādanaṃ.
ทุพฺพโณฺณติ ทุรูโปฯ ทุทฺทสิโกติ ทารกานํ ภยาปนตฺถํ กตยโกฺข วิย ทุทฺทโสฯ โอโกฎิมโกติ ลกุณฺฑโก ปวิฎฺฐคีโว มโหทโรฯ กาโณติ เอกกฺขิกาโณ วา อุภยกฺขิกาโณ วาฯ กุณีติ เอกหตฺถกุณี วา อุภยหตฺถกุณี วาฯ ปกฺขหโตติ ปีฐสปฺปีฯ โส กาเยนาติ อิทมสฺส ทุกฺขานุปพนฺธทสฺสนตฺถํ อารทฺธํฯ
Dubbaṇṇoti durūpo. Duddasikoti dārakānaṃ bhayāpanatthaṃ katayakkho viya duddaso. Okoṭimakoti lakuṇḍako paviṭṭhagīvo mahodaro. Kāṇoti ekakkhikāṇo vā ubhayakkhikāṇo vā. Kuṇīti ekahatthakuṇī vā ubhayahatthakuṇī vā. Pakkhahatoti pīṭhasappī. Sokāyenāti idamassa dukkhānupabandhadassanatthaṃ āraddhaṃ.
กลิคฺคเหนาติ ปราชเยนฯ อธิพนฺธํ นิคเจฺฉยฺยาติ ยสฺมา พหุํ ชิโต สพฺพสาปเตยฺยมฺปิสฺส นปฺปโหติ, ตสฺมา อตฺตนาปิ พนฺธํ นิคเจฺฉยฺยฯ เกวลา ปริปูรา พาลภูมีติ พาโล ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ปกฺกาวเสเสน มนุสฺสตฺตํ อาคโต ปญฺจสุ นีจกุเลสุ นิพฺพตฺติตฺวา ปุน ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปูเรตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตตีติ อยํ สกลา ปริปุณฺณา พาลภูมิฯ
Kaliggahenāti parājayena. Adhibandhaṃ nigaccheyyāti yasmā bahuṃ jito sabbasāpateyyampissa nappahoti, tasmā attanāpi bandhaṃ nigaccheyya. Kevalā paripūrā bālabhūmīti bālo tīṇi duccaritāni pūretvā niraye nibbattati, tattha pakkāvasesena manussattaṃ āgato pañcasu nīcakulesu nibbattitvā puna tīṇi duccaritāni pūretvā niraye nibbattatīti ayaṃ sakalā paripuṇṇā bālabhūmi.
๒๕๓. ปณฺฑิตลกฺขณานีติอาทิ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํฯ สุจินฺติตจินฺตีติอาทีนิ เจตฺถ มโนสุจริตาทีนํ วเสน โยเชตพฺพานิฯ
253.Paṇḍitalakkhaṇānītiādi vuttānusāreneva veditabbaṃ. Sucintitacintītiādīni cettha manosucaritādīnaṃ vasena yojetabbāni.
จกฺกรตนวณฺณนา
Cakkaratanavaṇṇanā
๒๕๖. สีสํ นฺหาตสฺสาติ สีเสน สทฺธิํ คโนฺธทเกน นฺหาตสฺสฯ อุโปสถิกสฺสาติ สมาทินฺนอุโปสถงฺคสฺสฯ อุปริปาสาทวรคตสฺสาติ ปาสาทวรสฺส อุปริ คตสฺส สุโภชนํ ภุญฺชิตฺวา ปาสาทวรสฺส อุปริ มหาตเล สิรีคพฺภํ ปวิสิตฺวา สีลานิ อาวชฺชนฺตสฺสฯ ตทา กิร ราชา ปาโตว สตสหสฺสํ วิสฺสเชฺชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปุนปิ โสฬสหิ คโนฺธทกฆเฎหิ สีสํ นฺหายิตฺวา กตปาตราโส สุทฺธํ อุตฺตราสงฺคํ เอกํสํ กตฺวา อุปริปาสาทสฺส สิรีสยเน ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสิโนฺน อตฺตโน ทานมยปุญฺญสมุทยํ อาวเชฺชตฺวา นิสีทติ, อยํ สพฺพจกฺกวตฺตีนํ ธมฺมตา ฯ
256.Sīsaṃ nhātassāti sīsena saddhiṃ gandhodakena nhātassa. Uposathikassāti samādinnauposathaṅgassa. Uparipāsādavaragatassāti pāsādavarassa upari gatassa subhojanaṃ bhuñjitvā pāsādavarassa upari mahātale sirīgabbhaṃ pavisitvā sīlāni āvajjantassa. Tadā kira rājā pātova satasahassaṃ vissajjetvā mahādānaṃ datvā punapi soḷasahi gandhodakaghaṭehi sīsaṃ nhāyitvā katapātarāso suddhaṃ uttarāsaṅgaṃ ekaṃsaṃ katvā uparipāsādassa sirīsayane pallaṅkaṃ ābhujitvā nisinno attano dānamayapuññasamudayaṃ āvajjetvā nisīdati, ayaṃ sabbacakkavattīnaṃ dhammatā .
เตสํ ตํ อาวชฺชนฺตานํเยว วุตฺตปฺปการปุญฺญกมฺมปจฺจยํ อุตุสมุฎฺฐานํ นีลมณิสงฺฆาฎสทิสํ ปาจีนสมุทฺทชลตลํ ฉินฺทมานํ วิย อากาสํ อลงฺกุรุมานํ วิย ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภวติฯ ตยิทํ ทิพฺพานุภาวยุตฺตตฺตา ทิพฺพนฺติ วุตฺตํฯ สหสฺสํ อสฺส อรานนฺติ สหสฺสารํฯ สห เนมิยา สห นาภิยา จาติ สเนมิกํ สนาภิกํฯ สเพฺพหิ อากาเรหิ ปริปูรนฺติ สพฺพาการปริปูรํฯ
Tesaṃ taṃ āvajjantānaṃyeva vuttappakārapuññakammapaccayaṃ utusamuṭṭhānaṃ nīlamaṇisaṅghāṭasadisaṃ pācīnasamuddajalatalaṃ chindamānaṃ viya ākāsaṃ alaṅkurumānaṃ viya dibbaṃ cakkaratanaṃ pātubhavati. Tayidaṃ dibbānubhāvayuttattā dibbanti vuttaṃ. Sahassaṃ assa arānanti sahassāraṃ. Saha nemiyā saha nābhiyā cāti sanemikaṃ sanābhikaṃ. Sabbehi ākārehi paripūranti sabbākāraparipūraṃ.
ตตฺถ จกฺกญฺจ ตํ รติชนนเฎฺฐน รตนญฺจาติ จกฺกรตนํฯ ยาย ปน ตํ นาภิยา ‘‘สนาภิก’’นฺติ วุตฺตํ, สา อินฺทนีลมณิมยา โหติฯ มเชฺฌ ปนสฺสา รชตมยา ปนาฬิ, ยาย สุทฺธสินิทฺธทนฺตปนฺติยา หสมานํ วิย วิโรจติฯ มเชฺฌ ฉิเทฺทน วิย จนฺทมณฺฑเลน อุโภสุปิ พาหิรเนฺตสุ รชตปเฎฺฎน กตปริเกฺขโป โหติฯ เตสุ ปนสฺสา นาภิปนาฬิ ปริเกฺขปปเฎฺฎสุ ยุตฺตฎฺฐาเน ปริเจฺฉทเลขา สุวิภตฺตาว หุตฺวา ปญฺญายนฺติฯ อยํ ตาวสฺส นาภิยา สพฺพาการปริปูรตาฯ
Tattha cakkañca taṃ ratijananaṭṭhena ratanañcāti cakkaratanaṃ. Yāya pana taṃ nābhiyā ‘‘sanābhika’’nti vuttaṃ, sā indanīlamaṇimayā hoti. Majjhe panassā rajatamayā panāḷi, yāya suddhasiniddhadantapantiyā hasamānaṃ viya virocati. Majjhe chiddena viya candamaṇḍalena ubhosupi bāhirantesu rajatapaṭṭena kataparikkhepo hoti. Tesu panassā nābhipanāḷi parikkhepapaṭṭesu yuttaṭṭhāne paricchedalekhā suvibhattāva hutvā paññāyanti. Ayaṃ tāvassa nābhiyā sabbākāraparipūratā.
เยหิ ปน ตํ อเรหิ ‘‘สหสฺสาร’’นฺติ วุตฺตํ, เต สตฺตรตนมยา สูริยรสฺมิโย วิย ปภาสมฺปนฺนา โหนฺติฯ เตสมฺปิ ฆฎมณิกปริเจฺฉทเลขาทีนิ สุวิภตฺตาเนว ปญฺญายนฺติฯ อยมสฺส อรานํ สพฺพาการปริปูรตาฯ
Yehi pana taṃ arehi ‘‘sahassāra’’nti vuttaṃ, te sattaratanamayā sūriyarasmiyo viya pabhāsampannā honti. Tesampi ghaṭamaṇikaparicchedalekhādīni suvibhattāneva paññāyanti. Ayamassa arānaṃ sabbākāraparipūratā.
ยาย ปน ตํ เนมิยา สห ‘‘สเนมิก’’นฺติ วุตฺตํ, สา พาลสูริยรสฺมิกลาปสิริํ อวหสมานา วิย สุรตฺตสุทฺธสินิทฺธปวาฬมยา โหติฯ สนฺธีสุ ปนสฺสา สญฺฌาราคสสฺสิริกรตฺตชโมฺพนทปฎฺฎา วฎฺฎปริเจฺฉทเลขา จ สุวิภตฺตา ปญฺญายนฺติฯ อยมสฺส เนมิยา สพฺพาการปริปูรตาฯ
Yāya pana taṃ nemiyā saha ‘‘sanemika’’nti vuttaṃ, sā bālasūriyarasmikalāpasiriṃ avahasamānā viya surattasuddhasiniddhapavāḷamayā hoti. Sandhīsu panassā sañjhārāgasassirikarattajambonadapaṭṭā vaṭṭaparicchedalekhā ca suvibhattā paññāyanti. Ayamassa nemiyā sabbākāraparipūratā.
เนมิมณฺฑลปิฎฺฐิยํ ปนสฺส ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานมนฺตเร ธมนวํโส วิย อโนฺตสุสิโร ฉิทฺทมณฺฑลจิโตฺต วาตคาหี ปวาฬทโณฺฑ โหติ, ยสฺส วาเตน ปหริตสฺส สุกุสลสมนฺนาหตสฺส ปญฺจงฺคิกตูริยสฺส วิย สโทฺท วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ โหติฯ ตสฺส โข ปน ปวาฬทณฺฑสฺส อุปริ เสตจฺฉตฺตํ, อุโภสุ ปเสฺสสุ สโมสริตกุสุมทามปนฺติโยติ เอวํ สโมสริตกุสุมทามปนฺติสตทฺวยปริวาเรน เสตจฺฉตฺตสตธารินา ปวาฬทณฺฑสเตน สมุปโสภิตเนมิปริเกฺขปสฺส ทฺวินฺนมฺปิ นาภิปนาฬีนํ อโนฺต เทฺว สีหมุขานิ โหนฺติ, เยหิ ตาลกฺขนฺธปฺปมาณา ปุณฺณจนฺทกิรณกลาปสสฺสิริกา ตรุณรวิสมานรตฺตกมฺพลเคณฺฑุกปริยนฺตา อากาสคงฺคาคติโสภํ อภิภวมานา วิย เทฺว มุตฺตกลาปา โอลมฺพนฺติ, เยหิ จกฺกรตเนน สทฺธิํ อากาเส สมฺปริวตฺตมาเนหิ ตีณิ จกฺกานิ เอกโต ปริวตฺตนฺตานิ วิย ขายนฺติฯ อยมสฺส สพฺพโส สพฺพาการปริปูรตาฯ
Nemimaṇḍalapiṭṭhiyaṃ panassa dasannaṃ dasannaṃ arānamantare dhamanavaṃso viya antosusiro chiddamaṇḍalacitto vātagāhī pavāḷadaṇḍo hoti, yassa vātena paharitassa sukusalasamannāhatassa pañcaṅgikatūriyassa viya saddo vaggu ca rajanīyo ca kamanīyo ca hoti. Tassa kho pana pavāḷadaṇḍassa upari setacchattaṃ, ubhosu passesu samosaritakusumadāmapantiyoti evaṃ samosaritakusumadāmapantisatadvayaparivārena setacchattasatadhārinā pavāḷadaṇḍasatena samupasobhitanemiparikkhepassa dvinnampi nābhipanāḷīnaṃ anto dve sīhamukhāni honti, yehi tālakkhandhappamāṇā puṇṇacandakiraṇakalāpasassirikā taruṇaravisamānarattakambalageṇḍukapariyantā ākāsagaṅgāgatisobhaṃ abhibhavamānā viya dve muttakalāpā olambanti, yehi cakkaratanena saddhiṃ ākāse samparivattamānehi tīṇi cakkāni ekato parivattantāni viya khāyanti. Ayamassa sabbaso sabbākāraparipūratā.
ตํ ปเนตํ เอวํ สพฺพาการปริปูรํ ปกติยา สายมาสภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร ปญฺญตฺตาสเนสุ นิสีทิตฺวา ปวตฺตกถาสลฺลาเปสุ มนุเสฺสสุ วีถิจตุกฺกาทีสุ กีฬมาเน ทารกชเน นาติอุเจฺจน นาตินีเจน วนสณฺฑมตฺถกาสเนฺนน อากาสปฺปเทเสน อุปโสภยมานํ วิย รุกฺขสาขคฺคานิ, ทฺวาทสโยชนโต ปฎฺฐาย สุยฺยมาเนน มธุรสฺสเรน สตฺตานํ โสตานิ โอธาปยมานํ โยชนโต ปฎฺฐาย นานปฺปภาสมุทยสมุชฺชเลน วเณฺณน นยนานิ สมากฑฺฒนฺตํ รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ปุญฺญานุภาวํ อุโคฺฆสยนฺตํ วิย ราชธานิอภิมุขํ อาคจฺฉติฯ
Taṃ panetaṃ evaṃ sabbākāraparipūraṃ pakatiyā sāyamāsabhattaṃ bhuñjitvā attano attano gharadvāre paññattāsanesu nisīditvā pavattakathāsallāpesu manussesu vīthicatukkādīsu kīḷamāne dārakajane nātiuccena nātinīcena vanasaṇḍamatthakāsannena ākāsappadesena upasobhayamānaṃ viya rukkhasākhaggāni, dvādasayojanato paṭṭhāya suyyamānena madhurassarena sattānaṃ sotāni odhāpayamānaṃ yojanato paṭṭhāya nānappabhāsamudayasamujjalena vaṇṇena nayanāni samākaḍḍhantaṃ rañño cakkavattissa puññānubhāvaṃ ugghosayantaṃ viya rājadhāniabhimukhaṃ āgacchati.
อถ ตสฺส จกฺกรตนสฺส สทฺทสฺสวเนเนว ‘‘กุโต นุ โข, กสฺส นุ โข อยํ สโทฺท’’ติ อาวชฺชิตหทยานํ ปุรตฺถิมทิสํ โอโลกยมานานํ เตสํ มนุสฺสานํ อญฺญตโร อญฺญตรํ เอวมาห – ‘‘ปสฺส โภ อจฺฉริยํ, อยํ ปุณฺณจโนฺท ปุเพฺพ เอโก อุคฺคจฺฉติ, อชฺช ปน อตฺตทุติโย อุคฺคโต, เอตญฺหิ ราชหํสมิถุนํ วิย ปุณฺณจนฺทมิถุนํ ปุพฺพาปริเยน คคนตลํ อภิลงฺฆตี’’ติฯ ตมโญฺญ อาห – ‘‘กิํ กเถสิ สมฺม กหํ นาม ตยา เทฺว ปุณฺณจนฺทา เอกโต อุคฺคจฺฉนฺตา ทิฎฺฐปุพฺพา, นนุ เอส ตปนียรํสิธาโร ปิญฺฉรกิรโณ ทิวากโร อุคฺคโต’’ติฯ ตมโญฺญ สิตํ กตฺวา เอวมาห – ‘‘กิํ อุมฺมโตฺตสิ, นนุ โข อิทานิเมว ทิวากโร อตฺถงฺคโต, โส กถํ อิมํ ปุณฺณจนฺทํ อนุพนฺธมาโน อุคฺคจฺฉิสฺสติ, อทฺธา ปเนตํ อเนกรตนปฺปภาสมุชฺชลํ เอกสฺส ปุญฺญวโต วิมานํ ภวิสฺสตี’’ติฯ เต สเพฺพปิ อปสาทยนฺตา อเญฺญ เอวมาหํสุ – ‘‘กิํ พหุํ วิปฺปลปถ, เนเวส ปุณฺณจโนฺท, น สูริโย น เทววิมานํฯ น เหเตสํ เอวรูปา สิริสมฺปตฺติ อตฺถิ, จกฺกรตเนน ปเนเตน ภวิตพฺพ’’นฺติฯ
Atha tassa cakkaratanassa saddassavaneneva ‘‘kuto nu kho, kassa nu kho ayaṃ saddo’’ti āvajjitahadayānaṃ puratthimadisaṃ olokayamānānaṃ tesaṃ manussānaṃ aññataro aññataraṃ evamāha – ‘‘passa bho acchariyaṃ, ayaṃ puṇṇacando pubbe eko uggacchati, ajja pana attadutiyo uggato, etañhi rājahaṃsamithunaṃ viya puṇṇacandamithunaṃ pubbāpariyena gaganatalaṃ abhilaṅghatī’’ti. Tamañño āha – ‘‘kiṃ kathesi samma kahaṃ nāma tayā dve puṇṇacandā ekato uggacchantā diṭṭhapubbā, nanu esa tapanīyaraṃsidhāro piñcharakiraṇo divākaro uggato’’ti. Tamañño sitaṃ katvā evamāha – ‘‘kiṃ ummattosi, nanu kho idānimeva divākaro atthaṅgato, so kathaṃ imaṃ puṇṇacandaṃ anubandhamāno uggacchissati, addhā panetaṃ anekaratanappabhāsamujjalaṃ ekassa puññavato vimānaṃ bhavissatī’’ti. Te sabbepi apasādayantā aññe evamāhaṃsu – ‘‘kiṃ bahuṃ vippalapatha, nevesa puṇṇacando, na sūriyo na devavimānaṃ. Na hetesaṃ evarūpā sirisampatti atthi, cakkaratanena panetena bhavitabba’’nti.
เอวํ ปวตฺตสลฺลาปเสฺสว ตสฺส ชนสฺส จนฺทมณฺฑลํ โอหาย ตํ จกฺกรตนํ อภิมุขํ โหติฯ ตโต เตหิ ‘‘กสฺส นุ โข อิทํ นิพฺพตฺต’’นฺติ วุเตฺต ภวนฺติ วตฺตาโร – ‘‘น กสฺสจิ อญฺญสฺส, นนุ อมฺหากํ ราชา ปูริตจกฺกวตฺติวโตฺต, ตเสฺสตํ นิพฺพตฺต’’นฺติฯ อถ โส จ มหาชโน, โย จ อโญฺญ ปสฺสติ, สโพฺพ จกฺกรตนเมว อนุคจฺฉติฯ ตมฺปิ จกฺกรตนํ รโญฺญเยว อตฺถาย อตฺตโน อาคตภาวํ ญาเปตุกามํ วิย สตฺตกฺขตฺตุํ ปาการมตฺถเกเนว นครํ อนุสํยายิตฺวา รโญฺญ อเนฺตปุรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อเนฺตปุรสฺส อุตฺตรสีหปญฺชรอาสเนฺน ฐาเน ยถา คนฺธปุปฺผาทีหิ สุเขน สกฺกา โหติ ปูเชตุํ, เอวํ อกฺขาหตํ วิย ติฎฺฐติฯ
Evaṃ pavattasallāpasseva tassa janassa candamaṇḍalaṃ ohāya taṃ cakkaratanaṃ abhimukhaṃ hoti. Tato tehi ‘‘kassa nu kho idaṃ nibbatta’’nti vutte bhavanti vattāro – ‘‘na kassaci aññassa, nanu amhākaṃ rājā pūritacakkavattivatto, tassetaṃ nibbatta’’nti. Atha so ca mahājano, yo ca añño passati, sabbo cakkaratanameva anugacchati. Tampi cakkaratanaṃ raññoyeva atthāya attano āgatabhāvaṃ ñāpetukāmaṃ viya sattakkhattuṃ pākāramatthakeneva nagaraṃ anusaṃyāyitvā rañño antepuraṃ padakkhiṇaṃ katvā antepurassa uttarasīhapañjaraāsanne ṭhāne yathā gandhapupphādīhi sukhena sakkā hoti pūjetuṃ, evaṃ akkhāhataṃ viya tiṭṭhati.
เอวํ ฐิตสฺส ปนสฺส วาตปานจฺฉิทฺทาทีหิ ปวิสิตฺวา นานาวิราครตนปฺปภาสมุชฺชลํ อโนฺต ปาสาทํ อลงฺกุรุมานํ ปภาสมูหํ ทิสฺวา ทสฺสนตฺถาย สญฺชาตาภิลาโส ราชา โหติฯ ปริชโนปิสฺส ปิยวจนปาภเตน อาคนฺตฺวา ตมตฺถํ นิเวเทติฯ อถ ราชา พลวปีติปาโมชฺชผุฎสรีโร ปลฺลงฺกํ โมเจตฺวา อุฎฺฐายาสนา สีหปญฺชรสมีปํ คนฺตฺวา ตํ จกฺกรตนํ ทิสฺวา ‘‘สุตํ โข ปน เมต’’นฺติอาทิกํ จินฺตนํ จิเนฺตสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิสฺวาน รโญฺญ ขตฺติยสฺส…เป.… อสฺสํ นุ โข อหํ ราชา จกฺกวตฺตี’’ติฯ ตตฺถ โส โหติ ราชา จกฺกวตฺตีติ กิตฺตาวตา จกฺกวตฺตี โหติ? เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ จกฺกรตเน อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปวเตฺตฯ
Evaṃ ṭhitassa panassa vātapānacchiddādīhi pavisitvā nānāvirāgaratanappabhāsamujjalaṃ anto pāsādaṃ alaṅkurumānaṃ pabhāsamūhaṃ disvā dassanatthāya sañjātābhilāso rājā hoti. Parijanopissa piyavacanapābhatena āgantvā tamatthaṃ nivedeti. Atha rājā balavapītipāmojjaphuṭasarīro pallaṅkaṃ mocetvā uṭṭhāyāsanā sīhapañjarasamīpaṃ gantvā taṃ cakkaratanaṃ disvā ‘‘sutaṃ kho pana meta’’ntiādikaṃ cintanaṃ cintesi. Tena vuttaṃ – ‘‘disvāna rañño khattiyassa…pe… assaṃ nu kho ahaṃ rājā cakkavattī’’ti. Tattha so hoti rājā cakkavattīti kittāvatā cakkavattī hoti? Ekaṅguladvaṅgulamattampi cakkaratane ākāsaṃ abbhuggantvā pavatte.
อิทานิ ตสฺส ปวตฺตาปนตฺถํ ยํ กาตพฺพํ ตํ ทเสฺสโนฺต อถ โข, ภิกฺขเวติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุฎฺฐายาสนาติ นิสินฺนาสนโต อุฎฺฐหิตฺวา จกฺกรตนสมีปํ อาคนฺตฺวาฯ ภิงฺการํ คเหตฺวาติ หตฺถิโสณฺฑสทิสปนาฬิํ สุวณฺณภิงฺการํ อุกฺขิปิตฺวา วามหเตฺถน อุทกํ คเหตฺวาฯ ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตนนฺติฯ อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายาติ สพฺพจกฺกวตฺตีนญฺหิ อุทเกน อภิสิญฺจิตฺวา ‘‘อภิวิชานาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ วจนสมนนฺตรเมว เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา จกฺกรตนํ ปวตฺตติ, ยสฺส ปวตฺติสมกาลเมว โส ราชา จกฺกวตฺตี นาม โหติฯ
Idāni tassa pavattāpanatthaṃ yaṃ kātabbaṃ taṃ dassento atha kho, bhikkhavetiādimāha. Tattha uṭṭhāyāsanāti nisinnāsanato uṭṭhahitvā cakkaratanasamīpaṃ āgantvā. Bhiṅkāraṃ gahetvāti hatthisoṇḍasadisapanāḷiṃ suvaṇṇabhiṅkāraṃ ukkhipitvā vāmahatthena udakaṃ gahetvā. Pavattatu bhavaṃ cakkaratanaṃ, abhivijinātu bhavaṃ cakkaratananti. Anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāyāti sabbacakkavattīnañhi udakena abhisiñcitvā ‘‘abhivijānātu bhavaṃ cakkaratana’’nti vacanasamanantarameva vehāsaṃ abbhuggantvā cakkaratanaṃ pavattati, yassa pavattisamakālameva so rājā cakkavattī nāma hoti.
ปวเตฺต ปน จกฺกรตเน ตํ อนุพนฺธมาโนว ราชา จกฺกวตฺตี ยานวรํ อารุยฺห เวหาสํ อพฺภุคฺคจฺฉติ, อถสฺส ฉตฺตจามราทิหโตฺถ ปริชโน เจว อเนฺตปุรชโน จฯ ตโต นานปฺปการกญฺจุกกวจาทิสนฺนาหวิภูสิเตน วิวิธาหรณปฺปภาสมุชฺชลิเตน สมุสฺสิตทฺธชปฎากปฎิมณฺฑิเตน อตฺตโน อตฺตโน พลกาเยน สทฺธิํ อุปราชเสนาปติ ปภูตโยปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ราชานเมว ปริวาเรนฺติฯ ราชยุตฺตา ปน ชนสงฺคหตฺถํ นครวีถีสุ เภริโย จราเปนฺติ ‘‘ตาตา อมฺหากํ รโญฺญ จกฺกรตนํ นิพฺพตฺตํ, อตฺตโน อตฺตโน วิภวานุรูเปน มณฺฑิตปฺปสาธิตา สนฺนิปตถา’’ติฯ มหาชโน ปน ปกติยา จกฺกรตนสเทฺทเนว สพฺพกิจฺจานิ ปหาย คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย สนฺนิปติโตว, โสปิ สโพฺพ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ราชานเมว ปริวาเรติฯ ยสฺส ยสฺส หิ รญฺญา สทฺธิํ คนฺตุกามตา อุปฺปชฺชติ, โส โส อากาสคโตว โหติฯ เอวํ ทฺวาทสโยชนายามวิตฺถารา ปริสา โหติฯ ตตฺถ เอกปุริโสปิ ฉินฺนภินฺนสรีโร วา กิลิฎฺฐวโตฺถ วา นตฺถิฯ สุจิปริวาโร หิ ราชา จกฺกวตฺตีฯ จกฺกวตฺติปริสา นาม วิชฺชาธรปริสา วิย อากาเส คจฺฉมานา อินฺทนีลมณิตเล วิปฺปกิณฺณรตนสทิสา โหติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺตี สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายา’’ติฯ
Pavatte pana cakkaratane taṃ anubandhamānova rājā cakkavattī yānavaraṃ āruyha vehāsaṃ abbhuggacchati, athassa chattacāmarādihattho parijano ceva antepurajano ca. Tato nānappakārakañcukakavacādisannāhavibhūsitena vividhāharaṇappabhāsamujjalitena samussitaddhajapaṭākapaṭimaṇḍitena attano attano balakāyena saddhiṃ uparājasenāpati pabhūtayopi vehāsaṃ abbhuggantvā rājānameva parivārenti. Rājayuttā pana janasaṅgahatthaṃ nagaravīthīsu bheriyo carāpenti ‘‘tātā amhākaṃ rañño cakkaratanaṃ nibbattaṃ, attano attano vibhavānurūpena maṇḍitappasādhitā sannipatathā’’ti. Mahājano pana pakatiyā cakkaratanasaddeneva sabbakiccāni pahāya gandhapupphādīni ādāya sannipatitova, sopi sabbo vehāsaṃ abbhuggantvā rājānameva parivāreti. Yassa yassa hi raññā saddhiṃ gantukāmatā uppajjati, so so ākāsagatova hoti. Evaṃ dvādasayojanāyāmavitthārā parisā hoti. Tattha ekapurisopi chinnabhinnasarīro vā kiliṭṭhavattho vā natthi. Suciparivāro hi rājā cakkavattī. Cakkavattiparisā nāma vijjādharaparisā viya ākāse gacchamānā indanīlamaṇitale vippakiṇṇaratanasadisā hoti. Tena vuttaṃ ‘‘anvadeva rājā cakkavattī saddhiṃ caturaṅginiyā senāyā’’ti.
ตมฺปิ จกฺกรตนํ รุกฺขคฺคานํ อุปรูปริ นาติอุเจฺจน คคนปเทเสน ปวตฺตติ, ยถา รุกฺขานํ ปุปฺผผลปลฺลเวหิ อตฺถิกา ตานิ สุเขน คเหตุํ สโกฺกนฺติ, ภูมิยํ ฐิตา ‘‘เอส ราชา, เอส อุปราชา, เอส เสนาปตี’’ติ สลฺลเกฺขตุํ สโกฺกนฺติฯ ฐานาทีสุปิ อิริยาปเถสุ โย เยน อิจฺฉติ, โส เตเนว คจฺฉติฯ จิตฺตกมฺมาทิสิปฺปปสุตา เจตฺถ อตฺตโน อตฺตโน กิจฺจํ กโรนฺตาเยว คจฺฉนฺติฯ ยเถว หิ ภูมิยํ, ตถา เนสํ สพฺพกิจฺจานิ อากาเส อิชฺฌนฺติฯ เอวํ จกฺกวตฺติปริสํ คเหตฺวา ตํ จกฺกรตนํ วามปเสฺสน สิเนรุํ ปหาย สมุทฺทสฺส อุปริภาเคน อฎฺฐโยชนสหสฺสปฺปมาณํ ปุพฺพวิเทหํ คจฺฉติฯ
Tampi cakkaratanaṃ rukkhaggānaṃ uparūpari nātiuccena gaganapadesena pavattati, yathā rukkhānaṃ pupphaphalapallavehi atthikā tāni sukhena gahetuṃ sakkonti, bhūmiyaṃ ṭhitā ‘‘esa rājā, esa uparājā, esa senāpatī’’ti sallakkhetuṃ sakkonti. Ṭhānādīsupi iriyāpathesu yo yena icchati, so teneva gacchati. Cittakammādisippapasutā cettha attano attano kiccaṃ karontāyeva gacchanti. Yatheva hi bhūmiyaṃ, tathā nesaṃ sabbakiccāni ākāse ijjhanti. Evaṃ cakkavattiparisaṃ gahetvā taṃ cakkaratanaṃ vāmapassena sineruṃ pahāya samuddassa uparibhāgena aṭṭhayojanasahassappamāṇaṃ pubbavidehaṃ gacchati.
ตตฺถ โย วินิเพฺพเธน ทฺวาทสโยชนาย ปริเกฺขปโต ฉตฺติํสโยชนปริสาย สนฺนิเวสกฺขโม สุลภาหารูปกรโณ ฉายูทกสมฺปโนฺน สุจิสมตโล รมณีโย ภูมิภาโค, ตสฺส อุปริภาเค ตํ จกฺกรตนํ อากาเส อกฺขาหตํ วิย ติฎฺฐติฯ อถ เตน สญฺญาเณน โส มหาชโน โอตริตฺวา ยถารุจิ นฺหานโภชนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรโนฺต วาสํ กเปฺปติ, เตน วุตฺตํ ‘‘ยสฺมิํ โข ปน, ภิกฺขเว, ปเทเส ตํ จกฺกรตนํ ปติฎฺฐาติ, ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี วาสํ อุเปติ สทฺธิํ จตุรงฺคินิยา เสนายา’’ติฯ
Tattha yo vinibbedhena dvādasayojanāya parikkhepato chattiṃsayojanaparisāya sannivesakkhamo sulabhāhārūpakaraṇo chāyūdakasampanno sucisamatalo ramaṇīyo bhūmibhāgo, tassa uparibhāge taṃ cakkaratanaṃ ākāse akkhāhataṃ viya tiṭṭhati. Atha tena saññāṇena so mahājano otaritvā yathāruci nhānabhojanādīni sabbakiccāni karonto vāsaṃ kappeti, tena vuttaṃ ‘‘yasmiṃ kho pana, bhikkhave, padese taṃ cakkaratanaṃ patiṭṭhāti, tattha rājā cakkavattī vāsaṃ upeti saddhiṃ caturaṅginiyā senāyā’’ti.
เอวํ วาสํ อุปคเต จกฺกวตฺติมฺหิ เย ตตฺถ ราชาโน, เต ‘‘ปรจกฺกํ อาคต’’นฺติ สุตฺวาปิ น พลกายํ สนฺนิปาเตตฺวา ยุทฺธสชฺชา โหนฺติฯ จกฺกรตนสฺส อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมว นตฺถิ โส สโตฺต นาม, โย ปจฺจตฺถิกสญฺญาย ราชานํ อารพฺภ อาวุธํ อุกฺขิปิตุํ วิสเหยฺยฯ อยมนุภาโว จกฺกรตนสฺสฯ
Evaṃ vāsaṃ upagate cakkavattimhi ye tattha rājāno, te ‘‘paracakkaṃ āgata’’nti sutvāpi na balakāyaṃ sannipātetvā yuddhasajjā honti. Cakkaratanassa uppattisamanantarameva natthi so satto nāma, yo paccatthikasaññāya rājānaṃ ārabbha āvudhaṃ ukkhipituṃ visaheyya. Ayamanubhāvo cakkaratanassa.
จกฺกานุภาเวน หิ ตสฺส รโญฺญ,
Cakkānubhāvena hi tassa rañño,
อรี อเสสา ทมถํ อุเปนฺติ;
Arī asesā damathaṃ upenti;
อรินฺทมํ นาม นราธิปสฺส,
Arindamaṃ nāma narādhipassa,
เตเนว ตํ วุจฺจติ ตสฺส จกฺกํฯ
Teneva taṃ vuccati tassa cakkaṃ.
ตสฺมา สเพฺพปิ เต ราชาโน อตฺตโน อตฺตโน รชฺชสิริวิภวานุรูปํ ปาภตํ คเหตฺวา ตํ ราชานํ อุปคมฺม โอนตสิรา อตฺตโน โมฬิยมณิปฺปภาภิเสเกนสฺส ปาทปูชํ กโรโนฺต ‘‘เอหิ โข มหาราชา’’ติอาทีหิ วจเนหิ ตสฺส กิงฺการปฺปฎิสฺสาวิตํ อาปชฺชนฺติฯ เตน วุตฺตํ เย โข ปน, ภิกฺขเว, ปุรตฺถิมาย…เป.… อนุสาส มหาราชาติฯ
Tasmā sabbepi te rājāno attano attano rajjasirivibhavānurūpaṃ pābhataṃ gahetvā taṃ rājānaṃ upagamma onatasirā attano moḷiyamaṇippabhābhisekenassa pādapūjaṃ karonto ‘‘ehi kho mahārājā’’tiādīhi vacanehi tassa kiṅkārappaṭissāvitaṃ āpajjanti. Tena vuttaṃ ye kho pana, bhikkhave, puratthimāya…pe… anusāsa mahārājāti.
ตตฺถ สฺวาคตนฺติ สุอาคมนํฯ เอกสฺมิญฺหิ อาคเต โสจนฺติ, คเต นนฺทนฺติฯ เอกสฺมิํ อาคเต นนฺทนฺติ, คเต โสจนฺติฯ ตาทิโส ตฺวํ อาคตนนฺทโน คมนโสจโน, ตสฺมา ตว อาคมนํ สุอาคมนนฺติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ วุเตฺต ปน จกฺกวตฺตี นาปิ ‘‘เอตฺตกํ นาม เม อนุวสฺสํ พลิํ อุปกเปฺปถา’’ติ วทติ, นาปิ อญฺญสฺส โภคํ อจฺฉินฺทิตฺวา อญฺญสฺส เทติฯ อตฺตโน ปน ธมฺมราชภาวสฺส อนุรูปาย ปญฺญาย ปาณาติปาตาทีนิ อุปปริกฺขิตฺวา เปมนีเยน มญฺชุนา สเรน ‘‘ปสฺสถ ตาตา, ปาณาติปาโต นาเมส อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก โหตี’’ติอาทินา นเยน ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘ปาโณ น หนฺตโพฺพ’’ติอาทิกํ โอวาทํ เทติฯ เตน วุตฺตํ ราชา จกฺกวตฺตี เอวมาห ปาโณ น หนฺตโพฺพ…เป.… ยถาภุตฺตญฺจ ภุญฺชถาติฯ
Tattha svāgatanti suāgamanaṃ. Ekasmiñhi āgate socanti, gate nandanti. Ekasmiṃ āgate nandanti, gate socanti. Tādiso tvaṃ āgatanandano gamanasocano, tasmā tava āgamanaṃ suāgamananti vuttaṃ hoti. Evaṃ vutte pana cakkavattī nāpi ‘‘ettakaṃ nāma me anuvassaṃ baliṃ upakappethā’’ti vadati, nāpi aññassa bhogaṃ acchinditvā aññassa deti. Attano pana dhammarājabhāvassa anurūpāya paññāya pāṇātipātādīni upaparikkhitvā pemanīyena mañjunā sarena ‘‘passatha tātā, pāṇātipāto nāmesa āsevito bhāvito bahulīkato nirayasaṃvattaniko hotī’’tiādinā nayena dhammaṃ desetvā ‘‘pāṇo na hantabbo’’tiādikaṃ ovādaṃ deti. Tena vuttaṃ rājā cakkavattī evamāha pāṇo na hantabbo…pe… yathābhuttañca bhuñjathāti.
กิํ ปน สเพฺพปิ รโญฺญ อิมํ โอวาทํ คณฺหนฺตีติฯ พุทฺธสฺสปิ ตาว สเพฺพ น คณฺหนฺติ, รโญฺญ กิํ คณฺหิสฺสนฺติฯ ตสฺมา เย ปณฺฑิตา วิภาวิโน, เต คณฺหนฺติฯ สเพฺพ ปน อนุยนฺตา ภวนฺติฯ ตสฺมา ‘‘เย โข ปน, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาหฯ
Kiṃ pana sabbepi rañño imaṃ ovādaṃ gaṇhantīti. Buddhassapi tāva sabbe na gaṇhanti, rañño kiṃ gaṇhissanti. Tasmā ye paṇḍitā vibhāvino, te gaṇhanti. Sabbe pana anuyantā bhavanti. Tasmā ‘‘ye kho pana, bhikkhave’’tiādimāha.
อถ ตํ จกฺกรตนํ เอวํ ปุพฺพวิเทหวาสีนํ โอวาเท ทิเนฺน กตปาตราเส จกฺกวตฺตีพเลน เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อโชฺฌคาหติฯ ยถา ยถา จ ตํ อโชฺฌคาหติ, ตถา ตถา อคทคนฺธํ ฆายิตฺวา สํขิตฺตผโณ นาคราชา วิย สํขิตฺตอูมิวิปฺผารํ หุตฺวา โอคจฺฉมานํ มหาสมุทฺทสลิลํ โยชนมตฺตํ โอคนฺตฺวา อโนฺตสมุเทฺท เวฬุริยภิตฺติ วิย ติฎฺฐติฯ ตงฺขณเญฺญว จ ตสฺส รโญฺญ ปุญฺญสิริํ ทฎฺฐุกามานิ วิย มหาสมุทฺทตเล วิปฺปกิณฺณานิ นานารตนานิ ตโต ตโต อาคนฺตฺวา ตํ ปเทสํ ปูรยนฺติฯ อถ สา ราชปริสา ตํ นานารตนปริปูรํ มหาสมุทฺทตลํ ทิสฺวา ยถารุจิ อุจฺฉงฺคาทีหิ อาทิยติ, ยถารุจิ อาทินฺนรตนาย ปน ปริสาย ตํ จกฺกรตนํ ปฎินิวตฺตติฯ ปฎินิวตฺตมาเน จ ตสฺมิํ ปริสา อคฺคโต โหติ, มเชฺฌ ราชา, อเนฺต จกฺกรตนํฯ ตมฺปิ ชลนิธิชลํ ปโลภิยมานมิว จกฺกรตนสิริยา, อสหมานมิว จ เตน วิโยคํ, เนมิมณฺฑลปริยนฺตํ อภิหนนฺตํ นิรนฺตรเมว อุปคจฺฉติฯ
Atha taṃ cakkaratanaṃ evaṃ pubbavidehavāsīnaṃ ovāde dinne katapātarāse cakkavattībalena vehāsaṃ abbhuggantvā puratthimaṃ samuddaṃ ajjhogāhati. Yathā yathā ca taṃ ajjhogāhati, tathā tathā agadagandhaṃ ghāyitvā saṃkhittaphaṇo nāgarājā viya saṃkhittaūmivipphāraṃ hutvā ogacchamānaṃ mahāsamuddasalilaṃ yojanamattaṃ ogantvā antosamudde veḷuriyabhitti viya tiṭṭhati. Taṅkhaṇaññeva ca tassa rañño puññasiriṃ daṭṭhukāmāni viya mahāsamuddatale vippakiṇṇāni nānāratanāni tato tato āgantvā taṃ padesaṃ pūrayanti. Atha sā rājaparisā taṃ nānāratanaparipūraṃ mahāsamuddatalaṃ disvā yathāruci ucchaṅgādīhi ādiyati, yathāruci ādinnaratanāya pana parisāya taṃ cakkaratanaṃ paṭinivattati. Paṭinivattamāne ca tasmiṃ parisā aggato hoti, majjhe rājā, ante cakkaratanaṃ. Tampi jalanidhijalaṃ palobhiyamānamiva cakkaratanasiriyā, asahamānamiva ca tena viyogaṃ, nemimaṇḍalapariyantaṃ abhihanantaṃ nirantarameva upagacchati.
๒๕๗. เอวํ ราชา จกฺกวตฺตี ปุรตฺถิมสมุทฺทปริยนฺตํ ปุพฺพวิเทหํ อภิวิชินิตฺวา ทกฺขิณสมุทฺทปริยนฺตํ ชมฺพุทีปํ วิเชตุกาโม จกฺกรตนเทสิเตน มเคฺคน ทกฺขิณสมุทฺทาภิมุโข คจฺฉติฯ เตน วุตฺตํ อถ โข ตํ, ภิกฺขเว, จกฺกรตนํ ปุรตฺถิมสมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ทกฺขิณํ ทิสํ ปวตฺตตีติฯ เอวํ ปวตฺตมานสฺส ปน ตสฺส ปวตฺตนวิธานํ เสนาสนฺนิเวโส ปฎิราชคมนํ เตสํ อนุสาสนิปฺปทานํ ทกฺขิณสมุทฺทํ อโชฺฌคาหนํ สมุทฺทสลิลสฺส โอคจฺฉนํ รตนาทานนฺติ สพฺพํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
257. Evaṃ rājā cakkavattī puratthimasamuddapariyantaṃ pubbavidehaṃ abhivijinitvā dakkhiṇasamuddapariyantaṃ jambudīpaṃ vijetukāmo cakkaratanadesitena maggena dakkhiṇasamuddābhimukho gacchati. Tena vuttaṃ atha kho taṃ, bhikkhave, cakkaratanaṃ puratthimasamuddaṃ ajjhogāhetvā paccuttaritvā dakkhiṇaṃ disaṃ pavattatīti. Evaṃ pavattamānassa pana tassa pavattanavidhānaṃ senāsanniveso paṭirājagamanaṃ tesaṃ anusāsanippadānaṃ dakkhiṇasamuddaṃ ajjhogāhanaṃ samuddasalilassa ogacchanaṃ ratanādānanti sabbaṃ purimanayeneva veditabbaṃ.
วิชินิตฺวา ปน ตํ ทสสหสฺสโยชนปฺปมาณํ ชมฺพุทีปํ ทกฺขิณสมุทฺทโตปิ ปจฺจุตฺตริตฺวา สตฺตโยชนสหสฺสปฺปมาณํ อปรโคยานํ วิเชตุํ ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา ตมฺปิ สมุทฺทปริยนฺตํ ตเถว อภิวิชินิตฺวา ปจฺฉิมสมุทฺทโตปิ ปจฺจุตฺตริตฺวา อฎฺฐโยชนสหสฺสปฺปมาณํ อุตฺตรกุรุํ วิเชตุํ ตเถว คนฺตฺวา ตมฺปิ สมุทฺทปริยนฺตํ ตเถว อภิวิชิย อุตฺตรสมุทฺทโตปิ ปจฺจุตฺตรติฯ
Vijinitvā pana taṃ dasasahassayojanappamāṇaṃ jambudīpaṃ dakkhiṇasamuddatopi paccuttaritvā sattayojanasahassappamāṇaṃ aparagoyānaṃ vijetuṃ pubbe vuttanayeneva gantvā tampi samuddapariyantaṃ tatheva abhivijinitvā pacchimasamuddatopi paccuttaritvā aṭṭhayojanasahassappamāṇaṃ uttarakuruṃ vijetuṃ tatheva gantvā tampi samuddapariyantaṃ tatheva abhivijiya uttarasamuddatopi paccuttarati.
เอตฺตาวตา รญฺญา จกฺกวตฺตินา จาตุรนฺตาย ปถวิยา อาธิปจฺจํ อธิคตํ โหติฯ โส เอวํ วิชิตวิชโย อตฺตโน รชฺชสิริสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ สปริโส อุทฺธํ คคนตลํ อภิลงฺฆิตฺวา สุวิกสิตปทุมุปฺปลปุณฺฑรีกวนวิจิเตฺต จตฺตาโร ชาตสฺสเร วิย ปญฺจสตปญฺจสตปริตฺตทีปปริวาเร จตฺตาโร มหาทีเป โอโลเกตฺวา จกฺกรตนเทสิเตเนว มเคฺคน ยถานุกฺกมํ อตฺตโน ราชธานิเมว ปจฺจาคจฺฉติฯ อถ ตํ จกฺกรตนํ อเนฺตปุรทฺวารํ โสภยมานํ วิย หุตฺวา ติฎฺฐติฯ
Ettāvatā raññā cakkavattinā cāturantāya pathaviyā ādhipaccaṃ adhigataṃ hoti. So evaṃ vijitavijayo attano rajjasirisampattidassanatthaṃ sapariso uddhaṃ gaganatalaṃ abhilaṅghitvā suvikasitapadumuppalapuṇḍarīkavanavicitte cattāro jātassare viya pañcasatapañcasataparittadīpaparivāre cattāro mahādīpe oloketvā cakkaratanadesiteneva maggena yathānukkamaṃ attano rājadhānimeva paccāgacchati. Atha taṃ cakkaratanaṃ antepuradvāraṃ sobhayamānaṃ viya hutvā tiṭṭhati.
เอวํ ปติฎฺฐิเต ปน ตสฺมิํ จกฺกรตเน ราชเนฺตปุเร อุกฺกาหิ วา ทีปิกาหิ วา กิญฺจิ กรณียํ น โหติ, จกฺกรตโนภาโสเยว รตฺติํ อนฺธการํ วิธมติฯ เย จ ปน รตฺติํ อนฺธการตฺถิกา โหนฺติ, เตสํ อนฺธการเมว โหติฯ เตน วุตฺตํ ทกฺขิณสมุทฺทํ อโชฺฌคาเหตฺวา…เป.… เอวรูปํ จกฺกรตนํ ปาตุภวตีติฯ
Evaṃ patiṭṭhite pana tasmiṃ cakkaratane rājantepure ukkāhi vā dīpikāhi vā kiñci karaṇīyaṃ na hoti, cakkaratanobhāsoyeva rattiṃ andhakāraṃ vidhamati. Ye ca pana rattiṃ andhakāratthikā honti, tesaṃ andhakārameva hoti. Tena vuttaṃ dakkhiṇasamuddaṃ ajjhogāhetvā…pe… evarūpaṃ cakkaratanaṃ pātubhavatīti.
หตฺถิรตนวณฺณนา
Hatthiratanavaṇṇanā
๒๕๘. เอวํ ปาตุภูตจกฺกรตนสฺส ปนสฺส จกฺกวตฺติโน อมจฺจา ปกติมงฺคลหตฺถิฎฺฐานํ สุจิภูมิภาคํ กาเรตฺวา หริจนฺทนาทีหิ สุรภิคเนฺธหิ อุปลิมฺปาเปตฺวา เหฎฺฐา วิจิตฺตวณฺณสุรภิกุสุมสมากิณฺณํ อุปริ สุวณฺณตารกานํ อนฺตรนฺตรา สโมสริตมนุญฺญ-กุสุมทามปฺปฎิมณฺฑิตวิตานํ เทววิมานํ วิย อภิสงฺขริตฺวา ‘‘เอวรูปสฺส นาม เทว หตฺถิรตนสฺส อาคมนํ จิเนฺตถา’’ติ วทนฺติฯ โส ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว มหาทานํ ทตฺวา สีลานิ สมาทาย ตํ ปุญฺญสมฺปตฺติํ อาวชฺชโนฺต นิสีทติ, อถสฺส ปุญฺญานุภาวโจทิโต ฉทฺทนฺตกุลา วา อุโปสถกุลา วา ตํ สกฺการวิเสสํ อนุภวิตุกาโม ตรุณรวิมณฺฑลาภิรตฺตจรณ-คีวมุขปฺปฎิมณฺฑิตวิสุทฺธเสตสรีโร สตฺตปฺปติโฎฺฐ สุสณฺฐิตงฺคปจฺจงฺคสนฺนิเวโส วิกสิตรตฺต-ปทุมจารุโปกฺขโร อิทฺธิมา โยคี วิย เวหาสํ คมนสมโตฺถ มโนสิลาจุณฺณรญฺชิตปริยโนฺต วิย รชตปพฺพโต หตฺถิเสโฎฺฐ ตสฺมิํ ปเทเส ปติฎฺฐาติฯ โส ฉทฺทนฺตกุลา อาคจฺฉโนฺต สพฺพกนิโฎฺฐ อาคจฺฉติ, อุโปสถกุลา สพฺพเชโฎฺฐฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘อุโปสโถ นาคราชา’’ อิเจฺจว อาคจฺฉติฯ สฺวายํ ปูริตจกฺกวตฺติวตฺตานํ จกฺกวตฺตีนํ สุเตฺต วุตฺตนเยเนว จินฺตยนฺตานํ อาคจฺฉติ, น อิตเรสํฯ สยเมว ปกติมงฺคลหตฺถิฎฺฐานํ อาคนฺตฺวา มงฺคลหตฺถิํ อปเนตฺวา ตตฺถ ติฎฺฐติฯ เตน วุตฺตํ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว…เป.… นาคราชาติฯ
258. Evaṃ pātubhūtacakkaratanassa panassa cakkavattino amaccā pakatimaṅgalahatthiṭṭhānaṃ sucibhūmibhāgaṃ kāretvā haricandanādīhi surabhigandhehi upalimpāpetvā heṭṭhā vicittavaṇṇasurabhikusumasamākiṇṇaṃ upari suvaṇṇatārakānaṃ antarantarā samosaritamanuñña-kusumadāmappaṭimaṇḍitavitānaṃ devavimānaṃ viya abhisaṅkharitvā ‘‘evarūpassa nāma deva hatthiratanassa āgamanaṃ cintethā’’ti vadanti. So pubbe vuttanayeneva mahādānaṃ datvā sīlāni samādāya taṃ puññasampattiṃ āvajjanto nisīdati, athassa puññānubhāvacodito chaddantakulā vā uposathakulā vā taṃ sakkāravisesaṃ anubhavitukāmo taruṇaravimaṇḍalābhirattacaraṇa-gīvamukhappaṭimaṇḍitavisuddhasetasarīro sattappatiṭṭho susaṇṭhitaṅgapaccaṅgasanniveso vikasitaratta-padumacārupokkharo iddhimā yogī viya vehāsaṃ gamanasamattho manosilācuṇṇarañjitapariyanto viya rajatapabbato hatthiseṭṭho tasmiṃ padese patiṭṭhāti. So chaddantakulā āgacchanto sabbakaniṭṭho āgacchati, uposathakulā sabbajeṭṭho. Pāḷiyaṃ pana ‘‘uposatho nāgarājā’’ icceva āgacchati. Svāyaṃ pūritacakkavattivattānaṃ cakkavattīnaṃ sutte vuttanayeneva cintayantānaṃ āgacchati, na itaresaṃ. Sayameva pakatimaṅgalahatthiṭṭhānaṃ āgantvā maṅgalahatthiṃ apanetvā tattha tiṭṭhati. Tena vuttaṃ puna caparaṃ, bhikkhave…pe… nāgarājāti.
เอวํ ปาตุภูตํ ปน ตํ หตฺถิรตนํ ทิสฺวา หตฺถิโคปกาทโย หฎฺฐตุฎฺฐา เวเคน คนฺตฺวา รโญฺญ อาโรเจนฺติฯ ราชา ตุริตตุริตํ อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิโตฺต ‘‘ภทฺทกํ วต โภ หตฺถิยานํ, สเจ ทมถํ อุเปยฺยา’’ติ จินฺตยโนฺต หตฺถํ ปสาเรติฯ อถ โส ฆรเธนุวจฺฉโก วิย กเณฺณ โอลเมฺพตฺวา สูรตภาวํ ทเสฺสโนฺต ราชานํ อุปสงฺกมติ, ราชา ตํ อภิรุหิตุกาโม โหติฯ อถสฺส ปริชนา อธิปฺปายํ ญตฺวา ตํ หตฺถิรตนํ โสวณฺณทฺธชํ โสวณฺณาลงฺการํ เหมชาลปฎิจฺฉนฺนํ กตฺวา อุปเนนฺติฯ ราชา ตํ อนิสีทาเปตฺวาว สตฺตรตนมยาย นิเสฺสณิยา อภิรุยฺห อากาสํ คมนนินฺนจิโตฺต โหติฯ ตสฺส สห จิตฺตุปฺปาเทเนว โส หตฺถิราชา ราชหํโส วิย อินฺทนีลมณิปฺปภาชาลนีลคคนตลํ อภิลงฺฆติ, ตโต จกฺกจาริกาย วุตฺตนเยเนว สกลราชปริสาฯ อิติ สปริโส ราชา อโนฺตปาตราเสเยว สกลปถวิํ อนุสํยายิตฺวา ราชธานิํ ปจฺจาคจฺฉติ, เอวํ มหิทฺธิกํ จกฺกวตฺติโน หตฺถิรตนํ โหติฯ เตน วุตฺตํ ทิสฺวาน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส…เป.… เอวรูปํ หตฺถิรตนํ ปาตุภวตีติฯ
Evaṃ pātubhūtaṃ pana taṃ hatthiratanaṃ disvā hatthigopakādayo haṭṭhatuṭṭhā vegena gantvā rañño ārocenti. Rājā turitaturitaṃ āgantvā taṃ disvā pasannacitto ‘‘bhaddakaṃ vata bho hatthiyānaṃ, sace damathaṃ upeyyā’’ti cintayanto hatthaṃ pasāreti. Atha so gharadhenuvacchako viya kaṇṇe olambetvā sūratabhāvaṃ dassento rājānaṃ upasaṅkamati, rājā taṃ abhiruhitukāmo hoti. Athassa parijanā adhippāyaṃ ñatvā taṃ hatthiratanaṃ sovaṇṇaddhajaṃ sovaṇṇālaṅkāraṃ hemajālapaṭicchannaṃ katvā upanenti. Rājā taṃ anisīdāpetvāva sattaratanamayāya nisseṇiyā abhiruyha ākāsaṃ gamananinnacitto hoti. Tassa saha cittuppādeneva so hatthirājā rājahaṃso viya indanīlamaṇippabhājālanīlagaganatalaṃ abhilaṅghati, tato cakkacārikāya vuttanayeneva sakalarājaparisā. Iti sapariso rājā antopātarāseyeva sakalapathaviṃ anusaṃyāyitvā rājadhāniṃ paccāgacchati, evaṃ mahiddhikaṃ cakkavattino hatthiratanaṃ hoti. Tena vuttaṃ disvāna rañño cakkavattissa…pe… evarūpaṃ hatthiratanaṃ pātubhavatīti.
อสฺสรตนวณฺณนา
Assaratanavaṇṇanā
เอวํ ปาตุภูตหตฺถิรตนสฺส ปน จกฺกวตฺติโน ปริสา ปกติมงฺคลอสฺสฎฺฐานํ สุจิสมตลํ กาเรตฺวา อลงฺกริตฺวา จ ปุริมนเยเนว รโญฺญ ตสฺส อาคมนจินฺตนตฺถํ อุสฺสาหํ ชเนนฺติฯ โส ปุริมนเยเนว กตทานสกฺกาโร สมาทินฺนสีโลว ปาสาทตเล นิสิโนฺน ปุญฺญสมฺปตฺติํ สมนุสฺสรติ, อถสฺส ปุญฺญานุภาวโจทิโต สินฺธวกุลโต วิชฺชุลฺลตาวินทฺธสรทกาลเสตวลาหกราสิสสฺสิริโก รตฺตปาโท รตฺตตุโณฺฑ จนฺทปฺปภาปุญฺชสทิสสุทฺธสินิทฺธฆนสงฺฆาตสรีโร กากคีวา วิย อินฺทนีลมณิ วิย จ กาฬวเณฺณน สีเสน สมนฺนาคตตฺตา กาฬสีโส สุฎฺฐุ กเปฺปตฺวา ฐปิเตหิ วิย มุญฺชสทิเสหิ สณฺหวฎฺฎอุชุคติคเตหิ เกเสหิ สมนฺนาคตตฺตา มุญฺชเกโส เวหาสงฺคโม วลาหโก นาม อสฺสราชา อาคนฺตฺวา ตสฺมิํ ฐาเน ปติฎฺฐาติฯ เสสํ สพฺพํ หตฺถิรตเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เอวรูปํ อสฺสรตนํ สนฺธาย ภควา ปุน จปรนฺติอาทิมาหฯ
Evaṃ pātubhūtahatthiratanassa pana cakkavattino parisā pakatimaṅgalaassaṭṭhānaṃ sucisamatalaṃ kāretvā alaṅkaritvā ca purimanayeneva rañño tassa āgamanacintanatthaṃ ussāhaṃ janenti. So purimanayeneva katadānasakkāro samādinnasīlova pāsādatale nisinno puññasampattiṃ samanussarati, athassa puññānubhāvacodito sindhavakulato vijjullatāvinaddhasaradakālasetavalāhakarāsisassiriko rattapādo rattatuṇḍo candappabhāpuñjasadisasuddhasiniddhaghanasaṅghātasarīro kākagīvā viya indanīlamaṇi viya ca kāḷavaṇṇena sīsena samannāgatattā kāḷasīso suṭṭhu kappetvā ṭhapitehi viya muñjasadisehi saṇhavaṭṭaujugatigatehi kesehi samannāgatattā muñjakeso vehāsaṅgamo valāhako nāma assarājā āgantvā tasmiṃ ṭhāne patiṭṭhāti. Sesaṃ sabbaṃ hatthiratane vuttanayeneva veditabbaṃ. Evarūpaṃ assaratanaṃ sandhāya bhagavā puna caparantiādimāha.
มณิรตนวณฺณนา
Maṇiratanavaṇṇanā
เอวํ ปาตุภูตอสฺสรตนสฺส ปน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส จตุหตฺถายามํ สกฎนาภิสมปฺปมาณํ อุโภสุ อเนฺตสุ กณฺณิกปริยนฺตโต วินิคฺคตสุปริสุทฺธมุตฺตากลาเปหิ ทฺวีหิ กญฺจนปทุเมหิ อลงฺกตํ จตุราสีติมณิสหสฺสปริวารํ ตาราคณปริวุตสฺส ปุณฺณจนฺทสฺส สิริํ ปฎิปฺผรมานํ วิย เวปุลฺลปพฺพตโต มณิรตนํ อาคจฺฉติฯ ตเสฺสวํ อาคตสฺส มุตฺตาชาลเก ฐเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย สฎฺฐิหตฺถปฺปมาณํ อากาสํ อาโรปิตสฺส รตฺติภาเค สมนฺตา โยชนปฺปมาณํ โอกาสํ อาภา ผรติ, ยาย สโพฺพ โส โอกาโส อรุณุคฺคมนเวลา วิย สญฺชาตาโลโก โหติฯ ตโต กสฺสกา กสิกมฺมํ, วาณิชา อาปณุคฺฆาฎนํ , เต เต จ สิปฺปิโน ตํ ตํ กมฺมนฺตํ ปโยเชนฺติ ทิวาติ มญฺญมานาฯ เตน วุตฺตํ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว…เป.… มณิรตนํ ปาตุภวตีติฯ
Evaṃ pātubhūtaassaratanassa pana rañño cakkavattissa catuhatthāyāmaṃ sakaṭanābhisamappamāṇaṃ ubhosu antesu kaṇṇikapariyantato viniggatasuparisuddhamuttākalāpehi dvīhi kañcanapadumehi alaṅkataṃ caturāsītimaṇisahassaparivāraṃ tārāgaṇaparivutassa puṇṇacandassa siriṃ paṭippharamānaṃ viya vepullapabbatato maṇiratanaṃ āgacchati. Tassevaṃ āgatassa muttājālake ṭhapetvā veḷuparamparāya saṭṭhihatthappamāṇaṃ ākāsaṃ āropitassa rattibhāge samantā yojanappamāṇaṃ okāsaṃ ābhā pharati, yāya sabbo so okāso aruṇuggamanavelā viya sañjātāloko hoti. Tato kassakā kasikammaṃ, vāṇijā āpaṇugghāṭanaṃ , te te ca sippino taṃ taṃ kammantaṃ payojenti divāti maññamānā. Tena vuttaṃ puna caparaṃ, bhikkhave…pe… maṇiratanaṃ pātubhavatīti.
อิตฺถิรตนวณฺณนา
Itthiratanavaṇṇanā
เอวํ ปาตุภูตมณิรตนสฺส ปน จกฺกวตฺติสฺส วิสยสุขวิเสสการณํ อิตฺถิรตนํ ปาตุภวติฯ มทฺทราชกุลโต วา หิสฺส อคฺคมเหสิํ อาเนนฺติ, อุตฺตรกุรุโต วา ปุญฺญานุภาเวน สยํ อาคจฺฉติฯ อวเสสา ปนสฺสา สมฺปตฺติ ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส อิตฺถิรตนํ ปาตุภวติ อภิรูปา ทสฺสนียา’’ติอาทินา นเยน ปาฬิยํเยว อาคตาฯ
Evaṃ pātubhūtamaṇiratanassa pana cakkavattissa visayasukhavisesakāraṇaṃ itthiratanaṃ pātubhavati. Maddarājakulato vā hissa aggamahesiṃ ānenti, uttarakuruto vā puññānubhāvena sayaṃ āgacchati. Avasesā panassā sampatti ‘‘puna caparaṃ, bhikkhave, rañño cakkavattissa itthiratanaṃ pātubhavati abhirūpā dassanīyā’’tiādinā nayena pāḷiyaṃyeva āgatā.
ตตฺถ สณฺฐานปาริปูริยา อธิกํ รูปํ อสฺสาติ อภิรูปาฯ ทิสฺสมานา จ จกฺขูนิ ปีณยติ, ตสฺมา อญฺญํ กิจฺจวิเกฺขปํ หิตฺวาปิ ทฎฺฐพฺพาติ ทสฺสนียาฯ ทิสฺสมานา จ โสมนสฺสวเสน จิตฺตํ ปสาเทตีติ ปาสาทิกาฯ ปรมายาติ เอวํ ปสาทาวหตฺตา อุตฺตมายฯ วณฺณโปกฺขรตายาติ วณฺณสุนฺทรตายฯ สมนฺนาคตาติ อุเปตาฯ อภิรูปา วา ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา ทสฺสนียา ยสฺมา นาติกิสา นาติถูลา, ปาสาทิกา ยสฺมา นาติกาฬิกา นโจฺจทาตาฯ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา ยสฺมา อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํฯ มนุสฺสานญฺหิ วณฺณาภา พหิ น นิจฺฉรติ, เทวานํ อติทูรํ นิจฺฉรติ, ตสฺสา ปน ทฺวาทสหตฺถปฺปมาณํ ปเทสํ สรีราภา โอภาเสติฯ
Tattha saṇṭhānapāripūriyā adhikaṃ rūpaṃ assāti abhirūpā. Dissamānā ca cakkhūni pīṇayati, tasmā aññaṃ kiccavikkhepaṃ hitvāpi daṭṭhabbāti dassanīyā. Dissamānā ca somanassavasena cittaṃ pasādetīti pāsādikā. Paramāyāti evaṃ pasādāvahattā uttamāya. Vaṇṇapokkharatāyāti vaṇṇasundaratāya. Samannāgatāti upetā. Abhirūpā vā yasmā nātidīghā nātirassā dassanīyā yasmā nātikisā nātithūlā, pāsādikā yasmā nātikāḷikā naccodātā. Paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā yasmā atikkantā mānusaṃ vaṇṇaṃ appattā dibbavaṇṇaṃ. Manussānañhi vaṇṇābhā bahi na niccharati, devānaṃ atidūraṃ niccharati, tassā pana dvādasahatthappamāṇaṃ padesaṃ sarīrābhā obhāseti.
นาติทีฆาทีสุ จสฺสา ปฐมยุคเฬน อาโรหสมฺปตฺติ, ทุติยยุคเฬน ปริณาหสมฺปตฺติ, ตติยยุคเฬน วณฺณสมฺปตฺติ วุตฺตาฯ ฉหิ วาปิ เอเตหิ กายวิปตฺติยา อภาโว, อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณนฺติ อิมินา กายสมฺปตฺติ วุตฺตาฯ
Nātidīghādīsu cassā paṭhamayugaḷena ārohasampatti, dutiyayugaḷena pariṇāhasampatti, tatiyayugaḷena vaṇṇasampatti vuttā. Chahi vāpi etehi kāyavipattiyā abhāvo, atikkantā mānusaṃ vaṇṇanti iminā kāyasampatti vuttā.
ตูลปิจุโน วา กปฺปาสปิจุโน วาติ สปฺปิมเณฺฑ ปกฺขิปิตฺวา ฐปิตสฺส สตวิหตสฺส ตูลปิจุโน วา สตวิหตสฺส กปฺปาสปิจุโน วา กายสมฺผโสฺส โหติฯ สีเตติ รโญฺญ สีตกาเลฯ อุเณฺหติ รโญฺญ อุณฺหกาเลฯ จนฺทนคโนฺธติ นิจฺจกาลเมว สุปิสิตสฺส อภินวสฺส จตุชฺชาติสมาโยชิตสฺส หริจนฺทนสฺส คโนฺธ กายโต วายติฯ อุปฺปลคโนฺธติ หสิตกถิตกาเลสุ มุขโต นิกฺขโนฺต ตงฺขณํ วิกสิตเสฺสว นีลุปฺปลสฺส อติสุรภิคโนฺธ วายติฯ
Tūlapicuno vā kappāsapicuno vāti sappimaṇḍe pakkhipitvā ṭhapitassa satavihatassa tūlapicuno vā satavihatassa kappāsapicuno vā kāyasamphasso hoti. Sīteti rañño sītakāle. Uṇheti rañño uṇhakāle. Candanagandhoti niccakālameva supisitassa abhinavassa catujjātisamāyojitassa haricandanassa gandho kāyato vāyati. Uppalagandhoti hasitakathitakālesu mukhato nikkhanto taṅkhaṇaṃ vikasitasseva nīluppalassa atisurabhigandho vāyati.
เอวํ รูปสมฺผสฺสคนฺธสมฺปตฺติยุตฺตาย ปนสฺสา สรีรสมฺปตฺติยา อนุรูปํ อาจารํ ทเสฺสตุํ ตํ โข ปนาติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ราชานํ ทิสฺวา นิสินฺนาสนโต อคฺคิทฑฺฒา วิย ปฐมเมว อุฎฺฐาตีติ ปุพฺพุฎฺฐายินีฯ ตสฺมิํ นิสิเนฺน ตสฺส รโญฺญ ตาลวเณฺฎน พีชนาทิกิจฺจํ กตฺวา ปจฺฉา นิปตติ นิสีทตีติ ปจฺฉานิปาตินีฯ กิํ กโรมิ เทวาติ ตสฺส กิํการํ ปฎิสฺสาเวตีติ กิํการปฎิสฺสาวินีฯ รโญฺญ มนาปเมว จรติ กโรตีติ มนาปจารินีฯ ยํ รโญฺญ ปิยํ, ตเทว วทตีติ ปิยวาทินีฯ
Evaṃ rūpasamphassagandhasampattiyuttāya panassā sarīrasampattiyā anurūpaṃ ācāraṃ dassetuṃ taṃ kho panātiādi vuttaṃ. Tattha rājānaṃ disvā nisinnāsanato aggidaḍḍhā viya paṭhamameva uṭṭhātīti pubbuṭṭhāyinī. Tasmiṃ nisinne tassa rañño tālavaṇṭena bījanādikiccaṃ katvā pacchā nipatati nisīdatīti pacchānipātinī. Kiṃ karomi devāti tassa kiṃkāraṃ paṭissāvetīti kiṃkārapaṭissāvinī. Rañño manāpameva carati karotīti manāpacārinī. Yaṃ rañño piyaṃ, tadeva vadatīti piyavādinī.
อิทานิ สฺวาสฺสา อาจาโร ภาวสุทฺธิยา เอว, น สาเฐเยฺยนาติ ทเสฺสตุํ ตํ โข ปนาติอาทิมาหฯ ตตฺถ โน อติจรตีติ น อติกฺกมิตฺวา จรติ, อญฺญํ ปุริสํ จิเตฺตนปิ น ปเตฺถตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตตฺถ เย ตสฺสา อาทิมฺหิ ‘‘อภิรูปา’’ติอาทโย อเนฺต ‘‘ปุพฺพุฎฺฐายินี’’ติอาทโย คุณา วุตฺตา, เต ปกติคุณา เอว ‘‘อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณ’’นฺติอาทโย ปน จกฺกวตฺติโน ปุญฺญํ อุปนิสฺสาย จกฺกรตนปาตุภาวโต ปฎฺฐาย ปุริมกมฺมานุภาเวน นิพฺพตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ อภิรูปตาทิกาปิ วา จกฺกรตนปาตุภาวโต ปฎฺฐาย สพฺพาการปาริปูรา ชาตาฯ เตนาห เอวรูปํ อิตฺถิรตนํ ปาตุภวตีติฯ
Idāni svāssā ācāro bhāvasuddhiyā eva, na sāṭheyyenāti dassetuṃ taṃ kho panātiādimāha. Tattha no aticaratīti na atikkamitvā carati, aññaṃ purisaṃ cittenapi na patthetīti vuttaṃ hoti. Tattha ye tassā ādimhi ‘‘abhirūpā’’tiādayo ante ‘‘pubbuṭṭhāyinī’’tiādayo guṇā vuttā, te pakatiguṇā eva ‘‘atikkantā mānusaṃ vaṇṇa’’ntiādayo pana cakkavattino puññaṃ upanissāya cakkaratanapātubhāvato paṭṭhāya purimakammānubhāvena nibbattantīti veditabbā. Abhirūpatādikāpi vā cakkaratanapātubhāvato paṭṭhāya sabbākārapāripūrā jātā. Tenāha evarūpaṃ itthiratanaṃ pātubhavatīti.
คหปติรตนวณฺณนา
Gahapatiratanavaṇṇanā
เอวํ ปาตุภูตอิตฺถิรตนสฺส ปน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส ธนกรณียานํ กิจฺจานํ ยถาสุขปฺปวตฺตนตฺถํ คหปติรตนํ ปาตุภวติฯ โส ปกติยาว มหาโภโค มหาโภคกุเล ชาโต รโญฺญ ธนราสิวฑฺฒโก เสฎฺฐิ คหปติ โหติ, จกฺกรตนานุภาวสหิตํ ปนสฺส กมฺมวิปากชํ ทิพฺพจกฺขุ ปาตุภวติ, เยน อโนฺตปถวิยํ โยชนพฺภนฺตเร นิธิํ ปสฺสติฯ โส ตํ สมฺปตฺติํ ทิสฺวา ตุฎฺฐหทโย คนฺตฺวา ราชานํ ธเนน ปวาเรตฺวา สพฺพานิ ธนกรณียานิ สมฺปาเทติฯ เตน วุตฺตํ ปุน จปรํ, ภิกฺขเว…เป.… เอวรูปํ คหปติรตนํ ปาตุภวตีติฯ
Evaṃ pātubhūtaitthiratanassa pana rañño cakkavattissa dhanakaraṇīyānaṃ kiccānaṃ yathāsukhappavattanatthaṃ gahapatiratanaṃ pātubhavati. So pakatiyāva mahābhogo mahābhogakule jāto rañño dhanarāsivaḍḍhako seṭṭhi gahapati hoti, cakkaratanānubhāvasahitaṃ panassa kammavipākajaṃ dibbacakkhu pātubhavati, yena antopathaviyaṃ yojanabbhantare nidhiṃ passati. So taṃ sampattiṃ disvā tuṭṭhahadayo gantvā rājānaṃ dhanena pavāretvā sabbāni dhanakaraṇīyāni sampādeti. Tena vuttaṃ puna caparaṃ, bhikkhave…pe… evarūpaṃ gahapatiratanaṃ pātubhavatīti.
ปริณายกรตนวณฺณนา
Pariṇāyakaratanavaṇṇanā
เอวํ ปาตุภูตคหปติรตนสฺส ปน รโญฺญ จกฺกวตฺติสฺส สพฺพกิจฺจสํวิธานสมตฺถํ ปริณายกรตนํ ปาตุภวติฯ โส รโญฺญ เชฎฺฐปุโตฺตว โหติ ฯ ปกติยา เอว ปณฺฑิโต พฺยโตฺต เมธาวี, รโญฺญ ปุญฺญานุภาวํ นิสฺสาย ปนสฺส อตฺตโน กมฺมานุภาเวน ปรจิตฺตญาณํ อุปฺปชฺชติฯ เยน ทฺวาทสโยชนาย ราชปริสาย จิตฺตาจารํ ญตฺวา รโญฺญ อหิเต หิเต จ ววตฺถเปตุํ สมโตฺถ โหติฯ โสปิ ตํ อตฺตโน อานุภาวํ ทิสฺวา ตุฎฺฐหทโย ราชานํ สพฺพกิจฺจานุสาสเนน ปวาเรติฯ เตน วุตฺตํ ปุน จปรํ…เป.… ปริณายกรตนํ ปาตุภวตีติฯ ตตฺถ ฐเปตพฺพํ ฐเปตุนฺติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐานนฺตเร ฐเปตพฺพํ ฐเปตุํฯ
Evaṃ pātubhūtagahapatiratanassa pana rañño cakkavattissa sabbakiccasaṃvidhānasamatthaṃ pariṇāyakaratanaṃ pātubhavati. So rañño jeṭṭhaputtova hoti . Pakatiyā eva paṇḍito byatto medhāvī, rañño puññānubhāvaṃ nissāya panassa attano kammānubhāvena paracittañāṇaṃ uppajjati. Yena dvādasayojanāya rājaparisāya cittācāraṃ ñatvā rañño ahite hite ca vavatthapetuṃ samattho hoti. Sopi taṃ attano ānubhāvaṃ disvā tuṭṭhahadayo rājānaṃ sabbakiccānusāsanena pavāreti. Tena vuttaṃ puna caparaṃ…pe… pariṇāyakaratanaṃ pātubhavatīti. Tattha ṭhapetabbaṃ ṭhapetunti tasmiṃ tasmiṃ ṭhānantare ṭhapetabbaṃ ṭhapetuṃ.
๒๕๙. สมเวปากินิยาติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ
259.Samavepākiniyātiādi heṭṭhā vuttameva.
๒๖๐. กฎคฺคเหนาติ ชยคฺคาเหนฯ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธนฺติ เอกปฺปหาเรเนว เทฺว วา ตีณิ วา สตสหสฺสานิฯ เกวลา ปริปูรา ปณฺฑิตภูมีติ ปณฺฑิโต ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สเคฺค นิพฺพตฺตติ, ตโต มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉโนฺต กุลรูปโภคสมฺปตฺติยํ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ ฐิโต ตีณิ จ สุจริตานิ ปูเรตฺวา ปุน สเคฺค นิพฺพตฺตตีติ อยํ สกลา ปริปุณฺณา ปณฺฑิตภูมิฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
260.Kaṭaggahenāti jayaggāhena. Mahantaṃ bhogakkhandhanti ekappahāreneva dve vā tīṇi vā satasahassāni. Kevalā paripūrā paṇḍitabhūmīti paṇḍito tīṇi sucaritāni pūretvā sagge nibbattati, tato manussalokaṃ āgacchanto kularūpabhogasampattiyaṃ nibbattati, tattha ṭhito tīṇi ca sucaritāni pūretvā puna sagge nibbattatīti ayaṃ sakalā paripuṇṇā paṇḍitabhūmi. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bālapaṇḍitasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตํ • 9. Bālapaṇḍitasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๙. พาลปณฺฑิตสุตฺตวณฺณนา • 9. Bālapaṇḍitasuttavaṇṇanā