Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๔. ภยเภรวสุตฺตํ
4. Bhayabheravasuttaṃ
๓๔. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ 1 วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข ชาณุโสฺสณิ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เยเม, โภ โคตม, กุลปุตฺตา ภวนฺตํ โคตมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, ภวํ เตสํ โคตโม ปุพฺพงฺคโม, ภวํ เตสํ โคตโม พหุกาโร, ภวํ เตสํ โคตโม สมาทเปตา 2; โภโต จ ปน โคตมสฺส สา ชนตา ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชตี’’ติฯ ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! เย เต, พฺราหฺมณ, กุลปุตฺตา มมํ อุทฺทิสฺส สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตา, อหํ เตสํ ปุพฺพงฺคโม, อหํ เตสํ พหุกาโร, อหํ เตสํ สมาทเปตา; มม จ ปน สา ชนตา ทิฎฺฐานุคติํ อาปชฺชตี’’ติฯ ‘‘ทุรภิสมฺภวานิ หิ โข, โภ โคตม, อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, ทุกฺกรํ ปวิเวกํ, ทุรภิรมํ เอกเตฺต, หรนฺติ มเญฺญ มโน วนานิ สมาธิํ อลภมานสฺส ภิกฺขุโน’’ติ ฯ ‘‘เอวเมตํ, พฺราหฺมณ, เอวเมตํ, พฺราหฺมณ! ทุรภิสมฺภวานิ หิ โข, พฺราหฺมณ, อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, ทุกฺกรํ ปวิเวกํ, ทุรภิรมํ เอกเตฺต, หรนฺติ มเญฺญ มโน วนานิ สมาธิํ อลภมานสฺส ภิกฺขุโน’’ติฯ
34. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Atha kho jāṇussoṇi brāhmaṇo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ 3 vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho jāṇussoṇi brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yeme, bho gotama, kulaputtā bhavantaṃ gotamaṃ uddissa saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitā, bhavaṃ tesaṃ gotamo pubbaṅgamo, bhavaṃ tesaṃ gotamo bahukāro, bhavaṃ tesaṃ gotamo samādapetā 4; bhoto ca pana gotamassa sā janatā diṭṭhānugatiṃ āpajjatī’’ti. ‘‘Evametaṃ, brāhmaṇa, evametaṃ, brāhmaṇa! Ye te, brāhmaṇa, kulaputtā mamaṃ uddissa saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajitā, ahaṃ tesaṃ pubbaṅgamo, ahaṃ tesaṃ bahukāro, ahaṃ tesaṃ samādapetā; mama ca pana sā janatā diṭṭhānugatiṃ āpajjatī’’ti. ‘‘Durabhisambhavāni hi kho, bho gotama, araññavanapatthāni pantāni senāsanāni, dukkaraṃ pavivekaṃ, durabhiramaṃ ekatte, haranti maññe mano vanāni samādhiṃ alabhamānassa bhikkhuno’’ti . ‘‘Evametaṃ, brāhmaṇa, evametaṃ, brāhmaṇa! Durabhisambhavāni hi kho, brāhmaṇa, araññavanapatthāni pantāni senāsanāni, dukkaraṃ pavivekaṃ, durabhiramaṃ ekatte, haranti maññe mano vanāni samādhiṃ alabhamānassa bhikkhuno’’ti.
๓๕. ‘‘มยฺหมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, ปุเพฺพว สโมฺพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตเสฺสว สโต เอตทโหสิ – ‘ทุรภิสมฺภวานิ หิ โข อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, ทุกฺกรํ ปวิเวกํ, ทุรภิรมํ เอกเตฺต, หรนฺติ มเญฺญ มโน วนานิ สมาธิํ อลภมานสฺส ภิกฺขุโน’ติฯ ตสฺส มยฺหํ พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, อปริสุทฺธกายกมฺมนฺตสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ อปริสุทฺธกายกมฺมโนฺต อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; ปริสุทฺธกายกมฺมโนฺตหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ปริสุทฺธกายกมฺมตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
35. ‘‘Mayhampi kho, brāhmaṇa, pubbeva sambodhā anabhisambuddhassa bodhisattasseva sato etadahosi – ‘durabhisambhavāni hi kho araññavanapatthāni pantāni senāsanāni, dukkaraṃ pavivekaṃ, durabhiramaṃ ekatte, haranti maññe mano vanāni samādhiṃ alabhamānassa bhikkhuno’ti. Tassa mayhaṃ brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā aparisuddhakāyakammantā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, aparisuddhakāyakammantasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ aparisuddhakāyakammanto araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; parisuddhakāyakammantohamasmi. Ye hi vo ariyā parisuddhakāyakammantā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, parisuddhakāyakammataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๓๖. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อปริสุทฺธวจีกมฺมนฺตา…เป.… อปริสุทฺธมโนกมฺมนฺตา …เป.… อปริสุทฺธาชีวา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, อปริสุทฺธาชีวสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ อปริสุทฺธาชีโว อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; ปริสุทฺธาชีโวหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธาชีวา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ปริสุทฺธาชีวตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
36. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā aparisuddhavacīkammantā…pe… aparisuddhamanokammantā …pe… aparisuddhājīvā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, aparisuddhājīvasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ aparisuddhājīvo araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; parisuddhājīvohamasmi. Ye hi vo ariyā parisuddhājīvā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, parisuddhājīvataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๓๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อภิชฺฌาลู กาเมสุ ติพฺพสาราคา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, อภิชฺฌาลุกาเมสุติพฺพสาราคสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ อภิชฺฌาลุ กาเมสุ ติพฺพสาราโค อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; อนภิชฺฌาลูหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา อนภิชฺฌาลู อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ , เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อนภิชฺฌาลุตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
37. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā abhijjhālū kāmesu tibbasārāgā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, abhijjhālukāmesutibbasārāgasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ abhijjhālu kāmesu tibbasārāgo araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; anabhijjhālūhamasmi. Ye hi vo ariyā anabhijjhālū araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti , tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, anabhijjhālutaṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๓๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา พฺยาปนฺนจิตฺตา ปทุฎฺฐมนสงฺกปฺปา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, พฺยาปนฺนจิตฺตปทุฎฺฐมนสงฺกปฺปสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ พฺยาปนฺนจิโตฺต ปทุฎฺฐมนสงฺกโปฺป อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; เมตฺตจิโตฺตหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา เมตฺตจิตฺตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, เมตฺตจิตฺตตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
38. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā byāpannacittā paduṭṭhamanasaṅkappā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, byāpannacittapaduṭṭhamanasaṅkappasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ byāpannacitto paduṭṭhamanasaṅkappo araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; mettacittohamasmi. Ye hi vo ariyā mettacittā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, mettacittataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๓๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ถีนมิทฺธปริยุฎฺฐิตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, ถีนมิทฺธปริยุฎฺฐานสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ ถีนมิทฺธปริยุฎฺฐิโต อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; วิคตถีนมิโทฺธหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา วิคตถีนมิทฺธา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, วิคตถีนมิทฺธตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
39. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā thīnamiddhapariyuṭṭhitā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, thīnamiddhapariyuṭṭhānasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ thīnamiddhapariyuṭṭhito araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; vigatathīnamiddhohamasmi. Ye hi vo ariyā vigatathīnamiddhā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, vigatathīnamiddhataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๐. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อุทฺธตา อวูปสนฺตจิตฺตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, อุทฺธตอวูปสนฺตจิตฺตสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ อุทฺธโต อวูปสนฺตจิโตฺต อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; วูปสนฺตจิโตฺตหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา วูปสนฺตจิตฺตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, วูปสนฺตจิตฺตตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
40. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā uddhatā avūpasantacittā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, uddhataavūpasantacittasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ uddhato avūpasantacitto araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; vūpasantacittohamasmi. Ye hi vo ariyā vūpasantacittā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, vūpasantacittataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๑. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กงฺขี วิจิกิจฺฉี อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, กงฺขิวิจิกิจฺฉิสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ กงฺขี วิจิกิจฺฉี อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; ติณฺณวิจิกิโจฺฉหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา ติณฺณวิจิกิจฺฉา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ติณฺณวิจิกิจฺฉตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
41. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā kaṅkhī vicikicchī araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, kaṅkhivicikicchisandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ kaṅkhī vicikicchī araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; tiṇṇavicikicchohamasmi. Ye hi vo ariyā tiṇṇavicikicchā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, tiṇṇavicikicchataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๒. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อตฺตุกฺกํสกา ปรวมฺภี อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติ ฯ น โข ปนาหํ อตฺตุกฺกํสโก ปรวมฺภี อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ ; อนตฺตุกฺกํสโก อปรวมฺภีหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา อนตฺตุกฺกํสกา อปรวมฺภี อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อนตฺตุกฺกํสกตํ อปรวมฺภิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
42. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā attukkaṃsakā paravambhī araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, attukkaṃsanaparavambhanasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti . Na kho panāhaṃ attukkaṃsako paravambhī araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi ; anattukkaṃsako aparavambhīhamasmi. Ye hi vo ariyā anattukkaṃsakā aparavambhī araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, anattukkaṃsakataṃ aparavambhitaṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๓. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ฉมฺภี ภีรุกชาติกา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, ฉมฺภิภีรุกชาติกสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ ฉมฺภี ภีรุกชาติโก อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; วิคตโลมหํโสหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา วิคตโลมหํสา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, วิคตโลมหํสตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
43. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā chambhī bhīrukajātikā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, chambhibhīrukajātikasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ chambhī bhīrukajātiko araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; vigatalomahaṃsohamasmi. Ye hi vo ariyā vigatalomahaṃsā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, vigatalomahaṃsataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๔. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมานา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, ลาภสกฺการสิโลกนิกามน 5 สโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; อปฺปิโจฺฉหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา อปฺปิจฺฉา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อปฺปิจฺฉตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
44. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā lābhasakkārasilokaṃ nikāmayamānā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, lābhasakkārasilokanikāmana 6 sandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ lābhasakkārasilokaṃ nikāmayamāno araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; appicchohamasmi. Ye hi vo ariyā appicchā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, appicchataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๕. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา กุสีตา หีนวีริยา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ , กุสีตหีนวีริยสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ กุสีโต หีนวีริโย อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; อารทฺธวีริโยหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา อารทฺธวีริยา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อารทฺธวีริยตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
45. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā kusītā hīnavīriyā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti , kusītahīnavīriyasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ kusīto hīnavīriyo araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; āraddhavīriyohamasmi. Ye hi vo ariyā āraddhavīriyā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, āraddhavīriyataṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๖. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา มุฎฺฐสฺสตี อสมฺปชานา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, มุฎฺฐสฺสติอสมฺปชานสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ มุฎฺฐสฺสติ อสมฺปชาโน อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; อุปฎฺฐิตสฺสติหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา อุปฎฺฐิตสฺสตี อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, อุปฎฺฐิตสฺสติตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
46. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā muṭṭhassatī asampajānā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, muṭṭhassatiasampajānasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ muṭṭhassati asampajāno araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; upaṭṭhitassatihamasmi. Ye hi vo ariyā upaṭṭhitassatī araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, upaṭṭhitassatitaṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๗. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา อสมาหิตา วิพฺภนฺตจิตฺตา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, อสมาหิตวิพฺภนฺตจิตฺตสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ อสมาหิโต วิพฺภนฺตจิโตฺต อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; สมาธิสมฺปโนฺนหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา สมาธิสมฺปนฺนา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, สมาธิสมฺปทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
47. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā asamāhitā vibbhantacittā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, asamāhitavibbhantacittasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ asamāhito vibbhantacitto araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; samādhisampannohamasmi. Ye hi vo ariyā samādhisampannā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, samādhisampadaṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
๔๘. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘เย โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ทุปฺปญฺญา เอฬมูคา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ, ทุปฺปญฺญเอฬมูคสโนฺทสเหตุ หเว เต โภโนฺต สมณพฺราหฺมณา อกุสลํ ภยเภรวํ อวฺหายนฺติฯ น โข ปนาหํ ทุปฺปโญฺญ เอฬมูโค อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ; ปญฺญาสมฺปโนฺนหมสฺมิฯ เย หิ โว อริยา ปญฺญาสมฺปนฺนา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ เตสมหํ อญฺญตโร’ติฯ เอตมหํ, พฺราหฺมณ, ปญฺญาสมฺปทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน ภิโยฺย ปโลฺลมมาปาทิํ อรเญฺญ วิหารายฯ
48. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘ye kho keci samaṇā vā brāhmaṇā vā duppaññā eḷamūgā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti, duppaññaeḷamūgasandosahetu have te bhonto samaṇabrāhmaṇā akusalaṃ bhayabheravaṃ avhāyanti. Na kho panāhaṃ duppañño eḷamūgo araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi; paññāsampannohamasmi. Ye hi vo ariyā paññāsampannā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti tesamahaṃ aññataro’ti. Etamahaṃ, brāhmaṇa, paññāsampadaṃ attani sampassamāno bhiyyo pallomamāpādiṃ araññe vihārāya.
โสฬสปริยายํ นิฎฺฐิตํฯ
Soḷasapariyāyaṃ niṭṭhitaṃ.
๔๙. ‘‘ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ ยา ตา รตฺติโย อภิญฺญาตา อภิลกฺขิตา – จาตุทฺทสี ปญฺจทสี อฎฺฐมี จ ปกฺขสฺส – ตถารูปาสุ รตฺตีสุ ยานิ ตานิ อารามเจติยานิ วนเจติยานิ รุกฺขเจติยานิ ภิํสนกานิ สโลมหํสานิ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ วิหเรยฺยํ อเปฺปว นามาหํ ภยเภรวํ ปเสฺสยฺย’นฺติฯ โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, อปเรน สมเยน ยา ตา รตฺติโย อภิญฺญาตา อภิลกฺขิตา – จาตุทฺทสี ปญฺจทสี อฎฺฐมี จ ปกฺขสฺส – ตถารูปาสุ รตฺตีสุ ยานิ ตานิ อารามเจติยานิ วนเจติยานิ รุกฺขเจติยานิ ภิํสนกานิ สโลมหํสานิ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ วิหรามิฯ ตตฺถ จ เม, พฺราหฺมณ, วิหรโต มโค วา อาคจฺฉติ, โมโร วา กฎฺฐํ ปาเตติ, วาโต วา ปณฺณกสฎํ 7 เอเรติ; ตสฺส มยฺหํ พฺราหฺมณ เอตทโหสิ 8 – ‘เอตํ นูน ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉตี’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, เอตทโหสิ – ‘กิํ นุ โข อหํ อญฺญทตฺถุ ภยปฎิกงฺขี 9 วิหรามิ? ยํนูนาหํ ยถาภูตํ ยถาภูตสฺส 10 เม ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติ, ตถาภูตํ ตถาภูโตว 11 ตํ ภยเภรวํ ปฎิวิเนยฺย’นฺติฯ ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, จงฺกมนฺตสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติฯ โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว ติฎฺฐามิ น นิสีทามิ น นิปชฺชามิ, ยาว จงฺกมโนฺตว ตํ ภยเภรวํ ปฎิวิเนมิฯ ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, ฐิตสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติฯ โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว จงฺกมามิ น นิสีทามิ น นิปชฺชามิฯ ยาว ฐิโตว ตํ ภยเภรวํ ปฎิวิเนมิฯ ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, นิสินฺนสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติฯ โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว นิปชฺชามิ น ติฎฺฐามิ น จงฺกมามิ, ยาว นิสิโนฺนว ตํ ภยเภรวํ ปฎิวิเนมิฯ ตสฺส มยฺหํ, พฺราหฺมณ, นิปนฺนสฺส ตํ ภยเภรวํ อาคจฺฉติฯ โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, เนว ตาว นิสีทามิ น ติฎฺฐามิ น จงฺกมามิ, ยาว นิปโนฺนว ตํ ภยเภรวํ ปฎิวิเนมิฯ
49. ‘‘Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘yaṃnūnāhaṃ yā tā rattiyo abhiññātā abhilakkhitā – cātuddasī pañcadasī aṭṭhamī ca pakkhassa – tathārūpāsu rattīsu yāni tāni ārāmacetiyāni vanacetiyāni rukkhacetiyāni bhiṃsanakāni salomahaṃsāni tathārūpesu senāsanesu vihareyyaṃ appeva nāmāhaṃ bhayabheravaṃ passeyya’nti. So kho ahaṃ, brāhmaṇa, aparena samayena yā tā rattiyo abhiññātā abhilakkhitā – cātuddasī pañcadasī aṭṭhamī ca pakkhassa – tathārūpāsu rattīsu yāni tāni ārāmacetiyāni vanacetiyāni rukkhacetiyāni bhiṃsanakāni salomahaṃsāni tathārūpesu senāsanesu viharāmi. Tattha ca me, brāhmaṇa, viharato mago vā āgacchati, moro vā kaṭṭhaṃ pāteti, vāto vā paṇṇakasaṭaṃ 12 ereti; tassa mayhaṃ brāhmaṇa etadahosi 13 – ‘etaṃ nūna taṃ bhayabheravaṃ āgacchatī’ti. Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, etadahosi – ‘kiṃ nu kho ahaṃ aññadatthu bhayapaṭikaṅkhī 14 viharāmi? Yaṃnūnāhaṃ yathābhūtaṃ yathābhūtassa 15 me taṃ bhayabheravaṃ āgacchati, tathābhūtaṃ tathābhūtova 16 taṃ bhayabheravaṃ paṭivineyya’nti. Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, caṅkamantassa taṃ bhayabheravaṃ āgacchati. So kho ahaṃ, brāhmaṇa, neva tāva tiṭṭhāmi na nisīdāmi na nipajjāmi, yāva caṅkamantova taṃ bhayabheravaṃ paṭivinemi. Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, ṭhitassa taṃ bhayabheravaṃ āgacchati. So kho ahaṃ, brāhmaṇa, neva tāva caṅkamāmi na nisīdāmi na nipajjāmi. Yāva ṭhitova taṃ bhayabheravaṃ paṭivinemi. Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, nisinnassa taṃ bhayabheravaṃ āgacchati. So kho ahaṃ, brāhmaṇa, neva tāva nipajjāmi na tiṭṭhāmi na caṅkamāmi, yāva nisinnova taṃ bhayabheravaṃ paṭivinemi. Tassa mayhaṃ, brāhmaṇa, nipannassa taṃ bhayabheravaṃ āgacchati. So kho ahaṃ, brāhmaṇa, neva tāva nisīdāmi na tiṭṭhāmi na caṅkamāmi, yāva nipannova taṃ bhayabheravaṃ paṭivinemi.
๕๐. ‘‘สนฺติ โข ปน, พฺราหฺมณ, เอเก สมณพฺราหฺมณา รตฺติํเยว สมานํ ทิวาติ สญฺชานนฺติ, ทิวาเยว สมานํ รตฺตีติ สญฺชานนฺติฯ อิทมหํ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ สโมฺมหวิหารสฺมิํ วทามิฯ อหํ โข ปน, พฺราหฺมณ, รตฺติํเยว สมานํ รตฺตีติ สญฺชานามิ, ทิวาเยว สมานํ ทิวาติ สญฺชานามิฯ ยํ โข ตํ, พฺราหฺมณ, สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อสโมฺมหธโมฺม สโตฺต โลเก อุปฺปโนฺน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติ, มเมว ตํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – ‘อสโมฺมหธโมฺม สโตฺต โลเก อุปฺปโนฺน พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติฯ
50. ‘‘Santi kho pana, brāhmaṇa, eke samaṇabrāhmaṇā rattiṃyeva samānaṃ divāti sañjānanti, divāyeva samānaṃ rattīti sañjānanti. Idamahaṃ tesaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ sammohavihārasmiṃ vadāmi. Ahaṃ kho pana, brāhmaṇa, rattiṃyeva samānaṃ rattīti sañjānāmi, divāyeva samānaṃ divāti sañjānāmi. Yaṃ kho taṃ, brāhmaṇa, sammā vadamāno vadeyya – ‘asammohadhammo satto loke uppanno bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti, mameva taṃ sammā vadamāno vadeyya – ‘asammohadhammo satto loke uppanno bahujanahitāya bahujanasukhāya lokānukampāya atthāya hitāya sukhāya devamanussāna’nti.
๕๑. ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม, พฺราหฺมณ, วีริยํ อโหสิ อสลฺลีนํ, อุปฎฺฐิตา สติ อสมฺมุฎฺฐา 17, ปสฺสโทฺธ กาโย อสารโทฺธ, สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคํฯ โส โข อหํ, พฺราหฺมณ, วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหาสิํ, สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทสิํ; ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิํฯ
51. ‘‘Āraddhaṃ kho pana me, brāhmaṇa, vīriyaṃ ahosi asallīnaṃ, upaṭṭhitā sati asammuṭṭhā 18, passaddho kāyo asāraddho, samāhitaṃ cittaṃ ekaggaṃ. So kho ahaṃ, brāhmaṇa, vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Pītiyā ca virāgā upekkhako ca vihāsiṃ, sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedesiṃ; yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ. Sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja vihāsiṃ.
๕๒. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต ปุเพฺพนิวาสานุสฺสติญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิ, เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ วิวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ; ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรามิฯ อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา ปฐเม ยาเม ปฐมา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺน, ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ
52. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte pubbenivāsānussatiñāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi, seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekepi saṃvaṭṭakappe anekepi vivaṭṭakappe anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ; tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarāmi. Ayaṃ kho me, brāhmaṇa, rattiyā paṭhame yāme paṭhamā vijjā adhigatā, avijjā vihatā vijjā uppannā, tamo vihato āloko uppanno, yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato.
๕๓. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต สตฺตานํ จุตูปปาตญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานามิ – ‘อิเม วต โภโนฺต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนาฯ อิเม วา ปน โภโนฺต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฎฺฐิกา สมฺมาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานา; เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติฯ อิติ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสามิ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานามิฯ อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา มชฺฌิเม ยาเม ทุติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺน, ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ
53. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte sattānaṃ cutūpapātañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passāmi cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajānāmi – ‘ime vata bhonto sattā kāyaduccaritena samannāgatā vacīduccaritena samannāgatā manoduccaritena samannāgatā ariyānaṃ upavādakā micchādiṭṭhikā micchādiṭṭhikammasamādānā; te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā. Ime vā pana bhonto sattā kāyasucaritena samannāgatā vacīsucaritena samannāgatā manosucaritena samannāgatā ariyānaṃ anupavādakā sammādiṭṭhikā sammādiṭṭhikammasamādānā; te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā’ti. Iti dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passāmi cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate yathākammūpage satte pajānāmi. Ayaṃ kho me, brāhmaṇa, rattiyā majjhime yāme dutiyā vijjā adhigatā, avijjā vihatā vijjā uppannā, tamo vihato āloko uppanno, yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato.
๕๔. ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิเตฺต ปริสุเทฺธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ฐิเต อาเนญฺชปฺปเตฺต อาสวานํ ขยญาณาย จิตฺตํ อภินินฺนาเมสิํฯ โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํฯ ‘อิเม อาสวา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวสมุทโย’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรโธ’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํ, ‘อยํ อาสวนิโรธคามินี ปฎิปทา’ติ ยถาภูตํ อพฺภญฺญาสิํฯ ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโต กามาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, ภวาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถ, อวิชฺชาสวาปิ จิตฺตํ วิมุจฺจิตฺถฯ วิมุตฺตสฺมิํ วิมุตฺตมิติ ญาณํ อโหสิฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ อพฺภญฺญาสิํฯ อยํ โข เม, พฺราหฺมณ, รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตติยา วิชฺชา อธิคตา, อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปโนฺน, ยถา ตํ อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโตฯ
54. ‘‘So evaṃ samāhite citte parisuddhe pariyodāte anaṅgaṇe vigatūpakkilese mudubhūte kammaniye ṭhite āneñjappatte āsavānaṃ khayañāṇāya cittaṃ abhininnāmesiṃ. So ‘idaṃ dukkha’nti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhasamudayo’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhanirodho’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ dukkhanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ. ‘Ime āsavā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavasamudayo’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavanirodho’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ, ‘ayaṃ āsavanirodhagāminī paṭipadā’ti yathābhūtaṃ abbhaññāsiṃ. Tassa me evaṃ jānato evaṃ passato kāmāsavāpi cittaṃ vimuccittha, bhavāsavāpi cittaṃ vimuccittha, avijjāsavāpi cittaṃ vimuccittha. Vimuttasmiṃ vimuttamiti ñāṇaṃ ahosi. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti abbhaññāsiṃ. Ayaṃ kho me, brāhmaṇa, rattiyā pacchime yāme tatiyā vijjā adhigatā, avijjā vihatā vijjā uppannā, tamo vihato āloko uppanno, yathā taṃ appamattassa ātāpino pahitattassa viharato.
๕๕. ‘‘สิยา โข ปน เต, พฺราหฺมณ, เอวมสฺส – ‘อชฺชาปิ นูน สมโณ โคตโม อวีตราโค อวีตโทโส อวีตโมโห, ตสฺมา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวตี’ติฯ น โข ปเนตํ, พฺราหฺมณ, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ เทฺว โข อหํ, พฺราหฺมณ, อตฺถวเส สมฺปสฺสมาโน อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวามิ – อตฺตโน จ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารํ สมฺปสฺสมาโน, ปจฺฉิมญฺจ ชนตํ อนุกมฺปมาโน’’ติฯ
55. ‘‘Siyā kho pana te, brāhmaṇa, evamassa – ‘ajjāpi nūna samaṇo gotamo avītarāgo avītadoso avītamoho, tasmā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevatī’ti. Na kho panetaṃ, brāhmaṇa, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Dve kho ahaṃ, brāhmaṇa, atthavase sampassamāno araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevāmi – attano ca diṭṭhadhammasukhavihāraṃ sampassamāno, pacchimañca janataṃ anukampamāno’’ti.
๕๖. ‘‘อนุกมฺปิตรูปา วตายํ โภตา โคตเมน ปจฺฉิมา ชนตา , ยถา ตํ อรหตา สมฺมาสมฺพุเทฺธนฯ อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
56. ‘‘Anukampitarūpā vatāyaṃ bhotā gotamena pacchimā janatā , yathā taṃ arahatā sammāsambuddhena. Abhikkantaṃ, bho gotama! Abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
ภยเภรวสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ จตุตฺถํฯ
Bhayabheravasuttaṃ niṭṭhitaṃ catutthaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๔. ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา • 4. Bhayabheravasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๔. ภยเภรวสุตฺตวณฺณนา • 4. Bhayabheravasuttavaṇṇanā