Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๕. ภทฺทิตฺถิวิมานวณฺณนา

    5. Bhadditthivimānavaṇṇanā

    นีลา ปีตา จ กาฬา จาติ ภทฺทิตฺถิวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน จ สมเยน กิมิลนคเร โรหโก นาม คหปติปุโตฺต อโหสิ สโทฺธ ปสโนฺน สีลาจารสมฺปโนฺนฯ ตสฺมิํเยว จ นคเร เตน สมานมหาโภเค กุเล เอกา ทาริกา อโหสิ สทฺธา ปสนฺนา ปกติยาปิ ภทฺทตาย ภทฺทาติ นาเมนฯ อถ โรหกสฺส มาตาปิตโร ตํ กุมาริํ วาเรตฺวา ตาทิเส กาเล ตํ อาเนตฺวา อาวาหวิวาหํ อกํสุฯ เต อุโภปิ สมคฺควาสํ วสนฺติฯ สา อตฺตโน อาจารสมฺปตฺติยา ‘‘ภทฺทิตฺถี’’ติ ตสฺมิํ นคเร ปากฎา ปญฺญาตา อโหสิฯ

    Nīlā pītā ca kāḷā cāti bhadditthivimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena ca samayena kimilanagare rohako nāma gahapatiputto ahosi saddho pasanno sīlācārasampanno. Tasmiṃyeva ca nagare tena samānamahābhoge kule ekā dārikā ahosi saddhā pasannā pakatiyāpi bhaddatāya bhaddāti nāmena. Atha rohakassa mātāpitaro taṃ kumāriṃ vāretvā tādise kāle taṃ ānetvā āvāhavivāhaṃ akaṃsu. Te ubhopi samaggavāsaṃ vasanti. Sā attano ācārasampattiyā ‘‘bhadditthī’’ti tasmiṃ nagare pākaṭā paññātā ahosi.

    เตน จ สมเยน เทฺว อคฺคสาวกา ปญฺจสตปญฺจสตภิกฺขุปริวารา ชนปทจาริกํ จรนฺตา กิมิลนครํ ปาปุณิํสุฯ โรหโก เตสํ ตตฺถ คตภาวํ ญตฺวา โสมนสฺสชาโต เถเร อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สฺวาตนาย นิมเนฺตตฺวา ทุติยทิวเส ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สปริวาเร เต สนฺตเปฺปตฺวา สปุตฺตทาโร เตหิ เทสิตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เตสํ โอวาเท ปติฎฺฐหโนฺต สรณานิ คณฺหิ, ปญฺจ สีลานิ สมาทิยิฯ ภริยา ปนสฺส อฎฺฐมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีปาฎิหาริยปเกฺขสุ อุโปสถํ อุปวสิ, วิเสสโต สีลาจารสมฺปนฺนา อโหสิ เทวตาหิ จ อนุกมฺปิตาฯ ตาย เอว จ เทวตานุกมฺปาย อตฺตโน อุปริ ปติตํ มิจฺฉาปวาทํ นิรํกตฺวา สุวิสุทฺธสีลาจารตาย อติวิย โลเก ปตฺถฎยสา อโหสิฯ

    Tena ca samayena dve aggasāvakā pañcasatapañcasatabhikkhuparivārā janapadacārikaṃ carantā kimilanagaraṃ pāpuṇiṃsu. Rohako tesaṃ tattha gatabhāvaṃ ñatvā somanassajāto there upasaṅkamitvā vanditvā svātanāya nimantetvā dutiyadivase paṇītena khādanīyena bhojanīyena saparivāre te santappetvā saputtadāro tehi desitaṃ dhammadesanaṃ sutvā tesaṃ ovāde patiṭṭhahanto saraṇāni gaṇhi, pañca sīlāni samādiyi. Bhariyā panassa aṭṭhamīcātuddasīpannarasīpāṭihāriyapakkhesu uposathaṃ upavasi, visesato sīlācārasampannā ahosi devatāhi ca anukampitā. Tāya eva ca devatānukampāya attano upari patitaṃ micchāpavādaṃ niraṃkatvā suvisuddhasīlācāratāya ativiya loke patthaṭayasā ahosi.

    สา หิ สยํ กิมิลนคเร ฐิตา อตฺตโน สามิกสฺส วณิชฺชาวเสน ตกฺกสิลายํ วสนฺตสฺส, อุสฺสวทิวเส สหาเยหิ อุสฺสาหิตสฺส นกฺขตฺตกีฬาจิเตฺต อุปฺปเนฺน ฆรเทวตาย อตฺตโน ทิพฺพานุภาเวน ตํ ตตฺถ เนตฺวา สามิเกน สห โยชิตา เตเนว สมาคเมน ปติฎฺฐิตคพฺภา หุตฺวา เทวตาย กิมิลนครํ ปฎินีตา, อนุกฺกเมน คพฺภินิภาเว ปากเฎ ชาเต สสฺสุอาทีหิ ‘‘อติจารินี’’ติ อาสงฺกิตา, ตาย เอว เทวตาย อตฺตโน อานุภาเวน คงฺคามโหเฆ กิมิลนครํ โอตฺถรเนฺต วิย อุปฎฺฐาปิเต อตฺตโน ปติพฺพตาภาวสํสูจเกน สจฺจาธิฎฺฐานปุพฺพเกน สปเถน วาตเวคสมุฎฺฐิตวีจิชาลํ คงฺคามโหฆํ อตฺตโน อุปริ อาปติตํ อายสฺสญฺจ นิวเตฺตตฺวา, สามิเกน สมาคตาปิ เตน ปุเพฺพ สสฺสุอาทีหิ วิย อาสงฺกิตา ตกฺกสิลายํ เตน ทินฺนํ นามมุทฺทิตํ สญฺญาณญฺจ อเปฺปนฺตี, ตํ อาสงฺกํ นิรํกตฺวา ภตฺตุโน ญาติชนสฺส จ มหาชนสฺส จ สมฺภาวนียา ชาตาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สุวิสุทฺธสีลาจารตาย อติวิย โลเก ปตฺถฎยสา อโหสี’’ติฯ

    Sā hi sayaṃ kimilanagare ṭhitā attano sāmikassa vaṇijjāvasena takkasilāyaṃ vasantassa, ussavadivase sahāyehi ussāhitassa nakkhattakīḷācitte uppanne gharadevatāya attano dibbānubhāvena taṃ tattha netvā sāmikena saha yojitā teneva samāgamena patiṭṭhitagabbhā hutvā devatāya kimilanagaraṃ paṭinītā, anukkamena gabbhinibhāve pākaṭe jāte sassuādīhi ‘‘aticārinī’’ti āsaṅkitā, tāya eva devatāya attano ānubhāvena gaṅgāmahoghe kimilanagaraṃ ottharante viya upaṭṭhāpite attano patibbatābhāvasaṃsūcakena saccādhiṭṭhānapubbakena sapathena vātavegasamuṭṭhitavīcijālaṃ gaṅgāmahoghaṃ attano upari āpatitaṃ āyassañca nivattetvā, sāmikena samāgatāpi tena pubbe sassuādīhi viya āsaṅkitā takkasilāyaṃ tena dinnaṃ nāmamudditaṃ saññāṇañca appentī, taṃ āsaṅkaṃ niraṃkatvā bhattuno ñātijanassa ca mahājanassa ca sambhāvanīyā jātā. Tena vuttaṃ ‘‘suvisuddhasīlācāratāya ativiya loke patthaṭayasā ahosī’’ti.

    สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน อุปฺปนฺนาฯ อถ ภควติ สาวตฺถิโต ตาวติํสภวนํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสิเนฺน, เทวปริสาย จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนาย ภทฺทิตฺถีปิ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ ภควา ทสสหสฺสิโลกธาตูสุ สนฺนิปติตาย เทวพฺรหฺมปริสาย มเชฺฌ ตาย เทวตาย กตปุญฺญกมฺมํ ปุจฺฉโนฺต –

    Sā aparena samayena kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane uppannā. Atha bhagavati sāvatthito tāvatiṃsabhavanaṃ gantvā pāricchattakamūle paṇḍukambalasilāyaṃ nisinne, devaparisāya ca bhagavantaṃ upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ nisinnāya bhadditthīpi upasaṅkamitvā vanditvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha bhagavā dasasahassilokadhātūsu sannipatitāya devabrahmaparisāya majjhe tāya devatāya katapuññakammaṃ pucchanto –

    ๒๐๖.

    206.

    ‘‘นีลา ปีตา จ กาฬา จ, มญฺชิฎฺฐา อถ โลหิตา;

    ‘‘Nīlā pītā ca kāḷā ca, mañjiṭṭhā atha lohitā;

    อุจฺจาวจานํ วณฺณานํ, กิญฺชกฺขปริวาริตาฯ

    Uccāvacānaṃ vaṇṇānaṃ, kiñjakkhaparivāritā.

    ๒๐๗.

    207.

    ‘‘มนฺทารวานํ ปุปฺผานํ, มาลํ ธาเรสิ มุทฺธนิ;

    ‘‘Mandāravānaṃ pupphānaṃ, mālaṃ dhāresi muddhani;

    นยิเม อเญฺญสุ กาเยส, รุกฺขา สนฺติ สุเมธเสฯ

    Nayime aññesu kāyesa, rukkhā santi sumedhase.

    ๒๐๘.

    208.

    ‘‘เกน กายํ อุปปนฺนา, ตาวติํสํ ยสสฺสินี;

    ‘‘Kena kāyaṃ upapannā, tāvatiṃsaṃ yasassinī;

    เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ – อาห;

    Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti. – āha;

    ๒๐๖-๗. ตตฺถ นีลา ปีตา จ กาฬา จ, มญฺชิฎฺฐา อถ โลหิตาติ เอตฺถ จ-สโทฺท วุตฺตตฺถสมุจฺจโย, โส นีลา จ ปีตา จาติอาทินา ปเจฺจกํ โยเชตโพฺพฯ อถาติ อญฺญเตฺถ นิปาโตฯ เตน โอทาตาทิเก อวุตฺตวเณฺณ สงฺคณฺหาติฯ อิติ-สโทฺท ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐ เวทิตโพฺพฯ -สโทฺท วา อวุตฺตตฺถสมุจฺจโยฯ อถาติ อิติ-สทฺทเตฺถ นิปาโตฯ อุจฺจาวจานํ วณฺณานนฺติ เอตฺถ อุจฺจาวจานนฺติ วิภตฺติยา อโลโป ทฎฺฐโพฺพ, อุจฺจาวจวณฺณานํ นานาวิธวณฺณานนฺติ อโตฺถฯ วณฺณานนฺติ วา วณฺณวนฺตานํฯ กิญฺชกฺขปริวาริตาติ กิญฺชเกฺขหิ ปริวาริตานํฯ สามิอเตฺถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – นีลา จ ปีตา จ กาฬา จ มญฺชิฎฺฐา จ โลหิตา จ อถ อเญฺญ โอทาตาทโย จาติ อิเมสํ วเสน อุจฺจาวจวณฺณานํ ตถาภูเตหิเยว กิญฺชเกฺขหิ เกสเรหิ ปริวาริตานํ วิจิตฺตสณฺฐานาทิตาย วา อุจฺจาวจานํ ยถาวุตฺตวณฺณวนฺตานํ มนฺทารวรุกฺขสมฺภูตตาย มนฺทารวานํ ปุปฺผานํ มาลํ เตหิ กตํ มาลาคุณํ ตฺวํ เทวเต อตฺตโน สีเส ธาเรสิ ปิฬนฺธสีติฯ

    206-7. Tattha nīlā pītā ca kāḷā ca, mañjiṭṭhā atha lohitāti ettha ca-saddo vuttatthasamuccayo, so nīlā ca pītā cātiādinā paccekaṃ yojetabbo. Athāti aññatthe nipāto. Tena odātādike avuttavaṇṇe saṅgaṇhāti. Iti-saddo luttaniddiṭṭho veditabbo. Ca-saddo vā avuttatthasamuccayo. Athāti iti-saddatthe nipāto. Uccāvacānaṃ vaṇṇānanti ettha uccāvacānanti vibhattiyā alopo daṭṭhabbo, uccāvacavaṇṇānaṃ nānāvidhavaṇṇānanti attho. Vaṇṇānanti vā vaṇṇavantānaṃ. Kiñjakkhaparivāritāti kiñjakkhehi parivāritānaṃ. Sāmiatthe hi etaṃ paccattavacanaṃ. Idaṃ vuttaṃ hoti – nīlā ca pītā ca kāḷā ca mañjiṭṭhā ca lohitā ca atha aññe odātādayo cāti imesaṃ vasena uccāvacavaṇṇānaṃ tathābhūtehiyeva kiñjakkhehi kesarehi parivāritānaṃ vicittasaṇṭhānāditāya vā uccāvacānaṃ yathāvuttavaṇṇavantānaṃ mandāravarukkhasambhūtatāya mandāravānaṃ pupphānaṃ mālaṃ tehi kataṃ mālāguṇaṃ tvaṃ devate attano sīse dhāresi piḷandhasīti.

    ยโต รุกฺขโต ตานิ ปุปฺผานิ, เตสํ วิเสสวณฺณตาย อนญฺญสาธารณตํ ทเสฺสตุํ ‘‘นยิเม อเญฺญสุ กาเยสุ, รุกฺขา สนฺติ สุเมธเส’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิเมติ ยถาวุตฺตวณฺณสณฺฐานาทิยุตฺตา ปุปฺผวโนฺต รุกฺขา น สนฺตีติ โยชนาฯ กาเยสูติ เทวนิกาเยสุฯ สุเมธเสติ สุนฺทรปเญฺญฯ

    Yato rukkhato tāni pupphāni, tesaṃ visesavaṇṇatāya anaññasādhāraṇataṃ dassetuṃ ‘‘nayime aññesu kāyesu, rukkhā santi sumedhase’’ti vuttaṃ. Tattha imeti yathāvuttavaṇṇasaṇṭhānādiyuttā pupphavanto rukkhā na santīti yojanā. Kāyesūti devanikāyesu. Sumedhaseti sundarapaññe.

    ตตฺถ นีลาติ อินฺทนีลมหานีลาทิมณิรตนานํ วเสน นีโลภาสาฯ ปีตาติ ปุปฺผราคกเกฺกตนปุลกาทิมณิรตนานเญฺจว สิงฺคีสุวณฺณสฺส จ วเสน ปีโตภาสาฯ กาฬาติ อสฺมกอุปลกาทิมณิรตนานํ วเสน กโณฺหภาสาฯ มญฺชิฎฺฐาติ โชติรสโคมุตฺตกโคเมทกาทิมณิรตนานํ วเสน มญฺชิโฎฺฐภาสาฯ โลหิตาติ ปทุมราคโลหิตงฺกปวาฬรตนาทีนํ วเสน โลหิโตภาสาฯ เกจิ ปน นีลาทิปทานิ ‘‘รุกฺขา’’ติ อิมินา ‘‘นีลา รุกฺขา’’ติอาทินา โยเชตฺวา วทนฺติฯ รุกฺขาปิ หิ นีลาทิวเณฺณหิ ปุเปฺผหิ สญฺฉนฺนตฺตา นีลาทิโยคโต นีลาทิโวหารํ ลภนฺตีติ เตหิ ‘‘นีลา…เป.… โลหิตา…เป.… นยิเม อเญฺญสุ กาเยสุ รุกฺขา สนฺติ สุเมธเสติ, ยโต ตฺวํ อุจฺจาวจานํ วณฺณานํ กิญฺชกฺขปริวาริตานํ มนฺทารวานํ ปุปฺผานํ มาลํ ธาเรสี’’ติ โยชนา กาตพฺพาฯ ตตฺถ ยถาทิเฎฺฐ วณฺณวิเสสยุเตฺต ปุเปฺผ กิเตฺตตฺวา เตสํ อสาธารณภาวทสฺสเนน รุกฺขานํ อาเวนิกภาวทสฺสนํ ปฐมนโย, รุกฺขานํ อสาธารณภาวทสฺสเนน ปุปฺผานํ อาเวนิกภาวทสฺสนํ ทุติยนโยฯ ปฐมนเย วณฺณาทโย สรูเปน คหิตา, ทุติยนเย นิสฺสยมุเขนาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ

    Tattha nīlāti indanīlamahānīlādimaṇiratanānaṃ vasena nīlobhāsā. Pītāti puppharāgakakketanapulakādimaṇiratanānañceva siṅgīsuvaṇṇassa ca vasena pītobhāsā. Kāḷāti asmakaupalakādimaṇiratanānaṃ vasena kaṇhobhāsā. Mañjiṭṭhāti jotirasagomuttakagomedakādimaṇiratanānaṃ vasena mañjiṭṭhobhāsā. Lohitāti padumarāgalohitaṅkapavāḷaratanādīnaṃ vasena lohitobhāsā. Keci pana nīlādipadāni ‘‘rukkhā’’ti iminā ‘‘nīlā rukkhā’’tiādinā yojetvā vadanti. Rukkhāpi hi nīlādivaṇṇehi pupphehi sañchannattā nīlādiyogato nīlādivohāraṃ labhantīti tehi ‘‘nīlā…pe… lohitā…pe… nayime aññesu kāyesu rukkhā santi sumedhaseti, yato tvaṃ uccāvacānaṃ vaṇṇānaṃ kiñjakkhaparivāritānaṃ mandāravānaṃ pupphānaṃ mālaṃ dhāresī’’ti yojanā kātabbā. Tattha yathādiṭṭhe vaṇṇavisesayutte pupphe kittetvā tesaṃ asādhāraṇabhāvadassanena rukkhānaṃ āvenikabhāvadassanaṃ paṭhamanayo, rukkhānaṃ asādhāraṇabhāvadassanena pupphānaṃ āvenikabhāvadassanaṃ dutiyanayo. Paṭhamanaye vaṇṇādayo sarūpena gahitā, dutiyanaye nissayamukhenāti ayametesaṃ viseso.

    ๒๐๘. เกนาติ เกน ปุญฺญกเมฺมน, กายํ ตาวติํสนฺติ โยชนาฯ ปุจฺฉิตาจิกฺขาติ ปุจฺฉิตา ตฺวํ อาจิกฺข กเถหิฯ

    208.Kenāti kena puññakammena, kāyaṃ tāvatiṃsanti yojanā. Pucchitācikkhāti pucchitā tvaṃ ācikkha kathehi.

    เอวํ ภควตา ปุจฺฉิตา สา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

    Evaṃ bhagavatā pucchitā sā devatā imāhi gāthāhi byākāsi –

    ๒๐๙.

    209.

    ‘‘ภทฺทิตฺถิกาติ มํ อญฺญํสุ, กิมิลายํ อุปาสิกา;

    ‘‘Bhadditthikāti maṃ aññaṃsu, kimilāyaṃ upāsikā;

    สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, สํวิภาครตา สทาฯ

    Saddhā sīlena sampannā, saṃvibhāgaratā sadā.

    ๒๑๐.

    210.

    ‘‘อจฺฉาทนญฺจ ภตฺตญฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํ;

    ‘‘Acchādanañca bhattañca, senāsanaṃ padīpiyaṃ;

    อทาสิํ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ

    Adāsiṃ ujubhūtesu, vippasannena cetasā.

    ๒๑๑.

    211.

    ‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;

    ‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;

    ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํฯ

    Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ.

    ๒๑๒.

    212.

    ‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

    ‘‘Uposathaṃ upavasissaṃ, sadā sīlesu saṃvutā;

    สญฺญมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํฯ

    Saññamā saṃvibhāgā ca, vimānaṃ āvasāmahaṃ.

    ๒๑๓.

    213.

    ‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สญฺญตา;

    ‘‘Pāṇātipātā viratā, musāvādā ca saññatā;

    เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกาฯ

    Theyyā ca aticārā ca, majjapānā ca ārakā.

    ๒๑๔.

    214.

    ‘‘ปญฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;

    ‘‘Pañcasikkhāpade ratā, ariyasaccāna kovidā;

    อุปาสิกา จกฺขุมโต, อปฺปมาทวิหารินี;

    Upāsikā cakkhumato, appamādavihārinī;

    กตาวาสา กตกุสลา ตโต จุตา, สยํปภา อนุวิจรามิ นนฺทนํฯ

    Katāvāsā katakusalā tato cutā, sayaṃpabhā anuvicarāmi nandanaṃ.

    ๒๑๕.

    215.

    ‘‘ภิกฺขู จาหํ ปรมหิตานุกมฺปเก, อโภชยิํ ตปสฺสิยุคํ มหามุนิํ;

    ‘‘Bhikkhū cāhaṃ paramahitānukampake, abhojayiṃ tapassiyugaṃ mahāmuniṃ;

    กตาวาสา กตกุสลา ตโต จุตา, สยํปภา อนุวิจรามิ นนฺทนํฯ

    Katāvāsā katakusalā tato cutā, sayaṃpabhā anuvicarāmi nandanaṃ.

    ๒๑๖.

    216.

    ‘‘อฎฺฐงฺคิกํ อปริมิตํ สุขาวหํ, อุโปสถํ สตตมุปาวสิํ อหํ;

    ‘‘Aṭṭhaṅgikaṃ aparimitaṃ sukhāvahaṃ, uposathaṃ satatamupāvasiṃ ahaṃ;

    กตาวาสา กตกุสลา ตโต จุตา, สยํปภา อนุวิจรามิ นนฺทน’’นฺติฯ

    Katāvāsā katakusalā tato cutā, sayaṃpabhā anuvicarāmi nandana’’nti.

    ๒๐๙-๒๑๔. ตตฺถ ภทฺทิตฺถิกาติ มํ อญฺญํสุ, กิมิลายํ อุปาสิกาติ อาจารสมฺปตฺติยา สจฺจกิริยาย อุพฺพตฺตมานมโหฆนิวตฺตเนน อขณฺฑสีลาติ สญฺชาตนิจฺฉยา ภทฺทา สุนฺทรา อยํ อิตฺถี, ตสฺมา ‘‘ภทฺทิตฺถิกา อุปาสิกา’’ติ จ มํ กิมิลนครวาสิโน ชานิํสุฯ สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนาติอาทิ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวฯ

    209-214. Tattha bhadditthikāti maṃ aññaṃsu, kimilāyaṃ upāsikāti ācārasampattiyā saccakiriyāya ubbattamānamahoghanivattanena akhaṇḍasīlāti sañjātanicchayā bhaddā sundarā ayaṃ itthī, tasmā ‘‘bhadditthikā upāsikā’’ti ca maṃ kimilanagaravāsino jāniṃsu. Saddhā sīlena sampannātiādi heṭṭhā vuttanayattā uttānatthameva.

    อปิจ ‘‘สทฺธา’’ติ อิมินา สทฺธาธนํ, ‘‘สํวิภาครตา, อจฺฉาทนญฺจ ภตฺตญฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํฯ อทาสิํ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสา’’ติ อิมินา จาคธนํ , ‘‘สีเลน สมฺปนฺนา, จตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ…เป.… ปญฺจสิกฺขาปเท รตา’’ติ อิมินา สีลธนํ หิริธนํ โอตฺตปฺปธนญฺจ, ‘‘อริยสจฺจาน โกวิทา’’ติ อิมินา สุตธนํ ปญฺญาธนญฺจ ทสฺสิตนฺติ สา อตฺตโน สตฺตวิธอริยธนปฎิลาภํฯ ‘‘อุปาสิกา จกฺขุมโต…เป.… อนุวิจรามิ นนฺทน’’นฺติ อิมินา ตสฺส ทิฎฺฐธมฺมิกํ สมฺปรายิกญฺจ อานิสํสํ วิภาเวติฯ ตตฺถ กตาวาสาติ นิปฺผาทิตสุจริตาวาสาฯ สุจริตกมฺมญฺหิ ตทเตฺต อายติญฺจ สุขาวาสเหตุตาย ‘‘สุขวิหารสฺส อาวาโส’’ติ วุจฺจติฯ เตนาห ‘‘กตกุสลา’’ติฯ

    Apica ‘‘saddhā’’ti iminā saddhādhanaṃ, ‘‘saṃvibhāgaratā, acchādanañca bhattañca, senāsanaṃ padīpiyaṃ. Adāsiṃ ujubhūtesu, vippasannena cetasā’’ti iminā cāgadhanaṃ , ‘‘sīlena sampannā, catuddasiṃ pañcadasiṃ…pe… pañcasikkhāpade ratā’’ti iminā sīladhanaṃ hiridhanaṃ ottappadhanañca, ‘‘ariyasaccāna kovidā’’ti iminā sutadhanaṃ paññādhanañca dassitanti sā attano sattavidhaariyadhanapaṭilābhaṃ. ‘‘Upāsikā cakkhumato…pe… anuvicarāmi nandana’’nti iminā tassa diṭṭhadhammikaṃ samparāyikañca ānisaṃsaṃ vibhāveti. Tattha katāvāsāti nipphāditasucaritāvāsā. Sucaritakammañhi tadatte āyatiñca sukhāvāsahetutāya ‘‘sukhavihārassa āvāso’’ti vuccati. Tenāha ‘‘katakusalā’’ti.

    ๒๑๕. ปุเพฺพ อนามสิตเขตฺตวิเสสํ อตฺตโน ทานมยํ ปุญฺญํ วตฺวา อิทานิ ตสฺส อายตนคตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภิกฺขู จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ภิกฺขูติ อนวเสสภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขูฯ ปรมหิตานุกมฺปเกติ ปรมํ อติวิย ทิฎฺฐธมฺมิกาทินา หิเตน อนุคฺคาหเกฯ อโภชยินฺติ ปณีเตน โภชเนน โภเชสิํฯ ตปสฺสิยุคนฺติ อุตฺตเมน ตปสา สพฺพกิเลสมลํ ตาเปตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา ฐิตตฺตา ตปสฺสิภูตํ ยุคํฯ มหามุนินฺติ ตโต เอว มหาอิสิภูตํ, มหโต วา อตฺตโน วิสยสฺส มหเนฺตเนว ญาเณน มุนนโต ปริจฺฉินฺทนโต มหามุนิํฯ สพฺพเมตํ เทฺว อคฺคสาวเก สนฺธาย วทติฯ

    215. Pubbe anāmasitakhettavisesaṃ attano dānamayaṃ puññaṃ vatvā idāni tassa āyatanagatataṃ dassetuṃ ‘‘bhikkhū cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha bhikkhūti anavasesabhinnakilesatāya bhikkhū. Paramahitānukampaketi paramaṃ ativiya diṭṭhadhammikādinā hitena anuggāhake. Abhojayinti paṇītena bhojanena bhojesiṃ. Tapassiyuganti uttamena tapasā sabbakilesamalaṃ tāpetvā samucchinditvā ṭhitattā tapassibhūtaṃ yugaṃ. Mahāmuninti tato eva mahāisibhūtaṃ, mahato vā attano visayassa mahanteneva ñāṇena munanato paricchindanato mahāmuniṃ. Sabbametaṃ dve aggasāvake sandhāya vadati.

    ๒๑๖. อปริมิตํ สุขาวหนฺติ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา วุตฺตํฯ ‘‘ยาวญฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) วจนโต ภควโตปิ วจนปถาตีตปริมาณรหิตสุขนิพฺพตฺตกํ อตฺตโน วา อานุภาเวน อปริมิตสุขาวหํ สุขสฺส อาวหนกํฯ สตตนฺติ สพฺพกาลํฯ ตํ ตํ อุโปสถรกฺขณทิวสํ อหาเปตฺวา, ตํ ตํ วา อุโปสถรกฺขณทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา ปริปุณฺณํ กตฺวา สตตํ วา สพฺพกาลํ สุขาวหนฺติ โยชนาฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    216.Aparimitaṃ sukhāvahanti anunāsikalopaṃ akatvā vuttaṃ. ‘‘Yāvañcidaṃ, bhikkhave, na sukaraṃ akkhānena pāpuṇituṃ yāva sukhā saggā’’ti (ma. ni. 3.255) vacanato bhagavatopi vacanapathātītaparimāṇarahitasukhanibbattakaṃ attano vā ānubhāvena aparimitasukhāvahaṃ sukhassa āvahanakaṃ. Satatanti sabbakālaṃ. Taṃ taṃ uposatharakkhaṇadivasaṃ ahāpetvā, taṃ taṃ vā uposatharakkhaṇadivasaṃ akhaṇḍaṃ katvā paripuṇṇaṃ katvā satataṃ vā sabbakālaṃ sukhāvahanti yojanā. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    อถ ภควา มาตุเทวปุตฺตปฺปมุขานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุวาสีนํ เทวพฺรหฺมสงฺฆานํ ตโย มาเส อภิธมฺมปิฎกํ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภทฺทิตฺถิวิมานํ ภิกฺขูนํ เทเสสิฯ สา เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา อโหสีติฯ

    Atha bhagavā mātudevaputtappamukhānaṃ dasasahassilokadhātuvāsīnaṃ devabrahmasaṅghānaṃ tayo māse abhidhammapiṭakaṃ desetvā manussalokaṃ āgantvā bhadditthivimānaṃ bhikkhūnaṃ desesi. Sā desanā sampattaparisāya sātthikā ahosīti.

    ภทฺทิตฺถิวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bhadditthivimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๕. ภทฺทิตฺถิวิมานวตฺถุ • 5. Bhadditthivimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact