Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๖. นตํทฬฺหวโคฺค
6. Nataṃdaḷhavaggo
[๒๐๑] ๑. พนฺธนาคารชาตกวณฺณนา
[201] 1. Bandhanāgārajātakavaṇṇanā
น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต พนฺธนาคารํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิํ กิร กาเล พหู สนฺธิเจฺฉทกปนฺถฆาตกโจเร อาเนตฺวา โกสลรโญฺญ ทเสฺสสุํฯ เต ราชา อทฺทุพนฺธนรชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธเนหิ พนฺธาเปสิฯ ติํสมตฺตา ชานปทา ภิกฺขู สตฺถารํ ทฎฺฐุกามา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺตา พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เต โจเร ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฎิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภเนฺต, อชฺช อเมฺหหิ ปิณฺฑาย จรเนฺตหิ พนฺธนาคาเร พหู โจรา อทฺทุพนฺธนาทีหิ พทฺธา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฎฺฐา, เต ตานิ พนฺธนานิ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ น สโกฺกนฺติ, อตฺถิ นุ โข เตหิ พนฺธเนหิ ถิรตรํ นาม อญฺญํ พนฺธน’’นฺติ ปุจฺฉิํสุฯ สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, กิํ พนฺธนานิ นาเมตานิ, ยํ ปเนตํ ธนธญฺญปุตฺตทาราทีสุ ตณฺหาสงฺขาตํ กิเลสพนฺธนํ, เอตํ เอเตหิ พนฺธเนหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน ถิรตรํ, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปเนตํ ทุจฺฉินฺทนิยํ พนฺธนํ โปราณกปณฺฑิตา ฉินฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Nataṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrāti idaṃ satthā jetavane viharanto bandhanāgāraṃ ārabbha kathesi. Tasmiṃ kira kāle bahū sandhicchedakapanthaghātakacore ānetvā kosalarañño dassesuṃ. Te rājā addubandhanarajjubandhanasaṅkhalikabandhanehi bandhāpesi. Tiṃsamattā jānapadā bhikkhū satthāraṃ daṭṭhukāmā āgantvā disvā vanditvā punadivase piṇḍāya carantā bandhanāgāraṃ gantvā te core disvā piṇḍapātapaṭikkantā sāyanhasamaye tathāgataṃ upasaṅkamitvā ‘‘bhante, ajja amhehi piṇḍāya carantehi bandhanāgāre bahū corā addubandhanādīhi baddhā mahādukkhaṃ anubhavantā diṭṭhā, te tāni bandhanāni chinditvā palāyituṃ na sakkonti, atthi nu kho tehi bandhanehi thirataraṃ nāma aññaṃ bandhana’’nti pucchiṃsu. Satthā ‘‘bhikkhave, kiṃ bandhanāni nāmetāni, yaṃ panetaṃ dhanadhaññaputtadārādīsu taṇhāsaṅkhātaṃ kilesabandhanaṃ, etaṃ etehi bandhanehi sataguṇena sahassaguṇena thirataraṃ, evaṃ mahantampi panetaṃ ducchindaniyaṃ bandhanaṃ porāṇakapaṇḍitā chinditvā himavantaṃ pavisitvā pabbajiṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตา กาลมกาสิฯ โส ภติํ กตฺวา มาตรํ โปเสสิ, อถสฺส มาตา อนิจฺฉมานเสฺสว เอกํ กุลธีตรํ เคเห กตฺวา อปรภาเค กาลมกาสิฯ ภริยายปิสฺส กุจฺฉิยํ คโพฺภ ปติฎฺฐาสิฯ โส คพฺภสฺส ปติฎฺฐิตภาวํ อชานโนฺต ‘‘ภเทฺท, ตฺวํ ภติํ กตฺวา ชีวาหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห ฯ สาปิ ‘‘คโพฺภ เม ปติฎฺฐิโต, มยิ วิชาตาย ทารกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล ‘‘ภเทฺท, ตฺวํ โสตฺถินา วิชาตา, อิทานาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิฯ อถ นํ สา ‘‘ปุตฺตกสฺส ตาว ถนปานโต อปคมนกาลํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ปุน คพฺภํ คณฺหิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ duggatagahapatikule nibbatti, tassa vayappattassa pitā kālamakāsi. So bhatiṃ katvā mātaraṃ posesi, athassa mātā anicchamānasseva ekaṃ kuladhītaraṃ gehe katvā aparabhāge kālamakāsi. Bhariyāyapissa kucchiyaṃ gabbho patiṭṭhāsi. So gabbhassa patiṭṭhitabhāvaṃ ajānanto ‘‘bhadde, tvaṃ bhatiṃ katvā jīvāhi, ahaṃ pabbajissāmī’’ti āha . Sāpi ‘‘gabbho me patiṭṭhito, mayi vijātāya dārakaṃ disvā pabbajissasī’’ti āha. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tassā vijātakāle ‘‘bhadde, tvaṃ sotthinā vijātā, idānāhaṃ pabbajissāmī’’ti āpucchi. Atha naṃ sā ‘‘puttakassa tāva thanapānato apagamanakālaṃ āgamehī’’ti vatvā puna gabbhaṃ gaṇhi.
โส จิเนฺตสิ – ‘‘อิมํ สมฺปฎิจฺฉาเปตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อิมิสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว ปลายิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติฯ โส ตสฺสา อนาจิกฺขิตฺวา รตฺถิภาเค อุฎฺฐาย ปลายิฯ อถ นํ นครคุตฺติกา อคฺคเหสุํฯ โส ‘‘อหํ, สามิ, มาตุโปสโก นาม, วิสฺสเชฺชถ ม’’นฺติ เตหิ อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา เอกสฺมิํ ฐาเน วสิตฺวา อคฺคทฺวาเรเนว นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬโนฺต วิหาสิฯ โส ตตฺถ วสโนฺต ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม เม ทุจฺฉินฺทนิยํ ปุตฺตทารพนฺธนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺทิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนโนฺต อิมา คาถา อโวจ –
So cintesi – ‘‘imaṃ sampaṭicchāpetvā gantuṃ na sakkā, imissā anācikkhitvāva palāyitvā pabbajissāmī’’ti. So tassā anācikkhitvā ratthibhāge uṭṭhāya palāyi. Atha naṃ nagaraguttikā aggahesuṃ. So ‘‘ahaṃ, sāmi, mātuposako nāma, vissajjetha ma’’nti tehi attānaṃ vissajjāpetvā ekasmiṃ ṭhāne vasitvā aggadvāreneva nikkhamitvā himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā jhānakīḷaṃ kīḷanto vihāsi. So tattha vasanto ‘‘evarūpampi nāma me ducchindaniyaṃ puttadārabandhanaṃ kilesabandhanaṃ chindita’’nti udānaṃ udānento imā gāthā avoca –
๑๐๑.
101.
‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, ยทายสํ ทารุชปพฺพชญฺจ;
‘‘Na taṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrā, yadāyasaṃ dārujapabbajañca;
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุเตฺตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขาฯ
Sārattarattā maṇikuṇḍalesu, puttesu dāresu ca yā apekkhā.
๑๐๒.
102.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, โอหารินํ สีถิลํ ทุปฺปมุญฺจํ;
‘‘Etaṃ daḷhaṃ bandhanamāhu dhīrā, ohārinaṃ sīthilaṃ duppamuñcaṃ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติฯ
Etampi chetvāna vajanti dhīrā, anapekkhino kāmasukhaṃ pahāyā’’ti.
ตตฺถ ธีราติ ธิติมนฺตา, ธิกฺกตปาปาติ ธีราฯ อถ วา ธี วุจฺจติ ปญฺญา, ตาย ปญฺญาย สมนฺนาคตาติ ธีรา, พุทฺธา ปเจฺจกพุทฺธา พุทฺธสาวกา โพธิสตฺตา จ อิเม ธีรา นามฯ ยทายสนฺติอาทีสุ ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ อยสา นิพฺพตฺตํ อายสํ, ยํ อทฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุชํ, ยญฺจ ปพฺพชติเณหิ วา อเญฺญหิ วา วากาทีหิ รชฺชุํ กตฺวา กตรชฺชุพนฺธนํ, ตํ อายสาทิํ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยภาเวน ธีรา ทฬฺหํ ถิรนฺติ นาหุ น กเถนฺติฯ สารตฺตรตฺตาติ สารตฺตา หุตฺวา รตฺตา, พลวราครตฺตาติ อโตฺถฯ มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ จ กุณฺฑเลสุ จ, มณิยุเตฺตสุ วา กุณฺฑเลสุฯ
Tattha dhīrāti dhitimantā, dhikkatapāpāti dhīrā. Atha vā dhī vuccati paññā, tāya paññāya samannāgatāti dhīrā, buddhā paccekabuddhā buddhasāvakā bodhisattā ca ime dhīrā nāma. Yadāyasantiādīsu yaṃ saṅkhalikasaṅkhātaṃ ayasā nibbattaṃ āyasaṃ, yaṃ addubandhanasaṅkhātaṃ dārujaṃ, yañca pabbajatiṇehi vā aññehi vā vākādīhi rajjuṃ katvā katarajjubandhanaṃ, taṃ āyasādiṃ chindituṃ sakkuṇeyyabhāvena dhīrā daḷhaṃ thiranti nāhu na kathenti. Sārattarattāti sārattā hutvā rattā, balavarāgarattāti attho. Maṇikuṇḍalesūti maṇīsu ca kuṇḍalesu ca, maṇiyuttesu vā kuṇḍalesu.
เอตํ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสํ โย จ สาราโค, ยา จ เตสํ ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนํ ทฬฺหํ ถิรนฺติ ธีรา อาหุฯ โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฎฺฐา หรตีติ โอหารินํฯ สิถิลนฺติ พนฺธนฎฺฐาเน ฉวิจมฺมมํสานิ น ฉินฺทติ, โลหิตํ น นีหรติ, พนฺธนภาวมฺปิ น ชานาเปติ, ถลปถชลปถาทีสุ กมฺมานิ กาตุํ เทตีติ สิถิลํฯ ทุปฺปมุญฺจนฺติ ตณฺหาโลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฎฺฐฎฺฐานโต กจฺฉโป วิย ทุโมฺมจยํ โหตีติ ทุปฺปมุญฺจํฯ เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ เอวํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ ญาณขเคฺคน ฉินฺทิตฺวา อยทามานิ ฉินฺทิตฺวา มตฺตวรวารณา วิย ปญฺชเร ฉินฺทิตฺวา สีหโปตกา วิย จ ธีรา วตฺถุกามกิเลสกาเม อุกฺการภูมิํ วิย ชิคุจฺฉมานา อนเปกฺขิโน หุตฺวา กามสุขํ ปหาย วชนฺติ ปกฺกมนฺติ, ปกฺกมิตฺวา จ ปน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมนฺตีติฯ
Etaṃdaḷhanti ye maṇikuṇḍalesu sārattarattā, tesaṃ yo ca sārāgo, yā ca tesaṃ puttadāresu apekkhā taṇhā, etaṃ kilesamayaṃ bandhanaṃ daḷhaṃ thiranti dhīrā āhu. Ohārinanti ākaḍḍhitvā catūsu apāyesu pātanato avaharati heṭṭhā haratīti ohārinaṃ. Sithilanti bandhanaṭṭhāne chavicammamaṃsāni na chindati, lohitaṃ na nīharati, bandhanabhāvampi na jānāpeti, thalapathajalapathādīsu kammāni kātuṃ detīti sithilaṃ. Duppamuñcanti taṇhālobhavasena hi ekavārampi uppannaṃ kilesabandhanaṃ daṭṭhaṭṭhānato kacchapo viya dummocayaṃ hotīti duppamuñcaṃ. Etampi chetvānāti etaṃ evaṃ daḷhampi kilesabandhanaṃ ñāṇakhaggena chinditvā ayadāmāni chinditvā mattavaravāraṇā viya pañjare chinditvā sīhapotakā viya ca dhīrā vatthukāmakilesakāme ukkārabhūmiṃ viya jigucchamānā anapekkhino hutvā kāmasukhaṃ pahāya vajanti pakkamanti, pakkamitvā ca pana himavantaṃ pavisitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā jhānasukhena vītināmentīti.
เอวํ โพธิสโตฺต อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
Evaṃ bodhisatto imaṃ udānaṃ udānetvā aparihīnajjhāno brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหโนฺต อเหสุํฯ ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุโทฺธทนมหาราชา, ภริยา ราหุลมาตา, ปุโตฺต ราหุโล, ปุตฺตทารํ ปหาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne keci sotāpannā, keci sakadāgāmino, keci anāgāmino, keci arahanto ahesuṃ. ‘‘Tadā mātā mahāmāyā ahosi, pitā suddhodanamahārājā, bhariyā rāhulamātā, putto rāhulo, puttadāraṃ pahāya nikkhamitvā pabbajito puriso pana ahameva ahosi’’nti.
พนฺธนาคารชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Bandhanāgārajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๐๑. พนฺธนาคารชาตกํ • 201. Bandhanāgārajātakaṃ