Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๗. ภงฺคานุปสฺสนาญาณนิเทฺทสวณฺณนา
7. Bhaṅgānupassanāñāṇaniddesavaṇṇanā
๕๑. โส อุทยพฺพยานุปสฺสนายํ ฐิโต โยคาวจโร มคฺคามคฺคววตฺถาปเนน อุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ วีถิปฎิปนฺนํ อุทยพฺพยานุปสฺสนาญาณํ ‘‘มโคฺค’’ติ ญตฺวา ติลกฺขณสลฺลกฺขเณน ตเสฺสว มคฺคสฺส สุวิสทกรณตฺถํ ปุน อุทยพฺพยานุปสฺสนํ อารภิตฺวา อุทยพฺพเยน ปริจฺฉิเนฺน สงฺขาเร อนิจฺจาทิโต วิปสฺสติฯ เอวํ ตสฺส ตํ ญาณํ ติกฺขํ หุตฺวา วหติ, สงฺขารา ลหุํ อุปฎฺฐหนฺติ, ญาเณ ติเกฺข วหเนฺต สงฺขาเรสุ ลหุํ อุปฎฺฐหเนฺตสุ อุปฺปาทํ อติกฺกมิตฺวา ภเงฺค เอว สติ สนฺติฎฺฐติฯ นิโรธาธิมุตฺตตฺตา วา อุทยํ ปหาย ภเงฺคเยว สติํ อุปฎฺฐเปติฯ เอตสฺมิํ ฐาเน ภงฺคานุปสฺสนาญาณํ อุปฺปชฺชติฯ อิทานิ ตสฺส ญาณสฺส นิเทฺทเส รูปารมฺมณตา จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชตีติ รูปารมฺมณํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชติฯ อถ วา รูปารมฺมณภาเว จิตฺตํ อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชตีติ อโตฺถฯ ตํ อารมฺมณํ ปฎิสงฺขาติ ตํ รูปารมฺมณํ ปฎิสงฺขาย ชานิตฺวา, ขยโต วยโต ทิสฺวาติ อโตฺถฯ ตสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคํ อนุปสฺสตีติ เยน จิเตฺตน ตํ รูปารมฺมณํ ขยโต วยโต ทิฎฺฐํ, ตสฺส จิตฺตสฺส อปเรน จิเตฺตน ภงฺคํ อนุปสฺสตีติ อโตฺถฯ เตนาหุ โปราณา – ‘‘ญาตญฺจ ญาณญฺจ อุโภ วิปสฺสตี’’ติฯ จิตฺตนฺติ เจตฺถ สสมฺปยุตฺตจิตฺตํ อธิเปฺปตํฯ
51. So udayabbayānupassanāyaṃ ṭhito yogāvacaro maggāmaggavavatthāpanena upakkilesavimuttaṃ vīthipaṭipannaṃ udayabbayānupassanāñāṇaṃ ‘‘maggo’’ti ñatvā tilakkhaṇasallakkhaṇena tasseva maggassa suvisadakaraṇatthaṃ puna udayabbayānupassanaṃ ārabhitvā udayabbayena paricchinne saṅkhāre aniccādito vipassati. Evaṃ tassa taṃ ñāṇaṃ tikkhaṃ hutvā vahati, saṅkhārā lahuṃ upaṭṭhahanti, ñāṇe tikkhe vahante saṅkhāresu lahuṃ upaṭṭhahantesu uppādaṃ atikkamitvā bhaṅge eva sati santiṭṭhati. Nirodhādhimuttattā vā udayaṃ pahāya bhaṅgeyeva satiṃ upaṭṭhapeti. Etasmiṃ ṭhāne bhaṅgānupassanāñāṇaṃ uppajjati. Idāni tassa ñāṇassa niddese rūpārammaṇatā cittaṃ uppajjitvā bhijjatīti rūpārammaṇaṃ cittaṃ uppajjitvā bhijjati. Atha vā rūpārammaṇabhāve cittaṃ uppajjitvā bhijjatīti attho. Taṃ ārammaṇaṃ paṭisaṅkhāti taṃ rūpārammaṇaṃ paṭisaṅkhāya jānitvā, khayato vayato disvāti attho. Tassa cittassa bhaṅgaṃ anupassatīti yena cittena taṃ rūpārammaṇaṃ khayato vayato diṭṭhaṃ, tassa cittassa aparena cittena bhaṅgaṃ anupassatīti attho. Tenāhu porāṇā – ‘‘ñātañca ñāṇañca ubho vipassatī’’ti. Cittanti cettha sasampayuttacittaṃ adhippetaṃ.
อนุปสฺสตีติ อนุ อนุ ปสฺสติ, อเนเกหิ อากาเรหิ ปุนปฺปุนํ ปสฺสตีติ อโตฺถฯ เตนาห อนุปสฺสตีติ กถํ อนุปสฺสติ, อนิจฺจโต อนุปสฺสตีติอาทิ ฯ ตตฺถ ยสฺมา ภโงฺค นาม อนิจฺจตาย ปรมา โกฎิ, ตสฺมา ภงฺคานุปสฺสโก โยคาวจโร สพฺพํ รูปคตํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, โน นิจฺจโตฯ ตโต อนิจฺจสฺส ทุกฺขตฺตา, ทุกฺขสฺส จ อนตฺตตฺตา, ตเทว ทุกฺขโต อนุปสฺสติ, โน สุขโตฯ อนตฺตโต อนุปสฺสติ, โน อตฺตโต ฯ ยสฺมา ปน ยํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา, น ตํ อภินนฺทิตพฺพํฯ ยญฺจ น อภินนฺทิตพฺพํ, น ตตฺถ รชฺชิตพฺพํฯ ตสฺมา เอส ตสฺมิํ ภงฺคานุปสฺสนานุสาเรน ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ ทิเฎฺฐ รูปคเต นิพฺพินฺทติ, โน นนฺทติฯ วิรชฺชติ, โน รชฺชติฯ โส เอวํ วิรชฺชโนฺต โลกิเกเนว ตาว ญาเณน ราคํ นิโรเธติ, โน สมุเทติ, สมุทยํ น กโรตีติ อโตฺถฯ อถ วา โส เอวํ วิรโตฺต ยถา ทิฎฺฐํ รูปคตํ, ตถา อทิฎฺฐมฺปิ อนฺวยญาณวเสน นิโรเธติ, โน สมุเทติฯ นิโรธโตว มนสิ กโรติ, นิโรธเมวสฺส ปสฺสติ, โน สมุทยนฺติ อโตฺถฯ โส เอวํ ปฎิปโนฺน ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยติฯ กิํ วุตฺตํ โหติ? อยมฺปิ หิ อนิจฺจาทิอนุปสฺสนา ตทงฺควเสน สทฺธิํ ขนฺธาภิสงฺขาเรหิ กิเลสานํ ปริจฺจชนโต, สงฺขตโทสทสฺสเนน จ ตพฺพิปรีเต นิพฺพาเน ตนฺนินฺนตาย ปกฺขนฺทนโต ปริจฺจาคปฎินิสฺสโคฺค เจว ปกฺขนฺทนปฎินิสฺสโคฺค จาติ วุจฺจติฯ ตสฺมา ตาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยถาวุเตฺตน นเยน กิเลเส จ ปริจฺจชติ, นิพฺพาเน จ ปกฺขนฺทติฯ นาปิ นิพฺพตฺตนวเสน กิเลเส อาทิยติ, น อโทสทสฺสิตาวเสน สงฺขตารมฺมณํฯ เตน วุจฺจติ ปฎินิสฺสชฺชติ, โน อาทิยตีติฯ
Anupassatīti anu anu passati, anekehi ākārehi punappunaṃ passatīti attho. Tenāha anupassatīti kathaṃ anupassati, aniccato anupassatītiādi . Tattha yasmā bhaṅgo nāma aniccatāya paramā koṭi, tasmā bhaṅgānupassako yogāvacaro sabbaṃ rūpagataṃ aniccato anupassati, no niccato. Tato aniccassa dukkhattā, dukkhassa ca anattattā, tadeva dukkhato anupassati, no sukhato. Anattato anupassati, no attato . Yasmā pana yaṃ aniccaṃ dukkhamanattā, na taṃ abhinanditabbaṃ. Yañca na abhinanditabbaṃ, na tattha rajjitabbaṃ. Tasmā esa tasmiṃ bhaṅgānupassanānusārena ‘‘aniccaṃ dukkhamanattā’’ti diṭṭhe rūpagate nibbindati, no nandati. Virajjati, no rajjati. So evaṃ virajjanto lokikeneva tāva ñāṇena rāgaṃ nirodheti, no samudeti, samudayaṃ na karotīti attho. Atha vā so evaṃ viratto yathā diṭṭhaṃ rūpagataṃ, tathā adiṭṭhampi anvayañāṇavasena nirodheti, no samudeti. Nirodhatova manasi karoti, nirodhamevassa passati, no samudayanti attho. So evaṃ paṭipanno paṭinissajjati, no ādiyati. Kiṃ vuttaṃ hoti? Ayampi hi aniccādianupassanā tadaṅgavasena saddhiṃ khandhābhisaṅkhārehi kilesānaṃ pariccajanato, saṅkhatadosadassanena ca tabbiparīte nibbāne tanninnatāya pakkhandanato pariccāgapaṭinissaggo ceva pakkhandanapaṭinissaggo cāti vuccati. Tasmā tāya samannāgato bhikkhu yathāvuttena nayena kilese ca pariccajati, nibbāne ca pakkhandati. Nāpi nibbattanavasena kilese ādiyati, na adosadassitāvasena saṅkhatārammaṇaṃ. Tena vuccati paṭinissajjati, no ādiyatīti.
๕๒. อิทานิสฺส เตหิ ญาเณหิ เยสํ ธมฺมานํ ปหานํ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ อนิจฺจโต อนุปสฺสโนฺต นิจฺจสญฺญํ ปชหตีติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นนฺทินฺติ สปฺปีติกํ ตณฺหํฯ ราคนฺติ เสสํ ตณฺหํฯ สมุทยนฺติ ราคสฺส อุปฺปตฺติํฯ อถ วา รูปคตสฺส อุทยํฯ อาทานนฺติ นิพฺพตฺตนวเสน กิเลสานํ อาทานํฯ เวทนารมฺมณตาติอาทีนิ อิธ จ เหฎฺฐา จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ
52. Idānissa tehi ñāṇehi yesaṃ dhammānaṃ pahānaṃ hoti, taṃ dassetuṃ aniccato anupassanto niccasaññaṃ pajahatītiādi vuttaṃ. Tattha nandinti sappītikaṃ taṇhaṃ. Rāganti sesaṃ taṇhaṃ. Samudayanti rāgassa uppattiṃ. Atha vā rūpagatassa udayaṃ. Ādānanti nibbattanavasena kilesānaṃ ādānaṃ. Vedanārammaṇatātiādīni idha ca heṭṭhā ca vuttanayeneva veditabbāni.
คาถาสุ ปน วตฺถุสงฺกมนาติ รูปาทีสุ เอเกกสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ปุน เยน จิเตฺตน ภโงฺค ทิโฎฺฐ, ตสฺสาปิ ภงฺคทสฺสนวเสน ปุริมวตฺถุโต อญฺญวตฺถุสงฺกมนาฯ ปญฺญาย จ วิวฎฺฎนาติ อุทยํ ปหาย วเย สนฺติฎฺฐนาฯ อาวชฺชนา พลเญฺจวาติ รูปาทีสุ เอเกกสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ปุน ภงฺคารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส ภงฺคทสฺสนตฺถํ อนนฺตรเมว อาวชฺชนสมตฺถตาฯ ปฎิสงฺขา วิปสฺสนาติ เอสา อารมฺมณปฎิสงฺขา ภงฺคานุปสฺสนา นามฯ อารมฺมณอนฺวเยน อุโภ เอกววตฺถนาติ ปจฺจกฺขโต ทิฎฺฐสฺส อารมฺมณสฺส อนฺวเยน อนุคมเนน ยถา อิทํ, ตถา อตีเตปิ สงฺขารคตํ ภิชฺชิ, อนาคเตปิ ภิชฺชิสฺสตีติ เอวํ อุภินฺนํ เอกสภาเวเนว ววตฺถาปนนฺติ อโตฺถฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ โปราเณหิ –
Gāthāsu pana vatthusaṅkamanāti rūpādīsu ekekassa bhaṅgaṃ disvā puna yena cittena bhaṅgo diṭṭho, tassāpi bhaṅgadassanavasena purimavatthuto aññavatthusaṅkamanā. Paññāya ca vivaṭṭanāti udayaṃ pahāya vaye santiṭṭhanā. Āvajjanā balañcevāti rūpādīsu ekekassa bhaṅgaṃ disvā puna bhaṅgārammaṇassa cittassa bhaṅgadassanatthaṃ anantarameva āvajjanasamatthatā. Paṭisaṅkhā vipassanāti esā ārammaṇapaṭisaṅkhā bhaṅgānupassanā nāma. Ārammaṇaanvayenaubho ekavavatthanāti paccakkhato diṭṭhassa ārammaṇassa anvayena anugamanena yathā idaṃ, tathā atītepi saṅkhāragataṃ bhijji, anāgatepi bhijjissatīti evaṃ ubhinnaṃ ekasabhāveneva vavatthāpananti attho. Vuttampi cetaṃ porāṇehi –
‘‘สํวิชฺชมานมฺหิ วิสุทฺธทสฺสโน, ตทนฺวยํ เนติ อตีตนาคเต;
‘‘Saṃvijjamānamhi visuddhadassano, tadanvayaṃ neti atītanāgate;
สเพฺพปิ สงฺขารคตา ปโลกิโน, อุสฺสาวพินฺทู สูริเยว อุคฺคเต’’ติฯ
Sabbepi saṅkhāragatā palokino, ussāvabindū sūriyeva uggate’’ti.
นิโรเธ อธิมุตฺตตาติ เอวํ อุภินฺนํ ภงฺควเสน เอกววตฺถานํ กตฺวา ตสฺมิํเยว ภงฺคสงฺขาเต นิโรเธ อธิมุตฺตตา ตคฺครุตา ตนฺนินฺนตา ตโปฺปณตา ตปฺปพฺภารตาติ อโตฺถฯ วยลกฺขณวิปสฺสนาติ เอสา วยลกฺขณวิปสฺสนา นามาติ วุตฺตํ โหติฯ อารมฺมณญฺจ ปฎิสงฺขาติ ปุริมญฺจ รูปาทิอารมฺมณํ ชานิตฺวาฯ ภงฺคญฺจ อนุปสฺสตีติ ตสฺสารมฺมณสฺส ภงฺคํ ทิสฺวา ตทารมฺมณสฺส จิตฺตสฺส จ ภงฺคํ อนุปสฺสติฯ สุญฺญโต จ อุปฎฺฐานนฺติ ตเสฺสวํ ภงฺคมนุปสฺสโต ‘‘สงฺขาราว ภิชฺชนฺติ, เตสํ เภโท มรณํ, น อโญฺญ โกจิ อตฺถี’’ติ สุญฺญโต อุปฎฺฐานํ อิชฺฌติฯ เตนาหุ โปราณา –
Nirodhe adhimuttatāti evaṃ ubhinnaṃ bhaṅgavasena ekavavatthānaṃ katvā tasmiṃyeva bhaṅgasaṅkhāte nirodhe adhimuttatā taggarutā tanninnatā tappoṇatā tappabbhāratāti attho. Vayalakkhaṇavipassanāti esā vayalakkhaṇavipassanā nāmāti vuttaṃ hoti. Ārammaṇañca paṭisaṅkhāti purimañca rūpādiārammaṇaṃ jānitvā. Bhaṅgañca anupassatīti tassārammaṇassa bhaṅgaṃ disvā tadārammaṇassa cittassa ca bhaṅgaṃ anupassati. Suññato ca upaṭṭhānanti tassevaṃ bhaṅgamanupassato ‘‘saṅkhārāva bhijjanti, tesaṃ bhedo maraṇaṃ, na añño koci atthī’’ti suññato upaṭṭhānaṃ ijjhati. Tenāhu porāṇā –
‘‘ขนฺธา นิรุชฺฌนฺติ น จตฺถิ อโญฺญ, ขนฺธาน เภโท มรณนฺติ วุจฺจติ;
‘‘Khandhā nirujjhanti na catthi añño, khandhāna bhedo maraṇanti vuccati;
เตสํ ขยํ ปสฺสติ อปฺปมโตฺต, มณิํว วิชฺฌํ วชิเรน โยนิโส’’ติฯ
Tesaṃ khayaṃ passati appamatto, maṇiṃva vijjhaṃ vajirena yoniso’’ti.
อธิปญฺญา วิปสฺสนาติ ยา จ อารมฺมณปฎิสงฺขา, ยา จ ภงฺคานุปสฺสนา, ยญฺจ สุญฺญโต อุปฎฺฐานํ, อยํ อธิปญฺญา วิปสฺสนา นามาติ วุตฺตํ โหติฯ กุสโล ตีสุ อนุปสฺสนาสูติ อนิจฺจานุปสฺสนาทีสุ ตีสุ เฉโก ภิกฺขุฯ จตโสฺส จ วิปสฺสนาสูติ นิพฺพิทาทีสุ จ จตูสุ วิปสฺสนาสุฯ ตโย อุปฎฺฐาเน กุสลตาติ ขยโต วยโต สุญฺญโตติ อิมสฺมิญฺจ ติวิเธ อุปฎฺฐาเน กุสลตายฯ นานาทิฎฺฐีสุ น กมฺปตีติ สสฺสตทิฎฺฐิอาทีสุ นานปฺปการาสุ ทิฎฺฐีสุ น เวธติฯ โส เอวํ อเวธมาโน ‘‘อนิรุทฺธเมว นิรุชฺฌติ, อภินฺนเมว ภิชฺชตี’’ติ ปวตฺตมนสิกาโร ทุพฺพลภาชนสฺส วิย ภิชฺชมานสฺส, สุขุมรชเสฺสว วิปฺปกิริยมานสฺส, ติลานํ วิย ภชฺชิยมานานํ สพฺพสงฺขารานํ อุปฺปาทฎฺฐิติปวตฺตนิมิตฺตํ วิสฺสเชฺชตฺวา เภทเมว ปสฺสติฯ โส ยถา นาม จกฺขุมา ปุริโส โปกฺขรณีตีเร วา นทีตีเร วา ฐิโต ถูลผุสิตเก เทเว วสฺสเนฺต อุทกปิเฎฺฐ มหนฺตมหนฺตานิ อุทกปุพฺพุฬานิ อุปฺปชฺชิตฺวา อุปฺปชฺชิตฺวา สีฆํ สีฆํ ภิชฺชมานานิ ปเสฺสยฺย, เอวเมว สเพฺพ สงฺขารา ภิชฺชนฺติ ภิชฺชนฺตีติ ปสฺสติฯ เอวรูปญฺหิ โยคาวจรํ สนฺธาย วุตฺตํ ภควตา –
Adhipaññā vipassanāti yā ca ārammaṇapaṭisaṅkhā, yā ca bhaṅgānupassanā, yañca suññato upaṭṭhānaṃ, ayaṃ adhipaññā vipassanā nāmāti vuttaṃ hoti. Kusalo tīsu anupassanāsūti aniccānupassanādīsu tīsu cheko bhikkhu. Catasso ca vipassanāsūti nibbidādīsu ca catūsu vipassanāsu. Tayo upaṭṭhāne kusalatāti khayato vayato suññatoti imasmiñca tividhe upaṭṭhāne kusalatāya. Nānādiṭṭhīsu na kampatīti sassatadiṭṭhiādīsu nānappakārāsu diṭṭhīsu na vedhati. So evaṃ avedhamāno ‘‘aniruddhameva nirujjhati, abhinnameva bhijjatī’’ti pavattamanasikāro dubbalabhājanassa viya bhijjamānassa, sukhumarajasseva vippakiriyamānassa, tilānaṃ viya bhajjiyamānānaṃ sabbasaṅkhārānaṃ uppādaṭṭhitipavattanimittaṃ vissajjetvā bhedameva passati. So yathā nāma cakkhumā puriso pokkharaṇītīre vā nadītīre vā ṭhito thūlaphusitake deve vassante udakapiṭṭhe mahantamahantāni udakapubbuḷāni uppajjitvā uppajjitvā sīghaṃ sīghaṃ bhijjamānāni passeyya, evameva sabbe saṅkhārā bhijjanti bhijjantīti passati. Evarūpañhi yogāvacaraṃ sandhāya vuttaṃ bhagavatā –
‘‘ยถา ปุพฺพุฬกํ ปเสฺส, ยถา ปเสฺส มรีจิกํ;
‘‘Yathā pubbuḷakaṃ passe, yathā passe marīcikaṃ;
เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติฯ (ธ. ป. ๑๗๐);
Evaṃ lokaṃ avekkhantaṃ, maccurājā na passatī’’ti. (dha. pa. 170);
ตเสฺสวํ ‘‘สเพฺพ สงฺขารา ภิชฺชนฺติ ภิชฺชนฺตี’’ติ อภิณฺหํ ปสฺสโต อฎฺฐานิสํสปริวารํ ภงฺคานุปสฺสนาญาณํ พลปฺปตฺตํ โหติฯ ตตฺริเม อฎฺฐานิสํสา – ภวทิฎฺฐิปฺปหานํ, ชีวิตนิกนฺติปริจฺจาโค, สทายุตฺตปยุตฺตตา, วิสุทฺธาชีวิตา, อุสฺสุกฺกปฺปหานํ, วิคตภยตา, ขนฺติโสรจฺจปฎิลาโภ, อรติรติสหนตาติฯ เตนาหุ โปราณา –
Tassevaṃ ‘‘sabbe saṅkhārā bhijjanti bhijjantī’’ti abhiṇhaṃ passato aṭṭhānisaṃsaparivāraṃ bhaṅgānupassanāñāṇaṃ balappattaṃ hoti. Tatrime aṭṭhānisaṃsā – bhavadiṭṭhippahānaṃ, jīvitanikantipariccāgo, sadāyuttapayuttatā, visuddhājīvitā, ussukkappahānaṃ, vigatabhayatā, khantisoraccapaṭilābho, aratiratisahanatāti. Tenāhu porāṇā –
‘‘อิมานิ อฎฺฐคฺคุณมุตฺตมานิ, ทิสฺวา ตหิํ สมฺมสตี ปุนปฺปุนํ;
‘‘Imāni aṭṭhagguṇamuttamāni, disvā tahiṃ sammasatī punappunaṃ;
อาทิตฺตเจลสฺสิรสูปโม มุนิ, ภงฺคานุปสฺสี อมตสฺส ปตฺติยา’’ติฯ
Ādittacelassirasūpamo muni, bhaṅgānupassī amatassa pattiyā’’ti.
ภงฺคานุปสฺสนาญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhaṅgānupassanāñāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๗. ภงฺคานุปสฺสนาญาณนิเทฺทโส • 7. Bhaṅgānupassanāñāṇaniddeso