Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. พนฺธนสุตฺตวณฺณนา
10. Bandhanasuttavaṇṇanā
๑๒๑. ทสเม อิธ, ภเนฺต, รญฺญาติ อิทํ เต ภิกฺขู เตสุ มนุเสฺสสุ อานนฺทเตฺถรสฺส สุกตการณํ อาโรเจนฺตา อาโรเจสุํฯ รโญฺญ กิร สเกฺกน กุสราชสฺส ทิโนฺน อฎฺฐวโงฺก มณิ ปเวณิยา อาคโตฯ ราชา อลงฺกรณกาเล ตํ มณิํ อาหรถาติ อาหฯ มนุสฺสา ‘‘ฐปิตฎฺฐาเน น ปสฺสามา’’ติ อาโรเจสุํฯ ราชา อโนฺตฆรจาริโน ‘‘มณิํ ปริเยสิตฺวา เทถา’’ติ พนฺธาเปสิฯ อานนฺทเตฺถโร เต ทิสฺวา มณิปฎิสามกานํ เอกํ อุปายํ อาจิกฺขิ ฯ เต รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา ‘‘ปณฺฑิโต เถโร, เถรสฺส วจนํ กโรถา’’ติฯ ปฎิสามกมนุสฺสา ราชงฺคเณ อุทกจาฎิํ ฐเปตฺวา สาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา เต มนุเสฺส อาหํสุ – ‘‘สาฎกํ ปารุปิตฺวา เอตฺถ คนฺตฺวา หตฺถํ โอตาเรถา’’ติฯ มณิโจโร จิเนฺตสิ – ‘‘ราชภณฺฑํ วิสฺสเชฺชตุํ วา วลเญฺชตุํ วา น สกฺกา’’ติฯ โส เคหํ คนฺตฺวา มณิํ อุปกจฺฉเก ฐเปตฺวา สาฎกํ ปารุปิตฺวา อาคมฺม อุทกจาฎิยํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกามิฯ มหาชเน ปฎิกฺกเนฺต ราชมนุสฺสา จาฎิยํ หตฺถํ โอตาเรตฺวา มณิํ ทิสฺวา อาหริตฺวา รโญฺญ อทํสุฯ ‘‘อานนฺทเตฺถเรน กิร ทสฺสิตนเยน มณิ ทิโฎฺฐ’’ติ มหาชโน โกลาหลํ อกาสิฯ เต ภิกฺขู ตํ การณํ ตถาคตสฺส อาโรเจนฺตา อิมํ ปวตฺติํ อาโรเจสุํฯ สตฺถา – ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ยํ อานโนฺท มนุสฺสานํ หตฺถารุฬฺหมณิํ อาหราเปยฺย , ยตฺถ ปุเพฺพ ปณฺฑิตา อตฺตโน ญาเณ ฐตฺวา อเหตุกปฎิสนฺธิยํ นิพฺพตฺตานํ ติรจฺฉานคตานมฺปิ หตฺถารุฬฺหํ ภณฺฑํ อาหราเปตฺวา รโญฺญ อทํสู’’ติ วตฺวา –
121. Dasame idha, bhante, raññāti idaṃ te bhikkhū tesu manussesu ānandattherassa sukatakāraṇaṃ ārocentā ārocesuṃ. Rañño kira sakkena kusarājassa dinno aṭṭhavaṅko maṇi paveṇiyā āgato. Rājā alaṅkaraṇakāle taṃ maṇiṃ āharathāti āha. Manussā ‘‘ṭhapitaṭṭhāne na passāmā’’ti ārocesuṃ. Rājā antogharacārino ‘‘maṇiṃ pariyesitvā dethā’’ti bandhāpesi. Ānandatthero te disvā maṇipaṭisāmakānaṃ ekaṃ upāyaṃ ācikkhi . Te rañño ārocesuṃ. Rājā ‘‘paṇḍito thero, therassa vacanaṃ karothā’’ti. Paṭisāmakamanussā rājaṅgaṇe udakacāṭiṃ ṭhapetvā sāṇiyā parikkhipāpetvā te manusse āhaṃsu – ‘‘sāṭakaṃ pārupitvā ettha gantvā hatthaṃ otārethā’’ti. Maṇicoro cintesi – ‘‘rājabhaṇḍaṃ vissajjetuṃ vā valañjetuṃ vā na sakkā’’ti. So gehaṃ gantvā maṇiṃ upakacchake ṭhapetvā sāṭakaṃ pārupitvā āgamma udakacāṭiyaṃ pakkhipitvā pakkāmi. Mahājane paṭikkante rājamanussā cāṭiyaṃ hatthaṃ otāretvā maṇiṃ disvā āharitvā rañño adaṃsu. ‘‘Ānandattherena kira dassitanayena maṇi diṭṭho’’ti mahājano kolāhalaṃ akāsi. Te bhikkhū taṃ kāraṇaṃ tathāgatassa ārocentā imaṃ pavattiṃ ārocesuṃ. Satthā – ‘‘anacchariyaṃ, bhikkhave, yaṃ ānando manussānaṃ hatthāruḷhamaṇiṃ āharāpeyya , yattha pubbe paṇḍitā attano ñāṇe ṭhatvā ahetukapaṭisandhiyaṃ nibbattānaṃ tiracchānagatānampi hatthāruḷhaṃ bhaṇḍaṃ āharāpetvā rañño adaṃsū’’ti vatvā –
‘‘อุกฺกเฎฺฐ สูรมิจฺฉนฺติ, มนฺตีสุ อกุตูหลํ;
‘‘Ukkaṭṭhe sūramicchanti, mantīsu akutūhalaṃ;
ปิยญฺจ อนฺนปานมฺหิ, อเตฺถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติฯ (ชา. ๑.๑.๙๒) –
Piyañca annapānamhi, atthe jāte ca paṇḍita’’nti. (jā. 1.1.92) –
มหาสารชาตกํ กเถสิฯ
Mahāsārajātakaṃ kathesi.
น ตํ ทฬฺหนฺติ ตํ พนฺธนํ ถิรนฺติ น กเถนฺติฯ ยทายสนฺติ ยํ อายสา กตํฯ สารตฺตรตฺตาติ สุฎฺฐุ รตฺตรตฺตา, สารเตฺตน วา รตฺตา สารตฺตรตฺตา, สารํ อิทนฺติ มญฺญนาย รตฺตาติ อโตฺถฯ อเปกฺขาติ อาลโย นิกนฺติฯ อาหูติ กเถนฺติฯ โอหารินนฺติ จตูสุ อปาเยสุ อากฑฺฒนกํฯ สิถิลนฺติ น อายสาทิพนฺธนํ วิย อิริยาปถํ นิวาเรตฺวา ฐิตํฯ เตน หิ พนฺธเนน พทฺธา ปรเทสมฺปิ คจฺฉนฺติเยวฯ ทุปฺปมุญฺจนฺติ อญฺญตฺร โลกุตฺตรญาเณน มุญฺจิตุํ อสกฺกุเณยฺยนฺติฯ ทสมํฯ
Na taṃ daḷhanti taṃ bandhanaṃ thiranti na kathenti. Yadāyasanti yaṃ āyasā kataṃ. Sārattarattāti suṭṭhu rattarattā, sārattena vā rattā sārattarattā, sāraṃ idanti maññanāya rattāti attho. Apekkhāti ālayo nikanti. Āhūti kathenti. Ohārinanti catūsu apāyesu ākaḍḍhanakaṃ. Sithilanti na āyasādibandhanaṃ viya iriyāpathaṃ nivāretvā ṭhitaṃ. Tena hi bandhanena baddhā paradesampi gacchantiyeva. Duppamuñcanti aññatra lokuttarañāṇena muñcituṃ asakkuṇeyyanti. Dasamaṃ.
ปฐโม วโคฺคฯ
Paṭhamo vaggo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. พนฺธนสุตฺตํ • 10. Bandhanasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. พนฺธนสุตฺตวณฺณนา • 10. Bandhanasuttavaṇṇanā