Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā

    พลราสิวณฺณนา

    Balarāsivaṇṇanā

    สทฺธาพลาทีสุปิ สทฺธาทีนิ วุตฺตตฺถาเนวฯ อกมฺปิยเฎฺฐน ปน พลนฺติ เวทิตพฺพํฯ เอวเมเตสุ อสฺสทฺธิเย น กมฺปตีติ สทฺธาพลํฯ โกสเชฺช น กมฺปตีติ วีริยพลํฯ มุฎฺฐสฺสเจฺจ น กมฺปตีติ สติพลํฯ อุทฺธเจฺจ น กมฺปตีติ สมาธิพลํฯ อวิชฺชาย น กมฺปตีติ ปญฺญาพลํฯ อหิริเก น กมฺปตีติ หิริพลํ ฯ อโนตฺตเปฺป น กมฺปตีติ โอตฺตปฺปพลนฺติฯ อยํ อุภยปทวเสน อตฺถวณฺณนา โหติฯ

    Saddhābalādīsupi saddhādīni vuttatthāneva. Akampiyaṭṭhena pana balanti veditabbaṃ. Evametesu assaddhiye na kampatīti saddhābalaṃ. Kosajje na kampatīti vīriyabalaṃ. Muṭṭhassacce na kampatīti satibalaṃ. Uddhacce na kampatīti samādhibalaṃ. Avijjāya na kampatīti paññābalaṃ. Ahirike na kampatīti hiribalaṃ. Anottappe na kampatīti ottappabalanti. Ayaṃ ubhayapadavasena atthavaṇṇanā hoti.

    ตตฺถ ปุริมานิ ปญฺจ เหฎฺฐา ลกฺขณาทีหิ ปกาสิตาเนวฯ ปจฺฉิมทฺวเย กายทุจฺจริตาทีหิ หิริยตีติ หิรี; ลชฺชาเยตํ อธิวจนํฯ เตหิ เอว โอตฺตปฺปตีติ โอตฺตปฺปํ; ปาปโต อุเพฺพคเสฺสตํ อธิวจนํฯ เตสํ นานากรณทีปนตฺถํ ‘สมุฎฺฐานํ อธิปติ ลชฺชา ภยลกฺขเณน จา’ติ อิมํ มาติกํ ฐเปตฺวา อยํ วิตฺถารกถา วุตฺตาฯ

    Tattha purimāni pañca heṭṭhā lakkhaṇādīhi pakāsitāneva. Pacchimadvaye kāyaduccaritādīhi hiriyatīti hirī; lajjāyetaṃ adhivacanaṃ. Tehi eva ottappatīti ottappaṃ; pāpato ubbegassetaṃ adhivacanaṃ. Tesaṃ nānākaraṇadīpanatthaṃ ‘samuṭṭhānaṃ adhipati lajjā bhayalakkhaṇena cā’ti imaṃ mātikaṃ ṭhapetvā ayaṃ vitthārakathā vuttā.

    อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานา หิรี นาม; พหิทฺธาสมุฎฺฐานํ โอตฺตปฺปํ นามฯ อตฺตาธิปติ หิรี นาม; โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ นามฯ ลชฺชาสภาวสณฺฐิตา หิรี นาม; ภยสภาวสณฺฐิตํ โอตฺตปฺปํ นามฯ สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี นาม; วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ นามฯ

    Ajjhattasamuṭṭhānā hirī nāma; bahiddhāsamuṭṭhānaṃ ottappaṃ nāma. Attādhipati hirī nāma; lokādhipati ottappaṃ nāma. Lajjāsabhāvasaṇṭhitā hirī nāma; bhayasabhāvasaṇṭhitaṃ ottappaṃ nāma. Sappatissavalakkhaṇā hirī nāma; vajjabhīrukabhayadassāvilakkhaṇaṃ ottappaṃ nāma.

    ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานํ หิริํ จตูหิ การเณหิ สมุฎฺฐาเปติ – ชาติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวาฯ กถํ? ‘ปาปกรณํ นาเมตํ น ชาติสมฺปนฺนานํ กมฺมํ, หีนชจฺจานํ เกวฎฺฎาทีนํ อิทํ กมฺมํฯ มาทิสสฺส ชาติสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’นฺติ, เอวํ ตาว ชาติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรโนฺต หิริํ สมุฎฺฐาเปติฯ ตถา ‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทหเรหิ กตฺตพฺพํ กมฺมํ, มาทิสสฺส วเย ฐิตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’นฺติ, เอวํ วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรโนฺต หิริํ สมุฎฺฐาเปติฯ ตถา ‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ ทุพฺพลชาติกานํ กมฺมํ, น สูรภาวานํฯ มาทิสสฺส สูรภาวสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’นฺติ, เอวํ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรโนฺต หิริํ สมุฎฺฐาเปติฯ ตถา ‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ อนฺธพาลานํ กมฺมํ, น ปณฺฑิตานํฯ มาทิสสฺส ปณฺฑิตสฺส พหุสฺสุตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’นฺติ, เอวํ พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรโนฺต หิริํ สมุฎฺฐาเปติฯ เอวํ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานหิริํ จตูหิ การเณหิ สมุฎฺฐาเปติฯ สมุฎฺฐาเปตฺวา จ ปน อตฺตโน จิเตฺต หิริํ ปเวเสตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติฯ เอวํ อชฺฌตฺตสมุฎฺฐานา หิรี นาม โหติฯ

    Tattha ajjhattasamuṭṭhānaṃ hiriṃ catūhi kāraṇehi samuṭṭhāpeti – jātiṃ paccavekkhitvā, vayaṃ paccavekkhitvā, sūrabhāvaṃ paccavekkhitvā, bāhusaccaṃ paccavekkhitvā. Kathaṃ? ‘Pāpakaraṇaṃ nāmetaṃ na jātisampannānaṃ kammaṃ, hīnajaccānaṃ kevaṭṭādīnaṃ idaṃ kammaṃ. Mādisassa jātisampannassa idaṃ kammaṃ kātuṃ na yutta’nti, evaṃ tāva jātiṃ paccavekkhitvā pāṇātipātādipāpaṃ akaronto hiriṃ samuṭṭhāpeti. Tathā ‘pāpakaraṇaṃ nāmetaṃ daharehi kattabbaṃ kammaṃ, mādisassa vaye ṭhitassa idaṃ kammaṃ kātuṃ na yutta’nti, evaṃ vayaṃ paccavekkhitvā pāṇātipātādipāpaṃ akaronto hiriṃ samuṭṭhāpeti. Tathā ‘pāpakammaṃ nāmetaṃ dubbalajātikānaṃ kammaṃ, na sūrabhāvānaṃ. Mādisassa sūrabhāvasampannassa idaṃ kammaṃ kātuṃ na yutta’nti, evaṃ sūrabhāvaṃ paccavekkhitvā pāṇātipātādipāpaṃ akaronto hiriṃ samuṭṭhāpeti. Tathā ‘pāpakammaṃ nāmetaṃ andhabālānaṃ kammaṃ, na paṇḍitānaṃ. Mādisassa paṇḍitassa bahussutassa idaṃ kammaṃ kātuṃ na yutta’nti, evaṃ bāhusaccaṃ paccavekkhitvā pāṇātipātādipāpaṃ akaronto hiriṃ samuṭṭhāpeti. Evaṃ ajjhattasamuṭṭhānahiriṃ catūhi kāraṇehi samuṭṭhāpeti. Samuṭṭhāpetvā ca pana attano citte hiriṃ pavesetvā pāpakammaṃ na karoti. Evaṃ ajjhattasamuṭṭhānā hirī nāma hoti.

    กถํ พหิทฺธาสมุฎฺฐานํ โอตฺตปฺปํ นาม? สเจ ตฺวํ ปาปกมฺมํ กริสฺสสิ จตูสุ ปริสาสุ ครหปฺปโตฺต ภวิสฺสสิฯ

    Kathaṃ bahiddhāsamuṭṭhānaṃ ottappaṃ nāma? Sace tvaṃ pāpakammaṃ karissasi catūsu parisāsu garahappatto bhavissasi.

    ครหิสฺสนฺติ ตํ วิญฺญู, อสุจิํ นาคริโก ยถา;

    Garahissanti taṃ viññū, asuciṃ nāgariko yathā;

    วชฺชิโต สีลวเนฺตหิ, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสีติฯ

    Vajjito sīlavantehi, kathaṃ bhikkhu karissasīti.

    เอวํ ปจฺจเวกฺขโนฺต หิ พหิทฺธาสมุฎฺฐิเตน โอตฺตเปฺปน ปาปกมฺมํ น กโรติฯ เอวํ พหิทฺธาสมุฎฺฐานํ โอตฺตปฺปํ นาม โหติฯ

    Evaṃ paccavekkhanto hi bahiddhāsamuṭṭhitena ottappena pāpakammaṃ na karoti. Evaṃ bahiddhāsamuṭṭhānaṃ ottappaṃ nāma hoti.

    กถํ อตฺตาธิปติ หิรี นาม? อิเธกโจฺจ กุลปุโตฺต อตฺตานํ อธิปติํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ‘มาทิสสฺส สทฺธาปพฺพชิตสฺส พหุสฺสุตสฺส ธุตงฺคธรสฺส น ยุตฺตํ ปาปกมฺมํ กาตุ’นฺติ ปาปํ น กโรติฯ เอวํ อตฺตาธิปติ หิรี นาม โหติฯ เตนาห ภควา – ‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปติํ เชฎฺฐกํ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐)ฯ

    Kathaṃ attādhipati hirī nāma? Idhekacco kulaputto attānaṃ adhipatiṃ jeṭṭhakaṃ katvā ‘mādisassa saddhāpabbajitassa bahussutassa dhutaṅgadharassa na yuttaṃ pāpakammaṃ kātu’nti pāpaṃ na karoti. Evaṃ attādhipati hirī nāma hoti. Tenāha bhagavā – ‘‘so attānaṃyeva adhipatiṃ jeṭṭhakaṃ karitvā akusalaṃ pajahati kusalaṃ bhāveti, sāvajjaṃ pajahati anavajjaṃ bhāveti, suddhamattānaṃ pariharatī’’ti (a. ni. 3.40).

    กถํ โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ นาม? อิเธกโจฺจ กุลปุโตฺต โลกํ อธิปติํ เชฎฺฐกํ กตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติฯ ยถาห – ‘‘มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโสฯ มหนฺตสฺมิํ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมโนฺต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน, เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ, เตปิมํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิโณฺณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’ติฯ สนฺติ เทวตา อิทฺธิมนฺตินิโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโยฯ ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ, ตาปิ มํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิโณฺณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธเมฺมหี’ติ… โส โลกํเยว อธิปติํ เชฎฺฐกํ กตฺวา อกุสลํ ปชหติ กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๔๖)ฯ เอวํ โลกาธิปติ โอตฺตปฺปํ นาม โหติฯ

    Kathaṃ lokādhipati ottappaṃ nāma? Idhekacco kulaputto lokaṃ adhipatiṃ jeṭṭhakaṃ katvā pāpakammaṃ na karoti. Yathāha – ‘‘mahā kho panāyaṃ lokasannivāso. Mahantasmiṃ kho pana lokasannivāse santi samaṇabrāhmaṇā iddhimanto dibbacakkhukā paracittaviduno, te dūratopi passanti, āsannāpi na dissanti, cetasāpi cittaṃ pajānanti, tepimaṃ evaṃ jānissanti ‘passatha bho imaṃ kulaputtaṃ, saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno vokiṇṇo viharati pāpakehi akusalehi dhammehī’ti. Santi devatā iddhimantiniyo dibbacakkhukā paracittaviduniyo. Tā dūratopi passanti, āsannāpi na dissanti, cetasāpi cittaṃ pajānanti, tāpi maṃ jānissanti ‘passatha bho imaṃ kulaputtaṃ, saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito samāno vokiṇṇo viharati pāpakehi akusalehi dhammehī’ti… so lokaṃyeva adhipatiṃ jeṭṭhakaṃ katvā akusalaṃ pajahati kusalaṃ bhāveti, sāvajjaṃ pajahati anavajjaṃ bhāveti, suddhamattānaṃ pariharatī’’ti (a. ni. 3.146). Evaṃ lokādhipati ottappaṃ nāma hoti.

    ลชฺชาสภาวสณฺฐิตา หิรี, ภยสภาวสณฺฐิตํ โอตฺตปฺปนฺติฯ เอตฺถ ปน ลชฺชาติ ลชฺชนากาโร; เตน สภาเวน สณฺฐิตา หิรีฯ ภยนฺติ อปายภยํ; เตน สภาเวน สณฺฐิตํ โอตฺตปฺปํฯ ตทุภยมฺปิ ปาปปริวชฺชเน ปากฎํ โหติฯ เอกโจฺจ หิ, ยถา นาม เอโก กุลปุโตฺต อุจฺจารปสฺสาวาทีนิ กโรโนฺต ลชฺชิตพฺพยุตฺตกํ เอกํ ทิสฺวา ลชฺชนาการปฺปโตฺต ภเวยฺย หีฬิโต, เอวเมว อชฺฌตฺตํ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติฯ เอกโจฺจ อปายภยภีโต หุตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติฯ

    Lajjāsabhāvasaṇṭhitā hirī, bhayasabhāvasaṇṭhitaṃ ottappanti. Ettha pana lajjāti lajjanākāro; tena sabhāvena saṇṭhitā hirī. Bhayanti apāyabhayaṃ; tena sabhāvena saṇṭhitaṃ ottappaṃ. Tadubhayampi pāpaparivajjane pākaṭaṃ hoti. Ekacco hi, yathā nāma eko kulaputto uccārapassāvādīni karonto lajjitabbayuttakaṃ ekaṃ disvā lajjanākārappatto bhaveyya hīḷito, evameva ajjhattaṃ lajjidhammaṃ okkamitvā pāpakammaṃ na karoti. Ekacco apāyabhayabhīto hutvā pāpakammaṃ na karoti.

    ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา หิ ทฺวีสุ อโยคุเฬสุ เอโก สีตโล ภเวยฺย คูถมกฺขิโต, เอโก อุโณฺห อาทิโตฺตฯ ตตฺถ ปณฺฑิโต สีตลํ คูถมกฺขิตตฺตา ชิคุจฺฉโนฺต น คณฺหาติ, อิตรํ ฑาหภเยนฯ ตตฺถ สีตลสฺส คูถมกฺขนชิคุจฺฉาย อคณฺหนํ วิย อชฺฌตฺตํ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา ปาปสฺส อกรณํฯ อุณฺหสฺส ฑาหภเยน อคณฺหนํ วิย อปายภเยน ปาปสฺส อกรณํ เวทิตพฺพํฯ

    Tatridaṃ opammaṃ – yathā hi dvīsu ayoguḷesu eko sītalo bhaveyya gūthamakkhito, eko uṇho āditto. Tattha paṇḍito sītalaṃ gūthamakkhitattā jigucchanto na gaṇhāti, itaraṃ ḍāhabhayena. Tattha sītalassa gūthamakkhanajigucchāya agaṇhanaṃ viya ajjhattaṃ lajjidhammaṃ okkamitvā pāpassa akaraṇaṃ. Uṇhassa ḍāhabhayena agaṇhanaṃ viya apāyabhayena pāpassa akaraṇaṃ veditabbaṃ.

    สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปนฺติฯ อิทมฺปิ ทฺวยํ ปาปปริวชฺชเน เอว ปากฎํ โหติฯ เอกโจฺจ หิ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา สพฺรหฺมจารีมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ จตูหิ การเณหิ สปฺปติสฺสวลกฺขณํ หิริํ สมุฎฺฐาเปตฺวา ปาปํ น กโรติฯ เอกโจฺจ อตฺตานุวาทภยํ ปรานุวาทภยํ ทณฺฑภยํ ทุคฺคติภยนฺติ จตูหิ การเณหิ วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ สมุฎฺฐาเปตฺวา ปาปํ น กโรติฯ ตตฺถ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณาทีนิ เจว อตฺตานุวาทภยาทีนิ จ วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพานิฯ

    Sappatissavalakkhaṇā hirī, vajjabhīrukabhayadassāvilakkhaṇaṃ ottappanti. Idampi dvayaṃ pāpaparivajjane eva pākaṭaṃ hoti. Ekacco hi jātimahattapaccavekkhaṇā satthumahattapaccavekkhaṇā dāyajjamahattapaccavekkhaṇā sabrahmacārīmahattapaccavekkhaṇāti catūhi kāraṇehi sappatissavalakkhaṇaṃ hiriṃ samuṭṭhāpetvā pāpaṃ na karoti. Ekacco attānuvādabhayaṃ parānuvādabhayaṃ daṇḍabhayaṃ duggatibhayanti catūhi kāraṇehi vajjabhīrukabhayadassāvilakkhaṇaṃ ottappaṃ samuṭṭhāpetvā pāpaṃ na karoti. Tattha jātimahattapaccavekkhaṇādīni ceva attānuvādabhayādīni ca vitthāretvā kathetabbāni.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact