Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๓. ภทฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา
3. Bhaddattheragāthāvaṇṇanā
เอกปุโตฺตติอาทิกา อายสฺมโต ภทฺทเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ สตสหสฺสปริมาณํ จีวราทีหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปูเชสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฎฺฐิกุเล นิพฺพตฺติฯ นิพฺพตฺตมาโน จ อปุตฺตเกสุ มาตาปิตูสุ เทวตายาจนาทีนิ กตฺวาปิ อลภเนฺตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สเจ, ภเนฺต, มยํ เอกํ ปุตฺตํ ลจฺฉาม, ตํ ตุมฺหากํ ทาสตฺถาย ทสฺสามา’’ติ วตฺวา อายาจิตฺวา คเตสุ สตฺถุ อธิปฺปายํ ญตฺวา อญฺญตโร เทวปุโตฺต ขีณายุโก หุตฺวา ฐิโต สเกฺกน เทวรญฺญา ‘‘อมุกสฺมิํ กุเล นิพฺพตฺตาหี’’ติ อาณโตฺต ตตฺถ นิพฺพตฺติ, ภโทฺทติสฺส นามํ อกํสุฯ ตํ สตฺตวสฺสุเทฺทสิกํ ชาตํ มาตาปิตโร อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ โส, ภเนฺต, ตุเมฺห อายาจิตฺวา ลทฺธทารโก, อิมํ ตุมฺหากํ นิยฺยาเตมา’’ติ อาหํสุฯ สตฺถา อานนฺทเตฺถรํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติฯ อาณาเปตฺวา จ คนฺธกุฎิํ ปาวิสิฯ เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา สเงฺขเปน วิปสฺสนามุขํ อาจิกฺขิฯ โส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต สูริเย อโนคฺคเตเยว ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๕.๕๔-๖๙) –
Ekaputtotiādikā āyasmato bhaddattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttaraṃ bhagavantaṃ bhikkhusaṅghañca satasahassaparimāṇaṃ cīvarādīhi catūhi paccayehi pūjesi. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ seṭṭhikule nibbatti. Nibbattamāno ca aputtakesu mātāpitūsu devatāyācanādīni katvāpi alabhantesu satthāraṃ upasaṅkamitvā ‘‘sace, bhante, mayaṃ ekaṃ puttaṃ lacchāma, taṃ tumhākaṃ dāsatthāya dassāmā’’ti vatvā āyācitvā gatesu satthu adhippāyaṃ ñatvā aññataro devaputto khīṇāyuko hutvā ṭhito sakkena devaraññā ‘‘amukasmiṃ kule nibbattāhī’’ti āṇatto tattha nibbatti, bhaddotissa nāmaṃ akaṃsu. Taṃ sattavassuddesikaṃ jātaṃ mātāpitaro alaṅkaritvā bhagavato santikaṃ netvā ‘‘ayaṃ so, bhante, tumhe āyācitvā laddhadārako, imaṃ tumhākaṃ niyyātemā’’ti āhaṃsu. Satthā ānandattheraṃ āṇāpesi – ‘‘imaṃ pabbājehī’’ti. Āṇāpetvā ca gandhakuṭiṃ pāvisi. Thero taṃ pabbājetvā saṅkhepena vipassanāmukhaṃ ācikkhi. So upanissayasampannattā vipassanāya kammaṃ karonto sūriye anoggateyeva bhāvanaṃ ussukkāpetvā chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.5.54-69) –
‘‘ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ, เมตฺตจิตฺตํ มหามุนิํ;
‘‘Padumuttarasambuddhaṃ, mettacittaṃ mahāmuniṃ;
อุเปติ ชนตา สพฺพา, สพฺพโลกคฺคนายกํฯ
Upeti janatā sabbā, sabbalokagganāyakaṃ.
‘‘สตฺตุกญฺจ พทฺธกญฺจ, อามิสํ ปานโภชนํ;
‘‘Sattukañca baddhakañca, āmisaṃ pānabhojanaṃ;
ททนฺติ สตฺถุโน สเพฺพ, ปุญฺญเกฺขเตฺต อนุตฺตเรฯ
Dadanti satthuno sabbe, puññakkhette anuttare.
‘‘อหมฺปิ ทานํ ทสฺสามิ, เทวเทวสฺส ตาทิโน;
‘‘Ahampi dānaṃ dassāmi, devadevassa tādino;
พุทฺธเสฎฺฐํ นิมเนฺตตฺวา, สงฺฆมฺปิ จ อนุตฺตรํฯ
Buddhaseṭṭhaṃ nimantetvā, saṅghampi ca anuttaraṃ.
‘‘อุโยฺยชิตา มยา เจเต, นิมเนฺตสุํ ตถาคตํ;
‘‘Uyyojitā mayā cete, nimantesuṃ tathāgataṃ;
เกวลํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ, ปุญฺญเกฺขตฺตํ อนุตฺตรํฯ
Kevalaṃ bhikkhusaṅghañca, puññakkhettaṃ anuttaraṃ.
‘‘สตสหสฺสปลฺลงฺกํ, โสวณฺณํ โคนกตฺถตํ;
‘‘Satasahassapallaṅkaṃ, sovaṇṇaṃ gonakatthataṃ;
ตูลิกาปฎลิกาย, โขมกปฺปาสิเกหิ จ;
Tūlikāpaṭalikāya, khomakappāsikehi ca;
มหารหํ ปญฺญาปยิํ, อาสนํ พุทฺธยุตฺตกํฯ
Mahārahaṃ paññāpayiṃ, āsanaṃ buddhayuttakaṃ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, เทวเทโว นราสโภ;
‘‘Padumuttaro lokavidū, devadevo narāsabho;
ภิกฺขุสงฺฆปริพฺยูโฬฺห, มม ทฺวารมุปาคมิฯ
Bhikkhusaṅghaparibyūḷho, mama dvāramupāgami.
‘‘ปจฺจุคฺคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โลกนาถํ ยสสฺสินํ;
‘‘Paccuggantvāna sambuddhaṃ, lokanāthaṃ yasassinaṃ;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, อภินามยิํ สงฺฆรํฯ
Pasannacitto sumano, abhināmayiṃ saṅgharaṃ.
‘‘ภิกฺขูนํ สตสหสฺสํ, พุทฺธญฺจ โลกนายกํ;
‘‘Bhikkhūnaṃ satasahassaṃ, buddhañca lokanāyakaṃ;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, ปรมเนฺนน ตปฺปยิํฯ
Pasannacitto sumano, paramannena tappayiṃ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฎิคฺคโห;
‘‘Padumuttaro lokavidū, āhutīnaṃ paṭiggaho;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.
‘‘เยนิทํ อาสนํ ทินฺนํ, โสวณฺณํ โคนกตฺถตํ;
‘‘Yenidaṃ āsanaṃ dinnaṃ, sovaṇṇaṃ gonakatthataṃ;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ
Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.
‘‘จตุสตฺตติกฺขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;
‘‘Catusattatikkhattuṃ so, devarajjaṃ karissati;
อนุโภสฺสติ สมฺปตฺติํ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโตฯ
Anubhossati sampattiṃ, accharāhi purakkhato.
‘‘ปเทสรชฺชํ สหสฺสํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ;
‘‘Padesarajjaṃ sahassaṃ, vasudhaṃ āvasissati;
เอกปญฺญาสกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Ekapaññāsakkhattuñca, cakkavattī bhavissati.
‘‘สพฺพาสุ ภวโยนีสุ, อุจฺจากุลี ภวิสฺสติ;
‘‘Sabbāsu bhavayonīsu, uccākulī bhavissati;
โส จ ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
So ca pacchā pabbajitvā, sukkamūlena codito;
ภทฺทิโย นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ
Bhaddiyo nāma nāmena, hessati satthu sāvako.
‘‘วิเวกมนุยุโตฺตมฺหิ, ปนฺตเสนนิวาสหํ;
‘‘Vivekamanuyuttomhi, pantasenanivāsahaṃ;
ผลญฺจาธิคตํ สพฺพํ, จตฺตเกฺลโสมฺหิ อชฺชหํฯ
Phalañcādhigataṃ sabbaṃ, cattaklesomhi ajjahaṃ.
‘‘มม สพฺพํ อภิญฺญาย, สพฺพญฺญู โลกนายโก;
‘‘Mama sabbaṃ abhiññāya, sabbaññū lokanāyako;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, เอตทเคฺค ฐเปสิ มํฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, etadagge ṭhapesi maṃ.
‘‘ปฎิสมฺภิทา จตโสฺส, วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเม;
‘‘Paṭisambhidā catasso, vimokkhāpi ca aṭṭhime;
ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
Chaḷabhiññā sacchikatā, kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
ตสฺส ภควา ฉฬภิญฺญุปฺปตฺติํ ญตฺวา ‘‘เอหิ, ภทฺทา’’ติ อาหฯ โส ตาวเทว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปญฺชลิโก สตฺถุ สมีเป อฎฺฐาสิ, สา เอว จสฺส อุปสมฺปทา อโหสิฯ พุทฺธูปสมฺปทา นาม กิเรสาฯ เถโร ชาติโต ปฎฺฐาย อตฺตโน ปวตฺติยา กถนมุเขน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Tassa bhagavā chaḷabhiññuppattiṃ ñatvā ‘‘ehi, bhaddā’’ti āha. So tāvadeva satthāraṃ upasaṅkamitvā vanditvā pañjaliko satthu samīpe aṭṭhāsi, sā eva cassa upasampadā ahosi. Buddhūpasampadā nāma kiresā. Thero jātito paṭṭhāya attano pavattiyā kathanamukhena aññaṃ byākaronto –
๔๗๓.
473.
‘‘เอกปุโตฺต อหํ อาสิํ, ปิโย มาตุ ปิโย ปิตุ;
‘‘Ekaputto ahaṃ āsiṃ, piyo mātu piyo pitu;
พหูหิ วตจริยาหิ, ลโทฺธ อายาจนาหิ จฯ
Bahūhi vatacariyāhi, laddho āyācanāhi ca.
๔๗๔.
474.
‘‘เต จ มํ อนุกมฺปาย, อตฺถกามา หิเตสิโน;
‘‘Te ca maṃ anukampāya, atthakāmā hitesino;
อุโภ ปิตา จ มาตา จ, พุทฺธสฺส อุปนามยุํฯ
Ubho pitā ca mātā ca, buddhassa upanāmayuṃ.
๔๗๕.
475.
‘‘กิจฺฉา ลโทฺธ อยํ ปุโตฺต, สุขุมาโล สุเขธิโต;
‘‘Kicchā laddho ayaṃ putto, sukhumālo sukhedhito;
อิมํ ททาม เต นาถ, ชินสฺส ปริจารกํฯ
Imaṃ dadāma te nātha, jinassa paricārakaṃ.
๔๗๖.
476.
‘‘สตฺถา จ มํ ปฎิคฺคยฺห, อานนฺทํ เอตทพฺรวิ;
‘‘Satthā ca maṃ paṭiggayha, ānandaṃ etadabravi;
ปพฺพาเชหิ อิมํ ขิปฺปํ, เหสฺสตฺยาชานิโย อยํฯ
Pabbājehi imaṃ khippaṃ, hessatyājāniyo ayaṃ.
๔๗๗.
477.
‘‘ปพฺพาเชตฺวาน มํ สตฺถา, วิหารํ ปาวิสี ชิโน;
‘‘Pabbājetvāna maṃ satthā, vihāraṃ pāvisī jino;
อโนคฺคตสฺมิํ สูริยสฺมิํ, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมฯ
Anoggatasmiṃ sūriyasmiṃ, tato cittaṃ vimucci me.
๔๗๘.
478.
‘‘ตโต สตฺถา นิรากตฺวา, ปฎิสลฺลานวุฎฺฐิโต;
‘‘Tato satthā nirākatvā, paṭisallānavuṭṭhito;
เอหิ ภทฺทาติ มํ อาห, สา เม อาสูปสมฺปทาฯ
Ehi bhaddāti maṃ āha, sā me āsūpasampadā.
๔๗๙.
479.
‘‘ชาติยา สตฺตวเสฺสน, ลทฺธา เม อุปสมฺปทา;
‘‘Jātiyā sattavassena, laddhā me upasampadā;
ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติฯ –
Tisso vijjā anuppattā, aho dhammasudhammatā’’ti. –
อิมา คาถา อภาสิฯ
Imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ วตจริยาหีติ, ‘‘เอวํ กตฺวา ปุตฺตํ ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ สมณพฺราหฺมณานํ วจนํ สุตฺวา, ขีรํ ปายิตฺวา, อนสนาทิวตจรเณหิฯ อายาจนาหีติ เทวตายาจนาหิ สตฺถุอายาจนาย จ, อิทเมว เจตฺถ การณํ, อิตรํ เถโร มาตาปิตูนํ ปฎิปตฺติทสฺสนตฺถเญฺจว กิจฺฉลทฺธภาวทสฺสนตฺถญฺจ วทติฯ
Tattha vatacariyāhīti, ‘‘evaṃ katvā puttaṃ labhissathā’’ti vuttaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ vacanaṃ sutvā, khīraṃ pāyitvā, anasanādivatacaraṇehi. Āyācanāhīti devatāyācanāhi satthuāyācanāya ca, idameva cettha kāraṇaṃ, itaraṃ thero mātāpitūnaṃ paṭipattidassanatthañceva kicchaladdhabhāvadassanatthañca vadati.
เตติ มาตาปิตโรฯ อุปนามยุนฺติ อุปนาเมสุํฯ
Teti mātāpitaro. Upanāmayunti upanāmesuṃ.
สุเขธิโตติ สุขสํวฑฺฒิโตฯ เตติ ตุยฺหํฯ ปริจารกนฺติ กิํการํฯ
Sukhedhitoti sukhasaṃvaḍḍhito. Teti tuyhaṃ. Paricārakanti kiṃkāraṃ.
เหสฺสตฺยาชานิโย อยนฺติ อยํ ทารโก มม สาสเน อาชานีโย ภวิสฺสติฯ ตสฺมา ขิปฺปํ อเชฺชว ปพฺพาเชหีติ เอตํ อพฺรวิ, อาหฯ
Hessatyājāniyo ayanti ayaṃ dārako mama sāsane ājānīyo bhavissati. Tasmā khippaṃ ajjeva pabbājehīti etaṃ abravi, āha.
ปพฺพาเชตฺวานาติ อานนฺทเตฺถเรน ปพฺพาเชตฺวาฯ วิหารนฺติ คนฺธกุฎิํฯ อโนคฺคตสฺมิํ สูริยสฺมินฺติ สูริเย อนตฺถงฺคเตเยวฯ ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ ตโต วิปสฺสนารมฺภโต ปรํ น จิเรเนว ขเณน สพฺพาสเวหิ เม จิตฺตํ วิมุจฺจิ, ขีณาสโว อโหสิํฯ
Pabbājetvānāti ānandattherena pabbājetvā. Vihāranti gandhakuṭiṃ. Anoggatasmiṃ sūriyasminti sūriye anatthaṅgateyeva. Tato cittaṃ vimucci meti tato vipassanārambhato paraṃ na cireneva khaṇena sabbāsavehi me cittaṃ vimucci, khīṇāsavo ahosiṃ.
ตโตติ มม อาสวกฺขยโต ปจฺฉาฯ นิรากตฺวาติ อตฺตนา สมาปนฺนํ ผลสมาปตฺติํ อเปฺปตฺวา ตโต วุฎฺฐายฯ เตนาห ‘‘ปฎิสลฺลานวุฎฺฐิโต’’ติฯ สา เม อาสูปสมฺปทาติ ยา มํ อุทฺทิสฺส ‘‘เอหิ, ภทฺทา’’ติ สตฺถุ วาจา ปวตฺตา, สา เอว เม มยฺหํ อุปสมฺปทา อาสิฯ เอวํ ชาติยา สตฺตวเสฺสน, ลทฺธา เม อุปสมฺปทาติ สาติสยํ สตฺถารา อตฺตโน กตํ อนุคฺคหํ สาสนสฺส จ นิยฺยานิกตํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติฯ
Tatoti mama āsavakkhayato pacchā. Nirākatvāti attanā samāpannaṃ phalasamāpattiṃ appetvā tato vuṭṭhāya. Tenāha ‘‘paṭisallānavuṭṭhito’’ti. Sā me āsūpasampadāti yā maṃ uddissa ‘‘ehi, bhaddā’’ti satthu vācā pavattā, sā eva me mayhaṃ upasampadā āsi. Evaṃ jātiyā sattavassena, laddhā me upasampadāti sātisayaṃ satthārā attano kataṃ anuggahaṃ sāsanassa ca niyyānikataṃ dasseti. Tenāha ‘‘aho dhammasudhammatā’’ti.
เอตฺถ จ ‘‘จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม’’ติ ขีณาสวภาวํ ปกาเสตฺวาปิ ปุน ‘‘ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา’’ติ โลกิยาภิเญฺญกเทสทสฺสนํ ฉฬภิญฺญภาววิภาวนตฺถํฯ เตนาห อปทาเน ‘‘ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตา’’ติฯ
Ettha ca ‘‘cittaṃ vimucci me’’ti khīṇāsavabhāvaṃ pakāsetvāpi puna ‘‘tisso vijjā anuppattā’’ti lokiyābhiññekadesadassanaṃ chaḷabhiññabhāvavibhāvanatthaṃ. Tenāha apadāne ‘‘chaḷabhiññā sacchikatā’’ti.
ภทฺทเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhaddattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๓. ภทฺทเตฺถรคาถา • 3. Bhaddattheragāthā