Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๐๔] ๘. ภลฺลาติยชาตกวณฺณนา

    [504] 8. Bhallātiyajātakavaṇṇanā

    ภลฺลาติโย นาม อโหสิ ราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต มลฺลิกํ เทวิํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺสา กิร เอกทิวสํ รญฺญา สทฺธิํ สยนํ นิสฺสาย กลโห อโหสิฯ ราชา กุชฺฌิตฺวา นํ น โอโลเกสิฯ สา จิเนฺตสิ ‘‘นนุ ตถาคโต รโญฺญ มยิ กุทฺธภาวํ น ชานาตี’’ติฯ สตฺถา ตํ การณํ ญตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา รโญฺญ เคหทฺวารํ คโตฯ ราชา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปฎิปาฎิยา ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิฯ สตฺถา ‘‘กิํ นุ โข, มหาราช, มลฺลิกา น ปญฺญายตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺตโน สุขมทมตฺตตายา’’ติ วุเตฺต ‘‘นนุ, มหาราช, ตฺวํ ปุเพฺพ กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอกรตฺติํ กินฺนริยา วินา หุตฺวา สตฺต วสฺสสตานิ ปริเทวมาโน วิจรี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ

    Bhallātiyonāma ahosi rājāti idaṃ satthā jetavane viharanto mallikaṃ deviṃ ārabbha kathesi. Tassā kira ekadivasaṃ raññā saddhiṃ sayanaṃ nissāya kalaho ahosi. Rājā kujjhitvā naṃ na olokesi. Sā cintesi ‘‘nanu tathāgato rañño mayi kuddhabhāvaṃ na jānātī’’ti. Satthā taṃ kāraṇaṃ ñatvā punadivase bhikkhusaṅghaparivuto sāvatthiṃ piṇḍāya pavisitvā rañño gehadvāraṃ gato. Rājā paccuggantvā pattaṃ gahetvā satthāraṃ pāsādaṃ āropetvā paṭipāṭiyā bhikkhusaṅghaṃ nisīdāpetvā dakkhiṇodakaṃ datvā paṇītenāhārena parivisitvā bhattakiccāvasāne ekamantaṃ nisīdi. Satthā ‘‘kiṃ nu kho, mahārāja, mallikā na paññāyatī’’ti pucchitvā ‘‘attano sukhamadamattatāyā’’ti vutte ‘‘nanu, mahārāja, tvaṃ pubbe kinnarayoniyaṃ nibbattitvā ekarattiṃ kinnariyā vinā hutvā satta vassasatāni paridevamāno vicarī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.

    อตีเต พาราณสิยํ ภลฺลาติโย นาม ราชา รชฺชํ กาเรโนฺต ‘‘องฺคารปกฺกมิคมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ รชฺชํ อมจฺจานํ นิยฺยาเทตฺวา สนฺนทฺธปญฺจาวุโธ สุสิกฺขิตโกเลยฺยกสุณขคณปริวุโต นครา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อนุคงฺคํ คนฺตฺวา อุปริ อภิรุหิตุํ อสโกฺกโนฺต เอกํ คงฺคํ โอติณฺณนทิํ ทิสฺวา ตทนุสาเรน คจฺฉโนฺต มิคสูกราทโย วธิตฺวา องฺคารปกฺกมํสํ ขาทโนฺต อุจฺจฎฺฐานํ อภิรุหิฯ ตตฺถ รมณียา นทิกา ปริปุณฺณกาเล ถนปมาโณทกา หุตฺวา สนฺทติ, อญฺญทา ชณฺณุกปมาโณทกา โหติฯ ตตฺถ นานปฺปการกา มจฺฉกจฺฉปา วิจรนฺติฯ อุทกปริยเนฺต รชตปฎฺฎวณฺณวาลุกา อุโภสุ ตีเรสุ นานาปุปฺผผลภริตวินมิตา รุกฺขา ปุปฺผผลรสมเตฺตหิ นานาวิหงฺคมภมรคเณหิ สมฺปริกิณฺณา วิวิธมิคสงฺฆนิเสวิตา สีตจฺฉายาฯ เอวํ รมณียาย เหมวตนทิยา ตีเร เทฺว กินฺนรา อญฺญมญฺญํ อาลิงฺคิตฺวา ปริจุมฺพิตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปริเทวนฺตา โรทนฺติฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ bhallātiyo nāma rājā rajjaṃ kārento ‘‘aṅgārapakkamigamaṃsaṃ khādissāmī’’ti rajjaṃ amaccānaṃ niyyādetvā sannaddhapañcāvudho susikkhitakoleyyakasuṇakhagaṇaparivuto nagarā nikkhamitvā himavantaṃ pavisitvā anugaṅgaṃ gantvā upari abhiruhituṃ asakkonto ekaṃ gaṅgaṃ otiṇṇanadiṃ disvā tadanusārena gacchanto migasūkarādayo vadhitvā aṅgārapakkamaṃsaṃ khādanto uccaṭṭhānaṃ abhiruhi. Tattha ramaṇīyā nadikā paripuṇṇakāle thanapamāṇodakā hutvā sandati, aññadā jaṇṇukapamāṇodakā hoti. Tattha nānappakārakā macchakacchapā vicaranti. Udakapariyante rajatapaṭṭavaṇṇavālukā ubhosu tīresu nānāpupphaphalabharitavinamitā rukkhā pupphaphalarasamattehi nānāvihaṅgamabhamaragaṇehi samparikiṇṇā vividhamigasaṅghanisevitā sītacchāyā. Evaṃ ramaṇīyāya hemavatanadiyā tīre dve kinnarā aññamaññaṃ āliṅgitvā paricumbitvā nānappakārehi paridevantā rodanti.

    ราชา ตสฺสา นทิยา ตีเรน คนฺธมาทนํ อภิรุหโนฺต เต กินฺนเร ทิสฺวา ‘‘กิํ นุ โข เอเต เอวํ ปริเทวนฺติ, ปุจฺฉิสฺสามิ เน’’ติ จิเนฺตตฺวา สุนเข โอโลเกตฺวา อจฺฉรํ ปหริฯ สุสิกฺขิตโกเลยฺยกสุนขา ตาย สญฺญาย คุมฺพํ ปวิสิตฺวา อุเรน นิปชฺชิํสุฯ โส เตสํ ปฎิสลฺลีนภาวํ ญตฺวา ธนุกลาปเญฺจว เสสาวุธานิ จ รุกฺขํ นิสฺสาย ฐเปตฺวา ปทสทฺทํ อกโรโนฺต สณิกํ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กิํการณา ตุเมฺห โรทถา’’ติ กินฺนเร ปุจฺฉิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Rājā tassā nadiyā tīrena gandhamādanaṃ abhiruhanto te kinnare disvā ‘‘kiṃ nu kho ete evaṃ paridevanti, pucchissāmi ne’’ti cintetvā sunakhe oloketvā accharaṃ pahari. Susikkhitakoleyyakasunakhā tāya saññāya gumbaṃ pavisitvā urena nipajjiṃsu. So tesaṃ paṭisallīnabhāvaṃ ñatvā dhanukalāpañceva sesāvudhāni ca rukkhaṃ nissāya ṭhapetvā padasaddaṃ akaronto saṇikaṃ tesaṃ santikaṃ gantvā ‘‘kiṃkāraṇā tumhe rodathā’’ti kinnare pucchi. Tamatthaṃ pakāsento satthā tisso gāthā abhāsi –

    ๑๘๖.

    186.

    ‘‘ภลฺลาติโย นาม อโหสิ ราชา, รฎฺฐํ ปหาย มิควํ อจาริ โส;

    ‘‘Bhallātiyo nāma ahosi rājā, raṭṭhaṃ pahāya migavaṃ acāri so;

    อคมา คิริวรํ คนฺธมาทนํ, สุปุปฺผิตํ กิมฺปุริสานุจิณฺณํฯ

    Agamā girivaraṃ gandhamādanaṃ, supupphitaṃ kimpurisānuciṇṇaṃ.

    ๑๘๗.

    187.

    ‘‘สาฬูรสงฺฆญฺจ นิเสธยิตฺวา, ธนุํ กลาปญฺจ โส นิกฺขิปิตฺวา;

    ‘‘Sāḷūrasaṅghañca nisedhayitvā, dhanuṃ kalāpañca so nikkhipitvā;

    อุปาคมิ วจนํ วตฺตุกาโม, ยตฺถฎฺฐิตา กิมฺปุริสา อเหสุํฯ

    Upāgami vacanaṃ vattukāmo, yatthaṭṭhitā kimpurisā ahesuṃ.

    ๑๘๘.

    188.

    ‘‘หิมจฺจเย เหมวตาย ตีเร, กิมิธฎฺฐิตา มนฺตยโวฺห อภิณฺหํ;

    ‘‘Himaccaye hemavatāya tīre, kimidhaṭṭhitā mantayavho abhiṇhaṃ;

    ปุจฺฉามิ โว มานุสเทหวเณฺณ, กถํ โว ชานนฺติ มนุสฺสโลเก’’ติฯ

    Pucchāmi vo mānusadehavaṇṇe, kathaṃ vo jānanti manussaloke’’ti.

    ตตฺถ สาฬูรสงฺฆนฺติ สุนขคณํฯ หิมจฺจเยติ จตุนฺนํ เหมนฺตมาสานํ อติกฺกเมฯ เหมวตายาติ อิมิสฺสา เหมวตาย นทิยา ตีเรฯ

    Tattha sāḷūrasaṅghanti sunakhagaṇaṃ. Himaccayeti catunnaṃ hemantamāsānaṃ atikkame. Hemavatāyāti imissā hemavatāya nadiyā tīre.

    รโญฺญ วจนํ สุตฺวา กินฺนโร ตุณฺหี อโหสิ, กินฺนรี ปน รญฺญา สทฺธิํ สลฺลปิ –

    Rañño vacanaṃ sutvā kinnaro tuṇhī ahosi, kinnarī pana raññā saddhiṃ sallapi –

    ๑๘๙.

    189.

    ‘‘มลฺลํ คิริํ ปณฺฑรกํ ติกูฎํ, สีโตทกา อนุวิจราม นโชฺช;

    ‘‘Mallaṃ giriṃ paṇḍarakaṃ tikūṭaṃ, sītodakā anuvicarāma najjo;

    มิคา มนุสฺสาว นิภาสวณฺณา, ชานนฺติ โน กิมฺปุริสาติ ลุทฺทา’’ติฯ

    Migā manussāva nibhāsavaṇṇā, jānanti no kimpurisāti luddā’’ti.

    ตตฺถ มลฺลํ คิรินฺติ สมฺม ลุทฺทก, มยํ อิมํ มลฺลคิริญฺจ ปณฺฑรกญฺจ ติกูฎญฺจ อิมา จ นโชฺช อนุวิจรามฯ ‘‘มาลาคิริ’’นฺติปิ ปาโฐฯ นิภาสวณฺณาติ นิภาสมานวณฺณา, ทิสฺสมานสรีราติ อโตฺถฯ

    Tattha mallaṃ girinti samma luddaka, mayaṃ imaṃ mallagiriñca paṇḍarakañca tikūṭañca imā ca najjo anuvicarāma. ‘‘Mālāgiri’’ntipi pāṭho. Nibhāsavaṇṇāti nibhāsamānavaṇṇā, dissamānasarīrāti attho.

    ตโต ราชา ติโสฺส คาถา อภาสิ –

    Tato rājā tisso gāthā abhāsi –

    ๑๙๐.

    190.

    ‘‘สุกิจฺฉรูปํ ปริเทวยโวฺห, อาลิงฺคิโต จาสิ ปิโย ปิยาย;

    ‘‘Sukiccharūpaṃ paridevayavho, āliṅgito cāsi piyo piyāya;

    ปุจฺฉามิ โว มานุสเทหวเณฺณ, กิมิธ วเน โรทถ อปฺปตีตาฯ

    Pucchāmi vo mānusadehavaṇṇe, kimidha vane rodatha appatītā.

    ๑๙๑.

    191.

    ‘‘สุกิจฺฉรูปํ ปริเทวยโวฺห, อาลิงฺคิโต จาสิ ปิโย ปิยาย;

    ‘‘Sukiccharūpaṃ paridevayavho, āliṅgito cāsi piyo piyāya;

    ปุจฺฉามิ โว มานุสเทหวเณฺณ, กิมิธ วเน วิลปถ อปฺปตีตาฯ

    Pucchāmi vo mānusadehavaṇṇe, kimidha vane vilapatha appatītā.

    ๑๙๒.

    192.

    ‘‘สุกิจฺฉรูปํ ปริเทวยโวฺห, อาลิงฺคิโต จาสิ ปิโย ปิยาย;

    ‘‘Sukiccharūpaṃ paridevayavho, āliṅgito cāsi piyo piyāya;

    ปุจฺฉามิ โว มานุสเทหวเณฺณ, กิมิธ วเน โสจถ อปฺปตีตา’’ติฯ

    Pucchāmi vo mānusadehavaṇṇe, kimidha vane socatha appatītā’’ti.

    ตตฺถ สุกิจฺฉรูปนฺติ สุฎฺฐุ ทุกฺขปฺปตฺตา วิย หุตฺวาฯ อาลิงฺคิโต จาสิ ปิโย ปิยายาติ ตยา ปิยาย ตว ปิโย อาลิงฺคิโต จ อาสิฯ ‘‘อาลิงฺคิโย จาสี’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ กิมิธ วเนติ กิํการณา อิธ วเน อนฺตรนฺตรา อาลิงฺคิตฺวา ปริจุมฺพิตฺวา ปิยกถํ กเถตฺวา ปุน อปฺปตีตา โรทถาติฯ

    Tattha sukiccharūpanti suṭṭhu dukkhappattā viya hutvā. Āliṅgito cāsi piyo piyāyāti tayā piyāya tava piyo āliṅgito ca āsi. ‘‘Āliṅgiyo cāsī’’tipi pāṭho, ayamevattho. Kimidha vaneti kiṃkāraṇā idha vane antarantarā āliṅgitvā paricumbitvā piyakathaṃ kathetvā puna appatītā rodathāti.

    ตโต ปรา อุภินฺนมฺปิ อาลาปสลฺลาปคาถา โหนฺติ –

    Tato parā ubhinnampi ālāpasallāpagāthā honti –

    ๑๙๓.

    193.

    ‘‘มเยกรตฺตํ วิปฺปวสิมฺห ลุทฺท, อกามกา อญฺญมญฺญํ สรนฺตา;

    ‘‘Mayekarattaṃ vippavasimha ludda, akāmakā aññamaññaṃ sarantā;

    ตเมกรตฺตํ อนุตปฺปมานา, โสจาม ‘สา รตฺติ ปุนํ น โหสฺสติ’ฯ

    Tamekarattaṃ anutappamānā, socāma ‘sā ratti punaṃ na hossati’.

    ๑๙๔.

    194.

    ‘‘ยเมกรตฺตํ อนุตปฺปเถตํ, ธนํว นฎฺฐํ ปิตรํว เปตํ;

    ‘‘Yamekarattaṃ anutappathetaṃ, dhanaṃva naṭṭhaṃ pitaraṃva petaṃ;

    ปุจฺฉามิ โว มานุสเทหวเณฺณ, กถํ วินา วาสมกปฺปยิตฺถฯ

    Pucchāmi vo mānusadehavaṇṇe, kathaṃ vinā vāsamakappayittha.

    ๑๙๕.

    195.

    ‘‘ยมิมํ นทิํ ปสฺสสิ สีฆโสตํ, นานาทุมจฺฉาทนํ เสลกูลํ;

    ‘‘Yamimaṃ nadiṃ passasi sīghasotaṃ, nānādumacchādanaṃ selakūlaṃ;

    ตํ เม ปิโย อุตฺตริ วสฺสกาเล, มมญฺจ มญฺญํ อนุพนฺธตีติฯ

    Taṃ me piyo uttari vassakāle, mamañca maññaṃ anubandhatīti.

    ๑๙๖.

    196.

    ‘‘อหญฺจ อโงฺกลกโมจินามิ, อติมุตฺตกํ สตฺตลิโยถิกญฺจ;

    ‘‘Ahañca aṅkolakamocināmi, atimuttakaṃ sattaliyothikañca;

    ‘ปิโย จ เม เหหิติ มาลภารี, อหญฺจ นํ มาลินี อชฺฌุเปสฺสํ’ฯ

    ‘Piyo ca me hehiti mālabhārī, ahañca naṃ mālinī ajjhupessaṃ’.

    ๑๙๗.

    197.

    ‘‘อหญฺจิทํ กุรวกโมจินามิ, อุทฺทาลกา ปาฎลิสินฺธุวารกา;

    ‘‘Ahañcidaṃ kuravakamocināmi, uddālakā pāṭalisindhuvārakā;

    ‘ปิโย จ เม เหหิติ มาลภารี, อหญฺจ นํ มาลินี อชฺฌุเปสฺสํ’ฯ

    ‘Piyo ca me hehiti mālabhārī, ahañca naṃ mālinī ajjhupessaṃ’.

    ๑๙๘.

    198.

    ‘‘อหญฺจ สาลสฺส สุปุปฺผิตสฺส, โอเจยฺย ปุปฺผานิ กโรมิ มาลํ;

    ‘‘Ahañca sālassa supupphitassa, oceyya pupphāni karomi mālaṃ;

    ‘ปิโย จ เม เหหิติ มาลภารี, อหญฺจ นํ มาลินี อชฺฌุเปสฺสํ’ฯ

    ‘Piyo ca me hehiti mālabhārī, ahañca naṃ mālinī ajjhupessaṃ’.

    ๑๙๙.

    199.

    ‘‘อหญฺจ สาลสฺส สุปุปฺผิตสฺส, โอเจยฺย ปุปฺผานิ กโรมิ ภารํ;

    ‘‘Ahañca sālassa supupphitassa, oceyya pupphāni karomi bhāraṃ;

    อิทญฺจ โน เหหิติ สนฺถรตฺถํ, ยตฺถชฺชิมํ วิหริสฺสาม รตฺติํฯ

    Idañca no hehiti santharatthaṃ, yatthajjimaṃ viharissāma rattiṃ.

    ๒๐๐.

    200.

    ‘‘อหญฺจ โข อคฬุํ จนฺทนญฺจ, สิลาย ปิํสามิ ปมตฺตรูปา;

    ‘‘Ahañca kho agaḷuṃ candanañca, silāya piṃsāmi pamattarūpā;

    ‘ปิโย จ เม เหหิติ โรสิตโงฺค, อหญฺจ นํ โรสิตา อชฺฌุเปสฺสํ’ฯ

    ‘Piyo ca me hehiti rositaṅgo, ahañca naṃ rositā ajjhupessaṃ’.

    ๒๐๑.

    201.

    ‘‘อถาคมา สลิลํ สีฆโสตํ, นุทํ สาเล สลเฬ กณฺณิกาเร;

    ‘‘Athāgamā salilaṃ sīghasotaṃ, nudaṃ sāle salaḷe kaṇṇikāre;

    อาปูรถ เตน มุหุตฺตเกน, สายํ นที อาสิ มยา สุทุตฺตราฯ

    Āpūratha tena muhuttakena, sāyaṃ nadī āsi mayā suduttarā.

    ๒๐๒.

    202.

    ‘‘อุโภสุ ตีเรสุ มยํ ตทา ฐิตา, สมฺปสฺสนฺตา อุภโย อญฺญมญฺญํ;

    ‘‘Ubhosu tīresu mayaṃ tadā ṭhitā, sampassantā ubhayo aññamaññaṃ;

    สกิมฺปิ โรทาม สกิํ หสาม, กิเจฺฉน โน อาคมา สํวรี สาฯ

    Sakimpi rodāma sakiṃ hasāma, kicchena no āgamā saṃvarī sā.

    ๒๐๓.

    203.

    ‘‘ปาโตว โข อุคฺคเต สูริยมฺหิ, จตุกฺกํ นทิํ อุตฺตริยาน ลุทฺท;

    ‘‘Pātova kho uggate sūriyamhi, catukkaṃ nadiṃ uttariyāna ludda;

    อาลิงฺคิยา อญฺญมญฺญํ มยํ อุโภ, สกิมฺปิ โรทาม สกิํ หสามฯ

    Āliṅgiyā aññamaññaṃ mayaṃ ubho, sakimpi rodāma sakiṃ hasāma.

    ๒๐๔.

    204.

    ‘‘ตีหูนกํ สตฺต สตานิ ลุทฺท, ยมิธ มยํ วิปฺปวสิมฺห ปุเพฺพ;

    ‘‘Tīhūnakaṃ satta satāni ludda, yamidha mayaṃ vippavasimha pubbe;

    วเสฺสกิมํ ชีวิตํ ภูมิปาล, โก นีธ กนฺตาย วินา วเสยฺยฯ

    Vassekimaṃ jīvitaṃ bhūmipāla, ko nīdha kantāya vinā vaseyya.

    ๒๐๕.

    205.

    ‘‘อายุญฺจ โว กีวตโก นุ สมฺม, สเจปิ ชานาถ วเทถ อายุํ;

    ‘‘Āyuñca vo kīvatako nu samma, sacepi jānātha vadetha āyuṃ;

    อนุสฺสวา วุฑฺฒโต อาคมา วา, อกฺขาถ เมตํ อวิกมฺปมานาฯ

    Anussavā vuḍḍhato āgamā vā, akkhātha metaṃ avikampamānā.

    ๒๐๖.

    206.

    ‘‘อายุญฺจ โน วสฺสสหสฺสํ ลุทฺท, น จนฺตรา ปาปโก อตฺถิ โรโค;

    ‘‘Āyuñca no vassasahassaṃ ludda, na cantarā pāpako atthi rogo;

    อปฺปญฺจ ทุกฺขํ สุขเมว ภิโยฺย, อวีตราคา วิชหาม ชีวิต’’นฺติฯ

    Appañca dukkhaṃ sukhameva bhiyyo, avītarāgā vijahāma jīvita’’nti.

    ตตฺถ มเยกรตฺตนฺติ มยํ เอกรตฺตํฯ วิปฺปวสิมฺหาติ วิปฺปยุตฺตา หุตฺวา วสิมฺหฯ อนุตปฺปมานาติ ‘‘อนิจฺฉมานานํ โน เอกรโตฺต อตีโต’’ติ ตํ เอกรตฺตํ อนุจินฺตยมานาฯ ปุนํ น เหสฺสตีติ ปุน น ภวิสฺสติ นาคมิสฺสตีติ โสจามฯ ธนํว นฎฺฐํ ปิตรํว เปตนฺติ ธนํ วา นฎฺฐํ ปิตรํ วา มาตรํ วาเปตํ กาลกตํ กิํ นุ โข ตุเมฺห จินฺตยมานา เกน การเณน ตํ เอกรตฺตํ วินา วาสํ อกปฺปยิตฺถ, อิทํ เม อาจิกฺขถาติ ปุจฺฉติฯ ยมิมนฺติ ยํ อิมํฯ เสลกูลนฺติ ทฺวินฺนํ เสลานํ อนฺตเร สนฺทมานํฯ วสฺสกาเลติ เอกสฺส เมฆสฺส อุฎฺฐาย วสฺสนกาเล ฯ อมฺหากญฺหิ อิมสฺมิํ วนสเณฺฑ รติวเสน จรนฺตานํ เอโก เมโฆ อุฎฺฐหิฯ อถ เม ปิยสามิโก กินฺนโรมํ ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉตี’’ติ มญฺญมาโน เอตํ นทิํ อุตฺตรีติ อาหฯ

    Tattha mayekarattanti mayaṃ ekarattaṃ. Vippavasimhāti vippayuttā hutvā vasimha. Anutappamānāti ‘‘anicchamānānaṃ no ekaratto atīto’’ti taṃ ekarattaṃ anucintayamānā. Punaṃ na hessatīti puna na bhavissati nāgamissatīti socāma. Dhanaṃva naṭṭhaṃ pitaraṃva petanti dhanaṃ vā naṭṭhaṃ pitaraṃ vā mātaraṃ vāpetaṃ kālakataṃ kiṃ nu kho tumhe cintayamānā kena kāraṇena taṃ ekarattaṃ vinā vāsaṃ akappayittha, idaṃ me ācikkhathāti pucchati. Yamimanti yaṃ imaṃ. Selakūlanti dvinnaṃ selānaṃ antare sandamānaṃ. Vassakāleti ekassa meghassa uṭṭhāya vassanakāle . Amhākañhi imasmiṃ vanasaṇḍe rativasena carantānaṃ eko megho uṭṭhahi. Atha me piyasāmiko kinnaromaṃ ‘‘pacchato āgacchatī’’ti maññamāno etaṃ nadiṃ uttarīti āha.

    อหญฺจาติ อหํ ปเนตสฺส ปรตีรํ คตภาวํ อชานนฺตี สุปุปฺผิตานิ อโงฺกลกาทีนิ ปุปฺผานิ โอจินามิฯ ตตฺถ สตฺตลิโยถิกญฺจาติ กุนฺทาลปุปฺผญฺจ สุวณฺณโยถิกญฺจ โอจินนฺตี ปน ‘‘ปิโย จ เม มาลภารี ภวิสฺสติ, อหญฺจ นํ มาลินี หุตฺวา อชฺฌุเปสฺส’’นฺติ อิมินา การเณน โอจินามิฯ อุทฺทาลกา ปาฎลิสินฺธุวารกาติ เตปิ มยา โอจิตาเยวาติ วทติฯ โอเจยฺยาติ โอจินิตฺวาฯ อคฬุํ จนฺทนญฺจาติ กาฬาคฬุญฺจ รตฺตจนฺทนญฺจฯ โรสิตโงฺคติ วิลิตฺตสรีโรฯ โรสิตาติ วิลิตฺตา หุตฺวาฯ อชฺฌุเปสฺสนฺติ สยเน อุปคมิสฺสามิฯ นุทํ สาเล สลเฬ กณฺณิกาเรติ เอตานิ มยา โอจินิตฺวา ตีเร ฐปิตานิ ปุปฺผานิ นุทนฺตํ หรนฺตํฯ สุทุตฺตราติ ตสฺสา หิ โอริมตีเร ฐิตกาเลเยว นทิยา อุทกํ อาคตํ, ตงฺขณเญฺญว สูริโย อตฺถงฺคโต, วิชฺชุลตา นิจฺฉรนฺติ, กินฺนรา นาม อุทกภีรุกา โหนฺติ, อิติ สา โอตริตุํ น วิสหิฯ เตนาห ‘‘สายํ นที อาสิ มยา สุทุตฺตรา’’ติฯ

    Ahañcāti ahaṃ panetassa paratīraṃ gatabhāvaṃ ajānantī supupphitāni aṅkolakādīni pupphāni ocināmi. Tattha sattaliyothikañcāti kundālapupphañca suvaṇṇayothikañca ocinantī pana ‘‘piyo ca me mālabhārī bhavissati, ahañca naṃ mālinī hutvā ajjhupessa’’nti iminā kāraṇena ocināmi. Uddālakā pāṭalisindhuvārakāti tepi mayā ocitāyevāti vadati. Oceyyāti ocinitvā. Agaḷuṃ candanañcāti kāḷāgaḷuñca rattacandanañca. Rositaṅgoti vilittasarīro. Rositāti vilittā hutvā. Ajjhupessanti sayane upagamissāmi. Nudaṃ sāle salaḷe kaṇṇikāreti etāni mayā ocinitvā tīre ṭhapitāni pupphāni nudantaṃ harantaṃ. Suduttarāti tassā hi orimatīre ṭhitakāleyeva nadiyā udakaṃ āgataṃ, taṅkhaṇaññeva sūriyo atthaṅgato, vijjulatā niccharanti, kinnarā nāma udakabhīrukā honti, iti sā otarituṃ na visahi. Tenāha ‘‘sāyaṃ nadī āsi mayā suduttarā’’ti.

    สมฺปสฺสนฺตาติ วิชฺชุลตานิจฺฉรณกาเล ปสฺสนฺตาฯ โรทามาติ อนฺธการกาเล อปสฺสนฺตา โรทาม, วิชฺชุลตานิจฺฉรณกาเล ปสฺสนฺตา หสามฯ สํวรีติ รตฺติฯ จตุกฺกนฺติ ตุจฺฉํฯ อุตฺตริยานาติ อุตฺตริตฺวาฯ ตีหูนกนฺติ ตีหิ อูนานิ สตฺต วสฺสสตานิฯ ยมิธ มยนฺติ ยํ กาลํ อิธ มยํ วิปฺปวสิมฺห, โส อิโต ตีหิ อูนกานิ สตฺต วสฺสสตานิ โหนฺตีติ วทติฯ วเสฺสกิมนฺติ วสฺสํ เอกํ อิมํ, ตุมฺหากํ เอกเมว วสฺสสตํ อิมํ ชีวิตนฺติ วทติฯ โก นีธาติ เอวํ ปริตฺตเก ชีวิเต โก นุ อิธ กนฺตาย วินา ภเวยฺย, อยุตฺตํ ตว ปิยภริยาย วินา ภวิตุนฺติ ทีเปติฯ

    Sampassantāti vijjulatāniccharaṇakāle passantā. Rodāmāti andhakārakāle apassantā rodāma, vijjulatāniccharaṇakāle passantā hasāma. Saṃvarīti ratti. Catukkanti tucchaṃ. Uttariyānāti uttaritvā. Tīhūnakanti tīhi ūnāni satta vassasatāni. Yamidha mayanti yaṃ kālaṃ idha mayaṃ vippavasimha, so ito tīhi ūnakāni satta vassasatāni hontīti vadati. Vassekimanti vassaṃ ekaṃ imaṃ, tumhākaṃ ekameva vassasataṃ imaṃ jīvitanti vadati. Ko nīdhāti evaṃ parittake jīvite ko nu idha kantāya vinā bhaveyya, ayuttaṃ tava piyabhariyāya vinā bhavitunti dīpeti.

    กีวตโก นูติ ราชา กินฺนริยา วจนํ สุตฺวา ‘‘อิเมสํ อายุปฺปมาณํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ กิตฺตโก อายู’’ติ ปุจฺฉติฯ อนุสฺสวาติ สเจ โว กสฺสจิ วทนฺตสฺส วา สุตํ, มาตาปิตูนํ วา วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ สนฺติกา อาคโม อตฺถิ, อถ เม ตโต อนุสฺสวา วุฑฺฒโต อาคมา วา เอตํ อวิกมฺปมานา อกฺขาถฯ น จนฺตราติ อมฺหากํ วสฺสสหสฺสํ อายุ, อนฺตรา จ โน ปาปโก ชีวิตนฺตรายกโร โรโคปิ นตฺถิฯ อวีตราคาติ อญฺญมญฺญํ อวิคตเปมาว หุตฺวาฯ

    Kīvatako nūti rājā kinnariyā vacanaṃ sutvā ‘‘imesaṃ āyuppamāṇaṃ pucchissāmī’’ti cintetvā ‘‘tumhākaṃ kittako āyū’’ti pucchati. Anussavāti sace vo kassaci vadantassa vā sutaṃ, mātāpitūnaṃ vā vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ santikā āgamo atthi, atha me tato anussavā vuḍḍhato āgamā vā etaṃ avikampamānā akkhātha. Na cantarāti amhākaṃ vassasahassaṃ āyu, antarā ca no pāpako jīvitantarāyakaro rogopi natthi. Avītarāgāti aññamaññaṃ avigatapemāva hutvā.

    ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อิเม หิ นาม ติรจฺฉานคตา หุตฺวา เอกรตฺติํ วิปฺปโยเคน สตฺต วสฺสสตานิ โรทนฺตา วิจรนฺติ, อหํ ปน ติโยชนสติเก รเชฺช มหาสมฺปตฺติํ ปหาย อรเญฺญ วิจรามิ, อโห อกิจฺจการิมฺหี’’ติ ตโตว นิวโตฺต พาราณสิํ คนฺตฺวา ‘‘กิํ เต, มหาราช, หิมวเนฺต อจฺฉริยํ ทิฎฺฐ’’นฺติ อมเจฺจหิ ปุโฎฺฐ สพฺพํ อาโรเจตฺวา ตโต ปฎฺฐาย ทานานิ ททโนฺต โภเค ภุญฺชิฯ ตมตฺถํ ปกาเสโนฺต สตฺถา –

    Taṃ sutvā rājā ‘‘ime hi nāma tiracchānagatā hutvā ekarattiṃ vippayogena satta vassasatāni rodantā vicaranti, ahaṃ pana tiyojanasatike rajje mahāsampattiṃ pahāya araññe vicarāmi, aho akiccakārimhī’’ti tatova nivatto bārāṇasiṃ gantvā ‘‘kiṃ te, mahārāja, himavante acchariyaṃ diṭṭha’’nti amaccehi puṭṭho sabbaṃ ārocetvā tato paṭṭhāya dānāni dadanto bhoge bhuñji. Tamatthaṃ pakāsento satthā –

    ๒๐๗.

    207.

    ‘‘อิทญฺจ สุตฺวาน อมานุสานํ, ภลฺลาติโย อิตฺตรํ ชีวิตนฺติ;

    ‘‘Idañca sutvāna amānusānaṃ, bhallātiyo ittaraṃ jīvitanti;

    นิวตฺตถ น มิควํ อจริ, อทาสิ ทานานิ อภุญฺชิ โภเค’’ติฯ –

    Nivattatha na migavaṃ acari, adāsi dānāni abhuñji bhoge’’ti. –

    อิมํ คาถํ วตฺวา ปุน โอวทโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Imaṃ gāthaṃ vatvā puna ovadanto dve gāthā abhāsi –

    ๒๐๘.

    208.

    ‘‘อิทญฺจ สุตฺวาน อมานุสานํ, สโมฺมทถ มา กลหํ อกตฺถ;

    ‘‘Idañca sutvāna amānusānaṃ, sammodatha mā kalahaṃ akattha;

    มา โว ตปี อตฺตกมฺมาปราโธ, ยถาปิ เต กิมฺปุริเสกรตฺตํฯ

    Mā vo tapī attakammāparādho, yathāpi te kimpurisekarattaṃ.

    ๒๐๙.

    209.

    ‘‘อิทญฺจ สุตฺวาน อมานุสานํ, สโมฺมทถ มา วิวาทํ อกตฺถ;

    ‘‘Idañca sutvāna amānusānaṃ, sammodatha mā vivādaṃ akattha;

    มา โว ตปี อตฺตกมฺมาปราโธ, ยถาปิ เต กิมฺปุริเสกรตฺต’’นฺติฯ

    Mā vo tapī attakammāparādho, yathāpi te kimpurisekaratta’’nti.

    ตตฺถ อมานุสานนฺติ กินฺนรานํฯ อตฺตกมฺมาปราโธติ อตฺตโน กมฺมโทโสฯ กิมฺปุริเสกรตฺตนฺติ ยถา เต กิมฺปุริเส เอกรตฺติํ กโต อตฺตโน กมฺมโทโส ตปิ, ตถา ตุเมฺหปิ มา ตปีติ อโตฺถฯ

    Tattha amānusānanti kinnarānaṃ. Attakammāparādhoti attano kammadoso. Kimpurisekarattanti yathā te kimpurise ekarattiṃ kato attano kammadoso tapi, tathā tumhepi mā tapīti attho.

    มลฺลิกา เทวี ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อุฎฺฐายาสนา อญฺชลิํ ปคฺคยฺห ทสพลสฺส ถุติํ กโรนฺตี โอสานคาถมาห –

    Mallikā devī tathāgatassa dhammadesanaṃ sutvā uṭṭhāyāsanā añjaliṃ paggayha dasabalassa thutiṃ karontī osānagāthamāha –

    ๒๑๐.

    210.

    ‘‘วิวิธํ อธิมนา สุโณมหํ, วจนปถํ ตว อตฺถสํหิตํ;

    ‘‘Vividhaṃ adhimanā suṇomahaṃ, vacanapathaṃ tava atthasaṃhitaṃ;

    มุญฺจํ คิรํ นุทเสว เม ทรํ, สมณ สุขาวห ชีว เม จิร’’นฺติฯ

    Muñcaṃ giraṃ nudaseva me daraṃ, samaṇa sukhāvaha jīva me cira’’nti.

    ตตฺถ วิวิธํ อธิมนา สุโณมหนฺติ ภเนฺต, ตุเมฺหหิ วิวิเธหิ นานาการเณหิ อลงฺกริตฺวา เทสิตํ ธมฺมเทสนํ อหํ อธิมนา ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา สุโณมิฯ วจนปถนฺติ ตํ ตุเมฺหหิ วุตฺตํ วิวิธวจนํฯ มุญฺจํ คิรํ นุทเสว เม ทรนฺติ กณฺณสุขํ มธุรํ คิรํ มุญฺจโนฺต มม หทเย โสกทรถํ นุทสิเยว หรสิเยวฯ สมณ สุขาวห ชีว เม จิรนฺติ ภเนฺต พุทฺธสมณ, ทิพฺพมานุสโลกิยโลกุตฺตรสุขาวห มม สามิ ธมฺมราช, จิรํ ชีวาติฯ

    Tattha vividhaṃ adhimanā suṇomahanti bhante, tumhehi vividhehi nānākāraṇehi alaṅkaritvā desitaṃ dhammadesanaṃ ahaṃ adhimanā pasannacittā hutvā suṇomi. Vacanapathanti taṃ tumhehi vuttaṃ vividhavacanaṃ. Muñcaṃ giraṃ nudaseva me daranti kaṇṇasukhaṃ madhuraṃ giraṃ muñcanto mama hadaye sokadarathaṃ nudasiyeva harasiyeva. Samaṇasukhāvaha jīva me ciranti bhante buddhasamaṇa, dibbamānusalokiyalokuttarasukhāvaha mama sāmi dhammarāja, ciraṃ jīvāti.

    โกสลราชา ตโต ปฎฺฐาย ตาย สทฺธิํ สมคฺควาสํ วสิฯ

    Kosalarājā tato paṭṭhāya tāya saddhiṃ samaggavāsaṃ vasi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กินฺนโร โกสลราชา อโหสิ, กินฺนรี มลฺลิกา เทวี, ภลฺลาติยราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kinnaro kosalarājā ahosi, kinnarī mallikā devī, bhallātiyarājā ahameva ahosi’’nti.

    ภลฺลาติยชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ

    Bhallātiyajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๐๔. ภลฺลาติยชาตกํ • 504. Bhallātiyajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact