Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
๖๑๘. เตน สมเยนาติ เภสชฺชสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ อโตฺถ, ภเนฺตติ ราชา ภิกฺขู อุยฺยุตฺตปฺปยุเตฺต เถรสฺส เลณตฺถาย ปพฺภารํ โสเธเนฺต ทิสฺวา อารามิกํ ทาตุกาโม ปุจฺฉิฯ
618.Tena samayenāti bhesajjasikkhāpadaṃ. Tattha attho, bhanteti rājā bhikkhū uyyuttappayutte therassa leṇatthāya pabbhāraṃ sodhente disvā ārāmikaṃ dātukāmo pucchi.
๖๑๙-๒๑. ปาฎิเยโกฺกติ วิสุํ เอโกฯ มาลากิเตติ กตมาเล มาลาธเร, กุสุมมาลาปฎิมณฺฑิเตติ อโตฺถฯ ติณณฺฑุปกนฺติ ติณจุมฺพฎกํฯ ปฎิมุญฺจีติ ฐเปสิฯ สา อโหสิ สุวณฺณมาลาติ ทาริกาย สีเส ฐปิตมตฺตาเยว เถรสฺส อธิฎฺฐานวเสน สุวณฺณปทุมมาลา อโหสิฯ ตญฺหิ ติณณฺฑุปกํ สีเส ฐปิตมตฺตเมว ‘‘สุวณฺณมาลา โหตู’’ติ เถโร อธิฎฺฐาสิฯ ทุติยมฺปิ โข…เป.…ฯ เตนุปสงฺกมีติ ทุติยทิวเสเยว อุปสงฺกมิฯ
619-21.Pāṭiyekkoti visuṃ eko. Mālākiteti katamāle mālādhare, kusumamālāpaṭimaṇḍiteti attho. Tiṇaṇḍupakanti tiṇacumbaṭakaṃ. Paṭimuñcīti ṭhapesi. Sā ahosi suvaṇṇamālāti dārikāya sīse ṭhapitamattāyeva therassa adhiṭṭhānavasena suvaṇṇapadumamālā ahosi. Tañhi tiṇaṇḍupakaṃ sīse ṭhapitamattameva ‘‘suvaṇṇamālā hotū’’ti thero adhiṭṭhāsi. Dutiyampi kho…pe…. Tenupasaṅkamīti dutiyadivaseyeva upasaṅkami.
สุวณฺณนฺติ อธิมุจฺจีติ ‘‘โสวณฺณมโย โหตู’’ติ อธิฎฺฐาสิฯ ปญฺจนฺนํ เภสชฺชานนฺติ สปฺปิอาทีนํฯ พาหุลิกาติ ปจฺจยพาหุลิกตาย ปฎิปนฺนาฯ โกลเมฺพปิ ฆเฎปีติเอตฺถ โกลมฺพา นาม มหามุขจาฎิโย วุจฺจนฺติฯ โอลีนวิลีนานีติ เหฎฺฐา จ อุภโตปเสฺสสุ จ คฬิตานิฯ โอกิณฺณวิกิณฺณาติ สปฺปิอาทีนํ คเนฺธน ภูมิํ ขนเนฺตหิ โอกิณฺณา, ภิตฺติโย ขนเนฺตหิ อุปริ สญฺจรเนฺตหิ จ วิกิณฺณาฯ อโนฺตโกฎฺฐาคาริกาติ อพฺภนฺตเร สํวิหิตโกฎฺฐาคาราฯ
Suvaṇṇantiadhimuccīti ‘‘sovaṇṇamayo hotū’’ti adhiṭṭhāsi. Pañcannaṃ bhesajjānanti sappiādīnaṃ. Bāhulikāti paccayabāhulikatāya paṭipannā. Kolambepi ghaṭepītiettha kolambā nāma mahāmukhacāṭiyo vuccanti. Olīnavilīnānīti heṭṭhā ca ubhatopassesu ca gaḷitāni. Okiṇṇavikiṇṇāti sappiādīnaṃ gandhena bhūmiṃ khanantehi okiṇṇā, bhittiyo khanantehi upari sañcarantehi ca vikiṇṇā. Antokoṭṭhāgārikāti abbhantare saṃvihitakoṭṭhāgārā.
๖๒๒. ปฎิสายนียานีติ ปฎิสายิตพฺพานิ, ปริภุญฺชิตพฺพานีติ อโตฺถฯ เภสชฺชานีติ เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา มา วา, เอวํ ลทฺธโวหารานิฯ ‘‘โคสปฺปี’’ติอาทีหิ โลเก ปากฎํ ทเสฺสตฺวา ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิมินา อเญฺญสมฺปิ มิคโรหิตสสาทีนํ สปฺปิํ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสสิฯ เยสญฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิปิ เตสํ อตฺถิเยว, ตํ ปน สุลภํ วา โหตุ ทุลฺลภํ วา, อสโมฺมหตฺถํ วุตฺตํฯ เอวํ นวนีตมฺปิฯ
622.Paṭisāyanīyānīti paṭisāyitabbāni, paribhuñjitabbānīti attho. Bhesajjānīti bhesajjakiccaṃ karontu vā mā vā, evaṃ laddhavohārāni. ‘‘Gosappī’’tiādīhi loke pākaṭaṃ dassetvā ‘‘yesaṃ maṃsaṃ kappatī’’ti iminā aññesampi migarohitasasādīnaṃ sappiṃ saṅgahetvā dassesi. Yesañhi khīraṃ atthi, sappipi tesaṃ atthiyeva, taṃ pana sulabhaṃ vā hotu dullabhaṃ vā, asammohatthaṃ vuttaṃ. Evaṃ navanītampi.
สนฺนิธิการกํ ปริภุญฺชิตพฺพานีติ สนฺนิธิํ กตฺวา นิทหิตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพานิฯ กถํ? ปาฬิยา อาคตสปฺปิอาทีสุ สปฺปิ ตาว ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ นิรามิสมฺปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ สตฺตาหาติกฺกเม สเจ เอกภาชเน ฐปิตํ, เอกํ นิสฺสคฺคิยํฯ สเจ พหูสุ วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยานิ, ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตํ อโชฺฌหริตุํ น วฎฺฎติ; อพฺภญฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ, อนโชฺฌหรณียตํ อาปนฺนตฺตาฯ ‘‘ปฎิสายนียานี’’ติ หิ วุตฺตํฯ สเจ อนุปสมฺปโนฺน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตนวนีเตน สปฺปิํ กตฺวา เทติ, ปุเรภตฺตํ สามิสํ วฎฺฎติฯ สเจ สยํ กโรติ, สตฺตาหมฺปิ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตนวนีเตน ปน เยน เกนจิ กตสปฺปิ สตฺตาหมฺปิ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ อุคฺคหิตเกน กเต ปุเพฺพ วุตฺตสุทฺธสปฺปินเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ
Sannidhikārakaṃ paribhuñjitabbānīti sannidhiṃ katvā nidahitvā paribhuñjitabbāni. Kathaṃ? Pāḷiyā āgatasappiādīsu sappi tāva purebhattaṃ paṭiggahitaṃ tadahupurebhattaṃ sāmisampi nirāmisampi paribhuñjituṃ vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisaṃ paribhuñjitabbaṃ. Sattāhātikkame sace ekabhājane ṭhapitaṃ, ekaṃ nissaggiyaṃ. Sace bahūsu vatthugaṇanāya nissaggiyāni, pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā uggahitakaṃ katvā nikkhittaṃ ajjhoharituṃ na vaṭṭati; abbhañjanādīsu upanetabbaṃ. Sattāhātikkamepi anāpatti, anajjhoharaṇīyataṃ āpannattā. ‘‘Paṭisāyanīyānī’’ti hi vuttaṃ. Sace anupasampanno purebhattaṃ paṭiggahitanavanītena sappiṃ katvā deti, purebhattaṃ sāmisaṃ vaṭṭati. Sace sayaṃ karoti, sattāhampi nirāmisameva vaṭṭati. Pacchābhattaṃ paṭiggahitanavanītena pana yena kenaci katasappi sattāhampi nirāmisameva vaṭṭati. Uggahitakena kate pubbe vuttasuddhasappinayeneva vinicchayo veditabbo.
ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตขีเรน วา ทธินา วา กตสปฺปิ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ สามิสมฺปิ ตทหุปุเรภตฺตํ วฎฺฎติฯ สยํกตํ นิรามิสเมว วฎฺฎติ ฯ นวนีตํ ตาเปนฺตสฺส หิ สามํปาโก น โหติ, สามํปเกฺกน ปน เตน สทฺธิํ อามิสํ น วฎฺฎติฯ ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย จ น วฎฺฎติเยวฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ, สวตฺถุกสฺส ปฎิคฺคหิตตฺตา, ‘‘ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา’’ติ หิ วุตฺตํฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิเตหิ กตํ ปน อพฺภญฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ ปุเรภตฺตมฺปิ จ อุคฺคหิตเกหิ กตํ อุภเยสมฺปิ สตฺตาหาติกฺกเม อนาปตฺติฯ เอเสว นโย อกปฺปิยมํสสปฺปิมฺหิฯ อยํ ปน วิเสโส – ยตฺถ ปาฬิยํ อาคตสปฺปินา นิสฺสคฺคิยํ, ตตฺถ อิมินา ทุกฺกฎํฯ อนฺธกฎฺฐกถายํ การณปติรูปกํ วตฺวา มนุสฺสสปฺปิ จ นวนีตญฺจ ปฎิกฺขิตฺตํ, ตํ ทุปฺปฎิกฺขิตฺตํ, สพฺพอฎฺฐกถาสุ อนุญฺญาตตฺตาฯ ปรโต จสฺส วินิจฺฉโยปิ อาคจฺฉิสฺสติฯ
Purebhattaṃ paṭiggahitakhīrena vā dadhinā vā katasappi anupasampannena kataṃ sāmisampi tadahupurebhattaṃ vaṭṭati. Sayaṃkataṃ nirāmisameva vaṭṭati . Navanītaṃ tāpentassa hi sāmaṃpāko na hoti, sāmaṃpakkena pana tena saddhiṃ āmisaṃ na vaṭṭati. Pacchābhattato paṭṭhāya ca na vaṭṭatiyeva. Sattāhātikkamepi anāpatti, savatthukassa paṭiggahitattā, ‘‘tāni paṭiggahetvā’’ti hi vuttaṃ. Pacchābhattaṃ paṭiggahitehi kataṃ pana abbhañjanādīsu upanetabbaṃ. Purebhattampi ca uggahitakehi kataṃ ubhayesampi sattāhātikkame anāpatti. Eseva nayo akappiyamaṃsasappimhi. Ayaṃ pana viseso – yattha pāḷiyaṃ āgatasappinā nissaggiyaṃ, tattha iminā dukkaṭaṃ. Andhakaṭṭhakathāyaṃ kāraṇapatirūpakaṃ vatvā manussasappi ca navanītañca paṭikkhittaṃ, taṃ duppaṭikkhittaṃ, sabbaaṭṭhakathāsu anuññātattā. Parato cassa vinicchayopi āgacchissati.
ปาฬิยํ อาคตํ นวนีตมฺปิ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ตทหุปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมวฯ สตฺตาหาติกฺกเม นานาภาชเนสุ ฐปิเต ภาชนคณนาย เอกภาชเนปิ อมิเสฺสตฺวา ปิณฺฑปิณฺฑวเสน ฐปิเต ปิณฺฑคณนาย นิสฺสคฺคิยานิฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ สปฺปินเยเนว เวทิตพฺพํฯ เอตฺถ ปน ทธิคุฬิกาโยปิ ตกฺกพินฺทูนิปิ โหนฺติ, ตสฺมา ตํ โธตํ วฎฺฎตีติ อุปฑฺฒเตฺถรา อาหํสุฯ มหาสีวเตฺถโร ปน ‘‘ภควตา อนุญฺญาตกาลโต ปฎฺฐาย ตกฺกโต อุทฺธฎมตฺตเมว ขาทิํสู’’ติ อาหฯ ตสฺมา นวนีตํ ปริภุญฺชเนฺตน โธวิตฺวา ทธิตกฺกมกฺขิกากิปิลฺลิกาทีนิ อปเนตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ ปจิตฺวา สปฺปิํ กตฺวา ปริภุญฺชิตุกาเมน อโธตมฺปิ ปจิตุํ วฎฺฎติฯ ยํ ตตฺถ ทธิคตํ วา ตกฺกคตํ วา ตํ ขยํ คมิสฺสติ, เอตฺตาวตา หิ สวตฺถุกปฎิคฺคหิตํ นาม น โหตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยฯ อามิเสน สทฺธิํ ปกฺกตฺตา ปน ตสฺมิมฺปิ กุกฺกุจฺจายนฺติ กุกฺกุจฺจกาฯ อิทานิ อุคฺคเหตฺวา ฐปิตนวนีเต จ ปุเรภตฺตํ ขีรทธีนิ ปฎิคฺคเหตฺวา กตนวนีเต จ ปจฺฉาภตฺตํ ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา กตนวนีเต จ อุคฺคหิเตหิ กตนววีเต จ อกปฺปิยมํสนวนีเต จ สโพฺพ อาปตฺตานาปตฺติปริโภคาปริโภคนโย สปฺปิมฺหิ วุตฺตกฺกเมเนว คเหตโพฺพฯ
Pāḷiyaṃ āgataṃ navanītampi purebhattaṃ paṭiggahitaṃ tadahupurebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva. Sattāhātikkame nānābhājanesu ṭhapite bhājanagaṇanāya ekabhājanepi amissetvā piṇḍapiṇḍavasena ṭhapite piṇḍagaṇanāya nissaggiyāni. Pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ sappinayeneva veditabbaṃ. Ettha pana dadhiguḷikāyopi takkabindūnipi honti, tasmā taṃ dhotaṃ vaṭṭatīti upaḍḍhattherā āhaṃsu. Mahāsīvatthero pana ‘‘bhagavatā anuññātakālato paṭṭhāya takkato uddhaṭamattameva khādiṃsū’’ti āha. Tasmā navanītaṃ paribhuñjantena dhovitvā dadhitakkamakkhikākipillikādīni apanetvā paribhuñjitabbaṃ. Pacitvā sappiṃ katvā paribhuñjitukāmena adhotampi pacituṃ vaṭṭati. Yaṃ tattha dadhigataṃ vā takkagataṃ vā taṃ khayaṃ gamissati, ettāvatā hi savatthukapaṭiggahitaṃ nāma na hotīti ayamettha adhippāyo. Āmisena saddhiṃ pakkattā pana tasmimpi kukkuccāyanti kukkuccakā. Idāni uggahetvā ṭhapitanavanīte ca purebhattaṃ khīradadhīni paṭiggahetvā katanavanīte ca pacchābhattaṃ tāni paṭiggahetvā katanavanīte ca uggahitehi katanavavīte ca akappiyamaṃsanavanīte ca sabbo āpattānāpattiparibhogāparibhoganayo sappimhi vuttakkameneva gahetabbo.
เตลภิกฺขาย ปวิฎฺฐานํ ปน ภิกฺขูนํ ตเตฺถว สปฺปิมฺปิ นวนีตมฺปิ ปกฺกเตลมฺปิ อปกฺกเตลมฺปิ อากิรนฺติ, ตตฺถ ตกฺกทธิพินฺทูนิปิ ภตฺตสิตฺถานิปิ ตณฺฑุลกณาปิ มกฺขิกาทโยปิ โหนฺติฯ อาทิจฺจปากํ กตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา คหิตํ สตฺตาหกาลิกํ โหติ, ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตเภสเชฺชหิ สทฺธิํ ปจิตฺวา นตฺถุปานมฺปิ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ วทฺทลิสมเย ลชฺชิ สามเณโร ยถา ตตฺถ ปติตตณฺฑุลกณาทโย น ปจฺจนฺติ, เอวํ สามิสปากํ โมเจโนฺต อคฺคิมฺหิ วิลียาเปตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ปุน ปจิตฺวา เทติ, ปุริมนเยเนว สตฺตาหํ วฎฺฎติฯ
Telabhikkhāya paviṭṭhānaṃ pana bhikkhūnaṃ tattheva sappimpi navanītampi pakkatelampi apakkatelampi ākiranti, tattha takkadadhibindūnipi bhattasitthānipi taṇḍulakaṇāpi makkhikādayopi honti. Ādiccapākaṃ katvā parissāvetvā gahitaṃ sattāhakālikaṃ hoti, paṭiggahetvā ṭhapitabhesajjehi saddhiṃ pacitvā natthupānampi kātuṃ vaṭṭati. Sace vaddalisamaye lajji sāmaṇero yathā tattha patitataṇḍulakaṇādayo na paccanti, evaṃ sāmisapākaṃ mocento aggimhi vilīyāpetvā parissāvetvā puna pacitvā deti, purimanayeneva sattāhaṃ vaṭṭati.
เตเลสุ ติลเตลํ ตาว ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมวฯ สตฺตาหาติกฺกเม ปนสฺส ภาชนคณนาย นิสฺสคฺคิยภาโว เวทิตโพฺพฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตํ อโชฺฌหริตุํ น วฎฺฎติ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ปุเรภตฺตํ ติเล ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย อนโชฺฌหรณียํ โหติ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ติเล ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลํ อนโชฺฌหรณียเมว, สวตฺถุกปฎิคฺคหิตตฺตา, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา อุคฺคหิตกติเลหิ กตเตเลปิ เอเสว นโยฯ
Telesu tilatelaṃ tāva purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva. Sattāhātikkame panassa bhājanagaṇanāya nissaggiyabhāvo veditabbo. Pacchābhattaṃ paṭiggahitaṃ sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Uggahitakaṃ katvā nikkhittaṃ ajjhoharituṃ na vaṭṭati, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Purebhattaṃ tile paṭiggahetvā katatelaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya anajjhoharaṇīyaṃ hoti, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Pacchābhattaṃ tile paṭiggahetvā katatelaṃ anajjhoharaṇīyameva, savatthukapaṭiggahitattā, sattāhātikkamepi anāpatti, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ. Purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā uggahitakatilehi katatelepi eseva nayo.
ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตกติเล ภชฺชิตฺวา วา ติลปิฎฺฐํ วา เสเทตฺวา อุโณฺหทเกน วา เตเมตฺวา กตเตลํ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติฯ อตฺตนา กตเตลํ ปน นิพฺพฎฺฎิตตฺตา ปุเรภตฺตํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ สามํปกฺกตฺตา สามิสํ น วฎฺฎติ, สวตฺถุกปฎิคฺคหิตตฺตา ปน ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย อุภยมฺปิ อนโชฺฌหรณียํ, สีสมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ยทิ ปน อปฺปํ อุโณฺหทกํ โหติ อพฺภุกฺกิรณมตฺตํ, อโพฺพหาริกํ โหติ, สามปากคณนํ น คจฺฉติฯ สาสปเตลาทีสุปิ อวตฺถุกปฎิคฺคหิเตสุ อวตฺถุกติลเตเล วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ
Purebhattaṃ paṭiggahitakatile bhajjitvā vā tilapiṭṭhaṃ vā sedetvā uṇhodakena vā temetvā katatelaṃ sace anupasampannena kataṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati. Attanā katatelaṃ pana nibbaṭṭitattā purebhattaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Sāmaṃpakkattā sāmisaṃ na vaṭṭati, savatthukapaṭiggahitattā pana pacchābhattato paṭṭhāya ubhayampi anajjhoharaṇīyaṃ, sīsamakkhanādīsu upanetabbaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Yadi pana appaṃ uṇhodakaṃ hoti abbhukkiraṇamattaṃ, abbohārikaṃ hoti, sāmapākagaṇanaṃ na gacchati. Sāsapatelādīsupi avatthukapaṭiggahitesu avatthukatilatele vuttasadisova vinicchayo.
สเจ ปน ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตานํ สาสปาทีนํ จุเณฺณหิ อาทิจฺจปาเกน สกฺกา เตลํ กาตุํ, ตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย นิรามิสเมว, สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํฯ ยสฺมา ปน สาสปมธุกจุณฺณาทีนิ เสเทตฺวา เอรณฺฑกฎฺฐีนิ จ ภชฺชิตฺวา เอว เตลํ กโรนฺติ, ตสฺมา เตสํ เตลํ อนุปสมฺปเนฺนหิ กตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติฯ วตฺถูนํ ยาวชีวิกตฺตา ปน สวตฺถุกปฎิคฺคหเณ โทโส นตฺถีติฯ อตฺตนา กตํ สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคเนว ปริภุญฺชิตพฺพํฯ อุคฺคหิตเกหิ กตํ อนโชฺฌหรณียํ พาหิรปริโภเค วฎฺฎติ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ
Sace pana purebhattaṃ paṭiggahitānaṃ sāsapādīnaṃ cuṇṇehi ādiccapākena sakkā telaṃ kātuṃ, taṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya nirāmisameva, sattāhātikkame nissaggiyaṃ. Yasmā pana sāsapamadhukacuṇṇādīni sedetvā eraṇḍakaṭṭhīni ca bhajjitvā eva telaṃ karonti, tasmā tesaṃ telaṃ anupasampannehi kataṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati. Vatthūnaṃ yāvajīvikattā pana savatthukapaṭiggahaṇe doso natthīti. Attanā kataṃ sattāhaṃ nirāmisaparibhogeneva paribhuñjitabbaṃ. Uggahitakehi kataṃ anajjhoharaṇīyaṃ bāhiraparibhoge vaṭṭati, sattāhātikkamepi anāpatti.
เตลกรณตฺถาย สาสปมธุกเอรณฺฑกฎฺฐีนิ วา ปฎิคฺคเหตฺวา กตํ เตลํ สตฺตาหกาลิกํฯ ทุติยทิวเส กตํ ฉาหํ วฎฺฎติฯ ตติยทิวเส กตํ ปญฺจาหํ วฎฺฎติฯ จตุตฺถ-ปญฺจม-ฉฎฺฐสตฺตามทิวเส กตํ ตทเหว วฎฺฎติฯ สเจ ยาว อรุณสฺส อุคฺคมนา ติฎฺฐติ, นิสฺสคฺคิยํฯ อฎฺฐเม ทิวเส กตํ อนโชฺฌหรณียํฯ อนิสฺสคฺคิยตฺตา ปน พาหิรปริโภเค วฎฺฎติฯ สเจปิ น กโรติ, เตลตฺถาย คหิตสาสปาทีนํ สตฺตาหาติกฺกมเน ทุกฺกฎเมวฯ ปาฬิยํ ปน อนาคตานิ อญฺญานิปิ นาฬิเกรนิมฺพโกสมฺพกกรมนฺทอตสีอาทีนํ เตลานิ อตฺถิ, ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ อติกฺกามยโต ทุกฺกฎํ โหติฯ อยเมเตสุ วิเสโสฯ เสสํ ยาวกาลิกวตฺถุํ ยาวชีวิกวตฺถุญฺจ สลฺลเกฺขตฺวา สามํปากสวตฺถุกปุเรภตฺตปจฺฉาภตฺตปฎิคฺคหิตอุคฺคหิตกวตฺถุวิธานํ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ
Telakaraṇatthāya sāsapamadhukaeraṇḍakaṭṭhīni vā paṭiggahetvā kataṃ telaṃ sattāhakālikaṃ. Dutiyadivase kataṃ chāhaṃ vaṭṭati. Tatiyadivase kataṃ pañcāhaṃ vaṭṭati. Catuttha-pañcama-chaṭṭhasattāmadivase kataṃ tadaheva vaṭṭati. Sace yāva aruṇassa uggamanā tiṭṭhati, nissaggiyaṃ. Aṭṭhame divase kataṃ anajjhoharaṇīyaṃ. Anissaggiyattā pana bāhiraparibhoge vaṭṭati. Sacepi na karoti, telatthāya gahitasāsapādīnaṃ sattāhātikkamane dukkaṭameva. Pāḷiyaṃ pana anāgatāni aññānipi nāḷikeranimbakosambakakaramandaatasīādīnaṃ telāni atthi, tāni paṭiggahetvā sattāhaṃ atikkāmayato dukkaṭaṃ hoti. Ayametesu viseso. Sesaṃ yāvakālikavatthuṃ yāvajīvikavatthuñca sallakkhetvā sāmaṃpākasavatthukapurebhattapacchābhattapaṭiggahitauggahitakavatthuvidhānaṃ sabbaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ.
๖๒๓. วสาเตลนฺติ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ, อจฺฉวสํ, มจฺฉวสํ, สุสุกาวสํ, สูกรวสํ, คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ อนุญฺญาตวสานํ เตลํฯ เอตฺถ จ ‘‘อจฺฉวส’’นฺติ วจเนน ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ สเพฺพสํ อกปฺปิยมํสาน วสา อนุญฺญาตาฯ มจฺฉคฺคหเณน จ สุสุกาปิ คหิตา โหนฺติ, วาฬมจฺฉตฺตา ปน วิสุํ วุตฺตํฯ มจฺฉาทิคฺคหเณน เจตฺถ สเพฺพสมฺปิ กปฺปิยมํสานํ วสา อนุญฺญาตาฯ มํเสสุ หิ ทสมนอุสฺส-หตฺถิ-อสฺส-สุนข-อหิ-สีห-พฺยคฺฆ-ทีปิ-อจฺฉ-ตรจฺฉานํ มํสานิ อกปฺปิยานิฯ วสาสุ เอกา มนุสฺสวสาวฯ ขีราทีสุ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ
623.Vasātelanti ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjāni, acchavasaṃ, macchavasaṃ, susukāvasaṃ, sūkaravasaṃ, gadrabhavasa’’nti (mahāva. 262) evaṃ anuññātavasānaṃ telaṃ. Ettha ca ‘‘acchavasa’’nti vacanena ṭhapetvā manussavasaṃ sabbesaṃ akappiyamaṃsāna vasā anuññātā. Macchaggahaṇena ca susukāpi gahitā honti, vāḷamacchattā pana visuṃ vuttaṃ. Macchādiggahaṇena cettha sabbesampi kappiyamaṃsānaṃ vasā anuññātā. Maṃsesu hi dasamanaussa-hatthi-assa-sunakha-ahi-sīha-byaggha-dīpi-accha-taracchānaṃ maṃsāni akappiyāni. Vasāsu ekā manussavasāva. Khīrādīsu akappiyaṃ nāma natthi.
อนุปสมฺปเนฺนหิ กตนิพฺพฎฺฎิตวสาเตลํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติฯ ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ยํ ปน ตตฺถ สุขุมรชสทิสํ มํสํ วา นฺหารุ วา อฎฺฐิ วา โลหิตํ วา โหติ, ตํ อโพฺพหาริกํฯ สเจ ปน วสํ ปฎิคฺคเหตฺวา สยํ กโรติ, ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ปจิตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพํ ฯ นิรามิสปริโภคญฺหิ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒)ฯ ตตฺราปิ อโพฺพหาริกํ อโพฺพหาริกเมวฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปน ปฎิคฺคหิตุํ วา กาตุํ วา น วฎฺฎติเยวฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Anupasampannehi katanibbaṭṭitavasātelaṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati. Pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Yaṃ pana tattha sukhumarajasadisaṃ maṃsaṃ vā nhāru vā aṭṭhi vā lohitaṃ vā hoti, taṃ abbohārikaṃ. Sace pana vasaṃ paṭiggahetvā sayaṃ karoti, purebhattaṃ paṭiggahetvā pacitvā parissāvetvā sattāhaṃ nirāmisaparibhogena paribhuñjitabbaṃ . Nirāmisaparibhogañhi sandhāya idaṃ vuttaṃ – ‘‘kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti (mahāva. 262). Tatrāpi abbohārikaṃ abbohārikameva. Pacchābhattaṃ pana paṭiggahituṃ vā kātuṃ vā na vaṭṭatiyeva. Vuttañhetaṃ –
‘‘วิกาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฎานํฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อนาปตฺตี’’ติฯ
‘‘Vikāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ vikāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti tiṇṇaṃ dukkaṭānaṃ. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ vikāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti dukkaṭassa. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, anāpattī’’ti.
อุปติสฺสเตฺถรํ ปน อเนฺตวาสิกา ปุจฺฉิํสุ – ‘‘ภเนฺต, สปฺปินวนีตวสานิ เอกโต ปจิตฺวา นิพฺพฎฺฎิตานิ วฎฺฎนฺติ, น วฎฺฎนฺตี’’ติ? ‘‘น วฎฺฎนฺติ, อาวุโส’’ติฯ เถโร กิเรตฺถ ปกฺกเตลกสเฎ วิย กุกฺกุจฺจายติฯ ตโต นํ อุตฺตริ ปุจฺฉิํสุ – ‘‘ภเนฺต, นวนีเต ทธิคุฬิกา วา ตกฺกพินฺทุ วา โหติ, เอตํ วฎฺฎตี’’ติ? ‘‘เอตมฺปิ, อาวุโส, น วฎฺฎตี’’ติฯ ตโต นํ อาหํสุ – ‘‘ภเนฺต, เอกโต ปจิตฺวา สํสฎฺฐานิ เตชวนฺตานิ โหนฺติ, โรคํ นิคฺคณฺหนฺตี’’ติ? ‘‘สาธาวุโส’’ติ เถโร สมฺปฎิจฺฉิฯ
Upatissattheraṃ pana antevāsikā pucchiṃsu – ‘‘bhante, sappinavanītavasāni ekato pacitvā nibbaṭṭitāni vaṭṭanti, na vaṭṭantī’’ti? ‘‘Na vaṭṭanti, āvuso’’ti. Thero kirettha pakkatelakasaṭe viya kukkuccāyati. Tato naṃ uttari pucchiṃsu – ‘‘bhante, navanīte dadhiguḷikā vā takkabindu vā hoti, etaṃ vaṭṭatī’’ti? ‘‘Etampi, āvuso, na vaṭṭatī’’ti. Tato naṃ āhaṃsu – ‘‘bhante, ekato pacitvā saṃsaṭṭhāni tejavantāni honti, rogaṃ niggaṇhantī’’ti? ‘‘Sādhāvuso’’ti thero sampaṭicchi.
มหาสุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘กปฺปิยมํสวสา สามิสปริโภเค วฎฺฎติ, อิตรา นิรามิสปริโภเค วฎฺฎตี’’ติฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ‘‘อิทํ กิ’’นฺติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘นนุ วาตาพาธิกา ภิกฺขู ปญฺจมูลกสาวยาคุยํ อจฺฉสูกรเตลาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา ยาคุํ ปิวนฺติ, สา เตชุสฺสทตฺตา โรคํ นิคฺคณฺหาตี’’ติ วตฺวา ‘‘วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ
Mahāsumatthero panāha – ‘‘kappiyamaṃsavasā sāmisaparibhoge vaṭṭati, itarā nirāmisaparibhoge vaṭṭatī’’ti. Mahāpadumatthero pana ‘‘idaṃ ki’’nti paṭikkhipitvā ‘‘nanu vātābādhikā bhikkhū pañcamūlakasāvayāguyaṃ acchasūkaratelādīni pakkhipitvā yāguṃ pivanti, sā tejussadattā rogaṃ niggaṇhātī’’ti vatvā ‘‘vaṭṭatī’’ti āha.
มธุ นาม มกฺขิกามธูติ มธุกรีหิ นาม มธุมกฺขิกาหิ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ ภมรมกฺขิกาหิ จ กตํ มธุฯ ตํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสปริโภคมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสปริโภคเมว วฎฺฎติฯ สตฺตาหาติกฺกเม สเจ สิเลสสทิสํ มหามธุํ ขณฺฑํ ขณฺฑํ กตฺวา ฐปิตํ, อิตรํ วา นานาภาชเนสุ, วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยานิฯ สเจ เอกเมว ขณฺฑํ, เอกภาชเน วา อิตรํ เอกเมว นิสฺสคฺคิยํฯ อุคฺคหิตกํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อรุมกฺขนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ มธุปฎลํ วา มธุสิตฺถกํ วา สเจ มธุนา อมกฺขิตํ ปริสุทฺธํ, ยาวชีวิกํฯ มธุมกฺขิตํ ปน มธุคติกเมวฯ จีริกา นาม สปกฺขา ทีฆมกฺขิกา, ตุมฺพลนามิกา จ อฎฺฐิปกฺขา กาฬมหาภมรา โหนฺติ, เตสํ อาสเยสุ นิยฺยาสสทิสํ มธุ โหติ, ตํ ยาวชีวิกํฯ
Madhu nāma makkhikāmadhūti madhukarīhi nāma madhumakkhikāhi khuddakamakkhikāhi bhamaramakkhikāhi ca kataṃ madhu. Taṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisaparibhogampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisaparibhogameva vaṭṭati. Sattāhātikkame sace silesasadisaṃ mahāmadhuṃ khaṇḍaṃ khaṇḍaṃ katvā ṭhapitaṃ, itaraṃ vā nānābhājanesu, vatthugaṇanāya nissaggiyāni. Sace ekameva khaṇḍaṃ, ekabhājane vā itaraṃ ekameva nissaggiyaṃ. Uggahitakaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ, arumakkhanādīsu upanetabbaṃ. Madhupaṭalaṃ vā madhusitthakaṃ vā sace madhunā amakkhitaṃ parisuddhaṃ, yāvajīvikaṃ. Madhumakkhitaṃ pana madhugatikameva. Cīrikā nāma sapakkhā dīghamakkhikā, tumbalanāmikā ca aṭṭhipakkhā kāḷamahābhamarā honti, tesaṃ āsayesu niyyāsasadisaṃ madhu hoti, taṃ yāvajīvikaṃ.
ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตนฺติ อุจฺฉุรสํ อุปาทาย อปกฺกา วา อวตฺถุกปกฺกา วา สพฺพาปิ อวตฺถุกา อุจฺฉุวิกติ ผาณิตนฺติ เวทิตพฺพาฯ ตํ ผาณิตํ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ สตฺตาหาติกฺกเม วตฺถุคณนาย นิสฺสคฺคิยํฯ พหู ปิณฺฑา จุเณฺณตฺวา เอกภาชเน ปกฺขิตฺตา โหนฺติ ฆนสนฺนิเวสา, เอกเมว นิสฺสคฺคิยํฯ อุคฺคหิตกํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, ฆรธูปนาทีสุ อุปเนตพฺพํฯ ปุเรภตฺตํ ปฎิคฺคหิเตน อปริสฺสาวิตอุจฺฉุรเสน กตผาณิตํ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ, สามิสมฺปิ วฎฺฎติฯ สยํกตํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย ปน สวตฺถุกปฎิคฺคหิตตฺตา อนโชฺฌหรณียํ, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ ปจฺฉาภตฺตํ อปริสฺสาวิตปฎิคฺคหิเตน กตมฺปิ อนโชฺฌหรณียเมว, สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ เอส นโย อุจฺฉุํ ปฎิคฺคเหตฺวา กตผาณิเตปิฯ ปุเรภตฺตํ ปน ปริสฺสาวิตปฎิคฺคหิตเกน กตํ สเจ อนุปสมฺปเนฺนน กตํ ปุเรภตฺตํ สามิสมฺปิ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมวฯ สยํกตํ ปุเรภตฺตมฺปิ นิรามิสเมวฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปริสฺสาวิตปฎิคฺคหิเตน กตํ ปน นิรามิสเมว สตฺตาหํ วฎฺฎติฯ อุคฺคหิตกกตํ วุตฺตนยเมวฯ ‘‘ฌามอุจฺฉุผาณิตํ วา โกฎฺฎิตอุจฺฉุผาณิตํ วา ปุเรภตฺตเมว วฎฺฎตี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ
Phāṇitaṃ nāma ucchumhā nibbattanti ucchurasaṃ upādāya apakkā vā avatthukapakkā vā sabbāpi avatthukā ucchuvikati phāṇitanti veditabbā. Taṃ phāṇitaṃ purebhattaṃ paṭiggahitaṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Sattāhātikkame vatthugaṇanāya nissaggiyaṃ. Bahū piṇḍā cuṇṇetvā ekabhājane pakkhittā honti ghanasannivesā, ekameva nissaggiyaṃ. Uggahitakaṃ vuttanayeneva veditabbaṃ, gharadhūpanādīsu upanetabbaṃ. Purebhattaṃ paṭiggahitena aparissāvitaucchurasena kataphāṇitaṃ sace anupasampannena kataṃ, sāmisampi vaṭṭati. Sayaṃkataṃ nirāmisameva vaṭṭati. Pacchābhattato paṭṭhāya pana savatthukapaṭiggahitattā anajjhoharaṇīyaṃ, sattāhātikkamepi anāpatti. Pacchābhattaṃ aparissāvitapaṭiggahitena katampi anajjhoharaṇīyameva, sattāhātikkamepi anāpatti. Esa nayo ucchuṃ paṭiggahetvā kataphāṇitepi. Purebhattaṃ pana parissāvitapaṭiggahitakena kataṃ sace anupasampannena kataṃ purebhattaṃ sāmisampi vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva. Sayaṃkataṃ purebhattampi nirāmisameva. Pacchābhattaṃ parissāvitapaṭiggahitena kataṃ pana nirāmisameva sattāhaṃ vaṭṭati. Uggahitakakataṃ vuttanayameva. ‘‘Jhāmaucchuphāṇitaṃ vā koṭṭitaucchuphāṇitaṃ vā purebhattameva vaṭṭatī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ.
มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘เอตํ สวตฺถุกปกฺกํ วฎฺฎติ, โน วฎฺฎตี’’ติ ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อุจฺฉุผาณิตํ ปจฺฉาภตฺตํ โนวฎฺฎนกํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตํฯ สีตุทเกน กตํ มธุกปุปฺผผาณิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสํ วฎฺฎติ, ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมวฯ สตฺตาหาติกฺกเม วตฺถุคณนาย ทุกฺกฎํฯ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ มธุกผาณิตํ ยาวกาลิกํฯ ขณฺฑสกฺขรํ ปน ขีรชลฺลิกํ อปเนตฺวา โสเธนฺติ, ตสฺมา วฎฺฎติฯ มธุกปุปฺผํ ปน ปุเรภตฺตํ อลฺลํ วฎฺฎติ, ภชฺชิตมฺปิ วฎฺฎติฯ ภชฺชิตฺวา ติลาทีหิ มิสฺสํ วา อมิสฺสํ วา กตฺวา โกฎฺฎิตมฺปิ วฎฺฎติฯ ยทิ ปน ตํ คเหตฺวา เมรยตฺถาย โยเชนฺติ, โยชิตํ พีชโต ปฎฺฐาย น วฎฺฎติฯ กทลี-ขชฺชูรี-อมฺพ-ลพุช-ปนส-จิญฺจาทีนํ สเพฺพสํ ยาวกาลิกผลานํ ผาณิตํ ยาวกาลิกเมวฯ มริจปเกฺกหิ ผาณิตํ กโรนฺติ, ตํ ยาวชีวิกํฯ
Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘etaṃ savatthukapakkaṃ vaṭṭati, no vaṭṭatī’’ti pucchaṃ katvā ‘‘ucchuphāṇitaṃ pacchābhattaṃ novaṭṭanakaṃ nāma natthī’’ti vuttaṃ, taṃ yuttaṃ. Sītudakena kataṃ madhukapupphaphāṇitaṃ purebhattaṃ sāmisaṃ vaṭṭati, pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva. Sattāhātikkame vatthugaṇanāya dukkaṭaṃ. Khīraṃ pakkhipitvā kataṃ madhukaphāṇitaṃ yāvakālikaṃ. Khaṇḍasakkharaṃ pana khīrajallikaṃ apanetvā sodhenti, tasmā vaṭṭati. Madhukapupphaṃ pana purebhattaṃ allaṃ vaṭṭati, bhajjitampi vaṭṭati. Bhajjitvā tilādīhi missaṃ vā amissaṃ vā katvā koṭṭitampi vaṭṭati. Yadi pana taṃ gahetvā merayatthāya yojenti, yojitaṃ bījato paṭṭhāya na vaṭṭati. Kadalī-khajjūrī-amba-labuja-panasa-ciñcādīnaṃ sabbesaṃ yāvakālikaphalānaṃ phāṇitaṃ yāvakālikameva. Maricapakkehi phāṇitaṃ karonti, taṃ yāvajīvikaṃ.
ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวาติ สเจปิ สพฺพานิปิ ปฎิคฺคเหตฺวา เอก ฆเฎ อวินิโพฺภคานิ กตฺวา นิกฺขิปติ , สตฺตาหาติกฺกเม เอกเมว นิสฺสคฺคิยํฯ วินิภุเตฺตสุ ปญฺจ นิสฺสคฺคิยานิฯ สตฺตาหํ ปน อนติกฺกาเมตฺวา คิลาเนนปิ อคิลาเนนปิ วุตฺตนเยเนว ยถาสุขํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ สตฺตวิธญฺหิ โอทิสฺสํ นาม – พฺยาธิโอทิสฺสํ, ปุคฺคโลทิสฺสํ, กาโลทิสฺสํ, สมโยทิสฺสํ, เทโสทิสฺสํ, วโสทิสฺสํ, เภสโชฺชทิสฺสนฺติฯ
Tāni paṭiggahetvāti sacepi sabbānipi paṭiggahetvā eka ghaṭe avinibbhogāni katvā nikkhipati , sattāhātikkame ekameva nissaggiyaṃ. Vinibhuttesu pañca nissaggiyāni. Sattāhaṃ pana anatikkāmetvā gilānenapi agilānenapi vuttanayeneva yathāsukhaṃ paribhuñjitabbaṃ. Sattavidhañhi odissaṃ nāma – byādhiodissaṃ, puggalodissaṃ, kālodissaṃ, samayodissaṃ, desodissaṃ, vasodissaṃ, bhesajjodissanti.
ตตฺถ พฺยาธิโอทิสฺสํ นาม – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อมนุสฺสิกาพาเธ อามกมํสํ อามกโลหิต’’นฺติ (มหาว. ๒๖๔) เอวํ พฺยาธิํ อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตํ, ตํ เตเนว อาพาเธน อาพาธิกสฺส วฎฺฎติ, น อญฺญสฺสฯ ตญฺจ โข กาเลปิ วิกาเลปิ กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยมฺปิ วฎฺฎติเยวฯ
Tattha byādhiodissaṃ nāma – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, amanussikābādhe āmakamaṃsaṃ āmakalohita’’nti (mahāva. 264) evaṃ byādhiṃ uddissa anuññātaṃ, taṃ teneva ābādhena ābādhikassa vaṭṭati, na aññassa. Tañca kho kālepi vikālepi kappiyampi akappiyampi vaṭṭatiyeva.
ปุคฺคโลทิสฺสํ นาม – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, โรมนฺถกสฺส โรมนฺถนํฯ น จ, ภิกฺขเว, พหิมุขทฺวารํ นีหริตฺวา อโชฺฌหริตพฺพ’’นฺติ (จูฬว. ๒๗๓) เอวํ ปุคฺคลํ อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตํ, ตํ ตเสฺสว วฎฺฎติ, น อญฺญสฺสฯ
Puggalodissaṃ nāma – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, romanthakassa romanthanaṃ. Na ca, bhikkhave, bahimukhadvāraṃ nīharitvā ajjhoharitabba’’nti (cūḷava. 273) evaṃ puggalaṃ uddissa anuññātaṃ, taṃ tasseva vaṭṭati, na aññassa.
กาโลทิสฺสํ นาม – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, จตฺตาริ มหาวิกฎานิ ทาตุํ – คูถํ, มุตฺตํ, ฉาริกํ, มตฺติก’’นฺติ (มหาว. ๒๖๘) เอวํ อหินา ทฎฺฐกาลํ อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตํ, ตํ ตสฺมิํเยว กาเล อปฺปฎิคฺคหิตกมฺปิ วฎฺฎติ, น อญฺญสฺมิํฯ
Kālodissaṃ nāma – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, cattāri mahāvikaṭāni dātuṃ – gūthaṃ, muttaṃ, chārikaṃ, mattika’’nti (mahāva. 268) evaṃ ahinā daṭṭhakālaṃ uddissa anuññātaṃ, taṃ tasmiṃyeva kāle appaṭiggahitakampi vaṭṭati, na aññasmiṃ.
สมโยทิสฺสํ นาม – ‘‘คณโภชเน อญฺญตฺร สมยา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๒๑๗) นเยน ตํ ตํ สมยํ อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตา อนาปตฺติโย, ตา ตสฺมิํ ตสฺมิํเยว สมเย อนาปตฺติโย โหนฺติ, น อญฺญทาฯ
Samayodissaṃ nāma – ‘‘gaṇabhojane aññatra samayā’’tiādinā (pāci. 217) nayena taṃ taṃ samayaṃ uddissa anuññātā anāpattiyo, tā tasmiṃ tasmiṃyeva samaye anāpattiyo honti, na aññadā.
เทโสทิสฺสํ นาม – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เอวรูเปสุ ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปญฺจเมน คเณน อุปสมฺปท’’นฺติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปจฺจนฺตเทเส อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตานิ อุปสมฺปทาทีนิ, ตานิ ตเตฺถว วฎฺฎนฺติ, น มชฺฌิมเทเสฯ
Desodissaṃ nāma – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, evarūpesu paccantimesu janapadesu vinayadharapañcamena gaṇena upasampada’’nti (mahāva. 259) evaṃ paccantadese uddissa anuññātāni upasampadādīni, tāni tattheva vaṭṭanti, na majjhimadese.
วโสทิสฺสํ นาม – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ วสานาเมน อนุญฺญาตํ , ตํ ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ สเพฺพสํ กปฺปิยากปฺปิยวสานํ เตลํ ตํตทตฺถิกานํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติฯ
Vasodissaṃ nāma – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjānī’’ti (mahāva. 262) evaṃ vasānāmena anuññātaṃ , taṃ ṭhapetvā manussavasaṃ sabbesaṃ kappiyākappiyavasānaṃ telaṃ taṃtadatthikānaṃ telaparibhogena paribhuñjituṃ vaṭṭati.
เภสโชฺชทิสฺสํ นาม – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปญฺจ เภสชฺชานี’’ติ (มหาว. ๒๖๐-๒๖๑) เอวํ เภสชฺชนาเมน อนุญฺญาตานิ อาหารตฺถํ ผริตุํ สมตฺถานิ สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตนฺติฯ ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา ตทหุปุเรภตฺตํ ยถาสุขํ ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สติ ปจฺจเย วุตฺตนเยเนว สตฺตาหํ ปริภุญฺชิตพฺพานิฯ
Bhesajjodissaṃ nāma – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, pañca bhesajjānī’’ti (mahāva. 260-261) evaṃ bhesajjanāmena anuññātāni āhāratthaṃ pharituṃ samatthāni sappinavanītatelamadhuphāṇitanti. Tāni paṭiggahetvā tadahupurebhattaṃ yathāsukhaṃ pacchābhattato paṭṭhāya sati paccaye vuttanayeneva sattāhaṃ paribhuñjitabbāni.
๖๒๔. สตฺตาหาติกฺกเนฺต อติกฺกนฺตสญฺญี นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยนฺติ สเจปิ สาสปมตฺตํ โหติ สกิํ วา องฺคุลิยา คเหตฺวา ชิวฺหาย สายนมตฺตํ นิสฺสชฺชิตพฺพเมว, ปาจิตฺติยญฺจ เทเสตพฺพํฯ
624.Sattāhātikkante atikkantasaññī nissaggiyaṃ pācittiyanti sacepi sāsapamattaṃ hoti sakiṃ vā aṅguliyā gahetvā jivhāya sāyanamattaṃ nissajjitabbameva, pācittiyañca desetabbaṃ.
น กายิเกน ปริโภเคน ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ กาโย วา กาเย อรุ วา น มเกฺขตพฺพํฯ เตหิ มกฺขิตานิ กาสาวกตฺตรยฎฺฐิอุปาหนปาทกถลิกมญฺจปีฐาทีนิปิ อปริโภคานิฯ ‘‘ทฺวารวาตปานกวาเฎสุปิ หเตฺถน คหณฎฺฐานํ น มเกฺขตพฺพ’’นฺติ มหาปจฺจริยํ วุตฺตํฯ ‘‘กสาเว ปน ปกฺขิปิตฺวา ทฺวารวาตปานกวาฎานิ มเกฺขตพฺพานี’’ติ มหาอฎฺฐกถายํ วุตฺตํฯ
Na kāyikena paribhogena paribhuñjitabbanti kāyo vā kāye aru vā na makkhetabbaṃ. Tehi makkhitāni kāsāvakattarayaṭṭhiupāhanapādakathalikamañcapīṭhādīnipi aparibhogāni. ‘‘Dvāravātapānakavāṭesupi hatthena gahaṇaṭṭhānaṃ na makkhetabba’’nti mahāpaccariyaṃ vuttaṃ. ‘‘Kasāve pana pakkhipitvā dvāravātapānakavāṭāni makkhetabbānī’’ti mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ.
อนาปตฺติ อโนฺตสตฺตาหํ อธิเฎฺฐตีติ สตฺตาหพฺภนฺตเร สปฺปิญฺจ เตลญฺจ วสญฺจ มุทฺธนิเตลํ วา อพฺภญฺชนํ วา มธุํ อรุมกฺขนํ ผาณิตํ ฆรธูปนํ อธิเฎฺฐติ, อนาปตฺติฯ สเจ อธิฎฺฐิตเตลํ อนธิฎฺฐิตเตลภาชเน อากิริตุกาโม โหติ, ภาชเน เจ สุขุมํ ฉิทฺทํ ปวิฎฺฐํ ปวิฎฺฐํ เตลํ ปุราณเตเลน อโชฺฌตฺถรียติ, ปุน อธิฎฺฐาตพฺพํฯ อถ มหามุขํ โหติ, สหสาว พหุเตลํ ปวิสิตฺวา ปุราณเตลํ อโชฺฌตฺถรติ, ปุน อธิฎฺฐานกิจฺจํ นตฺถิฯ อธิฎฺฐิตคติกเมว หิ ตํ โหติ, เอเตน นเยน อธิฎฺฐิตเตลภาชเน อนธิฎฺฐิตเตลากิรณมฺปิ เวทิตพฺพํฯ
Anāpatti antosattāhaṃ adhiṭṭhetīti sattāhabbhantare sappiñca telañca vasañca muddhanitelaṃ vā abbhañjanaṃ vā madhuṃ arumakkhanaṃ phāṇitaṃ gharadhūpanaṃ adhiṭṭheti, anāpatti. Sace adhiṭṭhitatelaṃ anadhiṭṭhitatelabhājane ākiritukāmo hoti, bhājane ce sukhumaṃ chiddaṃ paviṭṭhaṃ paviṭṭhaṃ telaṃ purāṇatelena ajjhottharīyati, puna adhiṭṭhātabbaṃ. Atha mahāmukhaṃ hoti, sahasāva bahutelaṃ pavisitvā purāṇatelaṃ ajjhottharati, puna adhiṭṭhānakiccaṃ natthi. Adhiṭṭhitagatikameva hi taṃ hoti, etena nayena adhiṭṭhitatelabhājane anadhiṭṭhitatelākiraṇampi veditabbaṃ.
๖๒๕. วิสฺสเชฺชตีติ เอตฺถ สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฎิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎติฯ สเจ เยน ปฎิคฺคหิตํ, โส อิตรํ ภณติ – ‘‘อาวุโส, อิมํ เตลํ สตฺตาหมตฺตํ ปริภุญฺช ตฺว’’นฺติฯ โส จ ปริโภคํ น กโรติ, กสฺส อาปตฺติ? น กสฺสจิปิ อาปตฺติ ฯ กสฺมา? เยน ปฎิคฺคหิตํ เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา, อิตรสฺส อปฺปฎิคฺคหิตตฺตาฯ
625.Vissajjetīti ettha sace dvinnaṃ santakaṃ ekena paṭiggahitaṃ avibhattaṃ hoti, sattāhātikkame dvinnampi anāpatti, paribhuñjituṃ pana na vaṭṭati. Sace yena paṭiggahitaṃ, so itaraṃ bhaṇati – ‘‘āvuso, imaṃ telaṃ sattāhamattaṃ paribhuñja tva’’nti. So ca paribhogaṃ na karoti, kassa āpatti? Na kassacipi āpatti . Kasmā? Yena paṭiggahitaṃ tena vissajjitattā, itarassa appaṭiggahitattā.
วินสฺสตีติ อปริโภคํ โหติฯ จเตฺตนาติอาทีสุ เยน จิเตฺตน เภสชฺชํ จตฺตญฺจ วนฺตญฺจ มุตฺตญฺจ โหติ, ตํ จิตฺตํ จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตนฺติ วุจฺจติฯ เตน จิเตฺตน ปุคฺคโล อนเปโกฺขติ วุจฺจตฺติ, เอวํ อนเปโกฺข สามเณรสฺส ทตฺวาติ อโตฺถฯ อิทํ กสฺมา วุตฺตํ? ‘‘เอวํ อโนฺตสตฺตาเห ทตฺวา ปจฺฉา ลภิตฺวา ปริภุญฺชนฺตสฺส อนาปตฺติทสฺสนตฺถ’’นฺติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘นยิทํ ยาจิตพฺพํ, อโนฺตสตฺตาเห ทินฺนสฺส หิ ปุน ปริโภเค อาปตฺติเยว นตฺถิฯ สตฺตาหาติกฺกนฺตสฺส ปน ปริโภเค อนาปตฺติทสฺสนตฺถมิทํ วุตฺต’’นฺติฯ ตสฺมา เอวํ ทินฺนํ เภสชฺชํ สเจ สามเณโร อภิสงฺขริตฺวา วา อนภิสงฺขริตฺวา วา ตสฺส ภิกฺขุโน นตฺถุกมฺมตฺถํ ทเทยฺย, คเหตฺวา นตฺถุกมฺมํ กาตพฺพํฯ สเจ พาโล โหติ, ทาตุํ น ชานาติ, อเญฺญน ภิกฺขุนา วตฺตโพฺพ – ‘‘อตฺถิ เต, สามเณร, เตล’’นฺติ ‘‘อาม, ภเนฺต, อตฺถี’’ติฯ ‘‘อาหร, เถรสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามา’’ติฯ เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Vinassatīti aparibhogaṃ hoti. Cattenātiādīsu yena cittena bhesajjaṃ cattañca vantañca muttañca hoti, taṃ cittaṃ cattaṃ vantaṃ muttanti vuccati. Tena cittena puggalo anapekkhoti vuccatti, evaṃ anapekkho sāmaṇerassa datvāti attho. Idaṃ kasmā vuttaṃ? ‘‘Evaṃ antosattāhe datvā pacchā labhitvā paribhuñjantassa anāpattidassanattha’’nti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘nayidaṃ yācitabbaṃ, antosattāhe dinnassa hi puna paribhoge āpattiyeva natthi. Sattāhātikkantassa pana paribhoge anāpattidassanatthamidaṃ vutta’’nti. Tasmā evaṃ dinnaṃ bhesajjaṃ sace sāmaṇero abhisaṅkharitvā vā anabhisaṅkharitvā vā tassa bhikkhuno natthukammatthaṃ dadeyya, gahetvā natthukammaṃ kātabbaṃ. Sace bālo hoti, dātuṃ na jānāti, aññena bhikkhunā vattabbo – ‘‘atthi te, sāmaṇera, tela’’nti ‘‘āma, bhante, atthī’’ti. ‘‘Āhara, therassa bhesajjaṃ karissāmā’’ti. Evampi vaṭṭati. Sesaṃ uttānatthameva.
กถินสมุฎฺฐานํ, อกิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมวจีกมฺมํ,
Kathinasamuṭṭhānaṃ, akiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammavacīkammaṃ,
ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ
Ticittaṃ, tivedananti.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทํ • 3. Bhesajjasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā