Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๓. พาลวคฺควณฺณนา
3. Bālavaggavaṇṇanā
๒๒. ตติยสฺส ปฐเม อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสตีติ ‘‘อปรชฺฌิตฺวา อปรทฺธํ มยา’’ติ อตฺตโน อปราธํ น ปสฺสติ, อปรทฺธํ มยาติ วตฺวา ทณฺฑกมฺมํ อาหริตฺวา น ขมาเปตีติ อโตฺถฯ อจฺจยํ เทเสนฺตสฺสาติ เอวํ วตฺวา ทณฺฑกมฺมํ อาหริตฺวา ขมาเปนฺตสฺสฯ ยถาธมฺมํ นปฺปฎิคฺคณฺหาตีติ ‘‘ปุน เอวํ น กริสฺสามิ, ขมถ เม’’ติ วุจฺจมาโน อจฺจยํ อิมํ ยถาธมฺมํ ยถาสภาวํ น ปฎิคฺคณฺหาติฯ ‘‘อิโต ปฎฺฐาย ปุน เอวรูปํ มา อกาสิ, ขมามิ ตุยฺห’’นฺติ น วทติฯ สุกฺกปโกฺข วุตฺตปฎิปกฺขนเยเนว เวทิตโพฺพฯ
22. Tatiyassa paṭhame accayaṃ accayato na passatīti ‘‘aparajjhitvā aparaddhaṃ mayā’’ti attano aparādhaṃ na passati, aparaddhaṃ mayāti vatvā daṇḍakammaṃ āharitvā na khamāpetīti attho. Accayaṃ desentassāti evaṃ vatvā daṇḍakammaṃ āharitvā khamāpentassa. Yathādhammaṃ nappaṭiggaṇhātīti ‘‘puna evaṃ na karissāmi, khamatha me’’ti vuccamāno accayaṃ imaṃ yathādhammaṃ yathāsabhāvaṃ na paṭiggaṇhāti. ‘‘Ito paṭṭhāya puna evarūpaṃ mā akāsi, khamāmi tuyha’’nti na vadati. Sukkapakkho vuttapaṭipakkhanayeneva veditabbo.
๒๓. ทุติเย อพฺภาจิกฺขนฺตีติ อภิภวิตฺวา อาจิกฺขนฺติ, อภูเตน วทนฺติฯ โทสนฺตโรติ อนฺตเร ปติตโทโสฯ เอวรูโป หิ ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธโมฺม’’ติอาทีนิ วทโนฺต สุนกฺขโตฺต วิย ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขติฯ สโทฺธ วา ทุคฺคหิเตนาติ โย หิ ญาณวิรหิตาย สทฺธาย อติสโทฺธ โหติ มุทฺธปฺปสโนฺน, โสปิ ‘‘พุโทฺธ นาม สพฺพโลกุตฺตโร, สเพฺพ ตสฺส เกสาทโย พาตฺติํส โกฎฺฐาสา โลกุตฺตราเยวา’’ติอาทินา นเยน ทุคฺคหิตํ คณฺหิตฺวา ตถาคตํ อพฺภาจิกฺขติฯ ตติยํ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
23. Dutiye abbhācikkhantīti abhibhavitvā ācikkhanti, abhūtena vadanti. Dosantaroti antare patitadoso. Evarūpo hi ‘‘natthi samaṇassa gotamassa uttarimanussadhammo’’tiādīni vadanto sunakkhatto viya tathāgataṃ abbhācikkhati. Saddhovā duggahitenāti yo hi ñāṇavirahitāya saddhāya atisaddho hoti muddhappasanno, sopi ‘‘buddho nāma sabbalokuttaro, sabbe tassa kesādayo bāttiṃsa koṭṭhāsā lokuttarāyevā’’tiādinā nayena duggahitaṃ gaṇhitvā tathāgataṃ abbhācikkhati. Tatiyaṃ uttānatthamevāti.
๒๕. จตุเตฺถ เนยฺยตฺถํ สุตฺตนฺตนฺติ ยสฺส อโตฺถ เนตโพฺพ, ตํ เนตพฺพตฺถํ สุตฺตนฺตํฯ นีตโตฺถ สุตฺตโนฺตติ ทีเปตีติ กถิตโตฺถ อยํ สุตฺตโนฺตติ วทติฯ ตตฺถ ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, เทฺวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา, ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา, จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา’’ติ เอวรูโป สุตฺตโนฺต เนยฺยโตฺถ นามฯ เอตฺถ หิ กิญฺจาปิ สมฺมาสมฺพุเทฺธน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ, ปรมตฺถโต ปน ปุคฺคโล นาม นตฺถีติ เอวมสฺส อโตฺถ เนตโพฺพว โหติฯ อยํ ปน อตฺตโน พาลตาย นีตโตฺถ อยํ สุตฺตโนฺตติ ทีเปติฯ ปรมตฺถโต หิ ปุคฺคเล อสติ น ตถาคโต ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว’’ติอาทีนิ วเทยฺยฯ ยสฺมา ปน เตน วุตฺตํ, ตสฺมา ปรมตฺถโต อตฺถิ ปุคฺคโลติ คณฺหโนฺต ตํ เนยฺยตฺถํ สุตฺตนฺตํ นีตโตฺถ สุตฺตโนฺตติ ทีเปติฯ นีตตฺถนฺติ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ เอวํ กถิตตฺถํฯ เอตฺถ หิ อนิจฺจเมว ทุกฺขเมว อนตฺตาเยวาติ อโตฺถฯ อยํ ปน อตฺตโน พาลตาย ‘‘เนยฺยโตฺถ อยํ สุตฺตโนฺต, อตฺถมสฺส อาหริสฺสามี’’ติ ‘‘นิจฺจํ นาม อตฺถิ, สุขํ นาม อตฺถิ, อตฺตา นาม อตฺถี’’ติ คณฺหโนฺต นีตตฺถํ สุตฺตนฺตํ เนยฺยโตฺถ สุตฺตโนฺตติ ทีเปติ นามฯ ปญฺจมํ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ
25. Catutthe neyyatthaṃ suttantanti yassa attho netabbo, taṃ netabbatthaṃ suttantaṃ. Nītattho suttantoti dīpetīti kathitattho ayaṃ suttantoti vadati. Tattha ‘‘ekapuggalo, bhikkhave, dveme, bhikkhave, puggalā, tayome, bhikkhave, puggalā, cattārome, bhikkhave, puggalā’’ti evarūpo suttanto neyyattho nāma. Ettha hi kiñcāpi sammāsambuddhena ‘‘ekapuggalo, bhikkhave’’tiādi vuttaṃ, paramatthato pana puggalo nāma natthīti evamassa attho netabbova hoti. Ayaṃ pana attano bālatāya nītattho ayaṃ suttantoti dīpeti. Paramatthato hi puggale asati na tathāgato ‘‘ekapuggalo, bhikkhave’’tiādīni vadeyya. Yasmā pana tena vuttaṃ, tasmā paramatthato atthi puggaloti gaṇhanto taṃ neyyatthaṃ suttantaṃ nītattho suttantoti dīpeti. Nītatthanti aniccaṃ dukkhaṃ anattāti evaṃ kathitatthaṃ. Ettha hi aniccameva dukkhameva anattāyevāti attho. Ayaṃ pana attano bālatāya ‘‘neyyattho ayaṃ suttanto, atthamassa āharissāmī’’ti ‘‘niccaṃ nāma atthi, sukhaṃ nāma atthi, attā nāma atthī’’ti gaṇhanto nītatthaṃ suttantaṃ neyyattho suttantoti dīpeti nāma. Pañcamaṃ uttānatthamevāti.
๒๗. ฉเฎฺฐ ปฎิจฺฉนฺนกมฺมนฺตสฺสาติ ปาปกมฺมสฺสฯ ปาปํ หิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา กโรนฺติฯ โน เจปิ ปฎิจฺฉาเทตฺวา กโรนฺติ, ปาปกมฺมํ ปฎิจฺฉนฺนเมวาติ วุจฺจติฯ นิรโยติ สโหกาสกา ขนฺธาฯ ติรจฺฉานโยนิยํ ขนฺธาว ลพฺภนฺติฯ สตฺตมฎฺฐมานิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ
27. Chaṭṭhe paṭicchannakammantassāti pāpakammassa. Pāpaṃ hi paṭicchādetvā karonti. No cepi paṭicchādetvā karonti, pāpakammaṃ paṭicchannamevāti vuccati. Nirayoti sahokāsakā khandhā. Tiracchānayoniyaṃ khandhāva labbhanti. Sattamaṭṭhamāni uttānatthāneva.
๓๐. นวเม ปฎิคฺคาหาติ ปฎิคฺคาหกา, ทุสฺสีลํ ปุคฺคลํ เทฺว ฐานานิ ปฎิคฺคณฺหนฺตีติ อโตฺถฯ
30. Navame paṭiggāhāti paṭiggāhakā, dussīlaṃ puggalaṃ dve ṭhānāni paṭiggaṇhantīti attho.
๓๑. ทสเม อตฺถวเสติ การณานิฯ อรญฺญวนปตฺถานีติ อรญฺญานิ จ วนปตฺถานิ จฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ อภิธเมฺม นิปฺปริยาเยน ‘‘นิกฺขมิตฺวา พหิ อินฺทขีลา, สพฺพเมตํ อรญฺญ’’นฺติ (วิภ. ๕๒๙) วุตฺตํ, ตถาปิ ยํ ตํ ‘‘ปญฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) อารญฺญกงฺคนิปฺผาทกํ เสนาสนํ วุตฺตํ, ตเทว อธิเปฺปตนฺติ เวทิตพฺพํฯ วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฎฺฐานํ, ยตฺถ น กสียติ น วปียติฯ ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ อติทูรานิ, ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารนฺติ โลกิยโลกุตฺตรํ ผาสุวิหารํฯ ปจฺฉิมญฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโนติ ปจฺฉิเม มม สาวเก อนุกมฺปโนฺตฯ
31. Dasame atthavaseti kāraṇāni. Araññavanapatthānīti araññāni ca vanapatthāni ca. Tattha kiñcāpi abhidhamme nippariyāyena ‘‘nikkhamitvā bahi indakhīlā, sabbametaṃ arañña’’nti (vibha. 529) vuttaṃ, tathāpi yaṃ taṃ ‘‘pañcadhanusatikaṃ pacchima’’nti (pārā. 654) āraññakaṅganipphādakaṃ senāsanaṃ vuttaṃ, tadeva adhippetanti veditabbaṃ. Vanapatthanti gāmantaṃ atikkamitvā manussānaṃ anupacāraṭṭhānaṃ, yattha na kasīyati na vapīyati. Pantānīti pariyantāni atidūrāni, diṭṭhadhammasukhavihāranti lokiyalokuttaraṃ phāsuvihāraṃ. Pacchimañca janataṃ anukampamānoti pacchime mama sāvake anukampanto.
๓๒. เอกาทสเม วิชฺชาภาคิยาติ วิชฺชาโกฎฺฐาสิกาฯ สมโถติ จิเตฺตกคฺคตาฯ วิปสฺสนาติ สงฺขารปริคฺคาหกญาณํฯ กมตฺถมนุโภตีติ กตมํ อตฺถํ อาราเธติ สมฺปาเทติ ปริปูเรติฯ จิตฺตํ ภาวียตีติ มคฺคจิตฺตํ ภาวียติ พฺรูหียติ วฑฺฒียติฯ โย ราโค, โส ปหียตีติ โย รชฺชนกวเสน ราโค, โส ปหียติฯ ราโค หิ มคฺคจิตฺตสฺส ปจฺจนีโก, มคฺคจิตฺตํ ราคสฺส จฯ ราคกฺขเณ มคฺคจิตฺตํ นตฺถิ, มคฺคจิตฺตกฺขเณ ราโค นตฺถิฯ ยทา ปน ราโค อุปฺปชฺชติ, ตทา มคฺคจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติํ นิวาเรติ, ปทํ ปจฺฉินฺทติฯ ยทา ปน มคฺคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา ราคํ สมูลกํ อุพฺพเฎฺฎตฺวา สมุคฺฆาเตนฺตเมว อุปฺปชฺชติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ราโค ปหียตี’’ติฯ
32. Ekādasame vijjābhāgiyāti vijjākoṭṭhāsikā. Samathoti cittekaggatā. Vipassanāti saṅkhārapariggāhakañāṇaṃ. Kamatthamanubhotīti katamaṃ atthaṃ ārādheti sampādeti paripūreti. Cittaṃ bhāvīyatīti maggacittaṃ bhāvīyati brūhīyati vaḍḍhīyati. Yo rāgo, so pahīyatīti yo rajjanakavasena rāgo, so pahīyati. Rāgo hi maggacittassa paccanīko, maggacittaṃ rāgassa ca. Rāgakkhaṇe maggacittaṃ natthi, maggacittakkhaṇe rāgo natthi. Yadā pana rāgo uppajjati, tadā maggacittassa uppattiṃ nivāreti, padaṃ pacchindati. Yadā pana maggacittaṃ uppajjati, tadā rāgaṃ samūlakaṃ ubbaṭṭetvā samugghātentameva uppajjati. Tena vuttaṃ – ‘‘rāgo pahīyatī’’ti.
วิปสฺสนา, ภิกฺขเว, ภาวิตาติ วิปสฺสนาญาณํ พฺรูหิตํ วฑฺฒิตํฯ ปญฺญา ภาวียตีติ มคฺคปญฺญา ภาวียติ พฺรูหียติ วฑฺฒียติฯ ยา อวิชฺชา, สา ปหียตีติ อฎฺฐสุ ฐาเนสุ วฎฺฎมูลิกา มหาอวิชฺชา ปหียติฯ อวิชฺชา หิ มคฺคปญฺญาย ปจฺจนีกา, มคฺคปญฺญา อวิชฺชายฯ อวิชฺชากฺขเณ มคฺคปญฺญา นตฺถิ , มคฺคปญฺญากฺขเณ อวิชฺชา นตฺถิฯ ยทา ปน อวิชฺชา อุปฺปชฺชติ, ตทา มคฺคปญฺญาย อุปฺปตฺติํ นิวาเรติ, ปทํ ปจฺฉินฺทติฯ ยทา มคฺคปญฺญา อุปฺปชฺชติ, ตทา อวิชฺชํ สมูลิกํ อุพฺพเฎฺฎตฺวา สมุคฺฆาตยมานาว อุปฺปชฺชติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อวิชฺชา ปหียตี’’ติฯ อิติ มคฺคจิตฺตํ มคฺคปญฺญาติ เทฺวปิ สหชาตธมฺมาว กถิตาฯ
Vipassanā, bhikkhave, bhāvitāti vipassanāñāṇaṃ brūhitaṃ vaḍḍhitaṃ. Paññā bhāvīyatīti maggapaññā bhāvīyati brūhīyati vaḍḍhīyati. Yā avijjā, sā pahīyatīti aṭṭhasu ṭhānesu vaṭṭamūlikā mahāavijjā pahīyati. Avijjā hi maggapaññāya paccanīkā, maggapaññā avijjāya. Avijjākkhaṇe maggapaññā natthi , maggapaññākkhaṇe avijjā natthi. Yadā pana avijjā uppajjati, tadā maggapaññāya uppattiṃ nivāreti, padaṃ pacchindati. Yadā maggapaññā uppajjati, tadā avijjaṃ samūlikaṃ ubbaṭṭetvā samugghātayamānāva uppajjati. Tena vuttaṃ – ‘‘avijjā pahīyatī’’ti. Iti maggacittaṃ maggapaññāti dvepi sahajātadhammāva kathitā.
ราคุปกฺกิลิฎฺฐํ วา, ภิกฺขเว, จิตฺตํ น วิมุจฺจตีติ ราเคน อุปกฺกิลิฎฺฐตฺตา มคฺคจิตฺตํ น วิมุจฺจตีติ ทเสฺสติฯ อวิชฺชุปกฺกิลิฎฺฐา วา ปญฺญา น ภาวียตีติ อวิชฺชาย อุปกฺกิลิฎฺฐตฺตา มคฺคปญฺญา น ภาวียตีติ ทเสฺสติฯ อิติ โข, ภิกฺขเวติ เอวํ โข, ภิกฺขเวฯ ราควิราคา เจโตวิมุตฺตีติ ราคสฺส ขยวิราเคน เจโตวิมุตฺติ นาม โหติฯ ผลสมาธิเสฺสตํ นามํฯ อวิชฺชาวิราคา ปญฺญาวิมุตฺตีติ อวิชฺชาย ขยวิราเคน ปญฺญาวิมุตฺติ นาม โหติฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต นานากฺขณิกา สมาธิวิปสฺสนา กถิตาติฯ
Rāgupakkiliṭṭhaṃ vā, bhikkhave, cittaṃ na vimuccatīti rāgena upakkiliṭṭhattā maggacittaṃ na vimuccatīti dasseti. Avijjupakkiliṭṭhā vā paññā na bhāvīyatīti avijjāya upakkiliṭṭhattā maggapaññā na bhāvīyatīti dasseti. Iti kho, bhikkhaveti evaṃ kho, bhikkhave. Rāgavirāgā cetovimuttīti rāgassa khayavirāgena cetovimutti nāma hoti. Phalasamādhissetaṃ nāmaṃ. Avijjāvirāgā paññāvimuttīti avijjāya khayavirāgena paññāvimutti nāma hoti. Imasmiṃ sutte nānākkhaṇikā samādhivipassanā kathitāti.
พาลวโคฺค ตติโยฯ
Bālavaggo tatiyo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๓. พาลวโคฺค • 3. Bālavaggo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. พาลวคฺควณฺณนา • 3. Bālavaggavaṇṇanā