Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā |
๑๐. ภณฺฑปฎิสามนวินิจฺฉยกถา
10. Bhaṇḍapaṭisāmanavinicchayakathā
๕๓. ภณฺฑสฺส ปฎิสามนนฺติ ปเรสํ ภณฺฑสฺส โคปนํฯ ปเรสญฺหิ (ปาจิ. อฎฺฐ. ๕๐๖) กปฺปิยวตฺถุ วา โหตุ อกปฺปิยวตฺถุ วา, อนฺตมโส มาตุ กณฺณปิฬนฺธนํ กาลปณฺณมฺปิ คิหิสนฺตกํ ภณฺฑาคาริกสีเสน ปฎิสาเมนฺตสฺส ปาจิตฺติยํฯ สเจ ปน มาตาปิตูนํ สนฺตกํ อวสฺสํ ปฎิสาเมตพฺพํ กปฺปิยภณฺฑํ โหติ, อตฺตโน อตฺถาย คเหตฺวา ปฎิสาเมตพฺพํฯ ‘‘อิทํ ปฎิสาเมตฺวา เทหี’’ติ ปน วุเตฺต ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ ปฎิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ ‘‘ปฎิสาเมหี’’ติ ปาเตตฺวา คจฺฉนฺติ, ปลิโพโธ นาม โหติ, ปฎิสาเมตุํ วฎฺฎติฯ วิหาเร กมฺมํ กโรนฺตา วฑฺฒกีอาทโย วา ราชวลฺลภา วา ‘‘อตฺตโน อุปกรณภณฺฑํ วา สยนภณฺฑํ วา ปฎิสาเมตฺวา เทถา’’ติ วทนฺติ, ฉเนฺทนปิ ภเยนปิ น กาตพฺพเมว, คุตฺตฎฺฐานํ ปน ทเสฺสตุํ วฎฺฎติ, พลกฺกาเรน ปาเตตฺวา คเตสุ จ ปฎิสาเมตุํฯ
53.Bhaṇḍassapaṭisāmananti paresaṃ bhaṇḍassa gopanaṃ. Paresañhi (pāci. aṭṭha. 506) kappiyavatthu vā hotu akappiyavatthu vā, antamaso mātu kaṇṇapiḷandhanaṃ kālapaṇṇampi gihisantakaṃ bhaṇḍāgārikasīsena paṭisāmentassa pācittiyaṃ. Sace pana mātāpitūnaṃ santakaṃ avassaṃ paṭisāmetabbaṃ kappiyabhaṇḍaṃ hoti, attano atthāya gahetvā paṭisāmetabbaṃ. ‘‘Idaṃ paṭisāmetvā dehī’’ti pana vutte ‘‘na vaṭṭatī’’ti paṭikkhipitabbaṃ. Sace ‘‘paṭisāmehī’’ti pātetvā gacchanti, palibodho nāma hoti, paṭisāmetuṃ vaṭṭati. Vihāre kammaṃ karontā vaḍḍhakīādayo vā rājavallabhā vā ‘‘attano upakaraṇabhaṇḍaṃ vā sayanabhaṇḍaṃ vā paṭisāmetvā dethā’’ti vadanti, chandenapi bhayenapi na kātabbameva, guttaṭṭhānaṃ pana dassetuṃ vaṭṭati, balakkārena pātetvā gatesu ca paṭisāmetuṃ.
สเจ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๑) อตฺตโน หเตฺถ ปฎิสามนตฺถาย ฐปิตํ ภณฺฑํ สามิเกน ‘‘เทหิ เม ภณฺฑ’’นฺติ ยาจิโต อทาตุกาโม ‘‘นาหํ คณฺหามี’’ติ ภณติ, สมฺปชานมุสาวาเทปิ อทินฺนาทานสฺส ปโยคตฺตา ทุกฺกฎํฯ ‘‘กิํ ตุเมฺห ภณถ, เนวิทํ มยฺหํ อนุรูปํ, น ตุมฺหาก’’นฺติอาทีนิ วทนฺตสฺสปิ ทุกฺกฎเมวฯ ‘‘รโห มยา เอตสฺส หเตฺถ ฐปิตํ, น อโญฺญ โกจิ ชานาติ, ทสฺสติ นุ โข เม, โน’’ติ สามิโก วิมติํ อุปฺปาเทติ, ภิกฺขุสฺส ถุลฺลจฺจยํฯ ตสฺส ผรุสาทิภาวํ ทิสฺวา สามิโก ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, ตตฺร สจายํ ภิกฺขุ ‘‘กิลเมตฺวา นํ ทสฺสามี’’ติ ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาวฯ สเจปิ โส ทาเน นิรุสฺสาโห, ภณฺฑสามิโก ปน คหเณ สอุสฺสาโห, รกฺขติเยวฯ ยทิ ปน ตสฺมิํ ทาเน นิรุสฺสาโห ภณฺฑสามิโก ‘‘น มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ ธุรํ นิกฺขิปติ, เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิกํฯ ยทิปิ มุเขน ‘‘ทสฺสามี’’ติ วทติ, จิเตฺตน ปน อทาตุกาโม, เอวมฺปิ สามิกสฺส ธุรนิเกฺขเป ปาราชิกํฯ ตํ ปน สโงฺคปนตฺถาย อตฺตโน หเตฺถ ปเรหิ ฐปิตํ ภณฺฑํ อคุตฺตเทสโต ฐานา จาเวตฺวา คุตฺตฎฺฐาเน ฐปนตฺถาย หรโต อนาปตฺติฯ เถยฺยจิเตฺตนปิ ฐานา จาเวนฺตสฺส อวหาโร นตฺถิฯ กสฺมา? อตฺตโน หเตฺถ นิกฺขิตฺตตฺตา, ภณฺฑเทยฺยํ ปน โหติฯ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโตปิ เอเสว นโยฯ
Sace (pārā. aṭṭha. 1.111) attano hatthe paṭisāmanatthāya ṭhapitaṃ bhaṇḍaṃ sāmikena ‘‘dehi me bhaṇḍa’’nti yācito adātukāmo ‘‘nāhaṃ gaṇhāmī’’ti bhaṇati, sampajānamusāvādepi adinnādānassa payogattā dukkaṭaṃ. ‘‘Kiṃ tumhe bhaṇatha, nevidaṃ mayhaṃ anurūpaṃ, na tumhāka’’ntiādīni vadantassapi dukkaṭameva. ‘‘Raho mayā etassa hatthe ṭhapitaṃ, na añño koci jānāti, dassati nu kho me, no’’ti sāmiko vimatiṃ uppādeti, bhikkhussa thullaccayaṃ. Tassa pharusādibhāvaṃ disvā sāmiko ‘‘na mayhaṃ dassatī’’ti dhuraṃ nikkhipati, tatra sacāyaṃ bhikkhu ‘‘kilametvā naṃ dassāmī’’ti dāne saussāho, rakkhati tāva. Sacepi so dāne nirussāho, bhaṇḍasāmiko pana gahaṇe saussāho, rakkhatiyeva. Yadi pana tasmiṃ dāne nirussāho bhaṇḍasāmiko ‘‘na mayhaṃ dassatī’’ti dhuraṃ nikkhipati, evaṃ ubhinnaṃ dhuranikkhepena bhikkhuno pārājikaṃ. Yadipi mukhena ‘‘dassāmī’’ti vadati, cittena pana adātukāmo, evampi sāmikassa dhuranikkhepe pārājikaṃ. Taṃ pana saṅgopanatthāya attano hatthe parehi ṭhapitaṃ bhaṇḍaṃ aguttadesato ṭhānā cāvetvā guttaṭṭhāne ṭhapanatthāya harato anāpatti. Theyyacittenapi ṭhānā cāventassa avahāro natthi. Kasmā? Attano hatthe nikkhittattā, bhaṇḍadeyyaṃ pana hoti. Theyyacittena paribhuñjatopi eseva nayo.
๕๔. ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ สนฺตกํ ปน ยํ กิญฺจิ ปริกฺขารํ ปฎิสาเมตุํ วฎฺฎติฯ สเจ อาคนฺตุโก ภิกฺขุ อาวาสิกานํ จีวรกมฺมํ กโรนฺตานํ สมีเป ปตฺตจีวรํ ฐเปตฺวา ‘‘เอเต สโงฺคเปสฺสนฺตี’’ติ มญฺญมาโน นหายิตุํ วา อญฺญตฺร วา คจฺฉติ, สเจ ตํ อาวาสิกา สโงฺคเปนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ, นเฎฺฐ คีวา น โหติฯ สเจปิ โส ‘‘อิทํ, ภเนฺต, ฐเปถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติ, อิตเร จ กิจฺจปสุตตฺตา น ชานนฺติ, เอเสว นโยฯ อถาปิ เต ‘‘อิทํ, ภเนฺต, ฐเปถา’’ติ วุตฺตา ‘‘มยํ พฺยาวฎา’’ติ ปฎิกฺขิปนฺติ, อิตโร จ ‘‘อวสฺสํ ฐเปสฺสนฺตี’’ติ อนาทิยิตฺวา คจฺฉติ, เอเสว นโยฯ สเจ ปน เต เตน ยาจิตา วา อยาจิตา วา ‘‘มยํ ฐเปสฺสาม, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ วทนฺติ, ตํ สโงฺคปิตพฺพํฯ โน เจ สโงฺคเปนฺติ, นเฎฺฐ คีวาฯ กสฺมา? สมฺปฎิจฺฉิตตฺตาฯ
54. Pañcannaṃ sahadhammikānaṃ santakaṃ pana yaṃ kiñci parikkhāraṃ paṭisāmetuṃ vaṭṭati. Sace āgantuko bhikkhu āvāsikānaṃ cīvarakammaṃ karontānaṃ samīpe pattacīvaraṃ ṭhapetvā ‘‘ete saṅgopessantī’’ti maññamāno nahāyituṃ vā aññatra vā gacchati, sace taṃ āvāsikā saṅgopenti, iccetaṃ kusalaṃ. No ce, naṭṭhe gīvā na hoti. Sacepi so ‘‘idaṃ, bhante, ṭhapethā’’ti vatvā gacchati, itare ca kiccapasutattā na jānanti, eseva nayo. Athāpi te ‘‘idaṃ, bhante, ṭhapethā’’ti vuttā ‘‘mayaṃ byāvaṭā’’ti paṭikkhipanti, itaro ca ‘‘avassaṃ ṭhapessantī’’ti anādiyitvā gacchati, eseva nayo. Sace pana te tena yācitā vā ayācitā vā ‘‘mayaṃ ṭhapessāma, tvaṃ gacchā’’ti vadanti, taṃ saṅgopitabbaṃ. No ce saṅgopenti, naṭṭhe gīvā. Kasmā? Sampaṭicchitattā.
โย ภิกฺขุ ภณฺฑาคาริโก หุตฺวา ปจฺจูสสมเย เอว ภิกฺขูนํ ปตฺตจีวรานิ เหฎฺฐาปาสาทํ โอโรเปตฺวา ทฺวารํ อปิทหิตฺวา เตสมฺปิ อนาโรเจตฺวาว ทูเร ภิกฺขาจารํ คจฺฉติ, ตานิ เจ โจรา หรนฺติ, ตเสฺสว คีวาฯ โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ‘‘โอโรเปถ, ภเนฺต, ปตฺตจีวรานิ, กาโล สลากคฺคหณสฺสา’’ติ วุโตฺต ‘‘สมาคตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม สมาคตามฺหา’’ติ วุเตฺต ปตฺตจีวรานิ นีหริตฺวา นิกฺขิปิตฺวา ภณฺฑาคารทฺวารํ พนฺธิตฺวา ‘‘ตุเมฺห ปตฺตจีวรานิ คเหตฺวา เหฎฺฐาปาสาททฺวารํ ปฎิชคฺคิตฺวา คเจฺฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา คจฺฉติฯ ตตฺร เจโก อลสชาติโก ภิกฺขุ ภิกฺขูสุ คเตสุ ปจฺฉา อกฺขีนิ ปุญฺฉโนฺต อุฎฺฐหิตฺวา อุทกฎฺฐานํ มุขโธวนตฺถํ คจฺฉติ, ตํ ขณํ ทิสฺวา โจรา ตสฺส ปตฺตจีวรํ หรนฺติ, สุหฎํ, ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติฯ
Yo bhikkhu bhaṇḍāgāriko hutvā paccūsasamaye eva bhikkhūnaṃ pattacīvarāni heṭṭhāpāsādaṃ oropetvā dvāraṃ apidahitvā tesampi anārocetvāva dūre bhikkhācāraṃ gacchati, tāni ce corā haranti, tasseva gīvā. Yo pana bhikkhu bhikkhūhi ‘‘oropetha, bhante, pattacīvarāni, kālo salākaggahaṇassā’’ti vutto ‘‘samāgatātthā’’ti pucchitvā ‘‘āma samāgatāmhā’’ti vutte pattacīvarāni nīharitvā nikkhipitvā bhaṇḍāgāradvāraṃ bandhitvā ‘‘tumhe pattacīvarāni gahetvā heṭṭhāpāsādadvāraṃ paṭijaggitvā gaccheyyāthā’’ti vatvā gacchati. Tatra ceko alasajātiko bhikkhu bhikkhūsu gatesu pacchā akkhīni puñchanto uṭṭhahitvā udakaṭṭhānaṃ mukhadhovanatthaṃ gacchati, taṃ khaṇaṃ disvā corā tassa pattacīvaraṃ haranti, suhaṭaṃ, bhaṇḍāgārikassa gīvā na hoti.
สเจปิ โกจิ ภณฺฑาคาริกสฺส อนาโรเจตฺวาว ภณฺฑาคาเร อตฺตโน ปริกฺขารํ ฐเปติ, ตสฺมิมฺปิ นเฎฺฐ ภณฺฑาคาริกสฺส คีวา น โหติฯ สเจ ปน ภณฺฑาคาริโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อฎฺฐาเน ฐปิต’’นฺติ คเหตฺวา ฐเปติ, นเฎฺฐ ตเสฺสว คีวาฯ สเจปิ ฐปิตภิกฺขุนา ‘‘มยา, ภเนฺต, อีทิโส นาม ปริกฺขาโร ฐปิโต, อุปธาเรยฺยาถา’’ติ วุโตฺต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉติ, ทุนฺนิกฺขิตฺตํ วา มญฺญมาโน อญฺญสฺมิํ ฐาเน ฐเปติ, นเฎฺฐ ตเสฺสว คีวาฯ ‘‘นาหํ ชานามี’’ติ ปฎิกฺขิปนฺตสฺส ปน นตฺถิ คีวาฯ โยปิ ตสฺส ปสฺสนฺตเสฺสว ฐเปติ, ภณฺฑาคาริกญฺจ น สมฺปฎิจฺฉาเปติ, นฎฺฐํ สุนฎฺฐเมวฯ สเจ ปน นํ ภณฺฑาคาริโก อญฺญตฺร ฐเปติ, นเฎฺฐ คีวา ฯ สเจ ภณฺฑาคารํ สุคุตฺตํ, สโพฺพ สงฺฆสฺส เจติยสฺส จ ปริกฺขาโร ตเตฺถว ฐปียติ, ภณฺฑาคาริโก จ พาโล อพฺยโตฺต ทฺวารํ วิวริตฺวา ธมฺมกถํ วา โสตุํ อญฺญํ วา กิญฺจิ กาตุํ กตฺถจิ คจฺฉติ, ตํ ขณํ ทิสฺวา ยตฺตกํ โจรา หรนฺติ, สพฺพํ ตสฺส คีวาฯ ภณฺฑาคารโต นิกฺขมิตฺวา พหิ จงฺกมนฺตสฺส วา ทฺวารํ วิวริตฺวา สรีรํ อุตุํ คาหาเปนฺตสฺส วา ตเตฺถว สมณธมฺมานุโยเคน นิสินฺนสฺส วา ตเตฺถว นิสีทิตฺวา เกนจิ กเมฺมน พฺยาวฎสฺส วา อุจฺจารปสฺสาวปีฬิตสฺสปิ สโต ตเตฺถว อุปจาเร วิชฺชมาเน พหิ คจฺฉโต วา อเญฺญน วา เกนจิ อากาเรน ปมตฺตสฺส สโต ทฺวารํ วิวริตฺวา วา วิวฎเมว ปวิสิตฺวา วา สนฺธิํ ฉินฺทิตฺวา วา ยตฺตกํ ตสฺส ปมาทปจฺจยา โจรา หรนฺติ, สพฺพํ ตเสฺสว คีวาฯ ‘‘อุณฺหสมเย ปน วาตปานํ วิวริตฺวา นิปชฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ อุจฺจารปีฬิตสฺส ปน ตสฺมิํ อุปจาเร อสติ อญฺญตฺถ คจฺฉนฺตสฺส คิลานปเกฺข ฐิตตฺตา อวิสโย, ตสฺมา คีวา น โหติฯ
Sacepi koci bhaṇḍāgārikassa anārocetvāva bhaṇḍāgāre attano parikkhāraṃ ṭhapeti, tasmimpi naṭṭhe bhaṇḍāgārikassa gīvā na hoti. Sace pana bhaṇḍāgāriko taṃ disvā ‘‘aṭṭhāne ṭhapita’’nti gahetvā ṭhapeti, naṭṭhe tasseva gīvā. Sacepi ṭhapitabhikkhunā ‘‘mayā, bhante, īdiso nāma parikkhāro ṭhapito, upadhāreyyāthā’’ti vutto ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchati, dunnikkhittaṃ vā maññamāno aññasmiṃ ṭhāne ṭhapeti, naṭṭhe tasseva gīvā. ‘‘Nāhaṃ jānāmī’’ti paṭikkhipantassa pana natthi gīvā. Yopi tassa passantasseva ṭhapeti, bhaṇḍāgārikañca na sampaṭicchāpeti, naṭṭhaṃ sunaṭṭhameva. Sace pana naṃ bhaṇḍāgāriko aññatra ṭhapeti, naṭṭhe gīvā . Sace bhaṇḍāgāraṃ suguttaṃ, sabbo saṅghassa cetiyassa ca parikkhāro tattheva ṭhapīyati, bhaṇḍāgāriko ca bālo abyatto dvāraṃ vivaritvā dhammakathaṃ vā sotuṃ aññaṃ vā kiñci kātuṃ katthaci gacchati, taṃ khaṇaṃ disvā yattakaṃ corā haranti, sabbaṃ tassa gīvā. Bhaṇḍāgārato nikkhamitvā bahi caṅkamantassa vā dvāraṃ vivaritvā sarīraṃ utuṃ gāhāpentassa vā tattheva samaṇadhammānuyogena nisinnassa vā tattheva nisīditvā kenaci kammena byāvaṭassa vā uccārapassāvapīḷitassapi sato tattheva upacāre vijjamāne bahi gacchato vā aññena vā kenaci ākārena pamattassa sato dvāraṃ vivaritvā vā vivaṭameva pavisitvā vā sandhiṃ chinditvā vā yattakaṃ tassa pamādapaccayā corā haranti, sabbaṃ tasseva gīvā. ‘‘Uṇhasamaye pana vātapānaṃ vivaritvā nipajjituṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Uccārapīḷitassa pana tasmiṃ upacāre asati aññattha gacchantassa gilānapakkhe ṭhitattā avisayo, tasmā gīvā na hoti.
๕๕. โย ปน อโนฺต อุณฺหปีฬิโต ทฺวารํ สุคุตฺตํ กตฺวา พหิ นิกฺขมติ, โจรา ตํ คเหตฺวา ‘‘ทฺวารํ วิวรา’’ติ วทนฺติ, ยาวตติยํ น วิวริตพฺพํฯ ยทิ ปน เต โจรา ‘‘สเจ น วิวรสิ, ตญฺจ มาเรสฺสาม, ทฺวารญฺจ ภินฺทิตฺวา ปริกฺขารํ หริสฺสามา’’ติ ผรสุอาทีนิ อุกฺขิปนฺติ, ‘‘มยิ จ มเต สงฺฆสฺส จ เสนาสเน วินเฎฺฐ คุโณ นตฺถี’’ติ วิวริตุํ วฎฺฎติฯ อิธาปิ ‘‘อวิสยตฺตา คีวา นตฺถี’’ติ วทนฺติฯ สเจ โกจิ อาคนฺตุโก กุญฺจิกํ วา เทติ, ทฺวารํ วา วิวรติ, ยตฺตกํ โจรา หรนฺติ, สพฺพํ ตสฺส คีวาฯ สเงฺฆน ภณฺฑาคารํ คุตฺตตฺถาย สูจิยนฺตกญฺจ กุญฺจิกมุทฺทิกา จ โยเชตฺวา ทินฺนา โหติ, ภณฺฑาคาริโก ฆฎิกมตฺตํ ทตฺวา นิปชฺชติ, โจรา วิวริตฺวา ปริกฺขารํ หรนฺติ, ตเสฺสว คีวาฯ สูจิยนฺตกญฺจ กุญฺจิกมุทฺทิกญฺจ โยเชตฺวา นิปนฺนํ ปเนตํ สเจ โจรา อาคนฺตฺวา ‘‘ทฺวารํ วิวราหี’’ติ วทนฺติ, ตตฺถ ปุริมนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ เอวํ สุคุตฺตํ กตฺวา นิปเนฺน ปน สเจ ภิตฺติํ วา ฉทนํ วา ภินฺทิตฺวา อุมเงฺคน วา ปวิสิตฺวา หรนฺติ, น ตสฺส คีวาฯ
55. Yo pana anto uṇhapīḷito dvāraṃ suguttaṃ katvā bahi nikkhamati, corā taṃ gahetvā ‘‘dvāraṃ vivarā’’ti vadanti, yāvatatiyaṃ na vivaritabbaṃ. Yadi pana te corā ‘‘sace na vivarasi, tañca māressāma, dvārañca bhinditvā parikkhāraṃ harissāmā’’ti pharasuādīni ukkhipanti, ‘‘mayi ca mate saṅghassa ca senāsane vinaṭṭhe guṇo natthī’’ti vivarituṃ vaṭṭati. Idhāpi ‘‘avisayattā gīvā natthī’’ti vadanti. Sace koci āgantuko kuñcikaṃ vā deti, dvāraṃ vā vivarati, yattakaṃ corā haranti, sabbaṃ tassa gīvā. Saṅghena bhaṇḍāgāraṃ guttatthāya sūciyantakañca kuñcikamuddikā ca yojetvā dinnā hoti, bhaṇḍāgāriko ghaṭikamattaṃ datvā nipajjati, corā vivaritvā parikkhāraṃ haranti, tasseva gīvā. Sūciyantakañca kuñcikamuddikañca yojetvā nipannaṃ panetaṃ sace corā āgantvā ‘‘dvāraṃ vivarāhī’’ti vadanti, tattha purimanayeneva paṭipajjitabbaṃ. Evaṃ suguttaṃ katvā nipanne pana sace bhittiṃ vā chadanaṃ vā bhinditvā umaṅgena vā pavisitvā haranti, na tassa gīvā.
สเจ ภณฺฑาคาเร อเญฺญปิ เถรา วสนฺติ, วิวเฎ ทฺวาเร อตฺตโน อตฺตโน ปริกฺขารํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, ภณฺฑาคาริโก เตสุ คเตสุ ทฺวารํ น ชคฺคติ, สเจ ตตฺถ กิญฺจิ อวหรียติ, ภณฺฑาคาริกสฺส อิสฺสรวตาย ภณฺฑาคาริกเสฺสว คีวา, เถเรหิ ปน สหาเยหิ ภวิตพฺพํฯ อยญฺหิ สามีจิฯ ยทิ ภณฺฑาคาริโก ‘‘ตุเมฺห พหิ ฐตฺวา ตุมฺหากํ ปริกฺขารํ คณฺหถ , มา ปวิสิตฺถา’’ติ วทติ, เตสญฺจ เอโก โลลมหาเถโร สามเณเรหิ เจว อุปฎฺฐาเกหิ จ สทฺธิํ ภณฺฑาคารํ ปวิสิตฺวา นิสีทติ เจว นิปชฺชติ จ, ยตฺตกํ ภณฺฑํ นสฺสติ, สพฺพํ ตสฺส คีวา, ภณฺฑาคาริเกน ปน อวเสสเถเรหิ จ สหาเยหิ ภวิตพฺพํฯ อถ ภณฺฑาคาริโกว โลลสามเณเร จ อุปฎฺฐาเก จ คเหตฺวา ภณฺฑาคาเร นิสีทติ เจว นิปชฺชติ จ, ยตฺตกํ นสฺสติ, สพฺพํ ตเสฺสว คีวาฯ ตสฺมา ภณฺฑาคาริเกเนว ตตฺถ วสิตพฺพํ, อวเสเสหิ อเปฺปว รุกฺขมูเล วสิตพฺพํ, น จ ภณฺฑาคาเรติฯ
Sace bhaṇḍāgāre aññepi therā vasanti, vivaṭe dvāre attano attano parikkhāraṃ gahetvā gacchanti, bhaṇḍāgāriko tesu gatesu dvāraṃ na jaggati, sace tattha kiñci avaharīyati, bhaṇḍāgārikassa issaravatāya bhaṇḍāgārikasseva gīvā, therehi pana sahāyehi bhavitabbaṃ. Ayañhi sāmīci. Yadi bhaṇḍāgāriko ‘‘tumhe bahi ṭhatvā tumhākaṃ parikkhāraṃ gaṇhatha , mā pavisitthā’’ti vadati, tesañca eko lolamahāthero sāmaṇerehi ceva upaṭṭhākehi ca saddhiṃ bhaṇḍāgāraṃ pavisitvā nisīdati ceva nipajjati ca, yattakaṃ bhaṇḍaṃ nassati, sabbaṃ tassa gīvā, bhaṇḍāgārikena pana avasesatherehi ca sahāyehi bhavitabbaṃ. Atha bhaṇḍāgārikova lolasāmaṇere ca upaṭṭhāke ca gahetvā bhaṇḍāgāre nisīdati ceva nipajjati ca, yattakaṃ nassati, sabbaṃ tasseva gīvā. Tasmā bhaṇḍāgārikeneva tattha vasitabbaṃ, avasesehi appeva rukkhamūle vasitabbaṃ, na ca bhaṇḍāgāreti.
๕๖. เย ปน อตฺตโน อตฺตโน สภาคภิกฺขูนํ วสนคเพฺภสุ ปริกฺขารํ ฐเปนฺติ, ปริกฺขาเร นเฎฺฐ เยหิ ฐปิโต, เตสํเยว คีวา, อิตเรหิ ปน สหาเยหิ ภวิตพฺพํฯ ยทิ ปน สโงฺฆ ภณฺฑาคาริกสฺส วิหาเรเยว ยาคุภตฺตํ ทาเปติ, โส จ ภิกฺขาจารตฺถาย คามํ คจฺฉติ, นฎฺฐํ ตเสฺสว คีวาฯ ภิกฺขาจารํ ปวิสเนฺตหิ อติเรกจีวรํ รกฺขณตฺถาย ฐปิตวิหารวาริกสฺสปิ ยาคุภตฺตํ วา นิวาปํ วา ลภมานเสฺสว ภิกฺขาจารํ คจฺฉโต ยํ ตตฺถ นสฺสติ, สพฺพํ คีวาฯ น เกวลญฺจ เอตฺตกเมว, ภณฺฑาคาริกสฺส วิย ยํ ตสฺส ปมาทปจฺจยา นสฺสติ, สพฺพํ คีวาฯ
56. Ye pana attano attano sabhāgabhikkhūnaṃ vasanagabbhesu parikkhāraṃ ṭhapenti, parikkhāre naṭṭhe yehi ṭhapito, tesaṃyeva gīvā, itarehi pana sahāyehi bhavitabbaṃ. Yadi pana saṅgho bhaṇḍāgārikassa vihāreyeva yāgubhattaṃ dāpeti, so ca bhikkhācāratthāya gāmaṃ gacchati, naṭṭhaṃ tasseva gīvā. Bhikkhācāraṃ pavisantehi atirekacīvaraṃ rakkhaṇatthāya ṭhapitavihāravārikassapi yāgubhattaṃ vā nivāpaṃ vā labhamānasseva bhikkhācāraṃ gacchato yaṃ tattha nassati, sabbaṃ gīvā. Na kevalañca ettakameva, bhaṇḍāgārikassa viya yaṃ tassa pamādapaccayā nassati, sabbaṃ gīvā.
สเจ วิหาโร มหา โหติ, อญฺญํ ปเทสํ รกฺขิตุํ คจฺฉนฺตสฺส อญฺญสฺมิํ ปเทเส นิกฺขิตฺตํ หรนฺติ, อวิสยตฺตา คีวา น โหติฯ อีทิเส ปน วิหาเร เวมเชฺฌ สเพฺพสํ โอสรณฎฺฐาเน ปริกฺขาเร ฐเปตฺวา นิสีทิตพฺพํ, วิหารวาริกา วา เทฺว ตโย ฐเปตพฺพาฯ สเจ เตสมฺปิ อปฺปมตฺตานํ อิโต จิโต จ รกฺขตํเยว กิญฺจิ นสฺสติ, คีวา น โหติฯ วิหารวาริเก พนฺธิตฺวา หริตภณฺฑมฺปิ โจรานํ ปฎิปถํ คเตสุ อเญฺญน มเคฺคน หริตภณฺฑมฺปิ น เตสํ คีวาฯ สเจ วิหารวาริกานํ วิหาเร ทาตพฺพํ ยาคุภตฺตํ วา นิวาโป วา น โหติ, เตหิ ปตฺตพฺพลาภโต อติเรกา เทฺว ติโสฺส ยาคุสลากา เตสํ ปโหนกภตฺตสลากา จ ฐเปตุํ วฎฺฎติ, นิพทฺธํ กตฺวา ปน น ฐเปตพฺพาฯ มนุสฺสา หิ วิปฺปฎิสาริโน โหนฺติ ‘‘วิหารวาริกาเยว อมฺหากํ ภตฺตํ ภุญฺชนฺตี’’ติ, ตสฺมา ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ฐเปตพฺพาฯ สเจ เตสํ สภาคา สลากภตฺตาทีนิ อาหริตฺวา เทนฺติ, อิเจฺจตํ กุสลํ ฯ โน เจ เทนฺติ, วารํ คาหาเปตฺวา นีหราเปตพฺพานิฯ สเจ วิหารวาริโก เทฺว ติโสฺส ยาคุสลากา จ จตฺตาริ ปญฺจ สลากภตฺตานิ จ ลภมาโน ภิกฺขาจารํ คจฺฉติ, ภณฺฑาคาริกสฺส วิย สพฺพํ นฎฺฐํ คีวา โหติฯ สเจ สงฺฆสฺส วิหารปาลานํ ทาตพฺพํ ภตฺตํ วา นิวาโป วา นตฺถิ, ภิกฺขู วิหารวารํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน นิสฺสิตเก วิหารํ ชคฺคาเปนฺติ, สมฺปตฺตวารํ อคฺคเหตุํ น ลภติฯ ยถา อเญฺญ ภิกฺขู กโรนฺติ, ตเถว กาตพฺพํฯ ภิกฺขูหิ ปน อสหายสฺส วา อทุติยสฺส วา ยสฺส สภาโค ภิกฺขุ ภตฺตํ อาเนตฺวา ทาตา นตฺถิ, เอวรูปสฺส วาโร น ปาเปตโพฺพฯ
Sace vihāro mahā hoti, aññaṃ padesaṃ rakkhituṃ gacchantassa aññasmiṃ padese nikkhittaṃ haranti, avisayattā gīvā na hoti. Īdise pana vihāre vemajjhe sabbesaṃ osaraṇaṭṭhāne parikkhāre ṭhapetvā nisīditabbaṃ, vihāravārikā vā dve tayo ṭhapetabbā. Sace tesampi appamattānaṃ ito cito ca rakkhataṃyeva kiñci nassati, gīvā na hoti. Vihāravārike bandhitvā haritabhaṇḍampi corānaṃ paṭipathaṃ gatesu aññena maggena haritabhaṇḍampi na tesaṃ gīvā. Sace vihāravārikānaṃ vihāre dātabbaṃ yāgubhattaṃ vā nivāpo vā na hoti, tehi pattabbalābhato atirekā dve tisso yāgusalākā tesaṃ pahonakabhattasalākā ca ṭhapetuṃ vaṭṭati, nibaddhaṃ katvā pana na ṭhapetabbā. Manussā hi vippaṭisārino honti ‘‘vihāravārikāyeva amhākaṃ bhattaṃ bhuñjantī’’ti, tasmā parivattetvā parivattetvā ṭhapetabbā. Sace tesaṃ sabhāgā salākabhattādīni āharitvā denti, iccetaṃ kusalaṃ . No ce denti, vāraṃ gāhāpetvā nīharāpetabbāni. Sace vihāravāriko dve tisso yāgusalākā ca cattāri pañca salākabhattāni ca labhamāno bhikkhācāraṃ gacchati, bhaṇḍāgārikassa viya sabbaṃ naṭṭhaṃ gīvā hoti. Sace saṅghassa vihārapālānaṃ dātabbaṃ bhattaṃ vā nivāpo vā natthi, bhikkhū vihāravāraṃ gahetvā attano attano nissitake vihāraṃ jaggāpenti, sampattavāraṃ aggahetuṃ na labhati. Yathā aññe bhikkhū karonti, tatheva kātabbaṃ. Bhikkhūhi pana asahāyassa vā adutiyassa vā yassa sabhāgo bhikkhu bhattaṃ ānetvā dātā natthi, evarūpassa vāro na pāpetabbo.
ยมฺปิ ปากวฎฺฎตฺถาย วิหาเร ฐเปนฺติ, ตํ คเหตฺวา อุปชีวเนฺตน ฐาตพฺพํฯ โย ตํ น อุปชีวติ, โส วารํ น คาหาเปตโพฺพฯ ผลาผลตฺถายปิ วิหาเร ภิกฺขุํ ฐเปนฺติ, ชคฺคิตฺวา โคเปตฺวา ผลวาเรน ภาเชตฺวา ขาทนฺติฯ โย ตานิ ขาทติ, เตน ฐาตพฺพํ, อนุปชีวโนฺต น คาหาเปตโพฺพฯ เสนาสนมญฺจปีฐปจฺจตฺถรณรกฺขณตฺถายปิ ฐเปนฺติ, อาวาเส วสเนฺตน ฐาตพฺพํ, อโพฺภกาสิโก ปน รุกฺขมูลิโก วา น คาหาเปตโพฺพฯ เอโก นวโก โหติ, พหุสฺสุโต ปน พหูนํ ธมฺมํ วาเจติ, ปริปุจฺฉํ เทติ, ปาฬิํ วเณฺณติ, ธมฺมกถํ กเถติ, สงฺฆสฺส ภารํ นิตฺถรติ, อยํ ลาภํ ปริภุญฺชโนฺตปิ อาวาเส วสโนฺตปิ วารํ น คาหาเปตโพฺพฯ ‘‘ปุริสวิเสโส นาม ญาตโพฺพ’’ติ วทนฺติฯ อุโปสถาคารปฎิมาฆรชคฺคนกสฺส ปน ทิคุณํ ยาคุภตฺตํ, เทวสิกํ ตณฺฑุลนาฬิ, สํวจฺฉเร ติจีวรํ ทสวีสคฺฆนกํ กปฺปิยภณฺฑญฺจ ทาตพฺพํฯ สเจ ปน ตสฺส ตํ ลภมานเสฺสว ปมาเทน ตตฺถ กิญฺจิ นสฺสติ, สพฺพํ คีวาฯ พนฺธิตฺวา พลกฺกาเรน อจฺฉินฺนํ, น คีวาฯ ตตฺถ เจติยสฺส วา สงฺฆสฺส วา สนฺตเกน เจติยสฺส สนฺตกํ รกฺขาเปตุํ วฎฺฎติ, เจติยสฺส สนฺตเกน สงฺฆสฺส สนฺตกํ รกฺขาเปตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ ปน เจติยสฺส สนฺตเกน สทฺธิํ สงฺฆสฺส สนฺตกํ ฐปิตํ โหติ, ตํ เจติยสนฺตเก รกฺขาปิเต รกฺขิตเมว โหตีติ เอวํ วฎฺฎติฯ ปกฺขวาเรน อุโปสถาคาราทีนิ รกฺขโตปิ ปมาทวเสน นฎฺฐํ คีวาเยวาติฯ
Yampi pākavaṭṭatthāya vihāre ṭhapenti, taṃ gahetvā upajīvantena ṭhātabbaṃ. Yo taṃ na upajīvati, so vāraṃ na gāhāpetabbo. Phalāphalatthāyapi vihāre bhikkhuṃ ṭhapenti, jaggitvā gopetvā phalavārena bhājetvā khādanti. Yo tāni khādati, tena ṭhātabbaṃ, anupajīvanto na gāhāpetabbo. Senāsanamañcapīṭhapaccattharaṇarakkhaṇatthāyapi ṭhapenti, āvāse vasantena ṭhātabbaṃ, abbhokāsiko pana rukkhamūliko vā na gāhāpetabbo. Eko navako hoti, bahussuto pana bahūnaṃ dhammaṃ vāceti, paripucchaṃ deti, pāḷiṃ vaṇṇeti, dhammakathaṃ katheti, saṅghassa bhāraṃ nittharati, ayaṃ lābhaṃ paribhuñjantopi āvāse vasantopi vāraṃ na gāhāpetabbo. ‘‘Purisaviseso nāma ñātabbo’’ti vadanti. Uposathāgārapaṭimāgharajagganakassa pana diguṇaṃ yāgubhattaṃ, devasikaṃ taṇḍulanāḷi, saṃvacchare ticīvaraṃ dasavīsagghanakaṃ kappiyabhaṇḍañca dātabbaṃ. Sace pana tassa taṃ labhamānasseva pamādena tattha kiñci nassati, sabbaṃ gīvā. Bandhitvā balakkārena acchinnaṃ, na gīvā. Tattha cetiyassa vā saṅghassa vā santakena cetiyassa santakaṃ rakkhāpetuṃ vaṭṭati, cetiyassa santakena saṅghassa santakaṃ rakkhāpetuṃ na vaṭṭati. Yaṃ pana cetiyassa santakena saddhiṃ saṅghassa santakaṃ ṭhapitaṃ hoti, taṃ cetiyasantake rakkhāpite rakkhitameva hotīti evaṃ vaṭṭati. Pakkhavārena uposathāgārādīni rakkhatopi pamādavasena naṭṭhaṃ gīvāyevāti.
อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห
Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe
ภณฺฑปฎิสามนวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ
Bhaṇḍapaṭisāmanavinicchayakathā samattā.