Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๒๐] ๑๐. พนฺธนโมกฺขชาตกวณฺณนา
[120] 10. Bandhanamokkhajātakavaṇṇanā
อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต จิญฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺสา วตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต มหาปทุมชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๑๐๖ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, จิญฺจมาณวิกา อิทาเนว มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขติ, ปุเพฺพปิ อพฺภาจิกฺขิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Abaddhātattha bajjhantīti idaṃ satthā jetavane viharanto ciñcamāṇavikaṃ ārabbha kathesi. Tassā vatthu dvādasakanipāte mahāpadumajātake (jā. 1.12.106 ādayo) āvi bhavissati. Tadā pana satthā ‘‘na, bhikkhave, ciñcamāṇavikā idāneva maṃ abhūtena abbhācikkhati, pubbepi abbhācikkhiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต ปุโรหิตสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ปิตุ อจฺจเยน ตเสฺสว ปุโรหิโต อโหสิฯ เตน อคฺคมเหสิยา วโร ทิโนฺน โหติ ‘‘ภเทฺท, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ วเทยฺยาสี’’ติฯ สา เอวมาห ‘‘น มยฺหํ อโญฺญ วโร นาม ทุลฺลโภ, อิโต ปน เต ปฎฺฐาย อญฺญา อิตฺถี กิเลสวเสน น โอโลเกตพฺพา’’ติฯ โส ปฎิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ นิปฺปีฬิยมาโน ตสฺสา วจนํ อติกฺกมิตุํ อสโกฺกโนฺต สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตโต ปฎฺฐาย โสฬสสุ นาฎกิตฺถิสหเสฺสสุ กิเลสวเสน เอกิตฺถิมฺปิ น โอโลเกสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto purohitassa gehe nibbattitvā vayappatto pitu accayena tasseva purohito ahosi. Tena aggamahesiyā varo dinno hoti ‘‘bhadde, yaṃ icchasi, taṃ vadeyyāsī’’ti. Sā evamāha ‘‘na mayhaṃ añño varo nāma dullabho, ito pana te paṭṭhāya aññā itthī kilesavasena na oloketabbā’’ti. So paṭikkhipitvā punappunaṃ nippīḷiyamāno tassā vacanaṃ atikkamituṃ asakkonto sampaṭicchitvā tato paṭṭhāya soḷasasu nāṭakitthisahassesu kilesavasena ekitthimpi na olokesi.
อถสฺส ปจฺจโนฺต กุปฺปิ, ปจฺจเนฺต ฐิตา โยธา โจเรหิ สทฺธิํ เทฺว ตโย สงฺคาเม กตฺวา ‘‘อิโต อุตฺตริ มยํ น สโกฺกมา’’ติ รโญฺญ ปณฺณํ เปเสสุํฯ ราชา ตตฺถ คนฺตุกาโม พลกายํ สํหริตฺวา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ภเทฺท, อหํ ปจฺจนฺตํ คจฺฉามิ, ตตฺถ นานปฺปการานิ ยุทฺธานิ โหนฺติ, ชยปราชโยปิ อนิพโทฺธ, ตาทิเสสุ ฐาเนสุ มาตุคาโม ทุปฺปริหาโร, ตฺวํ อิเธว นิวตฺตาหี’’ติ อาหฯ สา ‘‘น สกฺกา, เทว, มยา นิวตฺติตุ’’นฺติ ปุนปฺปุนํ รญฺญา ปฎิกฺขิตฺตา อาห ‘‘เตน หิ เอเกกํ โยชนํ คนฺตฺวา มยฺหํ สุขทุกฺขชานนตฺถํ เอเกกํ มนุสฺสํ เปเสยฺยาถา’’ติฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา โพธิสตฺตํ นคเร ฐเปตฺวา มหเนฺตน พลกาเยน นิกฺขมิตฺวา คจฺฉโนฺต โยชเน โยชเน เอเกกํ ปุริสํ ‘‘อมฺหากํ อาโรคฺยํ อาโรเจตฺวา เทวิยา สุขทุกฺขํ ชานิตฺวา อาคจฺฉา’’ติ เปเสสิฯ สา อาคตาคตํ ปุริสํ ‘‘ราชา กิมตฺถํ ตํ เปเสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สุขทุกฺขชานนตฺถายา’’ติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ เตน สทฺธิํ อสทฺธมฺมํ ปฎิเสวติฯ ราชา ทฺวตฺติํสโยชนมคฺคํ คจฺฉโนฺต ทฺวตฺติํส ชเน เปเสสิ, สา สเพฺพหิปิ เตหิ สทฺธิํ ตเถว อกาสิฯ
Athassa paccanto kuppi, paccante ṭhitā yodhā corehi saddhiṃ dve tayo saṅgāme katvā ‘‘ito uttari mayaṃ na sakkomā’’ti rañño paṇṇaṃ pesesuṃ. Rājā tattha gantukāmo balakāyaṃ saṃharitvā taṃ pakkosāpetvā ‘‘bhadde, ahaṃ paccantaṃ gacchāmi, tattha nānappakārāni yuddhāni honti, jayaparājayopi anibaddho, tādisesu ṭhānesu mātugāmo dupparihāro, tvaṃ idheva nivattāhī’’ti āha. Sā ‘‘na sakkā, deva, mayā nivattitu’’nti punappunaṃ raññā paṭikkhittā āha ‘‘tena hi ekekaṃ yojanaṃ gantvā mayhaṃ sukhadukkhajānanatthaṃ ekekaṃ manussaṃ peseyyāthā’’ti. Rājā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā bodhisattaṃ nagare ṭhapetvā mahantena balakāyena nikkhamitvā gacchanto yojane yojane ekekaṃ purisaṃ ‘‘amhākaṃ ārogyaṃ ārocetvā deviyā sukhadukkhaṃ jānitvā āgacchā’’ti pesesi. Sā āgatāgataṃ purisaṃ ‘‘rājā kimatthaṃ taṃ pesetī’’ti pucchitvā ‘‘tumhākaṃ sukhadukkhajānanatthāyā’’ti vutte ‘‘tena hi ehī’’ti tena saddhiṃ asaddhammaṃ paṭisevati. Rājā dvattiṃsayojanamaggaṃ gacchanto dvattiṃsa jane pesesi, sā sabbehipi tehi saddhiṃ tatheva akāsi.
ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ชนปทํ สมสฺสาเสตฺวา ปุน อาคจฺฉโนฺตปิ ตเถว ทฺวตฺติํส ชเน เปเสสิ, สา เตหิปิ สทฺธิํ ตเถว วิปฺปฎิปชฺชิเยวฯ ราชา อาคนฺตฺวา ชยกฺขนฺธาวารฎฺฐาเน ฐตฺวา ‘‘นครํ ปฎิชคฺคาเปตู’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปณฺณํ เปเสสิฯ โพธิสโตฺต สกลนครํ ปฎิชคฺคาเปตฺวา ราชนิเวสนํ ปฎิชคฺคาเปโนฺต เทวิยา วสนฎฺฐานํ อคมาสิฯ สา โพธิสตฺตสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ กายํ ทิสฺวา สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตี ‘‘เอหิ , พฺราหฺมณ, สยนํ อภิรุหา’’ติ อาหฯ โพธิสโตฺต ‘‘มา เอวํ อวจ, ราชาปิ ครุ, อกุสลมฺปิ ภายามิ, น สกฺกา มยา เอวํ กาตุ’’นฺติ อาหฯ ‘‘จตุสฎฺฐิยา ปาทมูลิกานํ เนว ราชา ครุ, น อกุสลํ ภายนฺติฯ ตเวว ราชา ครุ, ตฺวํเยว จ อกุสลํ ภายสี’’ติฯ ‘‘อาม, เทวิ, สเจ เตสมฺปิ เอวํ ภเวยฺย, น เอวรูปํ กเรยฺยุํ’’ฯ ‘‘อหํ ปน ชานมาโน เอวรูปํ สาหสิยกมฺมํ น กริสฺสามี’’ติฯ ‘‘กิํ พหุํ วิปฺปลปสิ, สเจ เม วจนํ น กโรสิ, สีสํ เต ฉินฺทาเปสฺสามี’’ติฯ ‘‘ติฎฺฐตุ ตาว เอกสฺมิํ อตฺตภาเว สีสํ, อตฺตภาวสหเสฺสปิ สีเส ฉิชฺชเนฺต น สกฺกา มยา เอวรูปํ กาตุ’’นฺติฯ สา ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ ตเชฺชตฺวา อตฺตโน คพฺภํ ปวิสิตฺวา สรีเร นขวฬญฺชํ ทเสฺสตฺวา เตเลน คตฺตานิ อพฺภญฺชิตฺวา กิลิฎฺฐวตฺถํ นิวาเสตฺวา คิลานาลยํ กตฺวา ทาสิโย อาณาเปสิ ‘รญฺญา กหํ เทวี’ติ วุเตฺต ‘คิลานา’ติ กเถยฺยาถา’’ติฯ
Rājā paccantaṃ vūpasametvā janapadaṃ samassāsetvā puna āgacchantopi tatheva dvattiṃsa jane pesesi, sā tehipi saddhiṃ tatheva vippaṭipajjiyeva. Rājā āgantvā jayakkhandhāvāraṭṭhāne ṭhatvā ‘‘nagaraṃ paṭijaggāpetū’’ti bodhisattassa paṇṇaṃ pesesi. Bodhisatto sakalanagaraṃ paṭijaggāpetvā rājanivesanaṃ paṭijaggāpento deviyā vasanaṭṭhānaṃ agamāsi. Sā bodhisattassa rūpasobhaggappattaṃ kāyaṃ disvā saṇṭhātuṃ asakkontī ‘‘ehi , brāhmaṇa, sayanaṃ abhiruhā’’ti āha. Bodhisatto ‘‘mā evaṃ avaca, rājāpi garu, akusalampi bhāyāmi, na sakkā mayā evaṃ kātu’’nti āha. ‘‘Catusaṭṭhiyā pādamūlikānaṃ neva rājā garu, na akusalaṃ bhāyanti. Taveva rājā garu, tvaṃyeva ca akusalaṃ bhāyasī’’ti. ‘‘Āma, devi, sace tesampi evaṃ bhaveyya, na evarūpaṃ kareyyuṃ’’. ‘‘Ahaṃ pana jānamāno evarūpaṃ sāhasiyakammaṃ na karissāmī’’ti. ‘‘Kiṃ bahuṃ vippalapasi, sace me vacanaṃ na karosi, sīsaṃ te chindāpessāmī’’ti. ‘‘Tiṭṭhatu tāva ekasmiṃ attabhāve sīsaṃ, attabhāvasahassepi sīse chijjante na sakkā mayā evarūpaṃ kātu’’nti. Sā ‘‘hotu, jānissāmī’’ti bodhisattaṃ tajjetvā attano gabbhaṃ pavisitvā sarīre nakhavaḷañjaṃ dassetvā telena gattāni abbhañjitvā kiliṭṭhavatthaṃ nivāsetvā gilānālayaṃ katvā dāsiyo āṇāpesi ‘raññā kahaṃ devī’ti vutte ‘gilānā’ti katheyyāthā’’ti.
โพธิสโตฺตปิ รโญฺญ ปฎิปถํ อคมาสิฯ ราชา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห เทวิํ อปสฺสโนฺต ‘‘กหํ, เทวี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘คิลานา, เทวา’’ติฯ โสปิ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ตสฺสา ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชโนฺต ‘‘กิํ เต, ภเทฺท, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ สา ตุณฺหี อโหสิฯ ตติยวาเร ราชานํ โอโลเกตฺวา ‘‘ตฺวมฺปิ, มหาราช, ชีวสิ นาม, มาทิสาปิ อิตฺถิโย สสฺสามิกาเยว นามา’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ เอตํ, ภเทฺท’’ติ? ตุเมฺหหิ นครํ รกฺขนตฺถาย ฐปิโต ปุโรหิโต ‘‘ตุมฺหากํ นิเวสนํ ปฎิชคฺคามี’’ติ อิธาคนฺตฺวา อตฺตโน วจนํ อกโรนฺติํ มํ ปหริตฺวา อตฺตโน มนํ ปูเรตฺวา คโตติฯ ราชา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย โกเธน ตฎตฎายโนฺต สิริคพฺภา นิกฺขมิตฺวา โทวาริกปาทมูลิกาทโย ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, ปุโรหิตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วชฺฌภาวปฺปตฺตํ กตฺวา นครา นีหริตฺวา อาฆาตนํ เนตฺวา สีสมสฺส ฉินฺทถา’’ติ อาหฯ เต เวเคน คนฺตฺวา ตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วชฺฌเภริํ จราเปสุํฯ
Bodhisattopi rañño paṭipathaṃ agamāsi. Rājā nagaraṃ padakkhiṇaṃ katvā pāsādaṃ āruyha deviṃ apassanto ‘‘kahaṃ, devī’’ti pucchi. ‘‘Gilānā, devā’’ti. Sopi sirigabbhaṃ pavisitvā tassā piṭṭhiṃ parimajjanto ‘‘kiṃ te, bhadde, aphāsuka’’nti pucchi. Sā tuṇhī ahosi. Tatiyavāre rājānaṃ oloketvā ‘‘tvampi, mahārāja, jīvasi nāma, mādisāpi itthiyo sassāmikāyeva nāmā’’ti āha. ‘‘Kiṃ etaṃ, bhadde’’ti? Tumhehi nagaraṃ rakkhanatthāya ṭhapito purohito ‘‘tumhākaṃ nivesanaṃ paṭijaggāmī’’ti idhāgantvā attano vacanaṃ akarontiṃ maṃ paharitvā attano manaṃ pūretvā gatoti. Rājā aggimhi pakkhittaloṇasakkharā viya kodhena taṭataṭāyanto sirigabbhā nikkhamitvā dovārikapādamūlikādayo pakkosāpetvā ‘‘gacchatha, bhaṇe, purohitaṃ pacchābāhaṃ bandhitvā vajjhabhāvappattaṃ katvā nagarā nīharitvā āghātanaṃ netvā sīsamassa chindathā’’ti āha. Te vegena gantvā taṃ pacchābāhaṃ bandhitvā vajjhabheriṃ carāpesuṃ.
โพธิสโตฺต จิเนฺตสิ – ‘‘อทฺธา ตาย ทุฎฺฐเทวิยา ราชา ปุเรตรเมว ปริภิโนฺน, อชฺช ทานาหํ อตฺตโน พเลเนว อตฺตานํ โมเจสฺสามี’’ติฯ โส เต ปุริเส อาห ‘‘โภ, ตุเมฺห มํ มาเรนฺตา รโญฺญ ทเสฺสตฺวาว มาเรถา’’ติฯ ‘‘กิํการณา’’ติ? ‘‘อหํ ราชกมฺมิโก, พหุ เม กมฺมํ กตํ, พหูนิ มหานิธิฎฺฐานานิ ชานามิ, ราชกุฎุมฺพํ มยา วิจาริตํฯ สเจ มํ รโญฺญ น ทเสฺสสฺสถ, พหุธนํ นสฺสิสฺสติ, มยา รโญฺญ สาปเตเยฺย อาจิกฺขิเต ปจฺฉา กาตพฺพํ กโรถา’’ติฯ เต ตํ รโญฺญ ทสฺสยิํสุฯ ราชา ตํ ทิสฺวาว ‘‘กสฺมา โภ, พฺราหฺมณ, มยิ ลชฺชํ น อกาสิ, กสฺมา เต เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ อาหฯ ‘‘มหาราช, อหํ โสตฺถิยกุเล ชาโต, มยา กุนฺถกิปิลฺลิกมโตฺตปิ ปาณาติปาโต น กตปุโพฺพ, ติณสลากมตฺตมฺปิ อทินฺนํ นาทินฺนปุพฺพํ, โลภวเสน ปเรสํ อิตฺถี อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวาปิ น โอโลกิตปุพฺพา, หสฺสวเสนาปิ มุสา น ภาสิตปุพฺพา, กุสเคฺคนาปิ มชฺชํ น ปีตปุพฺพํ, อหํ ตุเมฺหสุ นิรปราโธฯ สา ปน พาลา โลภวเสน มํ หเตฺถ คเหตฺวา มยา ปฎิกฺขิตฺตา มํ ตเชฺชตฺวา อตฺตนา กตํ ปาปํ อุตฺตานํ กตฺวา มม อาจิกฺขิตฺวา อโนฺตคพฺภํ ปวิฎฺฐาฯ อหํ นิรปราโธ, ปณฺณํ คเหตฺวา ปน อาคตา จตุสฎฺฐิ ชนา สาปราธา, เต ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาย โว วจนํ กตํ, น กต’’นฺติ ปุจฺฉ, เทวาติฯ ราชา เต จตุสฎฺฐิ ชเน พนฺธาเปตฺวา เทวิํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตยา เอเตหิ สทฺธิํ ปาปํ กตํ, น กต’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘กตํ, เทวา’’ติ วุเตฺต เต ปจฺฉาพาหํ พนฺธาเปตฺวา ‘‘อิเมสํ จตุสฎฺฐิชนานํ สีสานิ ฉินฺทถา’’ติ อาณาเปสิฯ
Bodhisatto cintesi – ‘‘addhā tāya duṭṭhadeviyā rājā puretarameva paribhinno, ajja dānāhaṃ attano baleneva attānaṃ mocessāmī’’ti. So te purise āha ‘‘bho, tumhe maṃ mārentā rañño dassetvāva mārethā’’ti. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti? ‘‘Ahaṃ rājakammiko, bahu me kammaṃ kataṃ, bahūni mahānidhiṭṭhānāni jānāmi, rājakuṭumbaṃ mayā vicāritaṃ. Sace maṃ rañño na dassessatha, bahudhanaṃ nassissati, mayā rañño sāpateyye ācikkhite pacchā kātabbaṃ karothā’’ti. Te taṃ rañño dassayiṃsu. Rājā taṃ disvāva ‘‘kasmā bho, brāhmaṇa, mayi lajjaṃ na akāsi, kasmā te evarūpaṃ pāpakammaṃ kata’’nti āha. ‘‘Mahārāja, ahaṃ sotthiyakule jāto, mayā kunthakipillikamattopi pāṇātipāto na katapubbo, tiṇasalākamattampi adinnaṃ nādinnapubbaṃ, lobhavasena paresaṃ itthī akkhīni ummīletvāpi na olokitapubbā, hassavasenāpi musā na bhāsitapubbā, kusaggenāpi majjaṃ na pītapubbaṃ, ahaṃ tumhesu niraparādho. Sā pana bālā lobhavasena maṃ hatthe gahetvā mayā paṭikkhittā maṃ tajjetvā attanā kataṃ pāpaṃ uttānaṃ katvā mama ācikkhitvā antogabbhaṃ paviṭṭhā. Ahaṃ niraparādho, paṇṇaṃ gahetvā pana āgatā catusaṭṭhi janā sāparādhā, te pakkosāpetvā ‘‘tāya vo vacanaṃ kataṃ, na kata’’nti puccha, devāti. Rājā te catusaṭṭhi jane bandhāpetvā deviṃ pakkosāpetvā ‘‘tayā etehi saddhiṃ pāpaṃ kataṃ, na kata’’nti pucchi. ‘‘Kataṃ, devā’’ti vutte te pacchābāhaṃ bandhāpetvā ‘‘imesaṃ catusaṭṭhijanānaṃ sīsāni chindathā’’ti āṇāpesi.
อถ นํ โพธิสโตฺต อาห – ‘‘นตฺถิ, มหาราช, เอเตสํ โทโส, เทวี อตฺตโน รุจิํ การาเปสิฯ นิรปราธา เอเต, ตสฺมา เนสํ ขมถฯ ตสฺสาปิ โทโส นตฺถิ, อิตฺถิโย นาม เมถุนธเมฺมน อติตฺตาฯ ชาติสภาโว หิ เอสฯ เอตาสํ ขมิตพฺพยุตฺตเมว โหติฯ ตสฺมา เอติสฺสาปิ ขมถา’’ติ นานปฺปกาเรน ราชานํ สญฺญาเปตฺวา เต จตุสฎฺฐิปิ ชเน ตญฺจ พาลํ โมจาเปตฺวา สเพฺพสํ ยถาสกานิ ฐานานิ ทาเปสิฯ เอวํ เต สเพฺพ โมเจตฺวา สกฎฺฐาเน ปติฎฺฐาเปตฺวา โพธิสโตฺต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, อนฺธพาลานํ นาม อวตฺถุเกน วจเนน อพนฺธิตพฺพยุตฺตกาปิ ปณฺฑิตา ปจฺฉาพาหํ พทฺธา, ปณฺฑิตานํ การณยุเตฺตน วจเนน ปจฺฉาพาหํ พทฺธาปิ มุตฺตาฯ เอวํ พาลา นาม อพนฺธิตพฺพยุตฺตเกปิ พนฺธาเปนฺติ, ปณฺฑิตา พเทฺธปิ โมเจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Atha naṃ bodhisatto āha – ‘‘natthi, mahārāja, etesaṃ doso, devī attano ruciṃ kārāpesi. Niraparādhā ete, tasmā nesaṃ khamatha. Tassāpi doso natthi, itthiyo nāma methunadhammena atittā. Jātisabhāvo hi esa. Etāsaṃ khamitabbayuttameva hoti. Tasmā etissāpi khamathā’’ti nānappakārena rājānaṃ saññāpetvā te catusaṭṭhipi jane tañca bālaṃ mocāpetvā sabbesaṃ yathāsakāni ṭhānāni dāpesi. Evaṃ te sabbe mocetvā sakaṭṭhāne patiṭṭhāpetvā bodhisatto rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘mahārāja, andhabālānaṃ nāma avatthukena vacanena abandhitabbayuttakāpi paṇḍitā pacchābāhaṃ baddhā, paṇḍitānaṃ kāraṇayuttena vacanena pacchābāhaṃ baddhāpi muttā. Evaṃ bālā nāma abandhitabbayuttakepi bandhāpenti, paṇḍitā baddhepi mocentī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
๑๒๐.
120.
‘‘อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ, ยตฺถ พาลา ปภาสเร;
‘‘Abaddhā tattha bajjhanti, yattha bālā pabhāsare;
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ, ยตฺถ ธีรา ปภาสเร’’ติฯ
Baddhāpi tattha muccanti, yattha dhīrā pabhāsare’’ti.
ตตฺถ อพทฺธาติ อพนฺธิตพฺพยุตฺตาฯ ปภาสเรติ ปภาสนฺติ วทนฺติ กเถนฺติฯ
Tattha abaddhāti abandhitabbayuttā. Pabhāsareti pabhāsanti vadanti kathenti.
เอวํ มหาสโตฺต อิมาย คาถาย รโญฺญ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มยา อิมํ ทุกฺขํ อคาเร วสนภาเวน ลทฺธํ, อิทานิ เม อคาเรน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชาน, เทวา’’ติ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา อสฺสุมุขํ ญาติชนํ มหนฺตญฺจ วิภวํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวเนฺต วสโนฺต อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพเตฺตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิฯ
Evaṃ mahāsatto imāya gāthāya rañño dhammaṃ desetvā ‘‘mayā imaṃ dukkhaṃ agāre vasanabhāvena laddhaṃ, idāni me agārena kiccaṃ natthi, pabbajjaṃ me anujāna, devā’’ti pabbajjaṃ anujānāpetvā assumukhaṃ ñātijanaṃ mahantañca vibhavaṃ pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā himavante vasanto abhiññā ca samāpattiyo ca nibbattetvā brahmalokaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฎฺฐเทวี จิญฺจมาณวิกา อโหสิ, ราชา อานโนฺท, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā duṭṭhadevī ciñcamāṇavikā ahosi, rājā ānando, purohito pana ahameva ahosi’’nti.
พนฺธนโมกฺขชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Bandhanamokkhajātakavaṇṇanā dasamā.
หํจิวโคฺค ทฺวาทสโมฯ
Haṃcivaggo dvādasamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
คทฺรภปญฺหา อมรา, สิงฺคาลํ มิตจินฺติ จ;
Gadrabhapañhā amarā, siṅgālaṃ mitacinti ca;
อนุสาสิกทุพฺพจํ, ติตฺติรํ วฎฺฎกํ ปุน;
Anusāsikadubbacaṃ, tittiraṃ vaṭṭakaṃ puna;
อกาลราวิ พนฺธนนฺติฯ
Akālarāvi bandhananti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๒๐. พนฺธนโมกฺขชาตกํ • 120. Bandhanamokkhajātakaṃ