Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā

    ๘. ภรตเตฺถรคาถาวณฺณนา

    8. Bharatattheragāthāvaṇṇanā

    เอหิ , นนฺทก, คจฺฉามาติ อายสฺมโต ภรตเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ มนุญฺญทสฺสนํ มุทุสุขสมฺผสฺสํ อุปาหนทฺวยํ คเหตฺวา คจฺฉโนฺต สตฺถารํ จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปาหนา อุปนาเมตฺวา, ‘‘อภิรุหตุ ภควา อุปาหนา, ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ อาหฯ อภิรุหิ ภควา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ อุปาหนาฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปานคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ภรโตติสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต โสณเตฺถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม ปพฺพชี’’ติ สญฺชาตสํเวโค ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิโจฺจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๗๑-๘๙) –

    Ehi, nandaka, gacchāmāti āyasmato bharatattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira anomadassissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ manuññadassanaṃ mudusukhasamphassaṃ upāhanadvayaṃ gahetvā gacchanto satthāraṃ caṅkamantaṃ disvā pasannamānaso upāhanā upanāmetvā, ‘‘abhiruhatu bhagavā upāhanā, yaṃ mama assa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti āha. Abhiruhi bhagavā tassa anuggaṇhanatthaṃ upāhanā. So tena puññakammena devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde campānagare gahapatikule nibbatti, bharatotissa nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto soṇattherassa pabbajitabhāvaṃ sutvā ‘‘sopi nāma pabbajī’’ti sañjātasaṃvego pabbajitvā katapubbakicco vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.48.71-89) –

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    ทิวาวิหารา นิกฺขมฺม, ปถมารุหิ จกฺขุมาฯ

    Divāvihārā nikkhamma, pathamāruhi cakkhumā.

    ‘‘ปานธิํ สุกตํ คยฺห, อทฺธานํ ปฎิปชฺชหํ;

    ‘‘Pānadhiṃ sukataṃ gayha, addhānaṃ paṭipajjahaṃ;

    ตตฺถทฺทสาสิํ สมฺพุทฺธํ, ปตฺติกํ จารุทสฺสนํฯ

    Tatthaddasāsiṃ sambuddhaṃ, pattikaṃ cārudassanaṃ.

    ‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นีหริตฺวาน ปานธิํ;

    ‘‘Sakaṃ cittaṃ pasādetvā, nīharitvāna pānadhiṃ;

    ปาทมูเล ฐเปตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิํฯ

    Pādamūle ṭhapetvāna, idaṃ vacanamabraviṃ.

    ‘‘อภิรูห มหาวีร, สุคตินฺท วินายก;

    ‘‘Abhirūha mahāvīra, sugatinda vināyaka;

    อิโต ผลํ ลภิสฺสามิ, โส เม อโตฺถ สมิชฺฌตุฯ

    Ito phalaṃ labhissāmi, so me attho samijjhatu.

    ‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชโฎฺฐ นราสโภ;

    ‘‘Anomadassī bhagavā, lokajeṭṭho narāsabho;

    ปานธิํ อภิรูหิตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิฯ

    Pānadhiṃ abhirūhitvā, idaṃ vacanamabravi.

    ‘‘โย ปานธิํ เม อทาสิ, ปสโนฺน เสหิ ปาณิภิ;

    ‘‘Yo pānadhiṃ me adāsi, pasanno sehi pāṇibhi;

    ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ

    Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.

    ‘‘พุทฺธสฺส คิรมญฺญาย, สเพฺพ เทวา สมาคตา;

    ‘‘Buddhassa giramaññāya, sabbe devā samāgatā;

    อุทคฺคจิตฺตา สุมนา, เวทชาตา กตญฺชลีฯ

    Udaggacittā sumanā, vedajātā katañjalī.

    ‘‘ปานธีนํ ปทาเนน, สุขิโตยํ ภวิสฺสติ;

    ‘‘Pānadhīnaṃ padānena, sukhitoyaṃ bhavissati;

    ปญฺจปญฺญาสกฺขตฺตุญฺจ, เทวรชฺชํ กริสฺสติฯ

    Pañcapaññāsakkhattuñca, devarajjaṃ karissati.

    ‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

    ‘‘Sahassakkhattuṃ rājā ca, cakkavattī bhavissati;

    ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํฯ

    Padesarajjaṃ vipulaṃ, gaṇanāto asaṅkhiyaṃ.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, okkākakulasambhavo;

    โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ

    Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.

    ‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

    ‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;

    สพฺพาสเว ปริญฺญาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโวฯ

    Sabbāsave pariññāya, nibbāyissatināsavo.

    ‘‘เทวโลเก มนุเสฺส วา, นิพฺพตฺติสฺสติ ปุญฺญวา;

    ‘‘Devaloke manusse vā, nibbattissati puññavā;

    เทวยานปฎิภาคํ, ยานํ ปฎิลภิสฺสติฯ

    Devayānapaṭibhāgaṃ, yānaṃ paṭilabhissati.

    ‘‘ปาสาทา สิวิกา วยฺหํ, หตฺถิโน สมลงฺกตา;

    ‘‘Pāsādā sivikā vayhaṃ, hatthino samalaṅkatā;

    รถา วาชญฺญสํยุตฺตา, สทา ปาตุภวนฺติ เมฯ

    Rathā vājaññasaṃyuttā, sadā pātubhavanti me.

    ‘‘อคารา นิกฺขมโนฺตปิ, รเถน นิกฺขมิํ อหํ;

    ‘‘Agārā nikkhamantopi, rathena nikkhamiṃ ahaṃ;

    เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ

    Kesesu chijjamānesu, arahattamapāpuṇiṃ.

    ‘‘ลาภา มยฺหํ สุลทฺธํ เม, วาณิชฺชํ สุปฺปโยชิตํ;

    ‘‘Lābhā mayhaṃ suladdhaṃ me, vāṇijjaṃ suppayojitaṃ;

    ทตฺวาน ปานธิํ เอกํ, ปโตฺตมฺหิ อจลํ ปทํฯ

    Datvāna pānadhiṃ ekaṃ, pattomhi acalaṃ padaṃ.

    ‘‘อปริเมเยฺย อิโต กเปฺป, ยํ ปานธิมทาสหํ;

    ‘‘Aparimeyye ito kappe, yaṃ pānadhimadāsahaṃ;

    ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ปานธิสฺส อิทํ ผลํฯ

    Duggatiṃ nābhijānāmi, pānadhissa idaṃ phalaṃ.

    ‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ

    ‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.

    ฉฬภิโญฺญ ปน หุตฺวา อตฺตโน กนิฎฺฐภาติเกน นนฺทกเตฺถเรน เหฎฺฐา วุตฺตนเยน อญฺญาพฺยากรเณ กเต ‘‘อิทานิ นนฺทโกปิ อรหา ชาโต, หนฺท มยํ อุโภปิ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วุสิตพฺรหฺมจริยตํ นิเวเทสฺสามาติ อุปฺปนฺนํ ปริวิตกฺกํ นนฺทกเตฺถรสฺส กเถโนฺต –

    Chaḷabhiñño pana hutvā attano kaniṭṭhabhātikena nandakattherena heṭṭhā vuttanayena aññābyākaraṇe kate ‘‘idāni nandakopi arahā jāto, handa mayaṃ ubhopi satthu santikaṃ gantvā vusitabrahmacariyataṃ nivedessāmāti uppannaṃ parivitakkaṃ nandakattherassa kathento –

    ๑๗๕.

    175.

    ‘‘เอหิ นนฺทก คจฺฉาม, อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ;

    ‘‘Ehi nandaka gacchāma, upajjhāyassa santikaṃ;

    สีหนาทํ นทิสฺสาม, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สมฺมุขาฯ

    Sīhanādaṃ nadissāma, buddhaseṭṭhassa sammukhā.

    ๑๗๖.

    176.

    ‘‘ยาย โน อนุกมฺปาย, อเมฺห ปพฺพาชยี มุนิ;

    ‘‘Yāya no anukampāya, amhe pabbājayī muni;

    โส โน อโตฺถ อนุปฺปโตฺต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติฯ – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

    So no attho anuppatto, sabbasaṃyojanakkhayo’’ti. – gāthādvayaṃ abhāsi;

    ตตฺถ นนฺทกาติ อาลปนํฯ เอหีติ ตสฺส อตฺตโน สนฺติกกรณํฯ คจฺฉามาติ เตน อตฺตนา จ เอกชฺฌํ กาตพฺพกิริยาวจนํ, อุปชฺฌายสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, สมฺมาสมฺพุโทฺธ หิ สมนฺตจกฺขุนา พุทฺธจกฺขุนา จ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาทีนํ ยถาภูตวิโลกเนน สเทวกสฺส โลกสฺส วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ วิเสสโต อุปชฺฌาโยติ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ ยทตฺถํ คมนํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สีหนาทํ นทิสฺสาม, พุทฺธเสฎฺฐสฺส สมฺมุขา’’ติ อาหฯ ยถาภุจฺจคุณาภิพฺยาหารตาย อภีตนาทภาวโต สีหนาทํ พุทฺธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมตาย เสฎฺฐสฺส, พุทฺธานํ วา สาวกพุทฺธาทีนํ เสฎฺฐสฺส สมฺมุขา ปุรโต นทิสฺสามาติ อโตฺถฯ

    Tattha nandakāti ālapanaṃ. Ehīti tassa attano santikakaraṇaṃ. Gacchāmāti tena attanā ca ekajjhaṃ kātabbakiriyāvacanaṃ, upajjhāyassāti sammāsambuddhassa, sammāsambuddho hi samantacakkhunā buddhacakkhunā ca sattānaṃ āsayānusayacaritādīnaṃ yathābhūtavilokanena sadevakassa lokassa vajjāvajjaṃ upanijjhāyatīti visesato upajjhāyoti vattabbataṃ arahati. Yadatthaṃ gamanaṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘sīhanādaṃ nadissāma, buddhaseṭṭhassa sammukhā’’ti āha. Yathābhuccaguṇābhibyāhāratāya abhītanādabhāvato sīhanādaṃ buddhassa sammāsambuddhassa tato eva sabbasattuttamatāya seṭṭhassa, buddhānaṃ vā sāvakabuddhādīnaṃ seṭṭhassa sammukhā purato nadissāmāti attho.

    ยถา ปน สีหนาทํ นทิตุกาโม, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยายา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ ยายาติ ยทตฺถํ, ยาย ยทตฺถานุปฺปตฺติยาติ อโตฺถฯ โนติ อมฺหากํฯ อนุกมฺปายาติ อนุคฺคณฺหเนน อเมฺห เทฺวปิ ปพฺพาชยิ ปพฺพาเชสิฯ มุนีติ ภควาฯ โส โน อโตฺถ อนุปฺปโตฺตติ โส อโตฺถ สเพฺพสํ สํโยชนานํ ขยภูตํ อรหตฺตผลํ โน อเมฺหหิ อนุปฺปโตฺต, อธิคโตติ อโตฺถฯ

    Yathā pana sīhanādaṃ naditukāmo, taṃ dassento ‘‘yāyā’’ti gāthamāha. Tattha yāyāti yadatthaṃ, yāya yadatthānuppattiyāti attho. Noti amhākaṃ. Anukampāyāti anuggaṇhanena amhe dvepi pabbājayi pabbājesi. Munīti bhagavā. So no attho anuppattoti so attho sabbesaṃ saṃyojanānaṃ khayabhūtaṃ arahattaphalaṃ no amhehi anuppatto, adhigatoti attho.

    ภรตเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Bharatattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๘. ภรตเตฺถรคาถา • 8. Bharatattheragāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact