Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๑๑. เอกาทสมวโคฺค

    11. Ekādasamavaggo

    ๑. เพลฎฺฐานิกเตฺถรคาถาวณฺณนา

    1. Belaṭṭhānikattheragāthāvaṇṇanā

    หิตฺวา คิหิตฺตํ อนโวสิตโตฺตติอาทิกา อายสฺมโต เพลฎฺฐานิกเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกติํเส กเปฺป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต พฺราหฺมณสิเปฺปสุ นิปฺผตฺติํ คนฺตฺวา ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อิสีหิ ปริวุโต วิจรโนฺต เอกทิวสํ เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต สตฺถุ ญาณสมฺปตฺติํ นิสฺสาย ปสนฺนมานโส ญาณํ อุทฺทิสฺส ปุเปฺผหิ ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เพลฎฺฐานิโกติ ลทฺธนาโม วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา โกสลรเฎฺฐ อรเญฺญ วิหรโนฺต อลโส กายทฬฺหิพหุโล ผรุสวาโจ อโหสิ, สมณธเมฺม จิตฺตํ น อุปฺปาเทสิฯ อถ นํ ภควา ญาณปริปากํ โอโลเกตฺวา –

    Hitvāgihittaṃ anavositattotiādikā āyasmato belaṭṭhānikattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro ito ekatiṃse kappe vessabhussa bhagavato kāle brāhmaṇakule nibbattitvā vayappatto brāhmaṇasippesu nipphattiṃ gantvā gharāvāsaṃ pahāya isipabbajjaṃ pabbajitvā isīhi parivuto vicaranto ekadivasaṃ vessabhuṃ bhagavantaṃ disvā pītisomanassajāto satthu ñāṇasampattiṃ nissāya pasannamānaso ñāṇaṃ uddissa pupphehi pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbattitvā belaṭṭhānikoti laddhanāmo viññutaṃ patto satthu dhammadesanaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā kammaṭṭhānaṃ gahetvā kosalaraṭṭhe araññe viharanto alaso kāyadaḷhibahulo pharusavāco ahosi, samaṇadhamme cittaṃ na uppādesi. Atha naṃ bhagavā ñāṇaparipākaṃ oloketvā –

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘หิตฺวา คิหิตฺตํ อนโวสิตโตฺต, มุขนงฺคลี โอทริโก กุสีโต;

    ‘‘Hitvā gihittaṃ anavositatto, mukhanaṅgalī odariko kusīto;

    มหาวราโหว นิวาปปุโฎฺฐ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มโนฺท’’ติฯ –

    Mahāvarāhova nivāpapuṭṭho, punappunaṃ gabbhamupeti mando’’ti. –

    อิมาย โอภาสคาถาย สํเวเชสิฯ โส สตฺถารํ ปุรโต นิสินฺนํ วิย ทิสฺวา ตญฺจ คาถํ สุตฺวา สํเวคชาโต ญาณสฺส ปริปากํ คตตฺตา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๔๑-๔๖) –

    Imāya obhāsagāthāya saṃvejesi. So satthāraṃ purato nisinnaṃ viya disvā tañca gāthaṃ sutvā saṃvegajāto ñāṇassa paripākaṃ gatattā vipassanaṃ paṭṭhapetvā nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.14.41-46) –

    ‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

    ‘‘Kaṇikāraṃva jotantaṃ, nisinnaṃ pabbatantare;

    โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, โอสธิํ วิย ตารกํฯ

    Obhāsentaṃ disā sabbā, osadhiṃ viya tārakaṃ.

    ‘‘ตโย มาณวกา อาสุํ, สเก สิเปฺป สุสิกฺขิตา;

    ‘‘Tayo māṇavakā āsuṃ, sake sippe susikkhitā;

    ขาริภารํ คเหตฺวาน, อเนฺวนฺติ มม ปจฺฉโตฯ

    Khāribhāraṃ gahetvāna, anventi mama pacchato.

    ‘‘ปุฎเก สตฺต ปุปฺผานิ, นิกฺขิตฺตานิ ตปสฺสินา;

    ‘‘Puṭake satta pupphāni, nikkhittāni tapassinā;

    คเหตฺวา ตานิ ญาณมฺหิ, เวสฺสภุสฺสาภิโรปยิํฯ

    Gahetvā tāni ñāṇamhi, vessabhussābhiropayiṃ.

    ‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยิํ;

    ‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ pupphamabhiropayiṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ญาณปูชายิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, ñāṇapūjāyidaṃ phalaṃ.

    ‘‘เอกูนติํสกปฺปมฺหิ, วิปุลาภสนามโก;

    ‘‘Ekūnatiṃsakappamhi, vipulābhasanāmako;

    สตฺตรตนสมฺปโนฺน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโลฯ

    Sattaratanasampanno, cakkavattī mahabbalo.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ โอวาทํ ปฎิปูเชโนฺต พฺยติเรกมุเขน จ อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิฯ

    Arahattaṃ pana patvā satthu ovādaṃ paṭipūjento byatirekamukhena ca aññaṃ byākaronto tameva gāthaṃ paccudāhāsi.

    ตตฺถ หิตฺวา คิหิตฺตนฺติ คหฎฺฐภาวํ ปริจฺจชิตฺวา ปพฺพชิตฺวาติ อโตฺถฯ อนโวสิตโตฺตติ อนุรูปํ อโวสิตโตฺต, ยทตฺถํ สาสเน ปพฺพชนฺตสฺส อนุรูปปริญฺญาทีนํ อตีริตตฺตา อปริโยสิตภาโว อกตกรณีโยติ อโตฺถฯ อถ วา อนโวสิตโตฺตติ อนุอโวสิตสภาโว, วิสุทฺธีนํ มคฺคานญฺจ อนุปฎิปาฎิยา วสิตพฺพวาสสฺส อกตาวี, ทสสุ อริยวาเสสุ อวุสิตวาติ อโตฺถฯ มุขสงฺขาตํ นงฺคลํ อิมสฺส อตฺถีติ มุขนงฺคลีฯ นงฺคเลน วิย ปถวิํ ปเรสุ ผรุสวาจปฺปโยเคน อตฺตานํ ขนโนฺตติ อโตฺถฯ โอทริโกติ อุทเร ปสุโต อุทรโปสนตปฺปโรฯ กุสีโตติ อลโส, ภาวนํ อนนุยุญฺชโนฺตฯ เอวํภูตสฺส นิปฺผตฺติํ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘มหาวราโหว นิวาปปุโฎฺฐ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มโนฺท’’ติฯ ตสฺสโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ เอตฺถ จ ยถา ปพฺพชิตฺวา อนโวสิตาทิสภาวตาย ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มโนฺท, น เอวํ มาทิโส ปณฺฑิโตฯ ตพฺพิปรีตสภาวตาย ปน สมฺมาปฎิปตฺติยา มตฺถกํ ปาปิตตฺตา ปรินิพฺพายตีติ พฺยติเรกมุเขน อญฺญํ พฺยากาสีติ ทฎฺฐพฺพนฺติฯ

    Tattha hitvā gihittanti gahaṭṭhabhāvaṃ pariccajitvā pabbajitvāti attho. Anavositattoti anurūpaṃ avositatto, yadatthaṃ sāsane pabbajantassa anurūpapariññādīnaṃ atīritattā apariyositabhāvo akatakaraṇīyoti attho. Atha vā anavositattoti anuavositasabhāvo, visuddhīnaṃ maggānañca anupaṭipāṭiyā vasitabbavāsassa akatāvī, dasasu ariyavāsesu avusitavāti attho. Mukhasaṅkhātaṃ naṅgalaṃ imassa atthīti mukhanaṅgalī. Naṅgalena viya pathaviṃ paresu pharusavācappayogena attānaṃ khanantoti attho. Odarikoti udare pasuto udaraposanatapparo. Kusītoti alaso, bhāvanaṃ ananuyuñjanto. Evaṃbhūtassa nipphattiṃ dassento āha ‘‘mahāvarāhova nivāpapuṭṭho, punappunaṃ gabbhamupeti mando’’ti. Tassattho heṭṭhā vuttoyeva. Ettha ca yathā pabbajitvā anavositādisabhāvatāya punappunaṃ gabbhamupeti mando, na evaṃ mādiso paṇḍito. Tabbiparītasabhāvatāya pana sammāpaṭipattiyā matthakaṃ pāpitattā parinibbāyatīti byatirekamukhena aññaṃ byākāsīti daṭṭhabbanti.

    เพลฎฺฐานิกเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Belaṭṭhānikattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑. เพลฎฺฐานิกเตฺถรคาถา • 1. Belaṭṭhānikattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact