Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā |
๙. ภทฺทากุณฺฑลเกสาเถรีคาถาวณฺณนา
9. Bhaddākuṇḍalakesātherīgāthāvaṇṇanā
ลูนเกสีติอาทิกา ภทฺทาย กุณฺฑลเกสาย เถริยา คาถาฯ อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตี สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุนิํ ขิปฺปาภิญฺญานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา, อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุเสฺสสุ สํสริตฺวา กสฺสปพุทฺธกาเล กิกิสฺส กาสิรโญฺญ เคเห สตฺตนฺนํ ภคินีนํ อพฺภนฺตรา หุตฺวา, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ทส สีลานิ สมาทาย โกมาริพฺรหฺมจริยํ จรนฺตี สงฺฆสฺส วสนปริเวณํ กาเรตฺวา, เอกํ พุทฺธนฺตรํ สุคตีสุเยว สํสริตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติฯ ภทฺทาติสฺสา นามํ อโหสิฯ สา มหตา ปริวาเรน วฑฺฒมานา วยปฺปตฺตา, ตสฺมิํเยว นคเร ปุโรหิตสฺส ปุตฺตํ สตฺตุกํ นาม โจรํ สโหฑฺฒํ คเหตฺวา ราชาณาย นครคุตฺติเกน มาเรตุํ อาฆาตนํ นิยฺยมานํ, สีหปญฺชเรน โอโลเกนฺตี ทิสฺวา ปฎิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา สเจ ตํ ลภามิ, ชีวิสฺสามิ; โน เจ, มริสฺสามีติ สยเน อโธมุขี นิปชฺชิฯ
Lūnakesītiādikā bhaddāya kuṇḍalakesāya theriyā gāthā. Ayampi padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthu santike dhammaṃ suṇantī satthāraṃ ekaṃ bhikkhuniṃ khippābhiññānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā, adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā yāvajīvaṃ puññāni katvā kappasatasahassaṃ devamanussesu saṃsaritvā kassapabuddhakāle kikissa kāsirañño gehe sattannaṃ bhaginīnaṃ abbhantarā hutvā, vīsati vassasahassāni dasa sīlāni samādāya komāribrahmacariyaṃ carantī saṅghassa vasanapariveṇaṃ kāretvā, ekaṃ buddhantaraṃ sugatīsuyeva saṃsaritvā imasmiṃ buddhuppāde rājagahe seṭṭhikule nibbatti. Bhaddātissā nāmaṃ ahosi. Sā mahatā parivārena vaḍḍhamānā vayappattā, tasmiṃyeva nagare purohitassa puttaṃ sattukaṃ nāma coraṃ sahoḍḍhaṃ gahetvā rājāṇāya nagaraguttikena māretuṃ āghātanaṃ niyyamānaṃ, sīhapañjarena olokentī disvā paṭibaddhacittā hutvā sace taṃ labhāmi, jīvissāmi; no ce, marissāmīti sayane adhomukhī nipajji.
อถสฺสา ปิตา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา เอกธีตุตาย พลวสิเนโห สหสฺสลญฺชํ ทตฺวา อุปาเยเนว โจรํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา คโนฺธทเกน นฺหาเปตฺวา สพฺพาภรณปฎิมณฺฑิตํ กาเรตฺวา ปาสาทํ เปเสสิฯ ภทฺทาปิ ปริปุณฺณมโนรถา อติเรกาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา ตํ ปริจรติฯ สตฺตุโก กติปาหํ วีตินาเมตฺวา ตสฺสา อาภรเณสุ อุปฺปนฺนโลโภ ภเทฺท, อหํ นครคุตฺติเกน คหิตมโตฺตว โจรปปาเต อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘สจาหํ ชีวิตํ ลภามิ, ตุยฺหํ พลิกมฺมํ อุปสํหริสฺสามี’’ติ ปตฺถนํ อายาจิํ, ตสฺมา พลิกมฺมํ สชฺชาเปหีติฯ สา ‘‘ตสฺส มนํ ปูเรสฺสามี’’ติ พลิกมฺมํ สชฺชาเปตฺวา สพฺพาภรณวิภูสิตา สามิเกน สทฺธิํ เอกํ ยานํ อภิรุยฺห ‘‘เทวตาย พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ โจรปปาตํ อภิรุหิตุํ อารทฺธาฯ
Athassā pitā taṃ pavattiṃ sutvā ekadhītutāya balavasineho sahassalañjaṃ datvā upāyeneva coraṃ vissajjāpetvā gandhodakena nhāpetvā sabbābharaṇapaṭimaṇḍitaṃ kāretvā pāsādaṃ pesesi. Bhaddāpi paripuṇṇamanorathā atirekālaṅkārena alaṅkaritvā taṃ paricarati. Sattuko katipāhaṃ vītināmetvā tassā ābharaṇesu uppannalobho bhadde, ahaṃ nagaraguttikena gahitamattova corapapāte adhivatthāya devatāya ‘‘sacāhaṃ jīvitaṃ labhāmi, tuyhaṃ balikammaṃ upasaṃharissāmī’’ti patthanaṃ āyāciṃ, tasmā balikammaṃ sajjāpehīti. Sā ‘‘tassa manaṃ pūressāmī’’ti balikammaṃ sajjāpetvā sabbābharaṇavibhūsitā sāmikena saddhiṃ ekaṃ yānaṃ abhiruyha ‘‘devatāya balikammaṃ karissāmī’’ti corapapātaṃ abhiruhituṃ āraddhā.
สตฺตุโก จิเนฺตสิ – ‘‘สเพฺพสุ อภิรุหเนฺตสุ อิมิสฺสา อาภรณํ คเหตุํ น สกฺกา’’ติ ปริวารชนํ ตเตฺถว ฐเปตฺวา ตเมว พลิภาชนํ คาหาเปตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหโนฺต ตาย สทฺธิํ ปิยกถํ น กเถสิฯ สา อิงฺคิเตเนว ตสฺสาธิปฺปายํ อญฺญาสิฯ สตฺตุโก, ‘‘ภเทฺท, ตว อุตฺตรสาฎกํ โอมุญฺจิตฺวา กายารูฬฺหปสาธนํ ภณฺฑิกํ กโรหี’’ติฯ สา, ‘‘สามิ, มยฺหํ โก อปราโธ’’ติ? ‘‘กิํ นุ มํ, พาเล,‘พลิกมฺมตฺถํ อาคโต’ติ สญฺญํ กโรสิ? พลิกมฺมาปเทเสน ปน ตว อาภรณํ คเหตุํ อาคโต’’ติฯ ‘‘กสฺส ปน, อยฺย, ปสาธนํ, กสฺส อห’’นฺติ? ‘‘นาหํ เอตํ วิภาคํ ชานามี’’ติ ฯ ‘‘โหตุ, อยฺย, เอกํ ปน เม อธิปฺปายํ ปูเรหิ, อลงฺกตนิยาเมน จ อาลิงฺคิตุํ เทหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิฯ สา เตน สมฺปฎิจฺฉิตภาวํ ญตฺวา ปุรโต อาลิงฺคิตฺวา ปจฺฉโต อาลิงฺคนฺตี วิย ปพฺพตปปาเต ปาเตสิฯ โส ปติตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ อโหสิฯ ตาย กตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ปพฺพเต อธิวตฺถา เทวตา โกสลฺลํ วิภาเวนฺตี อิมา คาถา อภาสิ –
Sattuko cintesi – ‘‘sabbesu abhiruhantesu imissā ābharaṇaṃ gahetuṃ na sakkā’’ti parivārajanaṃ tattheva ṭhapetvā tameva balibhājanaṃ gāhāpetvā pabbataṃ abhiruhanto tāya saddhiṃ piyakathaṃ na kathesi. Sā iṅgiteneva tassādhippāyaṃ aññāsi. Sattuko, ‘‘bhadde, tava uttarasāṭakaṃ omuñcitvā kāyārūḷhapasādhanaṃ bhaṇḍikaṃ karohī’’ti. Sā, ‘‘sāmi, mayhaṃ ko aparādho’’ti? ‘‘Kiṃ nu maṃ, bāle,‘balikammatthaṃ āgato’ti saññaṃ karosi? Balikammāpadesena pana tava ābharaṇaṃ gahetuṃ āgato’’ti. ‘‘Kassa pana, ayya, pasādhanaṃ, kassa aha’’nti? ‘‘Nāhaṃ etaṃ vibhāgaṃ jānāmī’’ti . ‘‘Hotu, ayya, ekaṃ pana me adhippāyaṃ pūrehi, alaṅkataniyāmena ca āliṅgituṃ dehī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchi. Sā tena sampaṭicchitabhāvaṃ ñatvā purato āliṅgitvā pacchato āliṅgantī viya pabbatapapāte pātesi. So patitvā cuṇṇavicuṇṇaṃ ahosi. Tāya kataṃ acchariyaṃ disvā pabbate adhivatthā devatā kosallaṃ vibhāventī imā gāthā abhāsi –
‘‘น หิ สเพฺพสุ ฐาเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
‘‘Na hi sabbesu ṭhānesu, puriso hoti paṇḍito;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณาฯ
Itthīpi paṇḍitā hoti, tattha tattha vicakkhaṇā.
‘‘น หิ สเพฺพสุ ฐาเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
‘‘Na hi sabbesu ṭhānesu, puriso hoti paṇḍito;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ลหุํ อตฺถวิจินฺติกา’’ติฯ (อป. เถรี. ๒.๓.๓๑-๓๒);
Itthīpi paṇḍitā hoti, lahuṃ atthavicintikā’’ti. (apa. therī. 2.3.31-32);
ตโต ภทฺทา จิเนฺตสิ – ‘‘น สกฺกา มยา อิมินา นิยาเมน เคหํ คนฺตุํ, อิโตว คนฺตฺวา เอกํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ นิคณฺฐารามํ คนฺตฺวา นิคเณฺฐ ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ อถ นํ เต อาหํสุ – ‘‘เกน นิยาเมน ปพฺพชฺชา โหตู’’ติ? ‘‘ยํ ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชาย อุตฺตมํ, ตเทว กโรถา’’ติฯ เต ‘‘สาธู’’ติ ตสฺสา ตาลฎฺฐินา เกเส ลุญฺจิตฺวา ปพฺพาเชสุํฯ ปุน เกสา วฑฺฒนฺตา กุณฺฑลาวฎฺฎา หุตฺวา วเฑฺฒสุํฯ ตโต ปฎฺฐาย สา กุณฺฑลเกสาติ นาม ชาตาฯ สา ตตฺถ อุคฺคเหตพฺพํ สมยํ วาทมคฺคญฺจ อุคฺคเหตฺวา ‘‘เอตฺตกํ นาม อิเม ชานนฺติ, อิโต อุตฺตริ วิเสโส นตฺถี’’ติ ญตฺวา ตโต อปกฺกมิตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ปณฺฑิตา อตฺถิ, ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ ชานนสิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา อตฺตนา สทฺธิํ กเถตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา ยํ ยํ คามํ วา นิคมํ วา ปวิสติ, ตสฺส ทฺวาเร วาลุการาสิํ กตฺวา ตตฺถ ชมฺพุสาขํ ฐเปตฺวา ‘‘โย มม วาทํ อาโรเปตุํ สโกฺกติ, โส อิมํ สาขํ มทฺทตู’’ติ สมีเป ฐิตทารกานํ สญฺญํ ทตฺวา วสนฎฺฐานํ คจฺฉติฯ สตฺตาหมฺปิ ชมฺพุสาขาย ตเถว ฐิตาย ตํ คเหตฺวา ปกฺกมติฯ
Tato bhaddā cintesi – ‘‘na sakkā mayā iminā niyāmena gehaṃ gantuṃ, itova gantvā ekaṃ pabbajjaṃ pabbajissāmī’’ti nigaṇṭhārāmaṃ gantvā nigaṇṭhe pabbajjaṃ yāci. Atha naṃ te āhaṃsu – ‘‘kena niyāmena pabbajjā hotū’’ti? ‘‘Yaṃ tumhākaṃ pabbajjāya uttamaṃ, tadeva karothā’’ti. Te ‘‘sādhū’’ti tassā tālaṭṭhinā kese luñcitvā pabbājesuṃ. Puna kesā vaḍḍhantā kuṇḍalāvaṭṭā hutvā vaḍḍhesuṃ. Tato paṭṭhāya sā kuṇḍalakesāti nāma jātā. Sā tattha uggahetabbaṃ samayaṃ vādamaggañca uggahetvā ‘‘ettakaṃ nāma ime jānanti, ito uttari viseso natthī’’ti ñatvā tato apakkamitvā yattha yattha paṇḍitā atthi, tattha tattha gantvā tesaṃ jānanasippaṃ uggahetvā attanā saddhiṃ kathetuṃ samatthaṃ adisvā yaṃ yaṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā pavisati, tassa dvāre vālukārāsiṃ katvā tattha jambusākhaṃ ṭhapetvā ‘‘yo mama vādaṃ āropetuṃ sakkoti, so imaṃ sākhaṃ maddatū’’ti samīpe ṭhitadārakānaṃ saññaṃ datvā vasanaṭṭhānaṃ gacchati. Sattāhampi jambusākhāya tatheva ṭhitāya taṃ gahetvā pakkamati.
เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจโกฺก อนุปุเพฺพน สาวตฺถิํ อุปนิสฺสาย เชตวเน วิหรติฯ กุณฺฑลเกสาปิ วุตฺตนเยน คามนิคมราชธานีสุ วิจรนฺตี สาวตฺถิํ ปตฺวา นครทฺวาเร วาลุการาสิมฺหิ ชมฺพุสาขํ ฐเปตฺวา ทารกานํ สญฺญํ ทตฺวา สาวตฺถิํ ปาวิสิฯ
Tena ca samayena amhākaṃ bhagavā loke uppajjitvā pavattitavaradhammacakko anupubbena sāvatthiṃ upanissāya jetavane viharati. Kuṇḍalakesāpi vuttanayena gāmanigamarājadhānīsu vicarantī sāvatthiṃ patvā nagaradvāre vālukārāsimhi jambusākhaṃ ṭhapetvā dārakānaṃ saññaṃ datvā sāvatthiṃ pāvisi.
อถายสฺมา ธมฺมเสนาปติ เอกโกว นครํ ปวิสโนฺต ตํ สาขํ ทิสฺวา ตํ ทเมตุกาโม ทารเก ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมายํ สาขา เอวํ ฐปิตา’’ติ? ทารกา ตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ เถโร ‘‘ยทิ เอวํ อิมํ สาขํ มทฺทถา’’ติ อาหฯ ทารกา ตํ มทฺทิํสุฯ กุณฺฑลเกสา กตภตฺตกิจฺจา นครโต นิกฺขมนฺตี ตํ สาขํ มทฺทิตํ ทิสฺวา ‘‘เกนิทํ มทฺทิต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา เถเรน มทฺทาปิตภาวํ ญตฺวา ‘‘อปกฺขิโก วาโท น โสภตี’’ติ สาวตฺถิํ ปวิสิตฺวา วีถิโต วีถิํ วิจรนฺตี ‘‘ปเสฺสยฺยาถ สมเณหิ สกฺยปุตฺติเยหิ สทฺธิํ มยฺหํ วาท’’นฺติ อุโคฺฆเสตฺวา มหาชนปริวุตา อญฺญตรสฺมิํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ธมฺมเสนาปติํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ฐิตา ‘‘กิํ ตุเมฺหหิ มม ชมฺพุสาขา มทฺทาปิตา’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อาม, มยา มทฺทาปิตา’’ติฯ ‘‘เอวํ สเนฺต ตุเมฺหหิ สทฺธิํ มยฺหํ วาโท โหตู’’ติฯ ‘‘โหตุ, ภเทฺท’’ติฯ ‘‘กสฺส ปุจฺฉา, กสฺส วิสฺสชฺชนา’’ติ? ‘‘ปุจฺฉา นาม อมฺหากํ ปตฺตา, ตฺวํ ยํ อตฺตโน ชานนกํ ปุจฺฉา’’ติฯ สา สพฺพเมว อตฺตโน ชานนกํ วาทํ ปุจฺฉิฯ เถโร ตํ สพฺพํ วิสฺสเชฺชสิฯ สา อุปริ ปุจฺฉิตพฺพํ อชานนฺตี ตุณฺหี อโหสิฯ อถ นํ เถโร อาห – ‘‘ตยา พหุํ ปุจฺฉิตํ, มยมฺปิ ตํ เอกํ ปญฺหํ ปุจฺฉามา’’ติฯ ‘‘ปุจฺฉถ, ภเนฺต’’ติฯ เถโร ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ อิมํ ปญฺหํ ปุจฺฉิฯ กุณฺฑลเกสา เนว อนฺตํ น โกฎิํ ปสฺสนฺตี อนฺธการํ ปวิฎฺฐา วิย หุตฺวา ‘‘น ชานามิ, ภเนฺต’’ติ อาหฯ ‘‘ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อชานนฺตี อญฺญํ กิํ ชานิสฺสสี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ สา เถรสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา, ‘‘ภเนฺต, ตุเมฺห สรณํ คจฺฉามี’’ติ อาหฯ ‘‘มา มํ ตฺวํ, ภเทฺท, สรณํ คจฺฉ, สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ ภควนฺตเมว สรณํ คจฺฉา’’ติฯ ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภเนฺต’’ติ สา สายนฺหสมเย ธมฺมเทสนาเวลายํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ สตฺถา ตสฺสา ญาณปริปากํ ญตฺวา –
Athāyasmā dhammasenāpati ekakova nagaraṃ pavisanto taṃ sākhaṃ disvā taṃ dametukāmo dārake pucchi – ‘‘kasmāyaṃ sākhā evaṃ ṭhapitā’’ti? Dārakā tamatthaṃ ārocesuṃ. Thero ‘‘yadi evaṃ imaṃ sākhaṃ maddathā’’ti āha. Dārakā taṃ maddiṃsu. Kuṇḍalakesā katabhattakiccā nagarato nikkhamantī taṃ sākhaṃ madditaṃ disvā ‘‘kenidaṃ maddita’’nti pucchitvā therena maddāpitabhāvaṃ ñatvā ‘‘apakkhiko vādo na sobhatī’’ti sāvatthiṃ pavisitvā vīthito vīthiṃ vicarantī ‘‘passeyyātha samaṇehi sakyaputtiyehi saddhiṃ mayhaṃ vāda’’nti ugghosetvā mahājanaparivutā aññatarasmiṃ rukkhamūle nisinnaṃ dhammasenāpatiṃ upasaṅkamitvā paṭisanthāraṃ katvā ekamantaṃ ṭhitā ‘‘kiṃ tumhehi mama jambusākhā maddāpitā’’ti pucchi. ‘‘Āma, mayā maddāpitā’’ti. ‘‘Evaṃ sante tumhehi saddhiṃ mayhaṃ vādo hotū’’ti. ‘‘Hotu, bhadde’’ti. ‘‘Kassa pucchā, kassa vissajjanā’’ti? ‘‘Pucchā nāma amhākaṃ pattā, tvaṃ yaṃ attano jānanakaṃ pucchā’’ti. Sā sabbameva attano jānanakaṃ vādaṃ pucchi. Thero taṃ sabbaṃ vissajjesi. Sā upari pucchitabbaṃ ajānantī tuṇhī ahosi. Atha naṃ thero āha – ‘‘tayā bahuṃ pucchitaṃ, mayampi taṃ ekaṃ pañhaṃ pucchāmā’’ti. ‘‘Pucchatha, bhante’’ti. Thero ‘‘ekaṃ nāma ki’’nti imaṃ pañhaṃ pucchi. Kuṇḍalakesā neva antaṃ na koṭiṃ passantī andhakāraṃ paviṭṭhā viya hutvā ‘‘na jānāmi, bhante’’ti āha. ‘‘Tvaṃ ettakampi ajānantī aññaṃ kiṃ jānissasī’’ti vatvā dhammaṃ desesi. Sā therassa pādesu patitvā, ‘‘bhante, tumhe saraṇaṃ gacchāmī’’ti āha. ‘‘Mā maṃ tvaṃ, bhadde, saraṇaṃ gaccha, sadevake loke aggapuggalaṃ bhagavantameva saraṇaṃ gacchā’’ti. ‘‘Evaṃ karissāmi, bhante’’ti sā sāyanhasamaye dhammadesanāvelāyaṃ satthu santikaṃ gantvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Satthā tassā ñāṇaparipākaṃ ñatvā –
‘‘สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสํหิตา;
‘‘Sahassamapi ce gāthā, anatthapadasaṃhitā;
เอกํ คาถาปทํ เสโยฺย, ยํ สุตฺวา สุปสมฺมตี’’ติฯ –
Ekaṃ gāthāpadaṃ seyyo, yaṃ sutvā supasammatī’’ti. –
อิมํ คาถมาหฯ คาถาปริโยสาเน ยถาฐิตาว สห ปฎิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถรี ๒.๓.๑-๕๔) –
Imaṃ gāthamāha. Gāthāpariyosāne yathāṭhitāva saha paṭisambhidāhi arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. therī 2.3.1-54) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammāna pāragū;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ
Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.
‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, ชาตา เสฎฺฐิกุเล อหุํ;
‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ, jātā seṭṭhikule ahuṃ;
นานารตนปโชฺชเต, มหาสุขสมปฺปิตาฯ
Nānāratanapajjote, mahāsukhasamappitā.
‘‘อุเปตฺวา ตํ มหาวีรํ, อโสฺสสิํ ธมฺมเทสนํ;
‘‘Upetvā taṃ mahāvīraṃ, assosiṃ dhammadesanaṃ;
ตโต ชาตปฺปสาทาหํ, อุเปสิํ สรณํ ชินํฯ
Tato jātappasādāhaṃ, upesiṃ saraṇaṃ jinaṃ.
‘‘ตทา มหาการุณิโก, ปทุมุตฺตรนามโก;
‘‘Tadā mahākāruṇiko, padumuttaranāmako;
ขิปฺปาภิญฺญานมคฺคนฺติ, ฐเปสิ ภิกฺขุนิํ สุภํฯ
Khippābhiññānamagganti, ṭhapesi bhikkhuniṃ subhaṃ.
‘‘ตํ สุตฺวา มุทิตา หุตฺวา, ทานํ ทตฺวา มเหสิโน;
‘‘Taṃ sutvā muditā hutvā, dānaṃ datvā mahesino;
นิปจฺจ สิรสา ปาเท, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํฯ
Nipacca sirasā pāde, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ.
‘‘อนุโมทิ มหาวีโร, ภเทฺท ยํ เตภิปตฺถิตํ;
‘‘Anumodi mahāvīro, bhadde yaṃ tebhipatthitaṃ;
สมิชฺฌิสฺสติ ตํ สพฺพํ, สุขินี โหหิ นิพฺพุตาฯ
Samijjhissati taṃ sabbaṃ, sukhinī hohi nibbutā.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาทา, โอรสา ธมฺมนิมฺมิตา;
‘‘Tassa dhammesu dāyādā, orasā dhammanimmitā;
ภทฺทากุณฺฑลเกสาติ, เหสฺสติ สตฺถุ สาวิกาฯ
Bhaddākuṇḍalakesāti, hessati satthu sāvikā.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ตโต จุตา ยามมคํ, ตโตหํ ตุสิตํ คตา;
‘‘Tato cutā yāmamagaṃ, tatohaṃ tusitaṃ gatā;
ตโต จ นิมฺมานรติํ, วสวตฺติปุรํ ตโตฯ
Tato ca nimmānaratiṃ, vasavattipuraṃ tato.
‘‘ยตฺถ ยตฺถูปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา;
‘‘Yattha yatthūpapajjāmi, tassa kammassa vāhasā;
ตตฺถ ตเตฺถว ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ
Tattha tattheva rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.
‘‘ตโต จุตา มนุเสฺสสุ, ราชูนํ จกฺกวตฺตินํ;
‘‘Tato cutā manussesu, rājūnaṃ cakkavattinaṃ;
มณฺฑลีนญฺจ ราชูนํ, มเหสิตฺตมการยิํฯ
Maṇḍalīnañca rājūnaṃ, mahesittamakārayiṃ.
‘‘สมฺปตฺติํ อนุโภตฺวาน, เทเวสุ มานุเสสุ จ;
‘‘Sampattiṃ anubhotvāna, devesu mānusesu ca;
สพฺพตฺถ สุขิตา หุตฺวา, เนกกเปฺปสุ สํสริํฯ
Sabbattha sukhitā hutvā, nekakappesu saṃsariṃ.
‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;
‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;
กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ
Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.
‘‘อุปฎฺฐาโก มเหสิสฺส, ตทา อาสิ นริสฺสโร;
‘‘Upaṭṭhāko mahesissa, tadā āsi narissaro;
กาสิราชา กิกี นาม, พาราณสิปุรุตฺตเมฯ
Kāsirājā kikī nāma, bārāṇasipuruttame.
‘‘ตสฺส ธีตา จตุตฺถาสิํ, ภิกฺขุทายีติ วิสฺสุตา;
‘‘Tassa dhītā catutthāsiṃ, bhikkhudāyīti vissutā;
ธมฺมํ สุตฺวา ชินคฺคสฺส, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิํฯ
Dhammaṃ sutvā jinaggassa, pabbajjaṃ samarocayiṃ.
‘‘อนุชานิ น โน ตาโต, อคาเรว ตทา มยํ;
‘‘Anujāni na no tāto, agāreva tadā mayaṃ;
วีสวสฺสสหสฺสานิ, วิจริมฺห อตนฺทิตาฯ
Vīsavassasahassāni, vicarimha atanditā.
‘‘โกมาริพฺรหฺมจริยํ, ราชกญฺญา สุเขธิตา;
‘‘Komāribrahmacariyaṃ, rājakaññā sukhedhitā;
พุโทฺธปฎฺฐานนิรตา, มุทิตา สตฺต ธีตโรฯ
Buddhopaṭṭhānaniratā, muditā satta dhītaro.
‘‘สมณี สมณคุตฺตา จ, ภิกฺขุนี ภิกฺขุทายิกา;
‘‘Samaṇī samaṇaguttā ca, bhikkhunī bhikkhudāyikā;
ธมฺมา เจว สุธมฺมา จ, สตฺตมี สงฺฆทายิกาฯ
Dhammā ceva sudhammā ca, sattamī saṅghadāyikā.
‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, ปฎาจารา อหํ ตทา;
‘‘Khemā uppalavaṇṇā ca, paṭācārā ahaṃ tadā;
กิสาโคตมี ธมฺมทินฺนา, วิสาขา โหติ สตฺตมีฯ
Kisāgotamī dhammadinnā, visākhā hoti sattamī.
‘‘เตหิ กเมฺมหิ สุกเตหิ, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tehi kammehi sukatehi, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, คิริพฺพชปุรุตฺตเม;
‘‘Pacchime ca bhave dāni, giribbajapuruttame;
ชาตา เสฎฺฐิกุเล ผีเต, ยทาหํ โยพฺพเน ฐิตาฯ
Jātā seṭṭhikule phīte, yadāhaṃ yobbane ṭhitā.
‘‘โจรํ วธตฺถํ นียนฺตํ, ทิสฺวา รตฺตา ตหิํ อหํ;
‘‘Coraṃ vadhatthaṃ nīyantaṃ, disvā rattā tahiṃ ahaṃ;
ปิตา เม ตํ สหเสฺสน, โมจยิตฺวา วธา ตโตฯ
Pitā me taṃ sahassena, mocayitvā vadhā tato.
‘‘อทาสิ ตสฺส มํ ตาโต, วิทิตฺวาน มนํ มม;
‘‘Adāsi tassa maṃ tāto, viditvāna manaṃ mama;
ตสฺสาหมาสิํ วิสฎฺฐา, อตีว ทยิตา หิตาฯ
Tassāhamāsiṃ visaṭṭhā, atīva dayitā hitā.
‘‘โส เม ภูสนโลเภน, พลิมชฺฌาสโย ทิโส;
‘‘So me bhūsanalobhena, balimajjhāsayo diso;
โจรปฺปปาตํ เนตฺวาน, ปพฺพตํ เจตยี วธํฯ
Corappapātaṃ netvāna, pabbataṃ cetayī vadhaṃ.
‘‘ตทาหํ ปณมิตฺวาน, สตฺตุกํ สุกตญฺชลี;
‘‘Tadāhaṃ paṇamitvāna, sattukaṃ sukatañjalī;
รกฺขนฺตี อตฺตโน ปาณํ, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ
Rakkhantī attano pāṇaṃ, idaṃ vacanamabraviṃ.
‘‘อิทํ สุวณฺณเกยูรํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู;
‘‘Idaṃ suvaṇṇakeyūraṃ, muttā veḷuriyā bahū;
สพฺพํ หรสฺสุ ภทฺทเนฺต, มญฺจ ทาสีติ สาวยฯ
Sabbaṃ harassu bhaddante, mañca dāsīti sāvaya.
‘‘โอโรปยสฺสุ กลฺยาณี, มา พาฬฺหํ ปริเทวสิ;
‘‘Oropayassu kalyāṇī, mā bāḷhaṃ paridevasi;
น จาหํ อภิชานามิ, อหนฺตฺวา ธนมาภตํฯ
Na cāhaṃ abhijānāmi, ahantvā dhanamābhataṃ.
‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปโตฺตสฺมิ วิญฺญุตํ;
‘‘Yato sarāmi attānaṃ, yato pattosmi viññutaṃ;
น จาหํ อภิชานามิ, อญฺญํ ปิยตรํ ตยาฯ
Na cāhaṃ abhijānāmi, aññaṃ piyataraṃ tayā.
‘‘เอหิ ตํ อุปคูหิสฺสํ, กตฺวาน ตํ ปทกฺขิณํ;
‘‘Ehi taṃ upagūhissaṃ, katvāna taṃ padakkhiṇaṃ;
น จ ทานิ ปุโน อตฺถิ, มม ตุยฺหญฺจ สงฺคโมฯ
Na ca dāni puno atthi, mama tuyhañca saṅgamo.
‘‘น หิ สเพฺพสุ ฐาเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
‘‘Na hi sabbesu ṭhānesu, puriso hoti paṇḍito;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณาฯ
Itthīpi paṇḍitā hoti, tattha tattha vicakkhaṇā.
‘‘น หิ สเพฺพสุ ฐาเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;
‘‘Na hi sabbesu ṭhānesu, puriso hoti paṇḍito;
อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ลหุํ อตฺถวิจินฺติกาฯ
Itthīpi paṇḍitā hoti, lahuṃ atthavicintikā.
‘‘ลหุญฺจ วต ขิปฺปญฺจ, นิกเฎฺฐ สมเจตยิํ;
‘‘Lahuñca vata khippañca, nikaṭṭhe samacetayiṃ;
มิคํ อุณฺณา ยถา เอวํ, ตทาหํ สตฺตุกํ วธิํฯ
Migaṃ uṇṇā yathā evaṃ, tadāhaṃ sattukaṃ vadhiṃ.
‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;
‘‘Yo ca uppatitaṃ atthaṃ, na khippamanubujjhati;
โส หญฺญเต มนฺทมติ, โจโรว คิริคพฺภเรฯ
So haññate mandamati, corova girigabbhare.
‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;
‘‘Yo ca uppatitaṃ atthaṃ, khippameva nibodhati;
มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, ตทาหํ สตฺตุกา ยถาฯ
Muccate sattusambādhā, tadāhaṃ sattukā yathā.
‘‘ตทาหํ ปาตยิตฺวาน, คิริทุคฺคมฺหิ สตฺตุกํ;
‘‘Tadāhaṃ pātayitvāna, giriduggamhi sattukaṃ;
สนฺติกํ เสตวตฺถานํ, อุเปตฺวา ปพฺพชิํ อหํฯ
Santikaṃ setavatthānaṃ, upetvā pabbajiṃ ahaṃ.
‘‘สณฺฑาเสน จ เกเส เม, ลุญฺจิตฺวา สพฺพโส ตทา;
‘‘Saṇḍāsena ca kese me, luñcitvā sabbaso tadā;
ปพฺพชิตฺวาน สมยํ, อาจิกฺขิํสุ นิรนฺตรํฯ
Pabbajitvāna samayaṃ, ācikkhiṃsu nirantaraṃ.
‘‘ตโต ตํ อุคฺคเหตฺวาหํ, นิสีทิตฺวาน เอกิกา;
‘‘Tato taṃ uggahetvāhaṃ, nisīditvāna ekikā;
สมยํ ตํ วิจิเนฺตสิํ, สุวาโน มานุสํ กรํฯ
Samayaṃ taṃ vicintesiṃ, suvāno mānusaṃ karaṃ.
‘‘ฉินฺนํ คยฺห สมีเป เม, ปาตยิตฺวา อปกฺกมิ;
‘‘Chinnaṃ gayha samīpe me, pātayitvā apakkami;
ทิสฺวา นิมิตฺตมลภิํ, หตฺถํ ตํ ปุฬวากุลํฯ
Disvā nimittamalabhiṃ, hatthaṃ taṃ puḷavākulaṃ.
‘‘ตโต อุฎฺฐาย สํวิคฺคา, อปุจฺฉิํ สหธมฺมิเก;
‘‘Tato uṭṭhāya saṃviggā, apucchiṃ sahadhammike;
เต อโวจุํ วิชานนฺติ, ตํ อตฺถํ สกฺยภิกฺขโวฯ
Te avocuṃ vijānanti, taṃ atthaṃ sakyabhikkhavo.
‘‘สาหํ ตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสํ, อุเปตฺวา พุทฺธสาวเก;
‘‘Sāhaṃ tamatthaṃ pucchissaṃ, upetvā buddhasāvake;
เต มมาทาย คจฺฉิํสุ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สนฺติกํฯ
Te mamādāya gacchiṃsu, buddhaseṭṭhassa santikaṃ.
‘‘โส เม ธมฺมมเทเสสิ, ขนฺธายตนธาตุโย;
‘‘So me dhammamadesesi, khandhāyatanadhātuyo;
อสุภานิจฺจทุกฺขาติ, อนตฺตาติ จ นายโกฯ
Asubhāniccadukkhāti, anattāti ca nāyako.
‘‘ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาหํ, ธมฺมจกฺขุํ วิโสธยิํ;
‘‘Tassa dhammaṃ suṇitvāhaṃ, dhammacakkhuṃ visodhayiṃ;
ตโต วิญฺญาตสทฺธมฺมา, ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทํฯ
Tato viññātasaddhammā, pabbajjaṃ upasampadaṃ.
‘‘อายาจิโต ตทา อาห, เอหิ ภเทฺทติ นายโก;
‘‘Āyācito tadā āha, ehi bhaddeti nāyako;
ตทาหํ อุปสมฺปนฺนา, ปริตฺตํ โตยมทฺทสํฯ
Tadāhaṃ upasampannā, parittaṃ toyamaddasaṃ.
‘‘ปาทปกฺขาลเนนาหํ, ญตฺวา สอุทยพฺพยํ;
‘‘Pādapakkhālanenāhaṃ, ñatvā saudayabbayaṃ;
ตถา สเพฺพปิ สงฺขาเร, อีทิสํ จินฺตยิํ ตทาฯ
Tathā sabbepi saṅkhāre, īdisaṃ cintayiṃ tadā.
‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, อนุปาทาย สพฺพโส;
‘‘Tato cittaṃ vimucci me, anupādāya sabbaso;
ขิปฺปาภิญฺญานมคฺคํ เม, ตทา ปญฺญาปยี ชิโนฯ
Khippābhiññānamaggaṃ me, tadā paññāpayī jino.
‘‘อิทฺธีสุ จ วสี โหมิ, ทิพฺพาย โสตธาตุยา;
‘‘Iddhīsu ca vasī homi, dibbāya sotadhātuyā;
ปรจิตฺตานิ ชานามิ, สตฺถุสาสนการิกาฯ
Paracittāni jānāmi, satthusāsanakārikā.
‘‘ปุเพฺพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;
‘‘Pubbenivāsaṃ jānāmi, dibbacakkhu visodhitaṃ;
เขเปตฺวา อาสเว สเพฺพ, วิสุทฺธาสิํ สุนิมฺมลาฯ
Khepetvā āsave sabbe, visuddhāsiṃ sunimmalā.
‘‘ปริจิโณฺณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;
‘‘Pariciṇṇo mayā satthā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ;
โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตาฯ
Ohito garuko bhāro, bhavanetti samūhatā.
‘‘ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิตา, อคารสฺมานคาริยํ;
‘‘Yassatthāya pabbajitā, agārasmānagāriyaṃ;
โส เม อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโยฯ
So me attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo.
‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฎิภาเน ตเถว จ;
‘‘Atthadhammaniruttīsu, paṭibhāne tatheva ca;
ญาณํ เม วิมลํ สุทฺธํ, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สาสเนฯ
Ñāṇaṃ me vimalaṃ suddhaṃ, buddhaseṭṭhassa sāsane.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ตาวเทว ปพฺพชฺชํ ยาจิฯ สตฺถา ตสฺสา ปพฺพชฺชํ อนุชานิฯ สา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวาน ปพฺพชิตฺวา ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วีตินาเมนฺตี อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน –
Arahattaṃ pana patvā tāvadeva pabbajjaṃ yāci. Satthā tassā pabbajjaṃ anujāni. Sā bhikkhunupassayaṃ gantvāna pabbajitvā phalasukhena nibbānasukhena ca vītināmentī attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā udānavasena –
๑๐๗.
107.
‘‘ลูนเกสี ปงฺกธรี, เอกสาฎี ปุเร จริํ;
‘‘Lūnakesī paṅkadharī, ekasāṭī pure cariṃ;
อวเชฺช วชฺชมตินี, วเชฺช จาวชฺชทสฺสินีฯ
Avajje vajjamatinī, vajje cāvajjadassinī.
๑๐๘.
108.
‘‘ทิวาวิหารา นิกฺขมฺม, คิชฺฌกูฎมฺหิ ปพฺพเต;
‘‘Divāvihārā nikkhamma, gijjhakūṭamhi pabbate;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํฯ
Addasaṃ virajaṃ buddhaṃ, bhikkhusaṅghapurakkhataṃ.
๑๐๙.
109.
‘‘นิหจฺจ ชาณุํ วนฺทิตฺวา, สมฺมุขา อญฺชลิํ อกํ;
‘‘Nihacca jāṇuṃ vanditvā, sammukhā añjaliṃ akaṃ;
เอหิ ภเทฺทติ มํ อวจ, สา เม อาสูปสมฺปทาฯ
Ehi bhaddeti maṃ avaca, sā me āsūpasampadā.
๑๑๐.
110.
‘‘จิณฺณา องฺคา จ มคธา, วชฺชี กาสี จ โกสลา;
‘‘Ciṇṇā aṅgā ca magadhā, vajjī kāsī ca kosalā;
อนกา ปณฺณาส วสฺสานิ, รฎฺฐปิณฺฑํ อภุญฺชหํฯ
Anakā paṇṇāsa vassāni, raṭṭhapiṇḍaṃ abhuñjahaṃ.
๑๑๑.
111.
‘‘ปุญฺญํ วต ปสวิ พหุํ, สปฺปโญฺญ วตายํ อุปาสโก;
‘‘Puññaṃ vata pasavi bahuṃ, sappañño vatāyaṃ upāsako;
โย ภทฺทาย จีวรํ อทาสิ, วิปฺปมุตฺตาย สพฺพคเนฺถหี’’ติฯ –
Yo bhaddāya cīvaraṃ adāsi, vippamuttāya sabbaganthehī’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ ลูนเกสีติ ลูนา ลุญฺจิตา เกสา มยฺหนฺติ ลูนเกสี, นิคเณฺฐสุ ปพฺพชฺชาย ตาลฎฺฐินา ลุญฺจิตเกสา, ตํ สนฺธาย วทติฯ ปงฺกธรีติ ทนฺตกฎฺฐสฺส อขาทเนน ทเนฺตสุ มลปงฺกธารณโต ปงฺกธรีฯ เอกสาฎีติ นิคณฺฐจาริตฺตวเสน เอกสาฎิกาฯ ปุเร จรินฺติ ปุเพฺพ นิคณฺฐี หุตฺวา เอวํ วิจริํฯ อวเชฺช วชฺชมตินีติ นฺหานุจฺฉาทนทนฺตกฎฺฐขาทนาทิเก อนวเชฺช สาวชฺชสญฺญีฯ วเชฺช จาวชฺชทสฺสินีติ มานมกฺขปลาสวิปลฺลาสาทิเก สาวเชฺช อนวชฺชทิฎฺฐีฯ
Tattha lūnakesīti lūnā luñcitā kesā mayhanti lūnakesī, nigaṇṭhesu pabbajjāya tālaṭṭhinā luñcitakesā, taṃ sandhāya vadati. Paṅkadharīti dantakaṭṭhassa akhādanena dantesu malapaṅkadhāraṇato paṅkadharī. Ekasāṭīti nigaṇṭhacārittavasena ekasāṭikā. Pure carinti pubbe nigaṇṭhī hutvā evaṃ vicariṃ. Avajje vajjamatinīti nhānucchādanadantakaṭṭhakhādanādike anavajje sāvajjasaññī. Vajje cāvajjadassinīti mānamakkhapalāsavipallāsādike sāvajje anavajjadiṭṭhī.
ทิวาวิหารา นิกฺขมฺมาติ อตฺตโน ทิวาวิหารฎฺฐานโต นิกฺขมิตฺวาฯ อยมฺปิ ฐิตมชฺฌนฺหิกเวลายํ เถเรน สมาคตา ตสฺส ปญฺหสฺส วิสฺสชฺชเนน ธมฺมเทสนาย จ นิหตมานทพฺพา ปสนฺนมานสา หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุกามาว อตฺตโน วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา ทิวาฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา สายนฺหสมเย สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวาฯ
Divāvihārā nikkhammāti attano divāvihāraṭṭhānato nikkhamitvā. Ayampi ṭhitamajjhanhikavelāyaṃ therena samāgatā tassa pañhassa vissajjanena dhammadesanāya ca nihatamānadabbā pasannamānasā hutvā satthu santikaṃ upasaṅkamitukāmāva attano vasanaṭṭhānaṃ gantvā divāṭṭhāne nisīditvā sāyanhasamaye satthu santikaṃ upasaṅkamitvā.
นิหจฺจ ชาณุํ วนฺทิตฺวาติ ชาณุทฺวยํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา ปติฎฺฐเปตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวาฯ สมฺมุขา อญฺชลิํ อกนฺติ สตฺถุ สมฺมุขา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อญฺชลิํ อกาสิํฯ เอหิ, ภเทฺทติ มํ อวจ, สา เม อาสูปสมฺปทาติ ยํ มํ ภควา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชญฺจ อุปสมฺปทญฺจ ยาจิตฺวา ฐิตํ ‘‘เอหิ, ภเทฺท, ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพช อุปสมฺปชฺชสฺสู’’ติ อวจ อาณาเปสิฯ สา สตฺถุ อาณา มยฺหํ อุปสมฺปทาย การณตฺตา อุปสมฺปทา อาสิ อโหสิฯ
Nihacca jāṇuṃ vanditvāti jāṇudvayaṃ pathaviyaṃ nihantvā patiṭṭhapetvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā. Sammukhā añjaliṃ akanti satthu sammukhā dasanakhasamodhānasamujjalaṃ añjaliṃ akāsiṃ. Ehi, bhaddeti maṃ avaca, sā me āsūpasampadāti yaṃ maṃ bhagavā arahattaṃ patvā pabbajjañca upasampadañca yācitvā ṭhitaṃ ‘‘ehi, bhadde, bhikkhunupassayaṃ gantvā bhikkhunīnaṃ santike pabbaja upasampajjassū’’ti avaca āṇāpesi. Sā satthu āṇā mayhaṃ upasampadāya kāraṇattā upasampadā āsi ahosi.
จิณฺณาติอาทิกา เทฺว คาถา อญฺญาพฺยากรณคาถาฯ ตตฺถ จิณฺณา องฺคา จ มคธาติ เย อิเม องฺคา จ มคธา จ วชฺชี จ กาสี จ โกสลา จ ชนปทา ปุเพฺพ สาณาย มยา รฎฺฐปิณฺฑํ ภุญฺชนฺติยา จิณฺณา จริตา, เตสุเยว สตฺถารา สมาคมโต ปฎฺฐาย อนณา นิโทฺทสา อปคตกิเลสา หุตฺวา ปญฺญาส สํวจฺฉรานิ รฎฺฐปิณฺฑํ อภุญฺชิํ อหํฯ
Ciṇṇātiādikā dve gāthā aññābyākaraṇagāthā. Tattha ciṇṇā aṅgā ca magadhāti ye ime aṅgā ca magadhā ca vajjī ca kāsī ca kosalā ca janapadā pubbe sāṇāya mayā raṭṭhapiṇḍaṃ bhuñjantiyā ciṇṇā caritā, tesuyeva satthārā samāgamato paṭṭhāya anaṇā niddosā apagatakilesā hutvā paññāsa saṃvaccharāni raṭṭhapiṇḍaṃ abhuñjiṃ ahaṃ.
เยน อภิปฺปสนฺนมานเสน อุปาสเกน อตฺตโน จีวรํ ทินฺนํ, ตสฺส ปุญฺญวิเสสกิตฺตนมุเขน อญฺญํ พฺยากโรนฺตี ‘‘ปุญฺญํ วต ปสวี พหุ’’นฺติ โอสานคาถมาหฯ สา สุวิเญฺญยฺยาวฯ
Yena abhippasannamānasena upāsakena attano cīvaraṃ dinnaṃ, tassa puññavisesakittanamukhena aññaṃ byākarontī ‘‘puññaṃ vata pasavī bahu’’nti osānagāthamāha. Sā suviññeyyāva.
ภทฺทากุณฺฑลเกสาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhaddākuṇḍalakesātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๙. ภทฺทากุณฺฑลเกสาเถรีคาถา • 9. Bhaddākuṇḍalakesātherīgāthā