Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๑๕-๑๖. ภววิภวทิฎฺฐินิเทฺทสวณฺณนา
15-16. Bhavavibhavadiṭṭhiniddesavaṇṇanā
๑๔๘. ภววิภวทิฎฺฐีนํ ยถาวุตฺตทิฎฺฐิโต วิสุํ อภินิเวสาภาวโต วิสุํ นิเทฺทสํ อกตฺวา ยถาวุตฺตทิฎฺฐีนํเยว วเสน ‘‘โอลียนํ อติธาวน’’นฺติ เอเกกํ อาการํ นิทฺทิสิตุํ ปุจฺฉํ อกตฺวา จ โอลียนาภินิเวโส ภวทิฎฺฐิ, อติธาวนาภินิเวโส วิภวทิฎฺฐีติ อาหฯ ตตฺถ ‘‘ภวนิโรธาย ธเมฺม เทสิยมาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทตี’’ติ (อิติวุ. ๔๙) วุตฺตโอลียนาภินิเวโส, สสฺสตสญฺญาย นิพฺพานโต สโงฺกจนาภินิเวโสติ อโตฺถฯ ‘‘ภเวเนว โข ปเนเก อฎฺฎียมานา หรายมานา ชิคุจฺฉมานา วิภวํ อภินนฺทนฺตี’’ติ วุตฺตอติธาวนาภินิเวโส, อุเจฺฉทสญฺญาย นิโรธคามินิปฎิปทาติกฺกมนาภินิเวโสติ อโตฺถฯ
148. Bhavavibhavadiṭṭhīnaṃ yathāvuttadiṭṭhito visuṃ abhinivesābhāvato visuṃ niddesaṃ akatvā yathāvuttadiṭṭhīnaṃyeva vasena ‘‘olīyanaṃ atidhāvana’’nti ekekaṃ ākāraṃ niddisituṃ pucchaṃ akatvā ca olīyanābhiniveso bhavadiṭṭhi, atidhāvanābhiniveso vibhavadiṭṭhīti āha. Tattha ‘‘bhavanirodhāya dhamme desiyamāne cittaṃ na pakkhandatī’’ti (itivu. 49) vuttaolīyanābhiniveso, sassatasaññāya nibbānato saṅkocanābhinivesoti attho. ‘‘Bhaveneva kho paneke aṭṭīyamānā harāyamānā jigucchamānā vibhavaṃ abhinandantī’’ti vuttaatidhāvanābhiniveso, ucchedasaññāya nirodhagāminipaṭipadātikkamanābhinivesoti attho.
อิทานิ ตาว ภววิภวทิฎฺฐิโย สพฺพทิฎฺฐีสุ โยเชตฺวา ทเสฺสตุํ อสฺสาททิฎฺฐิยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยสฺมา อสฺสาททิฎฺฐิกา สสฺสตํ วา อุเจฺฉทํ วา นิสฺสาย ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ คณฺหนฺติ, ตสฺมา ปญฺจติํสาการาปิ อสฺสาททิฎฺฐิโย สิยา ภวทิฎฺฐิโย, สิยา วิภวทิฎฺฐิโยติ วุตฺตาฯ ตตฺถ ยสฺมา เอเกกาปิ ทิฎฺฐิโย สสฺสตคฺคาหวเสน ภวทิฎฺฐิโย ภเวยฺยุํ, อุเจฺฉทคฺคาหวเสน วิภวทิฎฺฐิโย ภเวยฺยุนฺติ อโตฺถฯ อตฺตานุทิฎฺฐิยา รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ, เวทนํ… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสตีติ ปญฺจสุ รูปาทิโต อตฺตโน อนญฺญตฺตา เตสุ อุจฺฉิเนฺนสุ อตฺตา อุจฺฉิโนฺนติ คหณโต ปญฺจ วิภวทิฎฺฐิโยติ วุตฺตํฯ เสเสสุ ปญฺจทสสุ ฐาเนสุ รูปาทิโต อตฺตโน อญฺญตฺตา เตสุ อุจฺฉิเนฺนสุปิ ‘‘อตฺตา สสฺสโตติ คหณโต ปนฺนรส ภวทิฎฺฐิโยติ วุตฺตํฯ
Idāni tāva bhavavibhavadiṭṭhiyo sabbadiṭṭhīsu yojetvā dassetuṃ assādadiṭṭhiyātiādimāha. Tattha yasmā assādadiṭṭhikā sassataṃ vā ucchedaṃ vā nissāya ‘‘natthi kāmesu doso’’ti gaṇhanti, tasmā pañcatiṃsākārāpi assādadiṭṭhiyo siyā bhavadiṭṭhiyo, siyā vibhavadiṭṭhiyoti vuttā. Tattha yasmā ekekāpi diṭṭhiyo sassataggāhavasena bhavadiṭṭhiyo bhaveyyuṃ, ucchedaggāhavasena vibhavadiṭṭhiyo bhaveyyunti attho. Attānudiṭṭhiyā rūpaṃ attato samanupassati, vedanaṃ… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassatīti pañcasu rūpādito attano anaññattā tesu ucchinnesu attā ucchinnoti gahaṇato pañca vibhavadiṭṭhiyoti vuttaṃ. Sesesu pañcadasasu ṭhānesu rūpādito attano aññattā tesu ucchinnesupi ‘‘attā sassatoti gahaṇato pannarasa bhavadiṭṭhiyoti vuttaṃ.
มิจฺฉาทิฎฺฐิยา ‘‘สพฺพาว ตา วิภวทิฎฺฐิโย’’ติ อุเจฺฉทวเสน ปวตฺตตฺตา อนฺตวานนฺตวาทิฎฺฐีสุ ปริตฺตารมฺมณอปฺปมาณารมฺมณฌานลาภิโน ทิพฺพจกฺขุนา รูปธาตุยา จวิตฺวา สเตฺต อญฺญตฺถ อุปปเนฺน ปสฺสิตฺวา ภวทิฎฺฐิํ อปสฺสิตฺวา วิภวทิฎฺฐิํ คณฺหนฺติฯ ตสฺมา ตตฺถ สิยา ภวทิฎฺฐิโย, สิยา วิภวทิฎฺฐิโยติ วุตฺตํฯ โหติ จ น จ โหตีติ เอตฺถ โหติ จาติ ภวทิฎฺฐิ, น จ โหตีติ วิภวทิฎฺฐิฯ เนว โหติ น น โหตีติ เอตฺถ เนว โหตีติ วิภวทิฎฺฐิ, น น โหตีติ ภวทิฎฺฐิฯ ตสฺมา ตตฺถ ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํฯ
Micchādiṭṭhiyā ‘‘sabbāva tā vibhavadiṭṭhiyo’’ti ucchedavasena pavattattā antavānantavādiṭṭhīsu parittārammaṇaappamāṇārammaṇajhānalābhino dibbacakkhunā rūpadhātuyā cavitvā satte aññattha upapanne passitvā bhavadiṭṭhiṃ apassitvā vibhavadiṭṭhiṃ gaṇhanti. Tasmā tattha siyā bhavadiṭṭhiyo, siyāvibhavadiṭṭhiyoti vuttaṃ. Hoti ca na ca hotīti ettha hoti cāti bhavadiṭṭhi, na ca hotīti vibhavadiṭṭhi. Neva hoti na na hotīti ettha neva hotīti vibhavadiṭṭhi, na na hotīti bhavadiṭṭhi. Tasmā tattha ‘‘siyā’’ti vuttaṃ.
ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิยา เอกจฺจสสฺสติกา สสฺสตญฺจ ปญฺญเปนฺติ, อสสฺสตญฺจ ปญฺญเปนฺติฯ ตสฺมา สา ภวทิฎฺฐิ จ วิภวทิฎฺฐิ จ โหติฯ จตฺตาโร อนฺตานนฺติกา อนฺตานนฺตํ อตฺตานํ ปญฺญเปนฺติ ฯ ตสฺมา สา อตฺตานุทิฎฺฐิสทิสา ภวทิฎฺฐิ จ วิภวทิฎฺฐิ จฯ จตฺตาโร อมราวิเกฺขปิกา ภวทิฎฺฐิํ วา วิภวทิฎฺฐิํ วา นิสฺสาย วาจาวิเกฺขปํ อาปชฺชนฺติ, อวเสสา ปน ภวทิฎฺฐิโยวฯ ตสฺมา เต เต สนฺธาย ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํฯ อปรนฺตานุทิฎฺฐิยา สตฺต อุเจฺฉทวาทา วิภวทิฎฺฐิโย, อวเสสา ภวทิฎฺฐิโยฯ ตสฺมา เต เต สนฺธาย ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํฯ สโญฺญชนิกทิฎฺฐิยา สพฺพทิฎฺฐีนํ วเสน ‘‘สิยา’’ติ วุตฺตํฯ อหนฺติ มานวินิพนฺธาย ทิฎฺฐิยา จกฺขาทีนํ อหนฺติ คหิตตฺตา เตสํ วินาเส อตฺตา วินโฎฺฐ โหตีติ สพฺพาว ตา วิภวทิฎฺฐิโยติ วุตฺตํฯ อตฺตานุทิฎฺฐิโย วิย มมนฺติ มานวินิพนฺธาย ทิฎฺฐิยา จกฺขาทิโต อตฺตโน อญฺญตฺตา เตสํ วินาเสปิ อตฺตา น วินสฺสตีติ สพฺพาว ตา ภวทิฎฺฐิโยติ วุตฺตํฯ โลกวาทปฎิสํยุตฺตาย ทิฎฺฐิยา ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา (ปฎิ. ม. ๑.๑๔๗) นเยน วุตฺตตฺตา ภววิภวทิฎฺฐิ ปากฎาเยวฯ เอตฺตาวตา อสฺสาททิฎฺฐาทิกา วิภวทิฎฺฐิปริโยสานา โสฬส ทิฎฺฐิโย ตีณิสตญฺจ ทิฎฺฐาภินิเวสา นิทฺทิฎฺฐา โหนฺติฯ อตฺตานุทิฎฺฐิ จ สกฺกายทิฎฺฐิ จ อตฺตวาทปฎิสญฺญุตฺตา ทิฎฺฐิ จ อตฺถโต เอกา ปริยาเยน ติวิธา วุตฺตาฯ สโญฺญชนิกา ปน ทิฎฺฐิ อวตฺถาเภเทน สพฺพาปิ ทิฎฺฐิโย โหนฺติฯ
Pubbantānudiṭṭhiyā ekaccasassatikā sassatañca paññapenti, asassatañca paññapenti. Tasmā sā bhavadiṭṭhi ca vibhavadiṭṭhi ca hoti. Cattāro antānantikā antānantaṃ attānaṃ paññapenti . Tasmā sā attānudiṭṭhisadisā bhavadiṭṭhi ca vibhavadiṭṭhi ca. Cattāro amarāvikkhepikā bhavadiṭṭhiṃ vā vibhavadiṭṭhiṃ vā nissāya vācāvikkhepaṃ āpajjanti, avasesā pana bhavadiṭṭhiyova. Tasmā te te sandhāya ‘‘siyā’’ti vuttaṃ. Aparantānudiṭṭhiyā satta ucchedavādā vibhavadiṭṭhiyo, avasesā bhavadiṭṭhiyo. Tasmā te te sandhāya ‘‘siyā’’ti vuttaṃ. Saññojanikadiṭṭhiyā sabbadiṭṭhīnaṃ vasena ‘‘siyā’’ti vuttaṃ. Ahanti mānavinibandhāya diṭṭhiyā cakkhādīnaṃ ahanti gahitattā tesaṃ vināse attā vinaṭṭho hotīti sabbāva tā vibhavadiṭṭhiyoti vuttaṃ. Attānudiṭṭhiyo viya mamanti mānavinibandhāya diṭṭhiyā cakkhādito attano aññattā tesaṃ vināsepi attā na vinassatīti sabbāva tā bhavadiṭṭhiyoti vuttaṃ. Lokavādapaṭisaṃyuttāya diṭṭhiyā ‘‘sassato attā ca loko cā’’tiādinā (paṭi. ma. 1.147) nayena vuttattā bhavavibhavadiṭṭhi pākaṭāyeva. Ettāvatā assādadiṭṭhādikā vibhavadiṭṭhipariyosānā soḷasa diṭṭhiyo tīṇisatañca diṭṭhābhinivesā niddiṭṭhā honti. Attānudiṭṭhi ca sakkāyadiṭṭhi ca attavādapaṭisaññuttā diṭṭhi ca atthato ekā pariyāyena tividhā vuttā. Saññojanikā pana diṭṭhi avatthābhedena sabbāpi diṭṭhiyo honti.
อิทานิ สพฺพาว ตา ทิฎฺฐิโย อสฺสาททิฎฺฐิโยติอาทิ อเญฺญน ปริยาเยน ยถาโยคํ ทิฎฺฐิสํสนฺทนาฯ ตตฺถ สพฺพาว ตา ทิฎฺฐิโยติ ยถาวุตฺตา อนวเสสา ทิฎฺฐิโยฯ ทิฎฺฐิราครตฺตตฺตา ตณฺหาสฺสาทนิสฺสิตตฺตา จ อสฺสาททิฎฺฐิโย, อตฺตสิเนหานุคตตฺตา อตฺตานุทิฎฺฐิโย, วิปรีตทสฺสนตฺตา มิจฺฉาทิฎฺฐิโย, ขนฺธวตฺถุกตฺตา สกฺกายทิฎฺฐิโย, เอเกกสฺส อนฺตสฺส คหิตตฺตา อนฺตคฺคาหิกา ทิฎฺฐิโย, อนตฺถสํโยชนิกตฺตา สโญฺญชนิกา ทิฎฺฐิโย, อตฺตวาเทน ยุตฺตตฺตา อตฺตวาทปฎิสํยุตฺตา ทิฎฺฐิโยติ อิมา สตฺต ทิฎฺฐิโย สพฺพทิฎฺฐิสงฺคาหิกา, เสสา ปน นว ทิฎฺฐิโย น สพฺพทิฎฺฐิสงฺคาหิกาฯ
Idāni sabbāva tā diṭṭhiyo assādadiṭṭhiyotiādi aññena pariyāyena yathāyogaṃ diṭṭhisaṃsandanā. Tattha sabbāva tā diṭṭhiyoti yathāvuttā anavasesā diṭṭhiyo. Diṭṭhirāgarattattā taṇhāssādanissitattā ca assādadiṭṭhiyo, attasinehānugatattā attānudiṭṭhiyo, viparītadassanattā micchādiṭṭhiyo, khandhavatthukattā sakkāyadiṭṭhiyo, ekekassa antassa gahitattā antaggāhikā diṭṭhiyo, anatthasaṃyojanikattā saññojanikā diṭṭhiyo, attavādena yuttattā attavādapaṭisaṃyuttādiṭṭhiyoti imā satta diṭṭhiyo sabbadiṭṭhisaṅgāhikā, sesā pana nava diṭṭhiyo na sabbadiṭṭhisaṅgāhikā.
อิทานิ วิตฺถารโต วุตฺตา สพฺพาว ตา ทิฎฺฐิโย ทฺวีสุเยว ทิฎฺฐีสุ สงฺขิปิตฺวา สตฺตานํ ทิฎฺฐิทฺวยนิสฺสยํ ทเสฺสโนฺต ภวญฺจ ทิฎฺฐินฺติคาถมาหฯ สพฺพาปิ หิ ตา ทิฎฺฐิโย ภวทิฎฺฐี วา โหนฺติ วิภวทิฎฺฐี วาฯ ภวญฺจ ทิฎฺฐิํ วิภวญฺจ ทิฎฺฐินฺติ เอตฺถ ปน จ-สโทฺท ทิฎฺฐิเมว สมุจฺจิโนติ, น นิสฺสยํฯ น หิ เอโก ภววิภวทิฎฺฐิทฺวยํ นิสฺสยติฯ ยถาห – ‘‘อิติ ภวทิฎฺฐิสนฺนิสฺสิตา วา สตฺตา โหนฺติ วิภวทิฎฺฐิสนฺนิสฺสิตา วา’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๑๓)ฯ ตกฺกิกาติ ตเกฺกน วทนฺตีติ ตกฺกิกาฯ เต หิ ทิฎฺฐิคติกา สภาวปฎิเวธปญฺญาย อภาวา เกวลํ ตเกฺกน วตฺตนฺติฯ เยปิ จ ฌานลาภิโน อภิญฺญาลาภิโน วา ทิฎฺฐิํ คณฺหนฺติ, เตปิ ตเกฺกตฺวา คหณโต ตกฺกิกา เอวฯ นิสฺสิตาเสติ นิสฺสิตาติ อโตฺถฯ เอกเมว ปทํ, ‘‘เส’’ติ นิปาตมตฺตํ วาฯ เตสํ นิโรธมฺหิ น หตฺถิ ญาณนฺติ ทิฎฺฐินิสฺสยสฺส การณวจนเมตํฯ สกฺกายทิฎฺฐินิโรเธ นิพฺพาเน ยสฺมา เตสํ ญาณํ นตฺถิ, ตสฺมา เอตํ ทิฎฺฐิทฺวยํ นิสฺสิตาติ อโตฺถฯ ‘‘น หิ อตฺถิ ญาณ’’นฺติ เอตฺถ หิ-กาโร การโณปเทเส นิปาโตฯ ยตฺถายํ โลโก วิปรีตสญฺญีติ ยตฺถ สุเข นิโรธมฺหิ อยํ สเทวโก โลโก ‘‘ทุกฺข’’มิติ วิปรีตสญฺญี โหติ, ตสฺมิํ นิโรธมฺหิ น หตฺถิ ญาณนฺติ สมฺพโนฺธฯ ทุกฺขมิติ วิปรีตสญฺญิตาย อิทํ สุตฺตํ –
Idāni vitthārato vuttā sabbāva tā diṭṭhiyo dvīsuyeva diṭṭhīsu saṅkhipitvā sattānaṃ diṭṭhidvayanissayaṃ dassento bhavañca diṭṭhintigāthamāha. Sabbāpi hi tā diṭṭhiyo bhavadiṭṭhī vā honti vibhavadiṭṭhī vā. Bhavañca diṭṭhiṃ vibhavañca diṭṭhinti ettha pana ca-saddo diṭṭhimeva samuccinoti, na nissayaṃ. Na hi eko bhavavibhavadiṭṭhidvayaṃ nissayati. Yathāha – ‘‘iti bhavadiṭṭhisannissitā vā sattā honti vibhavadiṭṭhisannissitā vā’’ti (paṭi. ma. 1.113). Takkikāti takkena vadantīti takkikā. Te hi diṭṭhigatikā sabhāvapaṭivedhapaññāya abhāvā kevalaṃ takkena vattanti. Yepi ca jhānalābhino abhiññālābhino vā diṭṭhiṃ gaṇhanti, tepi takketvā gahaṇato takkikā eva. Nissitāseti nissitāti attho. Ekameva padaṃ, ‘‘se’’ti nipātamattaṃ vā. Tesaṃ nirodhamhi na hatthi ñāṇanti diṭṭhinissayassa kāraṇavacanametaṃ. Sakkāyadiṭṭhinirodhe nibbāne yasmā tesaṃ ñāṇaṃ natthi, tasmā etaṃ diṭṭhidvayaṃ nissitāti attho. ‘‘Na hi atthi ñāṇa’’nti ettha hi-kāro kāraṇopadese nipāto. Yatthāyaṃ loko viparītasaññīti yattha sukhe nirodhamhi ayaṃ sadevako loko ‘‘dukkha’’miti viparītasaññī hoti, tasmiṃ nirodhamhi na hatthi ñāṇanti sambandho. Dukkhamiti viparītasaññitāya idaṃ suttaṃ –
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, ผสฺสา ธมฺมา จ เกวลา;
‘‘Rūpā saddā rasā gandhā, phassā dhammā ca kevalā;
อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา จ, ยาวตตฺถีติ วุจฺจติฯ
Iṭṭhā kantā manāpā ca, yāvatatthīti vuccati.
‘‘สเทวกสฺส โลกสฺส, เอเต โว สุขสมฺมตา;
‘‘Sadevakassa lokassa, ete vo sukhasammatā;
ยตฺถ เจเต นิรุชฺฌนฺติ, ตํ เนสํ ทุกฺขสมฺมตํฯ
Yattha cete nirujjhanti, taṃ nesaṃ dukkhasammataṃ.
‘‘สุขนฺติ ทิฎฺฐมริเยหิ, สกฺกายสฺสุปโรธนํ;
‘‘Sukhanti diṭṭhamariyehi, sakkāyassuparodhanaṃ;
ปจฺจนีกมิทํ โหติ, สพฺพโลเกน ปสฺสตํฯ
Paccanīkamidaṃ hoti, sabbalokena passataṃ.
‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต;
‘‘Yaṃ pare sukhato āhu, tadariyā āhu dukkhato;
ยํ ปเร ทุกฺขโต อาหุ, ตทริยา สุขโต วิทูฯ
Yaṃ pare dukkhato āhu, tadariyā sukhato vidū.
‘‘ปสฺส ธมฺมํ ทุราชานํ, สมฺปมูเฬฺหตฺถวิทฺทสุ;
‘‘Passa dhammaṃ durājānaṃ, sampamūḷhetthaviddasu;
นิวุตานํ ตโม โหติ, อนฺธกาโร อปสฺสตํฯ
Nivutānaṃ tamo hoti, andhakāro apassataṃ.
‘‘สตญฺจ วิวฎํ โหติ, อาโลโก ปสฺสตามิว;
‘‘Satañca vivaṭaṃ hoti, āloko passatāmiva;
สนฺติเก น วิชานนฺติ, มคา ธมฺมสฺสโกวิทาฯ
Santike na vijānanti, magā dhammassakovidā.
‘‘ภวราคปเรเตหิ, ภวโสตานุสาริภิ;
‘‘Bhavarāgaparetehi, bhavasotānusāribhi;
มารเธยฺยานุปเนฺนหิ, นายํ ธโมฺม สุสมฺพุโธฯ
Māradheyyānupannehi, nāyaṃ dhammo susambudho.
‘‘โก นุ อญฺญตฺร อริเยภิ, ปทํ สมฺพุทฺธุมรหติ;
‘‘Ko nu aññatra ariyebhi, padaṃ sambuddhumarahati;
ยํ ปทํ สมฺมทญฺญาย, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติฯ (สุ. นิ. ๗๖๔-๗๗๑);
Yaṃ padaṃ sammadaññāya, parinibbanti anāsavā’’ti. (su. ni. 764-771);
๑๔๙. อิทานิ สพฺพาสํ ทิฎฺฐีนํ ทิฎฺฐิทฺวยภาวํ ทิฎฺฐิสมุคฺฆาตกญฺจ สมฺมาทิฎฺฐิํ สุตฺตโต ทเสฺสตุกาโม, ทฺวีหิ ภิกฺขเวติ สุตฺตํ อาหริฯ ตตฺถ เทวาติ พฺรหฺมาโนปิ วุจฺจนฺติฯ โอลียนฺตีติ สงฺกุจนฺติฯ อติธาวนฺตีติ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติฯ จกฺขุมโนฺตติ ปญฺญวโนฺตฯ จ-สโทฺท อติเรกโตฺถฯ ภวารามาติ ภโว อาราโม อภิรมฎฺฐานํ เอเตสนฺติ ภวารามาฯ ภวรตาติ ภเว อภิรตาฯ ภวสมฺมุทิตาติ ภเวน สนฺตุฎฺฐาฯ เทสิยมาเนติ ตถาคเตน วา ตถาคตสาวเกน วา เทสิยมาเนฯ น ปกฺขนฺทตีติ ธมฺมเทสนํ วา ภวนิโรธํ วา น ปวิสติฯ น ปสีทตีติ ตตฺถ ปสาทํ น ปาปุณาติฯ น สนฺติฎฺฐตีติ ตตฺถ น ปติฎฺฐาติฯ นาธิมุจฺจตีติ ตตฺถ ฆนภาวํ น ปาปุณาติฯ เอตฺตาวตา สสฺสตทิฎฺฐิ วุตฺตาฯ
149. Idāni sabbāsaṃ diṭṭhīnaṃ diṭṭhidvayabhāvaṃ diṭṭhisamugghātakañca sammādiṭṭhiṃ suttato dassetukāmo, dvīhi bhikkhaveti suttaṃ āhari. Tattha devāti brahmānopi vuccanti. Olīyantīti saṅkucanti. Atidhāvantīti atikkamitvā gacchanti. Cakkhumantoti paññavanto. Ca-saddo atirekattho. Bhavārāmāti bhavo ārāmo abhiramaṭṭhānaṃ etesanti bhavārāmā. Bhavaratāti bhave abhiratā. Bhavasammuditāti bhavena santuṭṭhā. Desiyamāneti tathāgatena vā tathāgatasāvakena vā desiyamāne. Na pakkhandatīti dhammadesanaṃ vā bhavanirodhaṃ vā na pavisati. Na pasīdatīti tattha pasādaṃ na pāpuṇāti. Na santiṭṭhatīti tattha na patiṭṭhāti. Nādhimuccatīti tattha ghanabhāvaṃ na pāpuṇāti. Ettāvatā sassatadiṭṭhi vuttā.
อฎฺฎียมานาติ ทุกฺขํ ปาปุณมานาฯ หรายมานาติ ลชฺชํ ปาปุณมานาฯ ชิคุจฺฉมานาติ ชิคุจฺฉํ ปาปุณมานาฯ วิภวํ อภินนฺทนฺตีติ อุเจฺฉทํ ปฎิจฺจ ตุสฺสนฺติ, อุเจฺฉทํ ปตฺถยนฺตีติ วา อโตฺถฯ กิราติ อนุสฺสวนเตฺถ นิปาโตฯ โภติ อาลปนเมตํฯ สนฺตนฺติ นิพฺพุตํฯ ปณีตนฺติ ทุกฺขาภาวโต ปณีตํ, ปธานภาวํ นีตนฺติ วา ปณีตํฯ ยาถาวนฺติ ยถาสภาวํฯ เอตฺตาวตา อุเจฺฉททิฎฺฐิ วุตฺตาฯ
Aṭṭīyamānāti dukkhaṃ pāpuṇamānā. Harāyamānāti lajjaṃ pāpuṇamānā. Jigucchamānāti jigucchaṃ pāpuṇamānā. Vibhavaṃ abhinandantīti ucchedaṃ paṭicca tussanti, ucchedaṃ patthayantīti vā attho. Kirāti anussavanatthe nipāto. Bhoti ālapanametaṃ. Santanti nibbutaṃ. Paṇītanti dukkhābhāvato paṇītaṃ, padhānabhāvaṃ nītanti vā paṇītaṃ. Yāthāvanti yathāsabhāvaṃ. Ettāvatā ucchedadiṭṭhi vuttā.
อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ ภูตนฺติ เหตุโต สญฺชาตํ ขนฺธปญฺจกสงฺขาตํ ทุกฺขํฯ ภูตโต ปสฺสตีติ อิทํ ภูตํ ทุกฺขนฺติ ปสฺสติฯ นิพฺพิทายาติ วิปสฺสนตฺถายฯ วิราคายาติ อริยมคฺคตฺถายฯ นิโรธายาติ นิพฺพานตฺถายฯ ปฎิปโนฺน โหตีติ ตทนุรูปํ ปฎิปทํ ปฎิปโนฺน โหติฯ เอวํ ปสฺสนฺตีติ อิมินา ปกาเรน ปุพฺพภาเค โลกิยญาเณน, ปฎิเวธกาเล โลกุตฺตรญาเณน ปสฺสนฺติฯ เอตฺตาวตา สมฺมาทิฎฺฐิ วุตฺตาฯ
Idhāti imasmiṃ sāsane. Bhūtanti hetuto sañjātaṃ khandhapañcakasaṅkhātaṃ dukkhaṃ. Bhūtato passatīti idaṃ bhūtaṃ dukkhanti passati. Nibbidāyāti vipassanatthāya. Virāgāyāti ariyamaggatthāya. Nirodhāyāti nibbānatthāya. Paṭipanno hotīti tadanurūpaṃ paṭipadaṃ paṭipanno hoti. Evaṃ passantīti iminā pakārena pubbabhāge lokiyañāṇena, paṭivedhakāle lokuttarañāṇena passanti. Ettāvatā sammādiṭṭhi vuttā.
อิทานิ ทฺวีหิ คาถาหิ ตสฺสา สมฺมาทิฎฺฐิยา อานิสํสํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ โย ภูตํ ภูตโต ทิสฺวาติ ทุกฺขํ ปริญฺญาภิสมเยน อภิสเมตฺวาติ อโตฺถฯ ภูตสฺส จ อติกฺกมนฺติ นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน อภิสเมตฺวาติ อโตฺถฯ ยถาภูเตธิมุจฺจตีติ มคฺคภาวนาภิสมยวเสน ยถาสภาเว นิโรเธ ‘‘เอตํ สนฺตํ, เอตํ ปณีต’’นฺติ อธิมุจฺจติฯ ภวตณฺหา ปริกฺขยาติ สมุทยสฺส ปหาเนนาติ อโตฺถฯ อสติปิ เจตฺถ สจฺจานํ นานาภิสมยเตฺต ‘‘ทิสฺวา’’ติ ปุพฺพกาลิกวจนํ สทฺธิํ ปุพฺพภาคปฎิปทาย โวหารวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ น หิ ปุพฺพํ ปสฺสิตฺวา ปจฺฉา อธิมุจฺจติฯ จตุสจฺจาภิสมโย สมานกาลเมว โหติฯ สมานกาเลปิ วา ปุพฺพกาลิกานิ ปทานิ ภวนฺตีติ น โทโสฯ ส เวติ เอกํเสน โส อรหํฯ ภูตปริญฺญาโตติ ทุกฺขํ ปริญฺญาตวาฯ วีตตโณฺหติ วิคตตโณฺหฯ ภวาภเวติ ขุทฺทเก จ มหเนฺต จ ภเวฯ วุทฺธิอเตฺถปิ หิ อ-การสฺส สมฺภวโต อภโวติ มหาภโวฯ โส ปน ขุทฺทกมหนฺตภาโว อุปาทายุปาทาย เวทิตโพฺพฯ อถ วา ภเวติ สสฺสเตฯ อภเวติ อุเจฺฉเทฯ ตทุภเยปิ ทิฎฺฐิราคาภาเวน วีตตโณฺหฯ ภูตสฺส วิภวาติ วฎฺฎทุกฺขสฺส สมุเจฺฉทาฯ นาคจฺฉติ ปุนพฺภวนฺติ อรหโต ปรินิพฺพานํ วุตฺตํฯ
Idāni dvīhi gāthāhi tassā sammādiṭṭhiyā ānisaṃsaṃ dasseti. Tattha yo bhūtaṃ bhūtato disvāti dukkhaṃ pariññābhisamayena abhisametvāti attho. Bhūtassa ca atikkamanti nirodhaṃ sacchikiriyābhisamayena abhisametvāti attho. Yathābhūtedhimuccatīti maggabhāvanābhisamayavasena yathāsabhāve nirodhe ‘‘etaṃ santaṃ, etaṃ paṇīta’’nti adhimuccati. Bhavataṇhā parikkhayāti samudayassa pahānenāti attho. Asatipi cettha saccānaṃ nānābhisamayatte ‘‘disvā’’ti pubbakālikavacanaṃ saddhiṃ pubbabhāgapaṭipadāya vohāravasena vuttanti veditabbaṃ. Na hi pubbaṃ passitvā pacchā adhimuccati. Catusaccābhisamayo samānakālameva hoti. Samānakālepi vā pubbakālikāni padāni bhavantīti na doso. Saveti ekaṃsena so arahaṃ. Bhūtapariññātoti dukkhaṃ pariññātavā. Vītataṇhoti vigatataṇho. Bhavābhaveti khuddake ca mahante ca bhave. Vuddhiatthepi hi a-kārassa sambhavato abhavoti mahābhavo. So pana khuddakamahantabhāvo upādāyupādāya veditabbo. Atha vā bhaveti sassate. Abhaveti ucchede. Tadubhayepi diṭṭhirāgābhāvena vītataṇho. Bhūtassa vibhavāti vaṭṭadukkhassa samucchedā. Nāgacchati punabbhavanti arahato parinibbānaṃ vuttaṃ.
๑๕๐. ตโย ปุคฺคลาติอาทิ มิจฺฉาทิฎฺฐิกครหณตฺถํ สมฺมาทิฎฺฐิกปสํสนตฺถํ วุตฺตํฯ ตตฺถ วิรูปภาวํ ปนฺนา คตา ทิฎฺฐิ เอเตสนฺติ วิปนฺนทิฎฺฐีฯ สุนฺทรภาวํ ปนฺนา คตา ทิฎฺฐิ เอเตสนฺติ สมฺปนฺนทิฎฺฐีฯ ติตฺถิโยติ ติตฺถํ วุจฺจติ ทิฎฺฐิ, ตํ ปฎิปนฺนตฺตา ติเตฺถ สาธุ, ติตฺถํ ยสฺส อตฺถีติ วา ติตฺถิโยฯ อิโต พหิทฺธา ปพฺพชฺชูปคโตฯ ติตฺถิยสาวโกติ เตสํ ทิฎฺฐานุคติมาปโนฺน คหโฎฺฐฯ โย จ มิจฺฉาทิฎฺฐิโกติ ตทุภยภาวํ อนุปคนฺตฺวา ยาย กายจิ ทิฎฺฐิยา มิจฺฉาทิฎฺฐิโกฯ
150.Tayo puggalātiādi micchādiṭṭhikagarahaṇatthaṃ sammādiṭṭhikapasaṃsanatthaṃ vuttaṃ. Tattha virūpabhāvaṃ pannā gatā diṭṭhi etesanti vipannadiṭṭhī. Sundarabhāvaṃ pannā gatā diṭṭhi etesanti sampannadiṭṭhī. Titthiyoti titthaṃ vuccati diṭṭhi, taṃ paṭipannattā titthe sādhu, titthaṃ yassa atthīti vā titthiyo. Ito bahiddhā pabbajjūpagato. Titthiyasāvakoti tesaṃ diṭṭhānugatimāpanno gahaṭṭho. Yo ca micchādiṭṭhikoti tadubhayabhāvaṃ anupagantvā yāya kāyaci diṭṭhiyā micchādiṭṭhiko.
ตถาคโตติ สมฺมาสมฺพุโทฺธฯ ปเจฺจกพุโทฺธปิ เอเตฺถว สงฺคหิโตฯ ตถาคตสาวโกติ มคฺคปฺปโตฺต ผลปฺปโตฺต จฯ โย จ สมฺมาทิฎฺฐิโกติ ตทุภยวินิมุโตฺต โลกิยสมฺมาทิฎฺฐิยา สมฺมาทิฎฺฐิโกฯ
Tathāgatoti sammāsambuddho. Paccekabuddhopi ettheva saṅgahito. Tathāgatasāvakoti maggappatto phalappatto ca. Yo ca sammādiṭṭhikoti tadubhayavinimutto lokiyasammādiṭṭhiyā sammādiṭṭhiko.
คาถาสุ โกธโนติ โย อภิณฺหํ กุชฺฌติ, โสฯ อุปนาหีติ ตเมว โกธํ วเฑฺฒตฺวา อุปนนฺธนสีโลฯ ปาปมกฺขีติ ลามกภูตมกฺขวาฯ มายาวีติ กตปาปปฎิจฺฉาทนวาฯ วสโลติ หีนชโจฺจฯ วิสุโทฺธติ ญาณทสฺสนวิสุทฺธิยา วิสุโทฺธฯ สุทฺธตํ คโตติ มคฺคผลสงฺขาตํ สุทฺธภาวํ คโตฯ เมธาวีติ ปญฺญวาฯ อิมาย คาถาย โลกุตฺตรสมฺมาทิฎฺฐิสมฺปโนฺน เอว โถมิโตฯ
Gāthāsu kodhanoti yo abhiṇhaṃ kujjhati, so. Upanāhīti tameva kodhaṃ vaḍḍhetvā upanandhanasīlo. Pāpamakkhīti lāmakabhūtamakkhavā. Māyāvīti katapāpapaṭicchādanavā. Vasaloti hīnajacco. Visuddhoti ñāṇadassanavisuddhiyā visuddho. Suddhataṃ gatoti maggaphalasaṅkhātaṃ suddhabhāvaṃ gato. Medhāvīti paññavā. Imāya gāthāya lokuttarasammādiṭṭhisampanno eva thomito.
วิปนฺนทิฎฺฐิโย สมฺปนฺนทิฎฺฐิโยติ ปุคฺคลโวหารํ ปหาย ธมฺมเมว ครหโนฺต โถเมโนฺต จ อาหฯ เอตํ มมาติ ตณฺหามญฺญนวเสน ทิฎฺฐิฯ เอโสหมสฺมีติ มานมญฺญนมูลิกา ทิฎฺฐิฯ เอโส เม อตฺตาติ ทิฎฺฐิมญฺญนเมวฯ
Vipannadiṭṭhiyo sampannadiṭṭhiyoti puggalavohāraṃ pahāya dhammameva garahanto thomento ca āha. Etaṃ mamāti taṇhāmaññanavasena diṭṭhi. Esohamasmīti mānamaññanamūlikā diṭṭhi. Eso me attāti diṭṭhimaññanameva.
เอตํ มมาติ กา ทิฎฺฐีติอาทีหิ ติสฺสนฺนํ วิปนฺนทิฎฺฐีนํ วิภาคญฺจ คณนญฺจ กาลสงฺคหญฺจ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนํ กตํฯ ตตฺถ กา ทิฎฺฐีติ อเนกาสุ ทิฎฺฐีสุ กตมา ทิฎฺฐีติ อโตฺถฯ กตมนฺตานุคฺคหิตาติ ปุพฺพนฺตาปรนฺตสงฺขาตกาลทฺวเย กตเมน กาเลน อนุคฺคหิตา, อนุพทฺธาติ อโตฺถฯ ยสฺมา ‘‘เอตํ มมา’’ติ ปรามสโนฺต ‘‘เอตํ มม อโหสิ, เอวํ มม อโหสิ, เอตฺตกํ มม อโหสี’’ติ อตีตํ วตฺถุํ อปทิสิตฺวา ปรามสติ, ตสฺมา ปุพฺพนฺตานุทิฎฺฐิ โหติฯ ปุพฺพนฺตานุคฺคหิตา จ ตา ทิฎฺฐิโย โหนฺติฯ ยสฺมา ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ ปรามสโนฺต ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา เอโสสฺมิ วิสุชฺฌิสฺสามี’’ติ อนาคตผลํ อุปาทาย ปรามสติ, ตสฺมา อปรนฺตานุทิฎฺฐิ โหติฯ อปรนฺตานุคฺคหิตา จ ตา ทิฎฺฐิโย โหนฺติฯ ยสฺมา ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ปรามสโนฺต อตีตานาคตํ อุปาทินฺนสนฺตติํ อุปาทาย ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ ปรามสติ, สกฺกายทิฎฺฐิวเสน จ ปรามสติ, ตสฺมา สกฺกายทิฎฺฐิ โหติฯ ปุพฺพนฺตาปรนฺตานุคฺคหิตา จ ตา ทิฎฺฐิโย โหนฺติฯ ยสฺมา ปน สกฺกายทิฎฺฐิปฺปมุขาเยว ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย โหนฺติ, สกฺกายทิฎฺฐิสมุคฺฆาเตเนว จ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิโย สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา สกฺกายทิฎฺฐิปฺปมุเขน ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานีติ วุตฺตา, สกฺกายทิฎฺฐิปฺปมุเขน สกฺกายทิฎฺฐิทฺวาเรน ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิ โหนฺตีติ อโตฺถฯ สกฺกายทิฎฺฐิปฺปมุขานีติ ปาโฐ สุนฺทรตโรฯ สกฺกายทิฎฺฐิ ปมุขา อาทิ เอเตสนฺติ สกฺกายทิฎฺฐิปฺปมุขานิฯ กานิ ตานิ? ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานิฯ
Etaṃmamāti kā diṭṭhītiādīhi tissannaṃ vipannadiṭṭhīnaṃ vibhāgañca gaṇanañca kālasaṅgahañca pucchitvā vissajjanaṃ kataṃ. Tattha kā diṭṭhīti anekāsu diṭṭhīsu katamā diṭṭhīti attho. Katamantānuggahitāti pubbantāparantasaṅkhātakāladvaye katamena kālena anuggahitā, anubaddhāti attho. Yasmā ‘‘etaṃ mamā’’ti parāmasanto ‘‘etaṃ mama ahosi, evaṃ mama ahosi, ettakaṃ mama ahosī’’ti atītaṃ vatthuṃ apadisitvā parāmasati, tasmā pubbantānudiṭṭhi hoti. Pubbantānuggahitā ca tā diṭṭhiyo honti. Yasmā ‘‘esohamasmī’’ti parāmasanto ‘‘imināhaṃ sīlena vā vatena vā tapena vā brahmacariyena vā esosmi visujjhissāmī’’ti anāgataphalaṃ upādāya parāmasati, tasmā aparantānudiṭṭhi hoti. Aparantānuggahitā ca tā diṭṭhiyo honti. Yasmā ‘‘eso me attā’’ti parāmasanto atītānāgataṃ upādinnasantatiṃ upādāya ‘‘eso me attā’’ti parāmasati, sakkāyadiṭṭhivasena ca parāmasati, tasmā sakkāyadiṭṭhi hoti. Pubbantāparantānuggahitā ca tā diṭṭhiyo honti. Yasmā pana sakkāyadiṭṭhippamukhāyeva dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo honti, sakkāyadiṭṭhisamugghāteneva ca dvāsaṭṭhi diṭṭhiyo samugghātaṃ gacchanti, tasmā sakkāyadiṭṭhippamukhena dvāsaṭṭhi diṭṭhigatānīti vuttā, sakkāyadiṭṭhippamukhena sakkāyadiṭṭhidvārena dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni hontīti attho. Sakkāyadiṭṭhippamukhānīti pāṭho sundarataro. Sakkāyadiṭṭhi pamukhā ādi etesanti sakkāyadiṭṭhippamukhāni. Kāni tāni? Dvāsaṭṭhi diṭṭhigatāni.
‘‘กา ทิฎฺฐี’’ติ ปุจฺฉาย วีสติวตฺถุกา อตฺตานุทิฎฺฐิ, วีสติวตฺถุกา สกฺกายทิฎฺฐีติ วิสฺสชฺชนํฯ ‘‘กติ ทิฎฺฐิโย’’ติ ปุจฺฉาย สกฺกายทิฎฺฐิปฺปมุขานิ ทฺวาสฎฺฐิ ทิฎฺฐิคตานีติ วิสฺสชฺชนํฯ สาเยว ปน สกฺกายทิฎฺฐิ ‘‘เอโส เม อตฺตา’’ติ วจนสามเญฺญน อตฺตานุทิฎฺฐีติ วุตฺตาฯ ตสฺสา วุตฺตาย อตฺตวาทปฎิสญฺญุตฺตา ทิฎฺฐิปิ วุตฺตาเยว โหติฯ
‘‘Kā diṭṭhī’’ti pucchāya vīsativatthukā attānudiṭṭhi, vīsativatthukā sakkāyadiṭṭhīti vissajjanaṃ. ‘‘Kati diṭṭhiyo’’ti pucchāya sakkāyadiṭṭhippamukhāni dvāsaṭṭhi diṭṭhigatānīti vissajjanaṃ. Sāyeva pana sakkāyadiṭṭhi ‘‘eso me attā’’ti vacanasāmaññena attānudiṭṭhīti vuttā. Tassā vuttāya attavādapaṭisaññuttā diṭṭhipi vuttāyeva hoti.
๑๕๑. เย เกจิ, ภิกฺขเวติอาทิสุตฺตาหรณํ สมฺปนฺนทิฎฺฐิปุคฺคลสมฺพเนฺธน สมฺปนฺนทิฎฺฐิปุคฺคลวิภาคทสฺสนตฺถํ กตํฯ ตตฺถ นิฎฺฐํ คตาติ มคฺคญาณวเสน สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควาติ นิจฺฉยํ คตา, นิเพฺพมติกาติ อโตฺถฯ นิฎฺฐาคตาติ ปาโฐ สมาสปทํ โหติ, อโตฺถ ปน โสเยวฯ ทิฎฺฐิสมฺปนฺนาติ ทิฎฺฐิยา สุนฺทรภาวํ คตาฯ อิธ นิฎฺฐาติ อิมิสฺสา กามธาตุยา ปรินิพฺพานํฯ อิธ วิหาย นิฎฺฐาติ อิมํ กามภวํ วิชหิตฺวา สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก ปรินิพฺพานํฯ สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺสาติ สตฺตกฺขตฺตุํปรมา สตฺตวารปรมา ภวูปปตฺติ อตฺตภาวคฺคหณํ อสฺส, ตโต ปรํ อฎฺฐมํ ภวํ นาทิยตีติ สตฺตกฺขตฺตุปรโมฯ ตสฺส สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส โสตาปนฺนสฺสฯ โกลํโกลสฺสาติ กุลโต กุลํ คจฺฉตีติ โกลํโกโลฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยโต หิ ปฎฺฐาย นีเจ กุเล อุปปตฺติ นาม นตฺถิ, มหาโภคกุเลสุเยว นิพฺพตฺตตีติ อโตฺถฯ ตสฺส โกลํโกลสฺส โสตาปนฺนสฺสฯ เอกพีชิสฺสาติ ขนฺธพีชํ นาม กถิตํฯ ยสฺส หิ โสตาปนฺนสฺส เอกํเยว ขนฺธพีชํ อตฺถิ, เอกํ อตฺตภาวคฺคหณํ, โส เอกพีชี นามฯ ตสฺส เอกพีชิสฺส โสตาปนฺนสฺสฯ ภควตา คหิตนามวเสเนเวตานิ เอเตสํ นามานิฯ เอตฺตกญฺหิ ฐานํ คโต สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม โหติ, เอตฺตกํ โกลํโกโล, เอตฺตกํ เอกพีชีติ ภควตา เอเตสํ นามํ คหิตํฯ ภควา หิ ‘‘อยํ เอตฺตกํ ฐานํ คมิสฺสติ, อยํ เอตฺตกํ ฐานํ คมิสฺสตี’’ติ ญตฺวา เตสํ ตานิ ตานิ นามานิ อคฺคเหสิฯ มุทุปโญฺญ หิ โสตาปโนฺน สตฺต ภเว นิพฺพเตฺตโนฺต สตฺตกฺขตฺตุปรโม นาม, มชฺฌิมปโญฺญ ปรํ ฉฎฺฐํ ภวํ นิพฺพเตฺตโนฺต โกลํโกโล นาม , ติกฺขปโญฺญ เอกํ ภวํ นิพฺพเตฺตโนฺต เอกพีชี นามฯ ตํ ปเนตํ เตสํ มุทุมชฺฌิมติกฺขปญฺญตํ ปุพฺพเหตุ นิยเมติฯ อิเม ตโยปิ โสตาปนฺนา กามภววเสน วุตฺตา, รูปารูปภเว ปน พหุกาปิ ปฎิสนฺธิโย คณฺหนฺติฯ สกทาคามิสฺสาติ ปฎิสนฺธิวเสน สกิํ กามภวํ อาคจฺฉตีติ สกทาคามีฯ ตสฺส สกทาคามิสฺสฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺม อรหาติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว อรหาฯ อรหนฺติปิ ปาโฐฯ อิธ นิฎฺฐาติ กามภวํ สํสรเนฺตเยว สนฺธาย วุตฺตํฯ รูปารูปภเว อุปฺปนฺนา ปน อริยา กามภเว น อุปฺปชฺชนฺติ, ตเตฺถว ปรินิพฺพายนฺติฯ
151.Ye keci, bhikkhavetiādisuttāharaṇaṃ sampannadiṭṭhipuggalasambandhena sampannadiṭṭhipuggalavibhāgadassanatthaṃ kataṃ. Tattha niṭṭhaṃ gatāti maggañāṇavasena sammāsambuddho bhagavāti nicchayaṃ gatā, nibbematikāti attho. Niṭṭhāgatāti pāṭho samāsapadaṃ hoti, attho pana soyeva. Diṭṭhisampannāti diṭṭhiyā sundarabhāvaṃ gatā. Idha niṭṭhāti imissā kāmadhātuyā parinibbānaṃ. Idha vihāya niṭṭhāti imaṃ kāmabhavaṃ vijahitvā suddhāvāsabrahmaloke parinibbānaṃ. Sattakkhattuparamassāti sattakkhattuṃparamā sattavāraparamā bhavūpapatti attabhāvaggahaṇaṃ assa, tato paraṃ aṭṭhamaṃ bhavaṃ nādiyatīti sattakkhattuparamo. Tassa sattakkhattuparamassa sotāpannassa. Kolaṃkolassāti kulato kulaṃ gacchatīti kolaṃkolo. Sotāpattiphalasacchikiriyato hi paṭṭhāya nīce kule upapatti nāma natthi, mahābhogakulesuyeva nibbattatīti attho. Tassa kolaṃkolassa sotāpannassa. Ekabījissāti khandhabījaṃ nāma kathitaṃ. Yassa hi sotāpannassa ekaṃyeva khandhabījaṃ atthi, ekaṃ attabhāvaggahaṇaṃ, so ekabījī nāma. Tassa ekabījissa sotāpannassa. Bhagavatā gahitanāmavasenevetāni etesaṃ nāmāni. Ettakañhi ṭhānaṃ gato sattakkhattuparamo nāma hoti, ettakaṃ kolaṃkolo, ettakaṃ ekabījīti bhagavatā etesaṃ nāmaṃ gahitaṃ. Bhagavā hi ‘‘ayaṃ ettakaṃ ṭhānaṃ gamissati, ayaṃ ettakaṃ ṭhānaṃ gamissatī’’ti ñatvā tesaṃ tāni tāni nāmāni aggahesi. Mudupañño hi sotāpanno satta bhave nibbattento sattakkhattuparamo nāma, majjhimapañño paraṃ chaṭṭhaṃ bhavaṃ nibbattento kolaṃkolo nāma , tikkhapañño ekaṃ bhavaṃ nibbattento ekabījī nāma. Taṃ panetaṃ tesaṃ mudumajjhimatikkhapaññataṃ pubbahetu niyameti. Ime tayopi sotāpannā kāmabhavavasena vuttā, rūpārūpabhave pana bahukāpi paṭisandhiyo gaṇhanti. Sakadāgāmissāti paṭisandhivasena sakiṃ kāmabhavaṃ āgacchatīti sakadāgāmī. Tassa sakadāgāmissa. Diṭṭheva dhamme arahāti imasmiṃyeva attabhāve arahā. Arahantipi pāṭho. Idha niṭṭhāti kāmabhavaṃ saṃsaranteyeva sandhāya vuttaṃ. Rūpārūpabhave uppannā pana ariyā kāmabhave na uppajjanti, tattheva parinibbāyanti.
อนฺตราปรินิพฺพายิสฺสาติ อายุเวมชฺฌสฺส อนฺตราเยว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนโต อนฺตราปรินิพฺพายีฯ โส ปน อุปฺปนฺนสมนนฺตรา ปรินิพฺพายี, อายุเวมชฺฌํ อปฺปตฺวา ปรินิพฺพายี, อายุเวมชฺฌํ ปตฺวา ปรินิพฺพายีติ ติวิโธ โหติฯ ตสฺส อนฺตราปรินิพฺพายิสฺส อนาคามิโนฯ อุปหจฺจปรินิพฺพายิสฺสาติ อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา วา กาลกิริยํ อุปคนฺตฺวา วา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนฺตสฺส อนาคามิโนฯ อสงฺขารปรินิพฺพายิสฺสาติ อสงฺขาเรน อปฺปโยเคน อธิมตฺตปฺปโยคํ อกตฺวาว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนธมฺมสฺส อนาคามิโนฯ สสงฺขารปรินิพฺพายิสฺสาติ สสงฺขาเรน ทุเกฺขน กสิเรน อธิมตฺตปฺปโยคํ กตฺวาว กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายนธมฺมสฺส อนาคามิโนฯ อุทฺธํโสตสฺส อกนิฎฺฐคามิโนติ อุทฺธํวาหิภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ วฎฺฎโสตํ วาติ อุทฺธํโสโต, อุทฺธํ วา คนฺตฺวา ปฎิลภิตพฺพโต อุทฺธมสฺส มคฺคโสตนฺติ อุทฺธํโสโต, อกนิฎฺฐํ คจฺฉตีติ อกนิฎฺฐคามีฯ ตสฺส อุทฺธํโสตสฺส อกนิฎฺฐคามิโน อนาคามิสฺสฯ อยํ ปน อนาคามี จตุปฺปเภโท – โย อวิหโต ปฎฺฐาย จตฺตาโร พฺรหฺมโลเก โสเธตฺวา อกนิฎฺฐํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามี นามฯ โย เหฎฺฐา ตโย พฺรหฺมโลเก โสเธตฺวา สุทสฺสีพฺรหฺมโลเก ฐตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฎฺฐคามี นามฯ โย อิโต อกนิฎฺฐเมว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฎฺฐคามี นามฯ โย เหฎฺฐา จตูสุ พฺรหฺมโลเกสุ ตตฺถ ตเตฺถว ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต น อกนิฎฺฐคามี นามาติฯ อิเม ปญฺจ อนาคามิโน สุทฺธาวาสํ คเหตฺวา วุตฺตาฯ อนาคามิโน ปน รูปราคารูปราคานํ อปฺปหีนตฺตา อากงฺขมานา เสสรูปารูปภเวสุปิ นิพฺพตฺตนฺติฯ สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺตา ปน อญฺญตฺถ น นิพฺพตฺตนฺติฯ อเวจฺจปฺปสนฺนาติ อริยมคฺควเสน ชานิตฺวา พุชฺฌิตฺวา อจลปฺปสาเทน ปสนฺนาฯ โสตาปนฺนาติ อริยมคฺคโสตํ อาปนฺนาฯ อิมินา สเพฺพปิ อริยผลฎฺฐา ปุคฺคลา คหิตาติฯ
Antarāparinibbāyissāti āyuvemajjhassa antarāyeva kilesaparinibbānena parinibbāyanato antarāparinibbāyī. So pana uppannasamanantarā parinibbāyī, āyuvemajjhaṃ appatvā parinibbāyī, āyuvemajjhaṃ patvā parinibbāyīti tividho hoti. Tassa antarāparinibbāyissa anāgāmino. Upahaccaparinibbāyissāti āyuvemajjhaṃ atikkamitvā vā kālakiriyaṃ upagantvā vā kilesaparinibbānena parinibbāyantassa anāgāmino. Asaṅkhāraparinibbāyissāti asaṅkhārena appayogena adhimattappayogaṃ akatvāva kilesaparinibbānena parinibbāyanadhammassa anāgāmino. Sasaṅkhāraparinibbāyissāti sasaṅkhārena dukkhena kasirena adhimattappayogaṃ katvāva kilesaparinibbānena parinibbāyanadhammassa anāgāmino. Uddhaṃsotassa akaniṭṭhagāminoti uddhaṃvāhibhāvena uddhamassa taṇhāsotaṃ vaṭṭasotaṃ vāti uddhaṃsoto, uddhaṃ vā gantvā paṭilabhitabbato uddhamassa maggasotanti uddhaṃsoto, akaniṭṭhaṃ gacchatīti akaniṭṭhagāmī. Tassa uddhaṃsotassa akaniṭṭhagāmino anāgāmissa. Ayaṃ pana anāgāmī catuppabhedo – yo avihato paṭṭhāya cattāro brahmaloke sodhetvā akaniṭṭhaṃ gantvā parinibbāyati, ayaṃ uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī nāma. Yo heṭṭhā tayo brahmaloke sodhetvā sudassībrahmaloke ṭhatvā parinibbāyati, ayaṃ uddhaṃsoto na akaniṭṭhagāmī nāma. Yo ito akaniṭṭhameva gantvā parinibbāyati, ayaṃ na uddhaṃsoto akaniṭṭhagāmī nāma. Yo heṭṭhā catūsu brahmalokesu tattha tattheva parinibbāyati, ayaṃ na uddhaṃsoto na akaniṭṭhagāmī nāmāti. Ime pañca anāgāmino suddhāvāsaṃ gahetvā vuttā. Anāgāmino pana rūparāgārūparāgānaṃ appahīnattā ākaṅkhamānā sesarūpārūpabhavesupi nibbattanti. Suddhāvāse nibbattā pana aññattha na nibbattanti. Aveccappasannāti ariyamaggavasena jānitvā bujjhitvā acalappasādena pasannā. Sotāpannāti ariyamaggasotaṃ āpannā. Iminā sabbepi ariyaphalaṭṭhā puggalā gahitāti.
ภววิภวทิฎฺฐินิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhavavibhavadiṭṭhiniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
สทฺธมฺมปฺปกาสินิยา ปฎิสมฺภิทามคฺคฎฺฐกถาย
Saddhammappakāsiniyā paṭisambhidāmaggaṭṭhakathāya
ทิฎฺฐิกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Diṭṭhikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๑๕-๑๖. ภว-วิภวทิฎฺฐินิเทฺทโส • 15-16. Bhava-vibhavadiṭṭhiniddeso