Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    เภสชฺชกฺขนฺธกกถาวณฺณนา

    Bhesajjakkhandhakakathāvaṇṇanā

    ๒๖๖๕. คหปติสฺส ภูมิ, สมฺมุติภูมิ, อุสฺสาวนนฺติกาภูมิ, โคนิสาทิภูมีติ กปฺปิยภูมิโย จตโสฺส โหนฺตีติ วุตฺตา ภควตาติ โยชนาฯ

    2665. Gahapatissa bhūmi, sammutibhūmi, ussāvanantikābhūmi, gonisādibhūmīti kappiyabhūmiyo catasso hontīti vuttā bhagavatāti yojanā.

    ๒๖๖๖. กถํ กปฺปิยํ กตฺตพฺพนฺติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตโสฺส กปฺปิยภูมิโย อุสฺสาวนนฺติกํ โคนิสาทิกํ คหปติํ สมฺมุติ’’นฺติ (มหาว. ๒๙๕) เอวํ จตโสฺส ภูมิโย อุทฺธริตฺวา ตาสํ สามญฺญลกฺขณํ ทเสฺสตุมาห ‘‘สงฺฆสฺสา’’ติอาทิฯ สงฺฆสฺส สนฺตกํ วาสตฺถาย กตํ เคหํ วา ภิกฺขุโน สนฺตกํ วาสตฺถาย กตํ เคหํ วาติ โยชนาฯ กปฺปิยํ กตฺตพฺพนฺติ กปฺปิยฎฺฐานํ กตฺตพฺพํฯ สหเสยฺยปฺปโหนกนฺติ สพฺพจฺฉนฺนปริจฺฉนฺนาทิลกฺขเณน สหเสยฺยารหํฯ

    2666. Kathaṃ kappiyaṃ kattabbanti ‘‘anujānāmi, bhikkhave, catasso kappiyabhūmiyo ussāvanantikaṃ gonisādikaṃ gahapatiṃ sammuti’’nti (mahāva. 295) evaṃ catasso bhūmiyo uddharitvā tāsaṃ sāmaññalakkhaṇaṃ dassetumāha ‘‘saṅghassā’’tiādi. Saṅghassa santakaṃ vāsatthāya kataṃ gehaṃ vā bhikkhuno santakaṃ vāsatthāya kataṃ gehaṃ vāti yojanā. Kappiyaṃ kattabbanti kappiyaṭṭhānaṃ kattabbaṃ. Sahaseyyappahonakanti sabbacchannaparicchannādilakkhaṇena sahaseyyārahaṃ.

    ๒๖๖๗. อิทานิ จตโสฺสปิ ภูมิโย สรูปโต ทเสฺสตุมาห ‘‘ฐเปตฺวา’’ติอาทิฯ ภิกฺขุํ ฐเปตฺวา อเญฺญหิ กปฺปิยภูมิยา อตฺถาย ทินฺนํ วา เตสํ สนฺตกํ วา ยํ เคหํ, อิทํ เอว คหปติภูมิ นามาติ โยชนาฯ

    2667. Idāni catassopi bhūmiyo sarūpato dassetumāha ‘‘ṭhapetvā’’tiādi. Bhikkhuṃ ṭhapetvā aññehi kappiyabhūmiyā atthāya dinnaṃ vā tesaṃ santakaṃ vā yaṃ gehaṃ, idaṃ eva gahapatibhūmi nāmāti yojanā.

    ๒๖๖๘. ยา ปน กุฎิ สเงฺฆน สมฺมตา ญตฺติทุติยาย กมฺมวาจาย, สา สมฺมุติกา นามฯ ตสฺสา สมฺมนฺนนกาเล กมฺมวาจํ อวตฺวา อปโลกนํ วา กาตุํ วฎฺฎเตวาติ โยชนาฯ

    2668. pana kuṭi saṅghena sammatā ñattidutiyāya kammavācāya, sā sammutikā nāma. Tassā sammannanakāle kammavācaṃ avatvā apalokanaṃ vā kātuṃ vaṭṭatevāti yojanā.

    ๒๖๖๙-๗๐. ปฐมอิฎฺฐกาย วา ปฐมปาสาณสฺส วา ปฐมตฺถมฺภสฺส วา อาทิ-คฺคหเณน ปฐมภิตฺติปาทสฺส วา ฐปเน ปเรสุ มนุเสฺสสุ อุกฺขิปิตฺวา ฐเปเนฺตสุ สมนฺตโต ปริวาเรตฺวา ‘‘กปฺปิยกุฎิํ กโรม, กปฺปิยกุฎิํ กโรมา’’ติ อภิกฺขณํ วทเนฺตหิ อามสิตฺวา วา สยเมว อุกฺขิปิตฺวา วา อิฎฺฐกา ฐเปยฺย ปาสาโณ วา ถโมฺภ วา ภิตฺติปาโท วา ฐเปยฺย ฐเปตโพฺพ, อยํ อุสฺสาวนนฺติกา กุฎีติ โยชนาฯ

    2669-70. Paṭhamaiṭṭhakāya vā paṭhamapāsāṇassa vā paṭhamatthambhassa vā ādi-ggahaṇena paṭhamabhittipādassa vā ṭhapane paresu manussesu ukkhipitvā ṭhapentesu samantato parivāretvā ‘‘kappiyakuṭiṃ karoma, kappiyakuṭiṃ karomā’’ti abhikkhaṇaṃ vadantehi āmasitvā vā sayameva ukkhipitvā vā iṭṭhakā ṭhapeyya pāsāṇo vā thambho vā bhittipādo vā ṭhapeyya ṭhapetabbo, ayaṃ ussāvanantikā kuṭīti yojanā.

    ๒๖๗๑. อิฎฺฐกาทิปติฎฺฐานนฺติ ปฐมิฎฺฐกาทีนํ ภูมิยํ ปติฎฺฐานํฯ วทตนฺติ ‘‘กปฺปิยกุฎิํ กโรม, กปฺปิยกุฎิํ กโรมา’’ติ วทนฺตานํฯ สมกาลํ ตุ วฎฺฎตีติ เอกกาลํ วฎฺฎติ, อิมินา ‘‘สเจ หิ อนิฎฺฐิเต วจเน ถโมฺภ ปติฎฺฐาติ, อปฺปติฎฺฐิเต วา ตสฺมิํ วจนํ นิฎฺฐาติ, อกตา โหติ กปฺปิยกุฎี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๙๕) อฎฺฐกถาวินิจฺฉโย สูจิโตฯ

    2671.Iṭṭhakādipatiṭṭhānanti paṭhamiṭṭhakādīnaṃ bhūmiyaṃ patiṭṭhānaṃ. Vadatanti ‘‘kappiyakuṭiṃ karoma, kappiyakuṭiṃ karomā’’ti vadantānaṃ. Samakālaṃ tu vaṭṭatīti ekakālaṃ vaṭṭati, iminā ‘‘sace hi aniṭṭhite vacane thambho patiṭṭhāti, appatiṭṭhite vā tasmiṃ vacanaṃ niṭṭhāti, akatā hoti kappiyakuṭī’’ti (mahāva. aṭṭha. 295) aṭṭhakathāvinicchayo sūcito.

    ๒๖๗๒. อาราโม สกโล อปริกฺขิโตฺต วา เยภุยฺยโต อปริกฺขิโตฺต วาติ ทุวิโธปิ วิญฺญูหิ วินยธเรหิ ‘‘โคนิสาที’’ติ วุจฺจติฯ ปเวสนิวารณาภาเวน ปวิฎฺฐานํ คุนฺนํ นิสชฺชาโยคโต ตถา วุจฺจตีติ โยชนาฯ

    2672. Ārāmo sakalo aparikkhitto vā yebhuyyato aparikkhitto vāti duvidhopi viññūhi vinayadharehi ‘‘gonisādī’’ti vuccati. Pavesanivāraṇābhāvena paviṭṭhānaṃ gunnaṃ nisajjāyogato tathā vuccatīti yojanā.

    ๒๖๗๓. ปโยชนํ ทเสฺสตุมาห ‘‘เอตฺถ ปกฺกญฺจา’’ติอาทิฯ อามิสนฺติ ปุริมกาลิกทฺวยํฯ ‘‘อามิส’’นฺติ อิมินา นิรามิสํ อิตรกาลิกทฺวยํ อกปฺปิยกุฎิยํ วุตฺถมฺปิ ปกฺกมฺปิ กปฺปตีติ ทีเปติฯ

    2673. Payojanaṃ dassetumāha ‘‘ettha pakkañcā’’tiādi. Āmisanti purimakālikadvayaṃ. ‘‘Āmisa’’nti iminā nirāmisaṃ itarakālikadvayaṃ akappiyakuṭiyaṃ vutthampi pakkampi kappatīti dīpeti.

    ๒๖๗๔-๕. อิมา กปฺปิยกุฎิโย กทา ชหิตวตฺถุกา โหนฺตีติ อาห ‘‘อุสฺสาวนนฺติกา ยา สา’’ติอาทิฯ ยา อุสฺสาวนนฺติกา เยสุ ถมฺภาทีสุ อธิฎฺฐิตา, สา เตสุ ถมฺภาทีสุ อปนีเตสุ ตทเญฺญสุปิ ถมฺภาทีสุ ติฎฺฐตีติ โยชนาฯ

    2674-5. Imā kappiyakuṭiyo kadā jahitavatthukā hontīti āha ‘‘ussāvanantikā yā sā’’tiādi. Yā ussāvanantikā yesu thambhādīsu adhiṭṭhitā, sā tesu thambhādīsu apanītesu tadaññesupi thambhādīsu tiṭṭhatīti yojanā.

    สเพฺพสุ ถมฺภาทีสุ อปนีเตสุ สา ชหิตวตฺถุกา สิยาติ โยชนาฯ โคนิสาทิกุฎิ ปริกฺขิตฺตา วติอาทีหิ ชหิตวตฺถุกา สิยาฯ ปริกฺขิตฺตาติ จ ‘‘อาราโม ปน อุปฑฺฒปริกฺขิโตฺตปิ พหุตรํ ปริกฺขิโตฺตปิ ปริกฺขิโตฺตเยว นามา’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๒๙๕) กุรุนฺทิมหาปจฺจริยาทีสุ วุตฺตตฺตา น เกวลํ สพฺพปริกฺขิตฺตาว, อุปฑฺฒปริกฺขิตฺตาปิ เยภุยฺยปริกฺขิตฺตาปิ คเหตพฺพาฯ

    Sabbesu thambhādīsu apanītesu sā jahitavatthukā siyāti yojanā. Gonisādikuṭi parikkhittā vatiādīhi jahitavatthukā siyā. Parikkhittāti ca ‘‘ārāmo pana upaḍḍhaparikkhittopi bahutaraṃ parikkhittopi parikkhittoyeva nāmā’’ti (mahāva. aṭṭha. 295) kurundimahāpaccariyādīsu vuttattā na kevalaṃ sabbaparikkhittāva, upaḍḍhaparikkhittāpi yebhuyyaparikkhittāpi gahetabbā.

    เสสาติ คหปติสมฺมุติกุฎิโยฯ ฉทนนาสโต ชหิตวตฺถุกา สิยุนฺติ โยชนาฯ ฉทนนาสโตติ เอตฺถ ‘‘โคปานสิมตฺตํ ฐเปตฺวา’’ติ เสโสฯ สเจ โคปานสีนํ อุปริ เอกมฺปิ ปกฺขปาสมณฺฑลํ อตฺถิ, รกฺขติฯ ยตฺร ปนิมา จตโสฺสปิ กปฺปิยภูมิโย นตฺถิ, ตตฺถ กิํ กาตพฺพํ? อนุปสมฺปนฺนสฺส ทตฺวา ตสฺส สนฺตกํ กตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ

    Sesāti gahapatisammutikuṭiyo. Chadananāsato jahitavatthukā siyunti yojanā. Chadananāsatoti ettha ‘‘gopānasimattaṃ ṭhapetvā’’ti seso. Sace gopānasīnaṃ upari ekampi pakkhapāsamaṇḍalaṃ atthi, rakkhati. Yatra panimā catassopi kappiyabhūmiyo natthi, tattha kiṃ kātabbaṃ? Anupasampannassa datvā tassa santakaṃ katvā paribhuñjitabbaṃ.

    ๒๖๗๖. ภิกฺขุํ ฐเปตฺวา อเญฺญสํ หตฺถโต ปฎิคฺคโห จ เตสํ สนฺนิธิ จ เตสํ อโนฺตวุตฺถญฺจ ภิกฺขุสฺส วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    2676. Bhikkhuṃ ṭhapetvā aññesaṃ hatthato paṭiggaho ca tesaṃ sannidhi ca tesaṃ antovutthañca bhikkhussa vaṭṭatīti yojanā.

    ๒๖๗๗. ภิกฺขุสฺส สนฺตกํ สงฺฆิกมฺปิ วา อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยปฺปโหนเก เคเห อโนฺตวุตฺถญฺจ อโนฺตปกฺกญฺจ ภิกฺขุสฺส น วฎฺฎติฯ ภิกฺขุนิยา สนฺตกํ สงฺฆิกมฺปิ วา อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยปฺปโหนเก เคเห อโนฺตวุตฺถญฺจ อโนฺตปกฺกญฺจ ภิกฺขุนิยา น วฎฺฎตีติ เอวํ อุภินฺนํ ภิกฺขุภิกฺขุนีนํ น วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    2677. Bhikkhussa santakaṃ saṅghikampi vā akappiyabhūmiyaṃ sahaseyyappahonake gehe antovutthañca antopakkañca bhikkhussa na vaṭṭati. Bhikkhuniyā santakaṃ saṅghikampi vā akappiyabhūmiyaṃ sahaseyyappahonake gehe antovutthañca antopakkañca bhikkhuniyā na vaṭṭatīti evaṃ ubhinnaṃ bhikkhubhikkhunīnaṃ na vaṭṭatīti yojanā.

    ๒๖๗๘. อกปฺปกุฎิยาติ อกปฺปิยกุฎิยา, ‘‘อกปฺปิยภูมิยํ สหเสยฺยปฺปโหนเก เคเห’’ติ อฎฺฐกถายํ วุตฺตาย อกปฺปิยภูมิยาติ อโตฺถฯ อาทิ-สเทฺทน นวนีตเตลมธุผาณิตานํ คหณํฯ

    2678.Akappakuṭiyāti akappiyakuṭiyā, ‘‘akappiyabhūmiyaṃ sahaseyyappahonake gehe’’ti aṭṭhakathāyaṃ vuttāya akappiyabhūmiyāti attho. Ādi-saddena navanītatelamadhuphāṇitānaṃ gahaṇaṃ.

    ๒๖๗๙. เตเหว อโนฺตวุเตฺถหิ สปฺปิอาทีหิ สตฺตาหกาลิเกหิ สห ภิกฺขุนา ปกฺกํ ตํ ยาวชีวิกํ นิรามิสํ สตฺตาหํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎเตวาติ โยชนาฯ

    2679.Teheva antovutthehi sappiādīhi sattāhakālikehi saha bhikkhunā pakkaṃ taṃ yāvajīvikaṃ nirāmisaṃ sattāhaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭatevāti yojanā.

    ๒๖๘๐. ปกฺกํ สามํปกฺกํ ตํ ยาวชีวิกํ สเจ อามิสสํสฎฺฐํ ปริภุญฺชติ, อโนฺตวุตฺถญฺจ ภุญฺชติ, กิญฺจ ภิโยฺย สามํปกฺกญฺจ ภุญฺชตีติ โยชนาฯ ยาวชีวิกสฺส อามิสสํสฎฺฐสฺส อามิสคติกตฺตา ‘‘อโนฺตวุตฺถ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    2680.Pakkaṃ sāmaṃpakkaṃ taṃ yāvajīvikaṃ sace āmisasaṃsaṭṭhaṃ paribhuñjati, antovutthañca bhuñjati, kiñca bhiyyo sāmaṃpakkañca bhuñjatīti yojanā. Yāvajīvikassa āmisasaṃsaṭṭhassa āmisagatikattā ‘‘antovuttha’’nti vuttaṃ.

    ๒๖๘๒. อุทกํ น โหติ กาลิกํ จตูสุ กาลิเกสุ อสงฺคหิตตฺตาฯ

    2682. Udakaṃ na hoti kālikaṃ catūsu kālikesu asaṅgahitattā.

    ๒๖๘๓. ติกาลิกา ยาวกาลิกา ยามกาลิกา สตฺตาหกาลิกาติ ตโย กาลิกา ปฎิคฺคหวเสเนว อตฺตโน อตฺตโน กาลํ อติกฺกมิตฺวา ภุตฺตา โทสกรา โหนฺติ, ตติยํ สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยวตฺถุตฺตา อภุตฺตมฺปิ โทสกรนฺติ โยชนาฯ

    2683.Tikālikā yāvakālikā yāmakālikā sattāhakālikāti tayo kālikā paṭiggahavaseneva attano attano kālaṃ atikkamitvā bhuttā dosakarā honti, tatiyaṃ sattāhātikkame nissaggiyapācittiyavatthuttā abhuttampi dosakaranti yojanā.

    ‘‘ภุตฺตา โทสกรา’’ติ อิมินา ปุริมกาลิกทฺวยํ ปฎิคฺคเหตฺวา กาลาติกฺกมนมเตฺตน อาปตฺติยา การณํ น โหติ, ภุตฺตเมว โหติฯ สตฺตาหกาลิกํ กาลาติกฺกเมน อปริภุตฺตมฺปิ อาปตฺติยา การณํ โหตีติ ทีเปติฯ เตสุ สตฺตาหกาลิเกเยว วิเสสํ ทเสฺสตุมาห ‘‘อภุตฺตํ ตติยมฺปิ จา’’ติฯ -สโทฺท ตุ-สทฺทเตฺถฯ ยาวชีวิกํ ปน ปฎิคฺคเหตฺวา ยาวชีวํ ปริภุญฺชิยมานํ อิตรกาลิกสํสคฺคํ วินา โทสกรํ น โหตีติ น คหิตํฯ

    ‘‘Bhuttā dosakarā’’ti iminā purimakālikadvayaṃ paṭiggahetvā kālātikkamanamattena āpattiyā kāraṇaṃ na hoti, bhuttameva hoti. Sattāhakālikaṃ kālātikkamena aparibhuttampi āpattiyā kāraṇaṃ hotīti dīpeti. Tesu sattāhakālikeyeva visesaṃ dassetumāha ‘‘abhuttaṃ tatiyampi cā’’ti. Ca-saddo tu-saddatthe. Yāvajīvikaṃ pana paṭiggahetvā yāvajīvaṃ paribhuñjiyamānaṃ itarakālikasaṃsaggaṃ vinā dosakaraṃ na hotīti na gahitaṃ.

    ๒๖๘๔. อมฺพาทโย สทฺทา รุกฺขานํ นามภูตา ตํตํผเลปิ วตฺตมานา อิธ อุปจารวเสน ตเชฺช ปานเก วุตฺตา, เตเนวาห ‘‘ปานกํ มต’’นฺติฯ โจจํ อฎฺฐิกกทลิปานํฯ โมจํ อิตรกทลิปานํฯ มธูติ มุทฺทิกผลานํ รสํฯ มุทฺทิกาติ สีโตทเก มทฺทิตานํ มุทฺทิกผลานํ ปานํฯ ‘‘สาลูกปานนฺติ รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ สาลูเก มทฺทิตฺวา กตปาน’’นฺติ ปาฬิยํ, อฎฺฐกถาย (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๐) จ สาลูก-สทฺทสฺส ทีฆวเสน สํโยคทสฺสนโต ‘‘สาลุ ผารุสกญฺจา’’ติ คาถาพนฺธวเสน รโสฺส กโตฯ

    2684. Ambādayo saddā rukkhānaṃ nāmabhūtā taṃtaṃphalepi vattamānā idha upacāravasena tajje pānake vuttā, tenevāha ‘‘pānakaṃ mata’’nti. Cocaṃ aṭṭhikakadalipānaṃ. Mocaṃ itarakadalipānaṃ. Madhūti muddikaphalānaṃ rasaṃ. Muddikāti sītodake madditānaṃ muddikaphalānaṃ pānaṃ. ‘‘Sālūkapānanti rattuppalanīluppalādīnaṃ sālūke madditvā katapāna’’nti pāḷiyaṃ, aṭṭhakathāya (mahāva. aṭṭha. 300) ca sālūka-saddassa dīghavasena saṃyogadassanato ‘‘sālu phārusakañcā’’ti gāthābandhavasena rasso kato.

    สาลูกํ กุมุทุปฺปลานํ ผลรสํฯ ขุทฺทสิกฺขาวณฺณนายํ ปน ‘‘สาลูกปานํ นาม รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทีนํ กิญฺชกฺขเรณูหิ กตปาน’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘ผารุสก’นฺติอาทีสุ เอโก รุโกฺข’’ติ คณฺฐิปเท วุตฺตํฯ ตสฺส ผลรโส ผารุสกํ นามฯ เอเตสํ อฎฺฐนฺนํ ผลานํ รโส อุทกสมฺภิโนฺน วฎฺฎติ, สีตุทเก มทฺทิโต ปสโนฺน นิกฺกสโฎว วฎฺฎติ, อุทเกน ปน อสมฺภิโนฺน รโส ยาวกาลิโกฯ

    Sālūkaṃ kumuduppalānaṃ phalarasaṃ. Khuddasikkhāvaṇṇanāyaṃ pana ‘‘sālūkapānaṃ nāma rattuppalanīluppalādīnaṃ kiñjakkhareṇūhi katapāna’’nti vuttaṃ. ‘‘Phārusaka’ntiādīsu eko rukkho’’ti gaṇṭhipade vuttaṃ. Tassa phalaraso phārusakaṃ nāma. Etesaṃ aṭṭhannaṃ phalānaṃ raso udakasambhinno vaṭṭati, sītudake maddito pasanno nikkasaṭova vaṭṭati, udakena pana asambhinno raso yāvakāliko.

    ๒๖๘๕. ผลนฺติ อมฺพาทิผลํฯ สวตฺถุกปฎิคฺคโหติ ปานวตฺถุกานํ ผลานํ ปฎิคฺคโหฯ วสติ เอตฺถ ปานนฺติ วตฺถุ, ผลํ, วตฺถุนา สห วฎฺฎตีติ สวตฺถุกํ, ปานํ, สวตฺถุกสฺส ปฎิคฺคโห สวตฺถุกปฎิคฺคโหฯ สวตฺถุกสฺส ปฎิคฺคหํ นาม วตฺถุปฎิคฺคหณเมวาติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปานวตฺถุกานํ ผลานํ ปฎิคฺคโห’’ติฯ

    2685.Phalanti ambādiphalaṃ. Savatthukapaṭiggahoti pānavatthukānaṃ phalānaṃ paṭiggaho. Vasati ettha pānanti vatthu, phalaṃ, vatthunā saha vaṭṭatīti savatthukaṃ, pānaṃ, savatthukassa paṭiggaho savatthukapaṭiggaho. Savatthukassa paṭiggahaṃ nāma vatthupaṭiggahaṇamevāti katvā vuttaṃ ‘‘pānavatthukānaṃ phalānaṃ paṭiggaho’’ti.

    ๒๖๘๖. ‘‘สุโกเฎฺฎตฺวา’’ติ วุจฺจมานตฺตา ‘‘อมฺพปกฺก’’นฺติ อามกเมว อมฺพผลํ วุจฺจติ ฯ อุทเกติ สีโตทเกฯ ปริสฺสวํ ปริสฺสาวิตํฯ กตฺวาติ มธุอาทีหิ อภิสงฺขริตฺวาฯ ยถาห – ‘‘ตทหุปฎิคฺคหิเตหิ มธุสกฺกรกปฺปูราทีหิ โยเชตฺวา กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๐)ฯ ปาตุํ วฎฺฎตีติ เอตฺถ วินิจฺฉโย ‘‘เอวํ กตํ ปุเรภตฺตเมว กปฺปติ, อนุปสมฺปเนฺนหิ กตํ ลภิตฺวา ปน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภเคนาปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตํ นิรามิสปริโภเคน ยาว อรุณุคฺคมนา วฎฺฎติเยวฯ เอส นโย สพฺพปาเนสู’’ติ อฎฺฐกถายํ วุโตฺตฯ

    2686. ‘‘Sukoṭṭetvā’’ti vuccamānattā ‘‘ambapakka’’nti āmakameva ambaphalaṃ vuccati . Udaketi sītodake. Parissavaṃ parissāvitaṃ. Katvāti madhuādīhi abhisaṅkharitvā. Yathāha – ‘‘tadahupaṭiggahitehi madhusakkarakappūrādīhi yojetvā kātabba’’nti (mahāva. aṭṭha. 300). Pātuṃ vaṭṭatīti ettha vinicchayo ‘‘evaṃ kataṃ purebhattameva kappati, anupasampannehi kataṃ labhitvā pana purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisaparibhogenāpi vaṭṭati, pacchābhattaṃ nirāmisaparibhogena yāva aruṇuggamanā vaṭṭatiyeva. Esa nayo sabbapānesū’’ti aṭṭhakathāyaṃ vutto.

    ๒๖๘๗. เสสปานเกสุปีติ ชมฺพุปานกาทีสุปิฯ

    2687.Sesapānakesupīti jambupānakādīsupi.

    ๒๖๘๘. อุจฺฉุรโส อโนฺตคธตฺตา อิธ วุโตฺต, น ปน ยามกาลิกตฺตา, โส ปน สตฺตาหกาลิโกเยวฯ

    2688. Ucchuraso antogadhattā idha vutto, na pana yāmakālikattā, so pana sattāhakālikoyeva.

    ๒๖๘๙. มธุกสฺส รสนฺติ มธุกปุปฺผสฺส รสํฯ เอตฺถ มธุกปุปฺผรโส อคฺคิปาโก วา โหตุ อาทิจฺจปาโก วา, ปจฺฉาภตฺตํ น วฎฺฎติฯ ปุเรภตฺตมฺปิ ยํ ปานํ คเหตฺวา มชฺชํ กโรนฺติ, โส อาทิโต ปฎฺฐาย น วฎฺฎติฯ มธุกปุปฺผํ ปน อลฺลํ วา สุกฺขํ วา ภชฺชิตํ วา เตน กตผาณิตํ วา ยโต ปฎฺฐาย มชฺชํ น กโรนฺติ, ตํ สพฺพํ ปุเรภตฺตํ วฎฺฎติฯ

    2689.Madhukassa rasanti madhukapupphassa rasaṃ. Ettha madhukapuppharaso aggipāko vā hotu ādiccapāko vā, pacchābhattaṃ na vaṭṭati. Purebhattampi yaṃ pānaṃ gahetvā majjaṃ karonti, so ādito paṭṭhāya na vaṭṭati. Madhukapupphaṃ pana allaṃ vā sukkhaṃ vā bhajjitaṃ vā tena kataphāṇitaṃ vā yato paṭṭhāya majjaṃ na karonti, taṃ sabbaṃ purebhattaṃ vaṭṭati.

    ปกฺกฑากรสนฺติ ปกฺกสฺส ยาวกาลิกสฺส รสํฯ สโพฺพ ปตฺตรโส ยามกาลิโก วุโตฺตติ โยชนาฯ อฎฺฐกถายํ ‘‘ยาวกาลิกปตฺตานญฺหิ ปุเรภตฺตํเยว รโส กปฺปตี’’ติ (มหาว. อฎฺฐ. ๓๐๐) อิมเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ

    Pakkaḍākarasanti pakkassa yāvakālikassa rasaṃ. Sabbo pattaraso yāmakāliko vuttoti yojanā. Aṭṭhakathāyaṃ ‘‘yāvakālikapattānañhi purebhattaṃyeva raso kappatī’’ti (mahāva. aṭṭha. 300) imameva sandhāya vuttaṃ.

    ๒๖๙๐. สานุโลมานํ สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ ผลชํ รสํ ฐเปตฺวา สโพฺพ ผลโช รโส วิกาเล ยามสญฺญิเต อนุโลมโต ปริภุญฺชิตุํ อนุญฺญาโตติ โยชนาฯ

    2690. Sānulomānaṃ sattannaṃ dhaññānaṃ phalajaṃ rasaṃ ṭhapetvā sabbo phalajo raso vikāle yāmasaññite anulomato paribhuñjituṃ anuññātoti yojanā.

    ๒๖๙๑. ยาวกาลิกปตฺตานํ สีตุทเก มทฺทิตฺวา กโต รโสปิ อปโกฺก, อาทิจฺจปาโกปิ วิกาเล ปน วฎฺฎตีติ โยชนาฯ

    2691. Yāvakālikapattānaṃ sītudake madditvā kato rasopi apakko, ādiccapākopi vikāle pana vaṭṭatīti yojanā.

    ๒๖๙๒-๓. สตฺตธญฺญานุโลมานิ สรูปโต ทเสฺสตุมาห ‘‘ตาลญฺจนาฬิเกรญฺจา’’ติอาทิฯ อปรณฺณํ มุคฺคาทิฯ ‘‘สตฺตธญฺญานุโลมิก’’นฺติ อิมินา เอเตสํ รโส ยาวกาลิโก ยามกาลสงฺขาเต วิกาเล ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ

    2692-3. Sattadhaññānulomāni sarūpato dassetumāha ‘‘tālañcanāḷikerañcā’’tiādi. Aparaṇṇaṃ muggādi. ‘‘Sattadhaññānulomika’’nti iminā etesaṃ raso yāvakāliko yāmakālasaṅkhāte vikāle paribhuñjituṃ na vaṭṭatīti dasseti.

    ๒๖๙๕. เอวมาทีนํ ขุทฺทกานํ ผลานํ รโส ปน อฎฺฐปานานุโลมตฺตา อนุโลมิเก ยามกาลิกานุโลมิเก นิทฺทิโฎฺฐ กถิโตติ โยชนาฯ

    2695. Evamādīnaṃ khuddakānaṃ phalānaṃ raso pana aṭṭhapānānulomattā anulomike yāmakālikānulomike niddiṭṭho kathitoti yojanā.

    ๒๖๙๖. อิธ อิมสฺมิํ โลเก สานุโลมสฺส ธญฺญสฺส ผลชํ รสํ ฐเปตฺวา อยามกาลิโก อโญฺญ ผลรโส นตฺถีติ โยชนา, สโพฺพ ยามกาลิโกเยวาติ ทีเปติฯ

    2696.Idha imasmiṃ loke sānulomassa dhaññassa phalajaṃ rasaṃ ṭhapetvā ayāmakāliko añño phalaraso natthīti yojanā, sabbo yāmakālikoyevāti dīpeti.

    เภสชฺชกฺขนฺธกกถาวณฺณนาฯ

    Bhesajjakkhandhakakathāvaṇṇanā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact