Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๒. ภทฺทชิเตฺถรคาถาวณฺณนา
2. Bhaddajittheragāthāvaṇṇanā
ปนาโท นาม โส ราชาติ อายสฺมโต ภทฺทชิเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิเปฺปสุ ปารํ คนฺตฺวา กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรญฺญายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วสโนฺต เอกทิวสํ สตฺถารํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อญฺชลิํ ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิฯ สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ญตฺวา อากาสโต โอตริฯ โอติณฺณสฺส ปน ภควโต มธุญฺจ ภิสมุฬาลญฺจ สปฺปิญฺจ ขีรญฺจ อุปนาเมสิ, ตสฺส ตํ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย ปฎิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน ตุสิเต นิพฺพโตฺต ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรโนฺต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหทฺธโน เสฎฺฐิ หุตฺวา อฎฺฐสฎฺฐิภิกฺขุสหสฺสํ โภเชตฺวา ติจีวเรน อจฺฉาเทสิฯ
Panādonāma so rājāti āyasmato bhaddajittherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle brāhmaṇakule nibbattitvā viññutaṃ patto brāhmaṇānaṃ vijjāsippesu pāraṃ gantvā kāme pahāya tāpasapabbajjaṃ pabbajitvā araññāyatane assamaṃ kāretvā vasanto ekadivasaṃ satthāraṃ ākāsena gacchantaṃ disvā pasannamānaso añjaliṃ paggayha aṭṭhāsi. Satthā tassa ajjhāsayaṃ ñatvā ākāsato otari. Otiṇṇassa pana bhagavato madhuñca bhisamuḷālañca sappiñca khīrañca upanāmesi, tassa taṃ bhagavā anukampaṃ upādāya paṭiggahetvā anumodanaṃ vatvā pakkāmi. So tena puññakammena tusite nibbatto tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsaranto vipassissa bhagavato kāle mahaddhano seṭṭhi hutvā aṭṭhasaṭṭhibhikkhusahassaṃ bhojetvā ticīvarena acchādesi.
เอวํ พหุํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จวิตฺวา มนุเสฺสสุ อุปฺปโนฺน พุทฺธสุเญฺญ โลเก ปญฺจ ปเจฺจกพุทฺธสตานิ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฎฺฐหิตฺวา ตโต จุโต ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รชฺชํ อนุสาสโนฺต ปุตฺตํ ปเจฺจกโพธิํ อธิคนฺตฺวา ฐิตํ อุปฎฺฐหิตฺวา ตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ กตฺวา ปูเชสิฯ เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ตานิ ปุญฺญานิ กตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ภทฺทิยนคเร อสีติโกฎิวิภวสฺส ภทฺทิยเสฎฺฐิสฺส เอกปุตฺตโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ภทฺทชีติสฺส นามํ อโหสิฯ ตสฺส กิร อิสฺสริยโภคปริวาราทิสมฺปตฺติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส วิย อโหสิฯ
Evaṃ bahuṃ kusalaṃ katvā devaloke nibbattitvā tattha yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cavitvā manussesu uppanno buddhasuññe loke pañca paccekabuddhasatāni catūhi paccayehi upaṭṭhahitvā tato cuto rājakule nibbattitvā rajjaṃ anusāsanto puttaṃ paccekabodhiṃ adhigantvā ṭhitaṃ upaṭṭhahitvā tassa parinibbutassa dhātuyo gahetvā cetiyaṃ katvā pūjesi. Evaṃ tattha tattha tāni puññāni katvā imasmiṃ buddhuppāde bhaddiyanagare asītikoṭivibhavassa bhaddiyaseṭṭhissa ekaputtako hutvā nibbatti, bhaddajītissa nāmaṃ ahosi. Tassa kira issariyabhogaparivārādisampatti carimabhave bodhisattassa viya ahosi.
ตทา สตฺถา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ภทฺทชิกุมารํ สงฺคณฺหิตุํ มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ ภทฺทิยนครํ คนฺตฺวา ชาติยาวเน วสิ ตสฺส ญาณปริปากํ อาคมยมาโนฯ โสปิ อุปริ ปาสาเท นิสิโนฺน สีหปญฺชรํ วิวริตฺวา โอโลเกโนฺต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉนฺตํ มหาชนํ ทิสฺวา ‘‘กตฺถายํ มหาชโน คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา สยมฺปิ มหตา ปริวาเรน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต สพฺพาภรณปฎิมณฺฑิโตว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๙๘-๑๑๖) –
Tadā satthā sāvatthiyaṃ vassaṃ vasitvā bhaddajikumāraṃ saṅgaṇhituṃ mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ bhaddiyanagaraṃ gantvā jātiyāvane vasi tassa ñāṇaparipākaṃ āgamayamāno. Sopi upari pāsāde nisinno sīhapañjaraṃ vivaritvā olokento bhagavato santike dhammaṃ sotuṃ gacchantaṃ mahājanaṃ disvā ‘‘katthāyaṃ mahājano gacchatī’’ti pucchitvā taṃ kāraṇaṃ sutvā sayampi mahatā parivārena satthu santikaṃ gantvā dhammaṃ suṇanto sabbābharaṇapaṭimaṇḍitova sabbakilese khepetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.56.98-116) –
‘‘โอคฺคยฺห ยํ โปกฺขรณิํ, นานากุญฺชรเสวิตํ;
‘‘Oggayha yaṃ pokkharaṇiṃ, nānākuñjarasevitaṃ;
อุทฺธรามิ ภิสํ ตตฺถ, ฆาสเหตุ อหํ ตทาฯ
Uddharāmi bhisaṃ tattha, ghāsahetu ahaṃ tadā.
‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, ปทุมุตฺตรสวฺหโย;
‘‘Bhagavā tamhi samaye, padumuttarasavhayo;
รตฺตมฺพรธโร พุโทฺธ, คจฺฉเต อนิลญฺชเสฯ
Rattambaradharo buddho, gacchate anilañjase.
‘‘ธุนโนฺต ปํสุกูลานิ, สทฺทํ อโสฺสสหํ ตทา;
‘‘Dhunanto paṃsukūlāni, saddaṃ assosahaṃ tadā;
อุทฺธํ นิชฺฌายมาโนหํ, อทฺทสํ โลกนายกํฯ
Uddhaṃ nijjhāyamānohaṃ, addasaṃ lokanāyakaṃ.
‘‘ตเตฺถว ฐิตโก สโนฺต, อายาจิํ โลกนายกํ;
‘‘Tattheva ṭhitako santo, āyāciṃ lokanāyakaṃ;
มธุํ ภิเสหิ สหิตํ, ขีรํ สปฺปิํ มุฬาลิกํฯ
Madhuṃ bhisehi sahitaṃ, khīraṃ sappiṃ muḷālikaṃ.
‘‘ปฎิคฺคณฺหาตุ เม พุโทฺธ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา;
‘‘Paṭiggaṇhātu me buddho, anukampāya cakkhumā;
ตโต การุณิโก สตฺถา, โอโรหิตฺวา มหายโสฯ
Tato kāruṇiko satthā, orohitvā mahāyaso.
‘‘ปฎิคฺคณฺหิ มมํ ภิกฺขํ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา;
‘‘Paṭiggaṇhi mamaṃ bhikkhaṃ, anukampāya cakkhumā;
ปฎิคฺคเหตฺวา สมฺพุโทฺธ, อกา เม อนุโมทนํฯ
Paṭiggahetvā sambuddho, akā me anumodanaṃ.
‘‘สุขี โหตุ มหาปุญฺญ, คติ ตุยฺหํ สมิชฺฌตุ;
‘‘Sukhī hotu mahāpuñña, gati tuyhaṃ samijjhatu;
อิมินา ภิสทาเนน, ลภสฺสุ วิปุลํ สุขํฯ
Iminā bhisadānena, labhassu vipulaṃ sukhaṃ.
‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุโทฺธ, ชลชุตฺตมนามโก;
‘‘Idaṃ vatvāna sambuddho, jalajuttamanāmako;
ภิกฺขมาทาย สมฺพุโทฺธ, อากาเสนาคมา ชิโนฯ
Bhikkhamādāya sambuddho, ākāsenāgamā jino.
‘‘ตโต ภิสํ คเหตฺวาน, อาคจฺฉิํ มม อสฺสมํ;
‘‘Tato bhisaṃ gahetvāna, āgacchiṃ mama assamaṃ;
ภิสํ รุเกฺข ลเคฺคตฺวาน, มม ทานํ อนุสฺสริํฯ
Bhisaṃ rukkhe laggetvāna, mama dānaṃ anussariṃ.
‘‘มหาวาโต อุฎฺฐหิตฺวา, สญฺจาเลสิ วนํ ตทา;
‘‘Mahāvāto uṭṭhahitvā, sañcālesi vanaṃ tadā;
อากาโส อภินาทิตฺถ, อสนี จ ผลี ตทาฯ
Ākāso abhinādittha, asanī ca phalī tadā.
‘‘ตโต เม อสนีปาโต, มตฺถเก นิปตี ตทา;
‘‘Tato me asanīpāto, matthake nipatī tadā;
โสหํ นิสินฺนโก สโนฺต, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํฯ
Sohaṃ nisinnako santo, tattha kālaṅkato ahaṃ.
‘‘ปุญฺญกเมฺมน สญฺญุโตฺต, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ;
‘‘Puññakammena saññutto, tusitaṃ upapajjahaṃ;
กเฬวรํ เม ปติตํ, เทวโลเก รมามหํฯ
Kaḷevaraṃ me patitaṃ, devaloke ramāmahaṃ.
‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ , นาริโย สมลงฺกตา;
‘‘Chaḷasītisahassāni , nāriyo samalaṅkatā;
สายํ ปาตํ อุปฎฺฐนฺติ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํฯ
Sāyaṃ pātaṃ upaṭṭhanti, bhisadānassidaṃ phalaṃ.
‘‘มนุสฺสโยนิมาคนฺตฺวา, สุขิโต โหมหํ ตทา;
‘‘Manussayonimāgantvā, sukhito homahaṃ tadā;
โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํฯ
Bhoge me ūnatā natthi, bhisadānassidaṃ phalaṃ.
‘‘อนุกมฺปิตโก เตน, เทวเทเวน ตาทินา;
‘‘Anukampitako tena, devadevena tādinā;
สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวฯ
Sabbāsavā parikkhīṇā, natthi dāni punabbhavo.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, ยํ ภิสํ อททิํ ตทา;
‘‘Satasahassito kappe, yaṃ bhisaṃ adadiṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, bhisadānassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหเตฺต ปน เตน อธิคเต สตฺถา ภทฺทิยเสฎฺฐิํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตว ปุโตฺต อลงฺกตปฎิยโตฺต ธมฺมํ สุณโนฺต อรหเตฺต ปติฎฺฐาสิ, เตนสฺส อิทาเนว ปพฺพชิตุํ ยุตฺตํ, โน เจ ปพฺพชติ, ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติฯ เสฎฺฐิ ‘‘น มยฺหํ ปุตฺตสฺส ทหรเสฺสว สโต ปรินิพฺพาเนน กิจฺจํ อตฺถิ, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาหฯ ตํ สตฺถา ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา ตตฺถ สตฺตาหํ วสิตฺวา โกฎิคามํ ปาปุณิ, โส จ คาโม คงฺคาตีเรฯ โกฎิคามวาสิโน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวเตฺตสุํฯ ภทฺทชิเตฺถโร สตฺถารา อนุโมทนาย อารทฺธมตฺตาย พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘คงฺคาตีเร มคฺคสมีเป สตฺถุ อาคตกาเล วุฎฺฐหิสฺสามี’’ติ สมาปตฺติํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิฯ มหาเถเรสุ อาคจฺฉเนฺตสุปิ อวุฎฺฐหิตฺวา สตฺถุ อาคตกาเลเยว วุฎฺฐหิฯ ปุถุชฺชนภิกฺขู, ‘‘อยํ อธุนา ปพฺพชิโต มหาเถเรสุ อาคจฺฉเนฺตสุ มานตฺถโทฺธ หุตฺวา น วุฎฺฐาสี’’ติ อุชฺฌายิํสุฯ โกฎิคามวาสิโน สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ พหู นาวาสงฺฆาเฎ พนฺธิํสุ, สตฺถา ‘‘หนฺทสฺส อานุภาวํ ปกาเสมี’’ติ นาวาสงฺฆาเฎ ฐตฺวา, ‘‘กหํ, ภทฺทชี’’ติ ปุจฺฉิฯ ภทฺทชิเตฺถโร ‘‘เอโสหํ, ภเนฺต’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อญฺชลิํ กตฺวา อฎฺฐาสิฯ สตฺถา, ‘‘เอหิ, ภทฺทชิ, อเมฺหหิ สทฺธิํ เอกนาวํ อภิรุหา’’ติฯ โส อุปฺปติตฺวา สตฺถุ ฐิตนาวายํ อฎฺฐาสิฯ สตฺถา คงฺคามชฺฌํ คตกาเล, ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุฎฺฐรตนปาสาโท กห’’นฺติ อาหฯ ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน นิมุโคฺค’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภทฺทชิ, สพฺรหฺมจารีนํ กงฺขํ ฉินฺทา’’ติฯ ตสฺมิํ ขเณ เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อิทฺธิพเลน คนฺตฺวา ปาสาทถูปิกํ ปาทงฺคุลนฺตเรน สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปญฺจวีสติโยชนํ ปาสาทํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, อุปฺปตโนฺต จ ปญฺญาส โยชนานิ ปาสาทํ อุทกโต อุกฺขิปิฯ อถสฺส ปุริมภเว ญาตกา ปาสาทคเตน โลเภน มจฺฉกจฺฉปมณฺฑูกา หุตฺวา ตสฺมิํ ปาสาเท อุฎฺฐหเนฺต ปริวตฺติตฺวา อุทเก ปติํสุฯ สตฺถา เต ปตเนฺต ทิสฺวา ‘‘ญาตกา เต, ภทฺทชิ, กิลมนฺตี’’ติ อาหฯ เถโร สตฺถุ วจเนน ปาสาทํ วิสฺสเชฺชสิฯ ปาสาโท ยถาฐาเน เอว ปติฎฺฐหิฯ สตฺถา ปารงฺคโต ภิกฺขูหิ ‘‘กทา, ภเนฺต, ภทฺทชิเตฺถเรน อยํ ปาสาโท อชฺฌาวุโฎฺฐ’’ติ ปุโฎฺฐ มหาปนาทชาตกํ (ชา. ๑.๓.๔๐-๔๑) กเถตฺวา มหาชนํ ธมฺมามตํ ปาเยสิฯ เถโร ปน อตฺตโน อชฺฌาวุฎฺฐปุพฺพํ สุวณฺณปาสาทํ ทเสฺสตฺวา –
Arahatte pana tena adhigate satthā bhaddiyaseṭṭhiṃ āmantesi – ‘‘tava putto alaṅkatapaṭiyatto dhammaṃ suṇanto arahatte patiṭṭhāsi, tenassa idāneva pabbajituṃ yuttaṃ, no ce pabbajati, parinibbāyissatī’’ti. Seṭṭhi ‘‘na mayhaṃ puttassa daharasseva sato parinibbānena kiccaṃ atthi, pabbājetha na’’nti āha. Taṃ satthā pabbājetvā upasampādetvā tattha sattāhaṃ vasitvā koṭigāmaṃ pāpuṇi, so ca gāmo gaṅgātīre. Koṭigāmavāsino buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ pavattesuṃ. Bhaddajitthero satthārā anumodanāya āraddhamattāya bahigāmaṃ gantvā ‘‘gaṅgātīre maggasamīpe satthu āgatakāle vuṭṭhahissāmī’’ti samāpattiṃ samāpajjitvā nisīdi. Mahātheresu āgacchantesupi avuṭṭhahitvā satthu āgatakāleyeva vuṭṭhahi. Puthujjanabhikkhū, ‘‘ayaṃ adhunā pabbajito mahātheresu āgacchantesu mānatthaddho hutvā na vuṭṭhāsī’’ti ujjhāyiṃsu. Koṭigāmavāsino satthu bhikkhusaṅghassa ca bahū nāvāsaṅghāṭe bandhiṃsu, satthā ‘‘handassa ānubhāvaṃ pakāsemī’’ti nāvāsaṅghāṭe ṭhatvā, ‘‘kahaṃ, bhaddajī’’ti pucchi. Bhaddajitthero ‘‘esohaṃ, bhante’’ti satthāraṃ upasaṅkamitvā añjaliṃ katvā aṭṭhāsi. Satthā, ‘‘ehi, bhaddaji, amhehi saddhiṃ ekanāvaṃ abhiruhā’’ti. So uppatitvā satthu ṭhitanāvāyaṃ aṭṭhāsi. Satthā gaṅgāmajjhaṃ gatakāle, ‘‘bhaddaji, tayā mahāpanādarājakāle ajjhāvuṭṭharatanapāsādo kaha’’nti āha. ‘‘Imasmiṃ ṭhāne nimuggo’’ti. ‘‘Tena hi, bhaddaji, sabrahmacārīnaṃ kaṅkhaṃ chindā’’ti. Tasmiṃ khaṇe thero satthāraṃ vanditvā iddhibalena gantvā pāsādathūpikaṃ pādaṅgulantarena sannirumbhitvā pañcavīsatiyojanaṃ pāsādaṃ gahetvā ākāse uppati, uppatanto ca paññāsa yojanāni pāsādaṃ udakato ukkhipi. Athassa purimabhave ñātakā pāsādagatena lobhena macchakacchapamaṇḍūkā hutvā tasmiṃ pāsāde uṭṭhahante parivattitvā udake patiṃsu. Satthā te patante disvā ‘‘ñātakā te, bhaddaji, kilamantī’’ti āha. Thero satthu vacanena pāsādaṃ vissajjesi. Pāsādo yathāṭhāne eva patiṭṭhahi. Satthā pāraṅgato bhikkhūhi ‘‘kadā, bhante, bhaddajittherena ayaṃ pāsādo ajjhāvuṭṭho’’ti puṭṭho mahāpanādajātakaṃ (jā. 1.3.40-41) kathetvā mahājanaṃ dhammāmataṃ pāyesi. Thero pana attano ajjhāvuṭṭhapubbaṃ suvaṇṇapāsādaṃ dassetvā –
๑๖๓.
163.
‘‘ปนาโท นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;
‘‘Panādo nāma so rājā, yassa yūpo suvaṇṇayo;
ติริยํ โสฬสุเพฺพโธ, อุพฺภมาหุ สหสฺสธาฯ
Tiriyaṃ soḷasubbedho, ubbhamāhu sahassadhā.
๑๖๔.
164.
‘‘สหสฺสกโณฺฑ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;
‘‘Sahassakaṇḍo satageṇḍu, dhajālu haritāmayo;
อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธา’’ติฯ –
Anaccuṃ tattha gandhabbā, cha sahassāni sattadhā’’ti. –
ทฺวีหิ คาถาหิ วเณฺณโนฺต อญฺญํ พฺยากาสิฯ
Dvīhi gāthāhi vaṇṇento aññaṃ byākāsi.
ตตฺถ ปนาโท นาม โส ราชาติ อตีเต ปนาโท นาม โส ราชา อโหสีติ อตฺตภาวอนฺตรหิตตาย อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสติฯ โส เอว หิ รเชฺช ฐิตกาลโต ปฎฺฐาย สทา อุสฺสาหสมฺปตฺติอาทินา มหตา ราชานุภาเวน มหตา จ กิตฺติสเทฺทน สมนฺนาคตตฺตา ‘‘ราชา มหาปนาโท’’ติ ปญฺญายิตฺถฯ ยสฺส ยูโป สุวณฺณโยติ ยสฺส รโญฺญ อยํ ยูโป ปาสาโท สุวณฺณมโยฯ ติริยํ โสฬสุเพฺพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตปฺปมาโณฯ โส ปน อฑฺฒโยชนมโตฺต โหติฯ อุพฺภามาหุ สหสฺสธาติ อุพฺภํ อุจฺจํ เอวมสฺส ปาสาทสฺส สหสฺสธา สหสฺสกณฺฑปฺปมาณมาหุฯ โส ปน โยชนโต ปญฺจวีสติโยชนปฺปมาโณ โหติฯ เกจิ ปเนตฺถ คาถาสุขตฺถํ ‘‘อาหู’’ติ ทีฆํ กตํฯ อาหุ อโหสีติ อตฺถํ วทนฺติฯ
Tattha panādo nāma so rājāti atīte panādo nāma so rājā ahosīti attabhāvaantarahitatāya attānaṃ paraṃ viya niddisati. So eva hi rajje ṭhitakālato paṭṭhāya sadā ussāhasampattiādinā mahatā rājānubhāvena mahatā ca kittisaddena samannāgatattā ‘‘rājā mahāpanādo’’ti paññāyittha. Yassa yūpo suvaṇṇayoti yassa rañño ayaṃ yūpo pāsādo suvaṇṇamayo. Tiriyaṃ soḷasubbedhoti vitthārato soḷasakaṇḍapātappamāṇo. So pana aḍḍhayojanamatto hoti. Ubbhāmāhu sahassadhāti ubbhaṃ uccaṃ evamassa pāsādassa sahassadhā sahassakaṇḍappamāṇamāhu. So pana yojanato pañcavīsatiyojanappamāṇo hoti. Keci panettha gāthāsukhatthaṃ ‘‘āhū’’ti dīghaṃ kataṃ. Āhu ahosīti atthaṃ vadanti.
สหสฺสกโณฺฑติ สหสฺสภูมิโกฯ สตเคณฺฑูติ อเนกสตนิยฺยูหโกฯ ธชาลูติ ตตฺถ ตตฺถ นิยฺยูหสิขราทีสุ ปติฎฺฐาปิเตหิ ยฎฺฐิธชปฎากธชาทิธเชหิ สมฺปโนฺนฯ หริตามโยติ จามีกรสุวณฺณมโยฯ เกจิ ปน ‘‘หริตชาติมณิสริกฺขโก’’ติ วทนฺติ ฯ คนฺธพฺพาติ นฎาฯ ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉมตฺตานิ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ ฐาเนสุ รโญฺญ อภิรมาปนตฺถํ นจฺจิํสูติ อโตฺถฯ เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขิํสุฯ อถ สโกฺก เทวราชา เทวนเฎ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา ราชา หสีติฯ
Sahassakaṇḍoti sahassabhūmiko. Satageṇḍūti anekasataniyyūhako. Dhajālūti tattha tattha niyyūhasikharādīsu patiṭṭhāpitehi yaṭṭhidhajapaṭākadhajādidhajehi sampanno. Haritāmayoti cāmīkarasuvaṇṇamayo. Keci pana ‘‘haritajātimaṇisarikkhako’’ti vadanti . Gandhabbāti naṭā. Cha sahassāni sattadhāti chamattāni gandhabbasahassāni sattadhā tassa pāsādassa sattasu ṭhānesu rañño abhiramāpanatthaṃ nacciṃsūti attho. Te evaṃ naccantāpi rājānaṃ hāsetuṃ nāsakkhiṃsu. Atha sakko devarājā devanaṭe pesetvā samajjaṃ kāresi, tadā rājā hasīti.
ภทฺทชิเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhaddajittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. ภทฺทชิเตฺถรคาถา • 2. Bhaddajittheragāthā