Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓๖. เภสชฺชนิเทฺทสวณฺณนา
36. Bhesajjaniddesavaṇṇanā
๒๗๔-๕. ชนสฺส เภสชฺชํ กาตุํ ทาตุํ วตฺตุญฺจ น ลพฺภตีติ สมฺพนฺธิยํฯ ลพฺภตีติ เอตฺถ ‘‘ภิกฺขุนา’’ติ กตฺตา ‘‘เภสชฺช’’นฺติ วุตฺตกมฺมํฯ นนุ จ กาตุนฺติ ภาวสาธนตฺตา ตสฺส อวุตฺตกเมฺมนาปิ ภวิตพฺพํ ภาเว วิหิตกิตกปฺปจฺจยานํ ปโยเค กมฺมการกสฺสาปิ อิจฺฉิตพฺพตฺตาติ? สจฺจํ, ตถาปิ ปธานภูตกมฺมสตฺติยา อภิธาเน สติ อปฺปธานกิตกกิริยาภิสมฺพเนฺธน คุณีภูตา กมฺมสตฺติ อภิหิตา วิย วิญฺญายติฯ ตถา จ วุตฺตํ อเมฺหหิ โยควินิจฺฉเย ‘‘ปธานานุยายิตาย ชนโวหาราย ปธานสตฺยาภิธาเน คุณสตฺติ อภิหิตา วิย ปกาสตี’’ติฯ ชนสฺสาติ อาคตาคตชนสฺสฯ สหธมฺมีนญฺจ ปิตูนญฺจ ตทุปฎฺฐากภิกฺขุนิสฺสิตภณฺฑูนญฺจ เวยฺยาวจฺจกรสฺส จ ภิกฺขาจริยวิญฺญตฺติสเกหิ เภสชฺชกรณํ ลพฺภนฺติ สมฺพโนฺธ ฯ ตตฺถ สหธมฺมินนฺติ สห จริตโพฺพ ธโมฺม สีลสทฺธาปญฺญาสงฺขาโต สหธโมฺม, โส เอเตสมตฺถีติ สหธมฺมิโน, ภิกฺขุ ภิกฺขุนี สิกฺขมานา สามเณโร สามเณรีติ ปญฺจ, เตสํฯ ปิตา จ มาตา จ ปิตโร เอกเสสนเยน, อุภินฺนํ สามญฺญนิเทฺทโส วา, เตสํฯ ภิกฺขุนิสฺสิโต นาม โย วิหาเร สพฺพกมฺมานิ กโรโนฺต ภิกฺขุํ นิสฺสาย วสติฯ ภณฺฑุ นาม โย ปพฺพชฺชาเปโกฺข ยาว ปตฺตจีวรํ ปฎิยาทิยติ, ตาว วิหาเร วสติ, โส ปณฺฑุปลาโสฯ เวยฺยาวจฺจกรสฺสาติ อตฺตโน อุปฎฺฐากสฺสฯ เอเตสุ ปน มาตาปิตโร สเจ รเชฺชปิ ฐิตา ปจฺจาสีสนฺติ, อกาตุํ น วฎฺฎติฯ มาตรํ อนามสเนฺตน สพฺพํ ปริกมฺมํ กาตพฺพํฯ ปิตา ปน สหเตฺถน นหาปนสมฺพาหนาทีนิ กตฺวา อุปฎฺฐาตโพฺพฯ
274-5. Janassa bhesajjaṃ kātuṃ dātuṃ vattuñca na labbhatīti sambandhiyaṃ. Labbhatīti ettha ‘‘bhikkhunā’’ti kattā ‘‘bhesajja’’nti vuttakammaṃ. Nanu ca kātunti bhāvasādhanattā tassa avuttakammenāpi bhavitabbaṃ bhāve vihitakitakappaccayānaṃ payoge kammakārakassāpi icchitabbattāti? Saccaṃ, tathāpi padhānabhūtakammasattiyā abhidhāne sati appadhānakitakakiriyābhisambandhena guṇībhūtā kammasatti abhihitā viya viññāyati. Tathā ca vuttaṃ amhehi yogavinicchaye ‘‘padhānānuyāyitāya janavohārāya padhānasatyābhidhāne guṇasatti abhihitā viya pakāsatī’’ti. Janassāti āgatāgatajanassa. Sahadhammīnañca pitūnañca tadupaṭṭhākabhikkhunissitabhaṇḍūnañca veyyāvaccakarassa ca bhikkhācariyaviññattisakehi bhesajjakaraṇaṃ labbhanti sambandho . Tattha sahadhamminanti saha caritabbo dhammo sīlasaddhāpaññāsaṅkhāto sahadhammo, so etesamatthīti sahadhammino, bhikkhu bhikkhunī sikkhamānā sāmaṇero sāmaṇerīti pañca, tesaṃ. Pitā ca mātā ca pitaro ekasesanayena, ubhinnaṃ sāmaññaniddeso vā, tesaṃ. Bhikkhunissito nāma yo vihāre sabbakammāni karonto bhikkhuṃ nissāya vasati. Bhaṇḍu nāma yo pabbajjāpekkho yāva pattacīvaraṃ paṭiyādiyati, tāva vihāre vasati, so paṇḍupalāso. Veyyāvaccakarassāti attano upaṭṭhākassa. Etesu pana mātāpitaro sace rajjepi ṭhitā paccāsīsanti, akātuṃ na vaṭṭati. Mātaraṃ anāmasantena sabbaṃ parikammaṃ kātabbaṃ. Pitā pana sahatthena nahāpanasambāhanādīni katvā upaṭṭhātabbo.
๒๗๖. ปิตา จ มาตา จ ภาตา จ ภคินี จาติ ทฺวโนฺท ปิตา…เป.… ภคินิโยฯ มหโนฺต จ จูโฬ จ, มหาจูฬา จ เต ปิตา…เป.… ภคินิโย จาติ กมฺมธารโยฯ ตา อาทิ เยสเนฺตติ อญฺญปทโตฺถฯ มหาจูฬ-สทฺทา ปิตาทิ-สเทฺทหิ ปเจฺจกํ โยเชตพฺพา ‘‘มหาปิตุโน จูฬปิตุโน’’ติอาทินาฯ อาทิ-สเทฺทน ปเนตฺถ ปิตุจฺฉา มาตุโล, เตสํ ทสนฺนมฺปิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฎฺฎา ปุตฺตปรมฺปรญฺจ สงฺคณฺหาติฯ เตสํ สเก เภสชฺชกรณํ ลพฺภนฺติ โยชนาฯ เตสํ มหาปิตาทีนํ สนฺตเก สติ เตน เภสชฺชกรณํ ลพฺภตีติ อโตฺถฯ นาติ นตฺถิ เจฯ อตฺตนิเยติ ภิกฺขุโน อตฺตโน สนฺตเก สตีติ อโตฺถฯ ทาตพฺพํ ตาวกาลิกนฺติ ตาวกาลิกํ กตฺวา ทาตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เต ปน สเจ ปฎิเทนฺติ, คเหตพฺพํ, โน เจ เทนฺติ, น โจเทตพฺพาฯ ยาว ตสฺส ทานํ, ตาว กาโล อสฺสาติ ตาวกาลิกํฯ ณิโก สมาสเนฺตฯ
276. Pitā ca mātā ca bhātā ca bhaginī cāti dvando pitā…pe… bhaginiyo. Mahanto ca cūḷo ca, mahācūḷā ca te pitā…pe… bhaginiyo cāti kammadhārayo. Tā ādi yesanteti aññapadattho. Mahācūḷa-saddā pitādi-saddehi paccekaṃ yojetabbā ‘‘mahāpituno cūḷapituno’’tiādinā. Ādi-saddena panettha pitucchā mātulo, tesaṃ dasannampi yāva sattamā kulaparivaṭṭā puttaparamparañca saṅgaṇhāti. Tesaṃ sake bhesajjakaraṇaṃ labbhanti yojanā. Tesaṃ mahāpitādīnaṃ santake sati tena bhesajjakaraṇaṃ labbhatīti attho. Nāti natthi ce. Attaniyeti bhikkhuno attano santake satīti attho. Dātabbaṃ tāvakālikanti tāvakālikaṃ katvā dātabbanti attho. Te pana sace paṭidenti, gahetabbaṃ, no ce denti, na codetabbā. Yāva tassa dānaṃ, tāva kālo assāti tāvakālikaṃ. Ṇiko samāsante.
๒๗๗. เภสชฺชกรณาทีติ อาทิ-สเทฺทน อนามฎฺฐปิณฺฑทานาทีนํ คหณํ, หิ-สโทฺท เหตุมฺหิ, หิ ยสฺมา เอเตสุ กุลทูสนาทโย น รุหนฺติ, ตสฺมา เตสํ เภสชฺชกรณํ ลพฺภํ, อตฺตนิเย จ สติ ทาตพฺพนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ น รูหตีติ น โรหติ นปฺปวตฺตติ น โหติ, อาปตฺติํ น ชเนตีติ อธิปฺปาโยฯ เตสํ อตฺถาย ญาติสามเณเรหิ วา เภสชฺชํ อาหราเปตพฺพํ, อตฺตโน อตฺถาย วา อาหราเปตฺวา ทาตพฺพํฯ เตหิปิ ‘‘อุปชฺฌายาทีนํ อาหริสฺสามา’’ติ วตฺตสีเสน อาหริตพฺพํฯ สเจ อเญฺญปิ เย คิลานา หุตฺวา วิหารํ ปวิสนฺติ, เตสํ สเพฺพสมฺปิ อปจฺจาสีสเนฺตน เภสชฺชํ กาตพฺพํฯ สทฺธํ กุลํ โหติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส มาตาปิตุฎฺฐานียํ, ตตฺร เจ โกจิ คิลาโน โหติ, ตสฺสตฺถาย ‘‘ภเนฺต, อิตฺถนฺนามสฺส โรคสฺส กิํ เภสชฺชํ กโรนฺตี’’ติ กปฺปิยํ กตฺวา ปุจฺฉนฺติ, อิทญฺจิทญฺจ คเหตฺวา กโรนฺตีติ วฎฺฎติ, ภิกฺขูหิ อญฺญมญฺญํ วา กถา กาตพฺพาฯ
277.Bhesajjakaraṇādīti ādi-saddena anāmaṭṭhapiṇḍadānādīnaṃ gahaṇaṃ, hi-saddo hetumhi, hi yasmā etesu kuladūsanādayo na ruhanti, tasmā tesaṃ bhesajjakaraṇaṃ labbhaṃ, attaniye ca sati dātabbanti evamettha attho daṭṭhabbo. Na rūhatīti na rohati nappavattati na hoti, āpattiṃ na janetīti adhippāyo. Tesaṃ atthāya ñātisāmaṇerehi vā bhesajjaṃ āharāpetabbaṃ, attano atthāya vā āharāpetvā dātabbaṃ. Tehipi ‘‘upajjhāyādīnaṃ āharissāmā’’ti vattasīsena āharitabbaṃ. Sace aññepi ye gilānā hutvā vihāraṃ pavisanti, tesaṃ sabbesampi apaccāsīsantena bhesajjaṃ kātabbaṃ. Saddhaṃ kulaṃ hoti bhikkhusaṅghassa mātāpituṭṭhānīyaṃ, tatra ce koci gilāno hoti, tassatthāya ‘‘bhante, itthannāmassa rogassa kiṃ bhesajjaṃ karontī’’ti kappiyaṃ katvā pucchanti, idañcidañca gahetvā karontīti vaṭṭati, bhikkhūhi aññamaññaṃ vā kathā kātabbā.
๒๗๘. ฉนฺนํ มาตาทีนญฺจ ทามริกโจรสฺส อิสฺสริยสฺส อนามโฎฺฐ ปิณฺฑปาโต ทาตุํ อวาริโตติ โยเชตพฺพํฯ ฉนฺนนฺติ มาตาทีนํ ฉนฺนํ มเชฺฌฯ มาตาทีนนฺติ ภิกฺขุนิสฺสิตํ ฐเปตฺวา อวเสสานํ ปญฺจนฺนํ มาตาทีนํฯ ‘‘ฉนฺน’’นฺติ ปน โยชนาย อฎฺฐกถาย วิรุชฺฌติฯ ตตฺถ หิ ‘‘มาตาปิตูน’’นฺติอาทินา ภิกฺขุนิสฺสิตํ โอหาย สเตฺตว วุตฺตาฯ อาจริยพุทฺธทตฺตเตฺถเรน จ ตเถว วุตฺตํ –
278. Channaṃ mātādīnañca dāmarikacorassa issariyassa anāmaṭṭho piṇḍapāto dātuṃ avāritoti yojetabbaṃ. Channanti mātādīnaṃ channaṃ majjhe. Mātādīnanti bhikkhunissitaṃ ṭhapetvā avasesānaṃ pañcannaṃ mātādīnaṃ. ‘‘Channa’’nti pana yojanāya aṭṭhakathāya virujjhati. Tattha hi ‘‘mātāpitūna’’ntiādinā bhikkhunissitaṃ ohāya satteva vuttā. Ācariyabuddhadattattherena ca tatheva vuttaṃ –
‘‘อนามโฎฺฐปิ ทาตโพฺพ, ปิณฺฑปาโต วิชานตา;
‘‘Anāmaṭṭhopi dātabbo, piṇḍapāto vijānatā;
ทฺวินฺนํ มาตาปิตูนมฺปิ, ตทุปฎฺฐายกสฺส จฯ
Dvinnaṃ mātāpitūnampi, tadupaṭṭhāyakassa ca.
‘‘อิสฺสรสฺสาปิ ทาตโพฺพ, โจรทามริกสฺส จ;
‘‘Issarassāpi dātabbo, coradāmarikassa ca;
ภณฺฑุกสฺสตฺตโน เจว, เวยฺยาวจฺจกรสฺสปี’’ติฯ (วินย วิ. ๔๙๓-๔๙๕);
Bhaṇḍukassattano ceva, veyyāvaccakarassapī’’ti. (vinaya vi. 493-495);
ทามริกโจรสฺสาติ รชฺชํ ปตฺถยมานสฺส ปากฎโจรสฺสฯ อนามโฎฺฐติ อปพฺพชิตสฺส หตฺถโต ลทฺธา อตฺตนา อเญฺญน วา ปพฺพชิเตน อคฺคหิตอโคฺค, อยํ อนามฎฺฐปิณฺฑปาโตฯ ปฎิสนฺถาโร ‘‘วิหารปฺปตฺตํ อาคนฺตุกํ วา ทลิทฺทาทิํ วา ทิสฺวา ‘ปานียํ ปิวา’ติ ทาตพฺพํ, ปาทมกฺขนเตลํ ทาตพฺพํ, กาเล อาคตสฺส ยาคุภตฺตํ, วิกาเล อาคตสฺส สเจ ตณฺฑุลา อตฺถิ, ตณฺฑุลา ทาตพฺพา, สยนฎฺฐานํ ทาตพฺพํ, โจรานํ ปน สงฺฆิกมฺปิทาตพฺพ’’นฺติ วุโตฺตฯ อวเสสปฎิสนฺถาโร ปน อปจฺจาสีสเนฺตน กาตโพฺพฯ ตถา ธมฺมปฎิสนฺถาโรปิ ยสฺส กสฺสจิ ทาตโพฺพวฯ
Dāmarikacorassāti rajjaṃ patthayamānassa pākaṭacorassa. Anāmaṭṭhoti apabbajitassa hatthato laddhā attanā aññena vā pabbajitena aggahitaaggo, ayaṃ anāmaṭṭhapiṇḍapāto. Paṭisanthāro ‘‘vihārappattaṃ āgantukaṃ vā daliddādiṃ vā disvā ‘pānīyaṃ pivā’ti dātabbaṃ, pādamakkhanatelaṃ dātabbaṃ, kāle āgatassa yāgubhattaṃ, vikāle āgatassa sace taṇḍulā atthi, taṇḍulā dātabbā, sayanaṭṭhānaṃ dātabbaṃ, corānaṃ pana saṅghikampidātabba’’nti vutto. Avasesapaṭisanthāro pana apaccāsīsantena kātabbo. Tathā dhammapaṭisanthāropi yassa kassaci dātabbova.
๒๗๙. เตสนฺติ อญฺญาตกาทีนํ คิหีนํฯ กยิราติ ‘‘ภณถา’’ติ วุเตฺต กเรยฺยฯ ‘‘น กโรมา’’ติ วุเตฺต สเจ วิปฺปฎิสาริโน ภวิสฺสนฺติ, กาตพฺพํฯ นตฺตโนติ อตฺตโน สุโตฺตทเกหิ น กยิราติ โยชนียํฯ เอวํ สามเญฺญน ปริเตฺต ปฎิปชฺชนวิธิํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ อาฎานาฎิยปริเตฺต ปฎิปชฺชิตพฺพวิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘ภณิตพฺพ’’นฺติอาทิมาหฯ ภณาเปเนฺตติ ‘‘ภณถา’’ติ อเชฺฌสนปุพฺพกํ ปโยเชเนฺตฯ ปริตฺตํ สาสโนคธนฺติ ปฐมเมว อาฎานาฎิยสุตฺตํ อภณิตฺวา สาสนปริยาปนฺนํ เมตฺตสุตฺตํ ธชคฺคสุตฺตํ รตนสุตฺตนฺติ อิมานิ สุตฺตานิ สตฺตาหํ ภณิตฺวา ยถาปริกมฺมํ ปริตฺตํ อาฎานาฎิยปริตฺตํ ภณิตพฺพนฺติ โยชนาฯ
279.Tesanti aññātakādīnaṃ gihīnaṃ. Kayirāti ‘‘bhaṇathā’’ti vutte kareyya. ‘‘Na karomā’’ti vutte sace vippaṭisārino bhavissanti, kātabbaṃ. Nattanoti attano suttodakehi na kayirāti yojanīyaṃ. Evaṃ sāmaññena paritte paṭipajjanavidhiṃ dassetvā idāni āṭānāṭiyaparitte paṭipajjitabbavidhiṃ dassetuṃ ‘‘bhaṇitabba’’ntiādimāha. Bhaṇāpenteti ‘‘bhaṇathā’’ti ajjhesanapubbakaṃ payojente. Parittaṃ sāsanogadhanti paṭhamameva āṭānāṭiyasuttaṃ abhaṇitvā sāsanapariyāpannaṃ mettasuttaṃ dhajaggasuttaṃ ratanasuttanti imāni suttāni sattāhaṃ bhaṇitvā yathāparikammaṃ parittaṃ āṭānāṭiyaparittaṃ bhaṇitabbanti yojanā.
๒๘๐. ‘‘อาคนฺตฺวา สีลํ เทตุ, ธมฺมํ ปริตฺตญฺจ ภาสตู’’ติ เกนจิ เปสิโต คนฺตฺวา สีลํ วา ทาตุํ ธมฺมํ ปริตฺตํ วา วตฺตุํ ลพฺภตีติ สมฺพโนฺธฯ
280. ‘‘Āgantvā sīlaṃ detu, dhammaṃ parittañca bhāsatū’’ti kenaci pesito gantvā sīlaṃ vā dātuṃ dhammaṃ parittaṃ vā vattuṃ labbhatīti sambandho.
เภสชฺชนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhesajjaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.