Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
(๑๐) ๕. พาลวคฺควณฺณนา
(10) 5. Bālavaggavaṇṇanā
๙๙. ปญฺจมสฺส ปฐเม อนาคตํ ภารํ วหตีติ อตฺตโน อสมฺปตฺตํ ภารํ วหติฯ อเถโรว สมาโน เถเรหิ วหิตพฺพํ พีชนคฺคาหธมฺมเชฺฌสนาทิภารํ วหตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อฎฺฐกถายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๑๕๙-๑๖๐) ปน ยสฺมา สมฺมชฺชนาทินววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ อาณเตฺตเนว กาตพฺพํ, ปาติโมกฺขญฺจ อาณเตฺตเนว อุทฺทิสิตพฺพํ, ตสฺมา ตํ สพฺพํ วินา อาณตฺติยา กโรโนฺต อนาคตํ ภารํ วหติ นามาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยญฺหิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตุ’’นฺติอาทินา นเยน ปาฬิยํ อาคตํฯ อฎฺฐกถาสุ จ –
99. Pañcamassa paṭhame anāgataṃ bhāraṃ vahatīti attano asampattaṃ bhāraṃ vahati. Atherova samāno therehi vahitabbaṃ bījanaggāhadhammajjhesanādibhāraṃ vahatīti evamettha attho daṭṭhabbo. Aṭṭhakathāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 159-160) pana yasmā sammajjanādinavavidhaṃ pubbakiccaṃ āṇatteneva kātabbaṃ, pātimokkhañca āṇatteneva uddisitabbaṃ, tasmā taṃ sabbaṃ vinā āṇattiyā karonto anāgataṃ bhāraṃ vahati nāmāti dassetuṃ ‘‘sammajjanī padīpo’’tiādi vuttaṃ. Yañhi ‘‘anujānāmi, bhikkhave, uposathāgāraṃ sammajjitu’’ntiādinā nayena pāḷiyaṃ āgataṃ. Aṭṭhakathāsu ca –
‘‘สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;
‘‘Sammajjanī padīpo ca, udakaṃ āsanena ca;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกรณ’นฺติ วุจฺจติฯ
Uposathassa etāni, ‘pubbakaraṇa’nti vuccati.
‘‘ฉนฺทปาริสุทฺธิอุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;
‘‘Chandapārisuddhiutukkhānaṃ, bhikkhugaṇanā ca ovādo;
อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘ปุพฺพกิจฺจ’นฺติ วุจฺจตี’’ติฯ (มหาว. อฎฺฐ ๑๖๘) –
Uposathassa etāni, ‘pubbakicca’nti vuccatī’’ti. (mahāva. aṭṭha 168) –
เอวํ ทฺวีหิ นาเมหิ นววิธํ ปุพฺพกิจฺจํ ทสฺสิตํ, ตํ อกตฺวา อุโปสถํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ ตสฺมา ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถเรน ภิกฺขุนา นวํ ภิกฺขุํ อาณาเปตุ’’นฺติ วจนโต เถเรน อาณเตฺตน อคิลาเนน ภิกฺขุนา อุโปสถาคารํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐเปตพฺพํ, อาสนํ ปญฺญาเปตพฺพํ, ปทีโป กาตโพฺพ, อกโรโนฺต ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ
Evaṃ dvīhi nāmehi navavidhaṃ pubbakiccaṃ dassitaṃ, taṃ akatvā uposathaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Tasmā ‘‘anujānāmi, bhikkhave, therena bhikkhunā navaṃ bhikkhuṃ āṇāpetu’’nti vacanato therena āṇattena agilānena bhikkhunā uposathāgāraṃ sammajjitabbaṃ, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhapetabbaṃ, āsanaṃ paññāpetabbaṃ, padīpo kātabbo, akaronto dukkaṭaṃ āpajjati.
เถเรนปิ ปติรูปํ ญตฺวา อาณาเปตพฺพํ, อาณาเปเนฺตนปิ ยํ กิญฺจิ กมฺมํ กโรโนฺต วา สทา กาลเมว เอโก วา ภารนิตฺถรณโก วา สรภาณกธมฺมกถิกาทีสุ วา อญฺญตโร น อุโปสถาคารสมฺมชฺชนตฺถํ อาณาเปตโพฺพ, อวเสสา ปน วาเรน อาณาเปตพฺพาฯ สเจ อาณโตฺต สมฺมชฺชนิํ ตาวกาลิกมฺปิ น ลภติ, สาขาภงฺคํ กปฺปิยํ กาเรตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพํ, ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติฯ ปทีปกรเณปิ วุตฺตนเยเนว อาณาเปตโพฺพ, อาณาเปเนฺตน จ ‘‘อมุกสฺมิํ นาม โอกาเส เตลํ วา กปลฺลิกา วา อตฺถิ, ตํ คเหตฺวา กโรหี’’ติ วตฺตโพฺพฯ สเจ เตลาทีนิ นตฺถิ, ปริเยสิตพฺพานิฯ ปริเยสิตฺวา อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติฯ อปิ จ กปาเล อคฺคิ ชาเลตโพฺพฯ อาสนปญฺญาปนาณตฺติยมฺปิ วุตฺตนเยเนว อาณาเปตโพฺพ, อาณเตฺตน จ สเจ อุโปสถาคาเร อาสนานิ นตฺถิ, สงฺฆิกาวาสโต อาหริตฺวา ปญฺญาเปตฺวา ปุน อาหริตพฺพานิ, อาสเนสุ อสติ กฎสารเกปิ ตฎฺฎิกาโยปิ ปญฺญาเปตุํ วฎฺฎติ, ตาสุปิ อสติ สาขาภงฺคานิ กปฺปิยํ กาเรตฺวา ปญฺญาเปตพฺพานิฯ กปฺปิยการกํ อลภนฺตสฺส ลทฺธกปฺปิยํ โหติฯ
Therenapi patirūpaṃ ñatvā āṇāpetabbaṃ, āṇāpentenapi yaṃ kiñci kammaṃ karonto vā sadā kālameva eko vā bhāranittharaṇako vā sarabhāṇakadhammakathikādīsu vā aññataro na uposathāgārasammajjanatthaṃ āṇāpetabbo, avasesā pana vārena āṇāpetabbā. Sace āṇatto sammajjaniṃ tāvakālikampi na labhati, sākhābhaṅgaṃ kappiyaṃ kāretvā sammajjitabbaṃ, tampi alabhantassa laddhakappiyaṃ hoti. Padīpakaraṇepi vuttanayeneva āṇāpetabbo, āṇāpentena ca ‘‘amukasmiṃ nāma okāse telaṃ vā kapallikā vā atthi, taṃ gahetvā karohī’’ti vattabbo. Sace telādīni natthi, pariyesitabbāni. Pariyesitvā alabhantassa laddhakappiyaṃ hoti. Api ca kapāle aggi jāletabbo. Āsanapaññāpanāṇattiyampi vuttanayeneva āṇāpetabbo, āṇattena ca sace uposathāgāre āsanāni natthi, saṅghikāvāsato āharitvā paññāpetvā puna āharitabbāni, āsanesu asati kaṭasārakepi taṭṭikāyopi paññāpetuṃ vaṭṭati, tāsupi asati sākhābhaṅgāni kappiyaṃ kāretvā paññāpetabbāni. Kappiyakārakaṃ alabhantassa laddhakappiyaṃ hoti.
ฉนฺทปาริสุทฺธีติ เอตฺถ อุโปสถกรณตฺถํ สนฺนิปติเต สเงฺฆ พหิ อุโปสถํ กตฺวา อาคเตน สนฺนิปาตฎฺฐานํ คนฺตฺวา กายสามคฺคิํ อเทเนฺตน ฉโนฺท ทาตโพฺพฯ โยปิ คิลาโน วา กิจฺจปฺปสุโต วา, เตน ปาริสุทฺธิํ เทเนฺตน ฉโนฺท ทาตโพฺพฯ กถํ ทาตโพฺพ? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ฉนฺทํ ทมฺมิ, ฉนฺทํ เม หร, ฉนฺทํ เม อาโรเจหี’’ติ อยมโตฺถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิญฺญาเปตโพฺพฯ เอวํ ทิโนฺน โหติ ฉโนฺทฯ อกตูโปสเถน ปน คิลาเนน วา กิจฺจปฺปสุเตน วา ปาริสุทฺธิ ทาตพฺพาฯ กถํ ทาตพฺพา? เอกสฺส ภิกฺขุโน สนฺติเก ‘‘ปาริสุทฺธิํ ทมฺมิ, ปาริสุทฺธิํ เม หร, ปาริสุทฺธิํ เม อาโรเจหี’’ติ อยมโตฺถ กาเยน วา วาจาย วา อุภเยน วา วิญฺญาเปตโพฺพฯ เอวํ ทินฺนา โหติ ปาริสุทฺธิฯ ตํ ปน เทเนฺตน ฉโนฺทปิ ทาตโพฺพฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตทหุโปสเถ ปาริสุทฺธิํ เทเนฺตน ฉนฺทมฺปิ ทาตุํ, สนฺติ สงฺฆสฺส กรณีย’’นฺติฯ ตตฺถ ปาริสุทฺธิทานํ สงฺฆสฺสปิ อตฺตโนปิ อุโปสถกรณํ สมฺปาเทติ, น อวเสสํ สงฺฆกิจฺจํฯ ฉนฺททานํ สงฺฆเสฺสว อุโปสถกรณญฺจ เสสกิจฺจญฺจ สมฺปาเทติ, อตฺตโน ปน อุโปสโถ อกโตเยว โหติ, ตสฺมา ปาริสุทฺธิํ เทเนฺตน ฉโนฺทปิ ทาตโพฺพฯ
Chandapārisuddhīti ettha uposathakaraṇatthaṃ sannipatite saṅghe bahi uposathaṃ katvā āgatena sannipātaṭṭhānaṃ gantvā kāyasāmaggiṃ adentena chando dātabbo. Yopi gilāno vā kiccappasuto vā, tena pārisuddhiṃ dentena chando dātabbo. Kathaṃ dātabbo? Ekassa bhikkhuno santike ‘‘chandaṃ dammi, chandaṃ me hara, chandaṃ me ārocehī’’ti ayamattho kāyena vā vācāya vā ubhayena vā viññāpetabbo. Evaṃ dinno hoti chando. Akatūposathena pana gilānena vā kiccappasutena vā pārisuddhi dātabbā. Kathaṃ dātabbā? Ekassa bhikkhuno santike ‘‘pārisuddhiṃ dammi, pārisuddhiṃ me hara, pārisuddhiṃ me ārocehī’’ti ayamattho kāyena vā vācāya vā ubhayena vā viññāpetabbo. Evaṃ dinnā hoti pārisuddhi. Taṃ pana dentena chandopi dātabbo. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, tadahuposathe pārisuddhiṃ dentena chandampi dātuṃ, santi saṅghassa karaṇīya’’nti. Tattha pārisuddhidānaṃ saṅghassapi attanopi uposathakaraṇaṃ sampādeti, na avasesaṃ saṅghakiccaṃ. Chandadānaṃ saṅghasseva uposathakaraṇañca sesakiccañca sampādeti, attano pana uposatho akatoyeva hoti, tasmā pārisuddhiṃ dentena chandopi dātabbo.
อุตุกฺขานนฺติ ‘‘เหมนฺตาทีนํ อุตูนํ เอตฺตกํ อติกฺกนฺตํ, เอตฺตกํ อวสิฎฺฐ’’นฺติ เอวํ อุตูนํ อาจิกฺขนํฯ ภิกฺขุคณนาติ ‘‘เอตฺตกา ภิกฺขู อุโปสถเคฺค สนฺนิปติตา’’ติ ภิกฺขูนํ คณนาฯ อิทมฺปิ อุภยํ กตฺวาว อุโปสโถ กาตโพฺพฯ โอวาโทติ ภิกฺขุโนวาโทฯ น หิ ภิกฺขูนีหิ ยาจิตํ โอวาทํ อนาโรเจตฺวา อุโปสถํ กาตุํ วฎฺฎติฯ ภิกฺขุนิโย หิ ‘‘เสฺว อุโปสโถ’’ติ อาคนฺตฺวา ‘‘อยํ อุโปสโถ จาตุทฺทโส, ปนฺนรโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อุโปสถทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ, อยฺย, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนญฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, อยฺย, ภิกฺขุนิสโงฺฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติ เอวํ โอวาทํ ยาจนฺติฯ ตํ ฐเปตฺวา พาลคิลานคมิเย อโญฺญ สเจปิ อารญฺญโก โหติ, อปฺปฎิคฺคเหตุํ น ลภติ, ตสฺมา เยน โส ปฎิคฺคหิโต, เตน ภิกฺขุนา อุโปสถเคฺค ปาติโมกฺขุเทฺทสโก ภิกฺขุ เอวํ วตฺตโพฺพ ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ, ภเนฺต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปาเท วนฺทติ, โอวาทูปสงฺกมนญฺจ ยาจติ, ลภตุ กิร, ภเนฺต, ภิกฺขุนิสโงฺฆ โอวาทูปสงฺกมน’’นฺติฯ
Utukkhānanti ‘‘hemantādīnaṃ utūnaṃ ettakaṃ atikkantaṃ, ettakaṃ avasiṭṭha’’nti evaṃ utūnaṃ ācikkhanaṃ. Bhikkhugaṇanāti ‘‘ettakā bhikkhū uposathagge sannipatitā’’ti bhikkhūnaṃ gaṇanā. Idampi ubhayaṃ katvāva uposatho kātabbo. Ovādoti bhikkhunovādo. Na hi bhikkhūnīhi yācitaṃ ovādaṃ anārocetvā uposathaṃ kātuṃ vaṭṭati. Bhikkhuniyo hi ‘‘sve uposatho’’ti āgantvā ‘‘ayaṃ uposatho cātuddaso, pannaraso’’ti pucchitvā puna uposathadivase āgantvā ‘‘bhikkhunisaṅgho, ayya, bhikkhusaṅghassa pāde vandati, ovādūpasaṅkamanañca yācati, labhatu kira, ayya, bhikkhunisaṅgho ovādūpasaṅkamana’’nti evaṃ ovādaṃ yācanti. Taṃ ṭhapetvā bālagilānagamiye añño sacepi āraññako hoti, appaṭiggahetuṃ na labhati, tasmā yena so paṭiggahito, tena bhikkhunā uposathagge pātimokkhuddesako bhikkhu evaṃ vattabbo ‘‘bhikkhunisaṅgho, bhante, bhikkhusaṅghassa pāde vandati, ovādūpasaṅkamanañca yācati, labhatu kira, bhante, bhikkhunisaṅgho ovādūpasaṅkamana’’nti.
ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วตฺตพฺพํ – ‘‘อตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต’’ติฯ สเจ โหติ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตโต เตน โส วตฺตโพฺพ – ‘‘อิตฺถนฺนามโก ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสโงฺฆ อุปสงฺกมตู’’ติฯ สเจ นตฺถิ, ตโต เตน ปุจฺฉิตพฺพํ – ‘‘โก อายสฺมา อุสฺสหติ ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติฯ สเจ โกจิ อุสฺสหติ, โสปิ จ อฎฺฐหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต, ตํ ตเตฺถว สมฺมนฺนิตฺวา โอวาทปฺปฎิคฺคาหโก วตฺตโพฺพ – ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ตํ ภิกฺขุนิสโงฺฆ อุปสงฺกมตู’’ติฯ สเจ ปน น โกจิ อุสฺสหติ, ปาติโมกฺขุเทฺทสเกน วตฺตพฺพํ – ‘‘นตฺถิ โกจิ ภิกฺขุ ภิกฺขุโนวาทโก สมฺมโต, ปาสาทิเกน ภิกฺขุนิสโงฺฆ สมฺปาเทตู’’ติฯ เอตฺตาวตา หิ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนํ อาโรจิตํ โหติฯ เตน ภิกฺขุนา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ปาฎิปเท ภิกฺขุนีนํ อาโรเจตพฺพํฯ ปาติโมกฺขมฺปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, อนชฺฌิเฎฺฐน ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํ, โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ วจนโต อนาณเตฺตน น อุทฺทิสิตพฺพํฯ ‘‘เถราเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติ หิ วจนโต สงฺฆเตฺถโร วา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺย , ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โย ตตฺถ ภิกฺขุ พฺยโตฺต ปฎิพโล, ตสฺสาเธยฺยํ ปาติโมกฺข’’นฺติ วจนโต นวกตโร วา เถเรน อาณโตฺตฯ ทุติยาทีนิ อุตฺตานตฺถาเนวฯ
Pātimokkhuddesakena vattabbaṃ – ‘‘atthi koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato’’ti. Sace hoti koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato, tato tena so vattabbo – ‘‘itthannāmako bhikkhu bhikkhunovādako sammato, taṃ bhikkhunisaṅgho upasaṅkamatū’’ti. Sace natthi, tato tena pucchitabbaṃ – ‘‘ko āyasmā ussahati bhikkhuniyo ovaditu’’nti. Sace koci ussahati, sopi ca aṭṭhahi aṅgehi samannāgato, taṃ tattheva sammannitvā ovādappaṭiggāhako vattabbo – ‘‘itthannāmo bhikkhu bhikkhunovādako sammato, taṃ bhikkhunisaṅgho upasaṅkamatū’’ti. Sace pana na koci ussahati, pātimokkhuddesakena vattabbaṃ – ‘‘natthi koci bhikkhu bhikkhunovādako sammato, pāsādikena bhikkhunisaṅgho sampādetū’’ti. Ettāvatā hi sikkhattayasaṅgahitaṃ sakalaṃ sāsanaṃ ārocitaṃ hoti. Tena bhikkhunā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā pāṭipade bhikkhunīnaṃ ārocetabbaṃ. Pātimokkhampi ‘‘na, bhikkhave, anajjhiṭṭhena pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ, yo uddiseyya, āpatti dukkaṭassā’’ti vacanato anāṇattena na uddisitabbaṃ. ‘‘Therādheyyaṃ pātimokkha’’nti hi vacanato saṅghatthero vā pātimokkhaṃ uddiseyya , ‘‘anujānāmi, bhikkhave, yo tattha bhikkhu byatto paṭibalo, tassādheyyaṃ pātimokkha’’nti vacanato navakataro vā therena āṇatto. Dutiyādīni uttānatthāneva.
๑๐๙. เอกาทสเม น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ กุกฺกุจฺจายตีติ น กุกฺกุจฺจายิตุํ ยุตฺตกํ กุกฺกุจฺจายติฯ สูกรมํสํ ลภิตฺวา ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ กุกฺกุจฺจายติ, ‘‘สูกรมํส’’นฺติ ชานโนฺตปิ ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ กุกฺกุจฺจายติ, น ปริภุญฺชตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ มิคมํสํ ‘‘ทีปิมํส’’นฺติ, กาเล สเนฺตเยว ‘‘กาโล นตฺถี’’ติ, อปฺปวาเรตฺวา ‘‘ปวาริโตมฺหี’’ติ, ปเตฺต รชสฺมิํ อปติเตเยว ‘‘ปติต’’นฺติ, อตฺตานํ อุทฺทิสฺส มจฺฉมํเส อกเตเยว ‘‘มํ อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ กุกฺกุจฺจายติฯ กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ น กุกฺกุจฺจายตีติ กุกฺกุจฺจายิตุํ ยุตฺตํ น กุกฺกุจฺจายติฯ อจฺฉมํสํ ลภิตฺวา ‘‘สูกรมํส’’นฺติ น กุกฺกุจฺจายติ, ‘‘อจฺฉมํส’’นฺติ ชานโนฺตปิ ‘‘สูกรมํส’’นฺติ น กุกฺกุจฺจายติ, มทฺทิตฺวา วีติกฺกมตีติ วุตฺตํ โหติฯ เอวํ ทีปิมํสํ มิคมํสนฺติ…เป.… อตฺตานํ อุทฺทิสฺส มจฺฉมํเส กเต ‘‘มํ อุทฺทิสฺส กต’’นฺติ น กุกฺกุจฺจายตีติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘น กุกฺกุจฺจายิตพฺพนฺติ สงฺฆโภคสฺส อปฎฺฐปนํ อวิจารณํ น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ นาม, ตํ กุกฺกุจฺจายติฯ กุกฺกุจฺจายิตพฺพนฺติ ตเสฺสว ปฎฺฐปนํ วิจารณํ, ตํ น กุกฺกุจฺจายตี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํฯ ตตฺถ สงฺฆโภคสฺสาติ สงฺฆสฺส จตุปจฺจยปริโภคตฺถาย ทินฺนเขตฺตวตฺถุตฬากาทิกสฺส, ตโต อุปฺปนฺนธญฺญหิรญฺญาทิกสฺส จ สงฺฆสฺส โภคสฺสฯ อปฎฺฐปนนฺติ อสํวิทหนํฯ เตนาห ‘‘อวิจารณ’’นฺติฯ ตเสฺสวาติ ยถาวุตฺตเสฺสว สงฺฆโภคสฺสฯ
109. Ekādasame na kukkuccāyitabbaṃ kukkuccāyatīti na kukkuccāyituṃ yuttakaṃ kukkuccāyati. Sūkaramaṃsaṃ labhitvā ‘‘acchamaṃsa’’nti kukkuccāyati, ‘‘sūkaramaṃsa’’nti jānantopi ‘‘acchamaṃsa’’nti kukkuccāyati, na paribhuñjatīti vuttaṃ hoti. Evaṃ migamaṃsaṃ ‘‘dīpimaṃsa’’nti, kāle santeyeva ‘‘kālo natthī’’ti, appavāretvā ‘‘pavāritomhī’’ti, patte rajasmiṃ apatiteyeva ‘‘patita’’nti, attānaṃ uddissa macchamaṃse akateyeva ‘‘maṃ uddissa kata’’nti kukkuccāyati. Kukkuccāyitabbaṃ na kukkuccāyatīti kukkuccāyituṃ yuttaṃ na kukkuccāyati. Acchamaṃsaṃ labhitvā ‘‘sūkaramaṃsa’’nti na kukkuccāyati, ‘‘acchamaṃsa’’nti jānantopi ‘‘sūkaramaṃsa’’nti na kukkuccāyati, madditvā vītikkamatīti vuttaṃ hoti. Evaṃ dīpimaṃsaṃ migamaṃsanti…pe… attānaṃ uddissa macchamaṃse kate ‘‘maṃ uddissa kata’’nti na kukkuccāyatīti evamettha attho daṭṭhabbo. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘na kukkuccāyitabbanti saṅghabhogassa apaṭṭhapanaṃ avicāraṇaṃ na kukkuccāyitabbaṃ nāma, taṃ kukkuccāyati. Kukkuccāyitabbanti tasseva paṭṭhapanaṃ vicāraṇaṃ, taṃ na kukkuccāyatī’’ti ettakameva vuttaṃ. Tattha saṅghabhogassāti saṅghassa catupaccayaparibhogatthāya dinnakhettavatthutaḷākādikassa, tato uppannadhaññahiraññādikassa ca saṅghassa bhogassa. Apaṭṭhapananti asaṃvidahanaṃ. Tenāha ‘‘avicāraṇa’’nti. Tassevāti yathāvuttasseva saṅghabhogassa.
พาลวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bālavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
ทุติยปณฺณาสกํ นิฎฺฐิตํฯ
Dutiyapaṇṇāsakaṃ niṭṭhitaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / (๑๐) ๕. พาลวโคฺค • (10) 5. Bālavaggo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / (๑๐) ๕. พาลวคฺควณฺณนา • (10) 5. Bālavaggavaṇṇanā