Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
อุคฺคเหตฺวาติ อุคฺคหิตกํ กตฺวา, อปฺปฎิคฺคหิตํ สยเมว คเหตฺวาติ อโตฺถฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติกตา เจตฺถ อนโชฺฌหรณียตํ อาปนฺนตฺตาติ เวทิตพฺพํฯ กสฺมา เอเตน อิทํ ทสฺสิตํ โหตีติ อาห ‘‘ตานิ หี’’ติอาทิฯ ภิสกฺกสฺส อิมานิ เตน อนุญฺญาตตฺตาติ เภสชฺชานิ, เยสํ เกสญฺจิ สปฺปายานเมตํ อธิวจนํฯ เตนาห ‘‘เภสชฺชกิจฺจํ กโรนฺตุ วา, มา วา, เอวํ ลทฺธโวหารานี’’ติฯ อิทานิ สตฺตาหกาลิกํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุภูตํ สปฺปินวนีตํ ทเสฺสตุํ ‘‘สปฺปิ นาม ควาทีน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อาทิสเทฺทน อชิกาทีนํ คหณํฯ ‘‘เยสํ มํสํ กปฺปตี’’ติ อิมินา ปากเฎหิ โคอชิกาทีหิ อญฺญานิปิ มิคโรหิตาทีนิ สงฺคณฺหาติฯ เยสญฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิปิ เตสํ อตฺถิเยวฯ ตํ ปน สุลภํ วา โหตุ, ทุลฺลภํ วา, อสํโมหตฺถํ วุตฺตํฯ มกฺขิกามธุเมวาติ ขุทฺทกภมรมธุกรีหิ ตีหิ มกฺขิกาหิ กตํ มธุเมวฯ อุจฺฉุรสนฺติ สุโทฺธทกสมฺภินฺนานํ วเสน ทุวิธมฺปิ อุจฺฉุรสํฯ ‘‘อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) ปน อุทฺทิสฺส อนุญฺญาตตฺตา อุทกสมฺภิโนฺน อคิลานสฺส วฎฺฎติฯ ‘‘อวตฺถุกปกฺกา วา’’ติ อิมินา สวตฺถุกปกฺกา น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ มหาปจฺจริยํ ปน ‘‘เอตํ สวตฺถุกปกฺกํ วฎฺฎติ, โน วฎฺฎตีติ ปุจฺฉํ กตฺวา อุจฺฉุผาณิตํ ปจฺฉาภตฺตํ โนวฎฺฎนกํ นาม นตฺถี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ยุตฺตนฺติ สมนฺตปาสาทิกายํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) วุตฺตํฯ อุจฺฉุวิกตีติ อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺตา รสลสิกาทิกาฯ ปกตตฺตานํ ปฎินิเทฺทสตฺตา ตํ-สทฺทสฺส เตน ปกตานํ เภสชฺชานํ เอว คหณํ, น เตสํ วตฺถูนนฺติ อาห ‘‘ตานิ เภสชฺชานี’’ติอาทิฯ น เตสํ วตฺถูนีติ เตสํ สปฺปิอาทีนํ การณานิ ขีราทีนิ อปฺปฎิคฺคเหตฺวาติ อโตฺถฯ
Uggahetvāti uggahitakaṃ katvā, appaṭiggahitaṃ sayameva gahetvāti attho. Sattāhātikkamepi anāpattikatā cettha anajjhoharaṇīyataṃ āpannattāti veditabbaṃ. Kasmā etena idaṃ dassitaṃ hotīti āha ‘‘tāni hī’’tiādi. Bhisakkassa imāni tena anuññātattāti bhesajjāni, yesaṃ kesañci sappāyānametaṃ adhivacanaṃ. Tenāha ‘‘bhesajjakiccaṃ karontu vā, mā vā, evaṃ laddhavohārānī’’ti. Idāni sattāhakālikaṃ nissaggiyavatthubhūtaṃ sappinavanītaṃ dassetuṃ ‘‘sappi nāma gavādīna’’ntiādi vuttaṃ. Ādisaddena ajikādīnaṃ gahaṇaṃ. ‘‘Yesaṃ maṃsaṃ kappatī’’ti iminā pākaṭehi goajikādīhi aññānipi migarohitādīni saṅgaṇhāti. Yesañhi khīraṃ atthi, sappipi tesaṃ atthiyeva. Taṃ pana sulabhaṃ vā hotu, dullabhaṃ vā, asaṃmohatthaṃ vuttaṃ. Makkhikāmadhumevāti khuddakabhamaramadhukarīhi tīhi makkhikāhi kataṃ madhumeva. Ucchurasanti suddhodakasambhinnānaṃ vasena duvidhampi ucchurasaṃ. ‘‘Agilānassa guḷodaka’’nti (mahāva. 284) pana uddissa anuññātattā udakasambhinno agilānassa vaṭṭati. ‘‘Avatthukapakkā vā’’ti iminā savatthukapakkā na vaṭṭatīti dasseti. Mahāpaccariyaṃ pana ‘‘etaṃ savatthukapakkaṃ vaṭṭati, no vaṭṭatīti pucchaṃ katvā ucchuphāṇitaṃ pacchābhattaṃ novaṭṭanakaṃ nāma natthī’’ti vuttaṃ, taṃ yuttanti samantapāsādikāyaṃ (pārā. aṭṭha. 2.623) vuttaṃ. Ucchuvikatīti ucchumhā nibbattā rasalasikādikā. Pakatattānaṃ paṭiniddesattā taṃ-saddassa tena pakatānaṃ bhesajjānaṃ eva gahaṇaṃ, na tesaṃ vatthūnanti āha ‘‘tāni bhesajjānī’’tiādi. Na tesaṃ vatthūnīti tesaṃ sappiādīnaṃ kāraṇāni khīrādīni appaṭiggahetvāti attho.
วสาเตลนฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวส’’นฺติ (มหาว. ๒๖๒) เอวํ อนุญฺญาตวสานํ เตลํฯ ยานีติ ยานิ เภสชฺชานิฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วสานิ เภสชฺชานิ อจฺฉวสํ มจฺฉวสํ สุสุกาวสํ สูกรวสํ คทฺรภวสํ กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ เอวํ เตลตฺถํ วสาปฎิคฺคหณสฺส อนุญฺญาตตฺตา ‘‘วสาเตลํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กาเลติ ปุเรภตฺตํฯ สํสฎฺฐนฺติ ปริสฺสาวิตํฯ ตสฺมาติ ยสฺมา อนุญฺญาตํ, ตสฺมาฯ ‘‘อจฺฉวส’’นฺติ วจเนน ฐเปตฺวา มนุสฺสวสํ สเพฺพสํ อกปฺปิยมํสานํ วสาย อนุญฺญาตตฺตา ‘‘ฐเปตฺวา มนุสฺสวส’’นฺติ วุตฺตํฯ
Vasātelanti (pārā. aṭṭha. 2.623) ‘‘anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjāni acchavasaṃ macchavasaṃ susukāvasaṃ sūkaravasaṃ gadrabhavasa’’nti (mahāva. 262) evaṃ anuññātavasānaṃ telaṃ. Yānīti yāni bhesajjāni. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, vasāni bhesajjāni acchavasaṃ macchavasaṃ susukāvasaṃ sūkaravasaṃ gadrabhavasaṃ kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti evaṃ telatthaṃ vasāpaṭiggahaṇassa anuññātattā ‘‘vasātelaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Kāleti purebhattaṃ. Saṃsaṭṭhanti parissāvitaṃ. Tasmāti yasmā anuññātaṃ, tasmā. ‘‘Acchavasa’’nti vacanena ṭhapetvā manussavasaṃ sabbesaṃ akappiyamaṃsānaṃ vasāya anuññātattā ‘‘ṭhapetvā manussavasa’’nti vuttaṃ.
สามํ ปจิตฺวาติ กาเลเยว สามํ ปจิตฺวาฯ นิพฺพตฺติตเตลมฺปีติ กาเลเยว อตฺตนา วิเวจิตเตลมฺปิฯ ติวิธมฺปิ เจตํ กาเลเยว วฎฺฎติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อนาปตฺตี’’ติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปน ปฎิคฺคเหตุํ วา กาตุํ วา น วฎฺฎติเยวฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘วิกาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ติณฺณํ ทุกฺกฎานํฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ทฺวินฺนํ ทุกฺกฎานํฯ กาเล เจ, ภิกฺขเว, ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ วิกาเล สํสฎฺฐํ, ตํ เจ ปริภุเญฺชยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (มหาว. ๒๖๒)ฯ ‘‘สตฺตาหํ นิรามิสปริโภเคน วฎฺฎตี’’ติ อิมินา ปน ‘‘กาเล ปฎิคฺคหิตํ กาเล นิปฺปกฺกํ กาเล สํสฎฺฐํ เตลปริโภเคน ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ อิทํ นิรามิสปริโภคํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทเสฺสติฯ
Sāmaṃ pacitvāti kāleyeva sāmaṃ pacitvā. Nibbattitatelampīti kāleyeva attanā vivecitatelampi. Tividhampi cetaṃ kāleyeva vaṭṭati. Vuttampi cetaṃ ‘‘kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, anāpattī’’ti. Pacchābhattaṃ pana paṭiggahetuṃ vā kātuṃ vā na vaṭṭatiyeva. Vuttampi cetaṃ ‘‘vikāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ vikāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti tiṇṇaṃ dukkaṭānaṃ. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ vikāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti dvinnaṃ dukkaṭānaṃ. Kāle ce, bhikkhave, paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ vikāle saṃsaṭṭhaṃ, taṃ ce paribhuñjeyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (mahāva. 262). ‘‘Sattāhaṃ nirāmisaparibhogena vaṭṭatī’’ti iminā pana ‘‘kāle paṭiggahitaṃ kāle nippakkaṃ kāle saṃsaṭṭhaṃ telaparibhogena paribhuñjitu’’nti idaṃ nirāmisaparibhogaṃ sandhāya vuttanti dasseti.
ยํ ปเนตฺถ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๖๒๓) สุขุมรชสทิสํ มํสํ วา นฺหารุ วา อฎฺฐิ วา โลหิตํ วา โหติ, ตํ อโพฺพหาริกํฯ สเจ ปน อนุปสมฺปโนฺน ตาย ปฎิคฺคหิตวสาย เตลํ กตฺวา เทติ, ตํ กถนฺติ อาห ‘‘อนุปสมฺปเนฺนนา’’ติอาทิฯ ตทหูติ ยสฺมิํ อหนิ ปฎิคฺคหิตํ, ตทหุฯ ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย ปน สตฺตาหํ นิรามิสเมว วฎฺฎติฯ ตตฺราปิ อโพฺพหาริกํ อโพฺพหาริกเมวฯ ยาวกาลิกวตฺถูนํ อเญฺญสํ วตฺถุํ ปจิตุํ น วฎฺฎตีติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ ยาวกาลิกวตฺถูนนฺติ ยาวกาลิกํ วตฺถุ เอเตสนฺติ ยาวกาลิกวตฺถูนิ, เตสํ, ยาวกาลิกวตฺถุมนฺตานนฺติ อโตฺถฯ อเญฺญสนฺติ วสาเตลโต อเญฺญสํ สปฺปิอาทีนํฯ วตฺถุนฺติ ขีราทิกํ ยาวกาลิกภูตํ วตฺถุํ, ปจิตุํ น วฎฺฎติเยว, สามํปากตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ
Yaṃ panettha (pārā. aṭṭha. 2.623) sukhumarajasadisaṃ maṃsaṃ vā nhāru vā aṭṭhi vā lohitaṃ vā hoti, taṃ abbohārikaṃ. Sace pana anupasampanno tāya paṭiggahitavasāya telaṃ katvā deti, taṃ kathanti āha ‘‘anupasampannenā’’tiādi. Tadahūti yasmiṃ ahani paṭiggahitaṃ, tadahu. Pacchābhattato paṭṭhāya pana sattāhaṃ nirāmisameva vaṭṭati. Tatrāpi abbohārikaṃ abbohārikameva. Yāvakālikavatthūnaṃ aññesaṃ vatthuṃ pacituṃ na vaṭṭatīti sambandho. Tattha yāvakālikavatthūnanti yāvakālikaṃ vatthu etesanti yāvakālikavatthūni, tesaṃ, yāvakālikavatthumantānanti attho. Aññesanti vasātelato aññesaṃ sappiādīnaṃ. Vatthunti khīrādikaṃ yāvakālikabhūtaṃ vatthuṃ, pacituṃ na vaṭṭatiyeva, sāmaṃpākattāti adhippāyo.
นิพฺพตฺติตสปฺปิํ วาติ ยาวกาลิกวตฺถุโต วิเวจิตสปฺปิํ วาฯ ยถา ตตฺถ ทธิคตํ วา ตกฺกคตํ วา ขยํ คมิสฺสติ, เอวํ ฌาปิตํ วาติ อโตฺถฯ นวนีตํ วาติ ตกฺกพินฺทูนิปิ ทธิคุฬิกาโยปิ อปเนตฺวา สุโธตนวนีตํ ปจิตุํ วฎฺฎติ สามํปกฺกาภาวโตติ อธิปฺปาโยฯ ยทิ สยํปจิตสตฺตาหกาลิเกน สทฺธิํ อามิสํ ภุญฺชติ, ตํ อามิสํ สยํปจิตสตฺตาหกาลิเกน มิสฺสิตํ อตฺตโน ยาวกาลิกภาวํ สตฺตาหกาลิเกน คณฺหาเปติฯ ตถา จ ยาวกาลิกํ อปกฺกมฺปิ สยํปกฺกภาวํ อุปคจฺฉตีติ ‘‘ตํ ปน ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ สามิสํ ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา สยํปกฺกสตฺตาหกาลิกํ วสาเตลํ, สยํภชฺชิตสาสปาทิยาวชีวิกวตฺถูนํ เตลญฺจ สามิสํ ตทหุปุเรภตฺตมฺปิ น วฎฺฎติ, ตถา นวนีตสปฺปีติ เวทิตพฺพํฯ วุตฺตญฺจ –
Nibbattitasappiṃ vāti yāvakālikavatthuto vivecitasappiṃ vā. Yathā tattha dadhigataṃ vā takkagataṃ vā khayaṃ gamissati, evaṃ jhāpitaṃ vāti attho. Navanītaṃ vāti takkabindūnipi dadhiguḷikāyopi apanetvā sudhotanavanītaṃ pacituṃ vaṭṭati sāmaṃpakkābhāvatoti adhippāyo. Yadi sayaṃpacitasattāhakālikena saddhiṃ āmisaṃ bhuñjati, taṃ āmisaṃ sayaṃpacitasattāhakālikena missitaṃ attano yāvakālikabhāvaṃ sattāhakālikena gaṇhāpeti. Tathā ca yāvakālikaṃ apakkampi sayaṃpakkabhāvaṃ upagacchatīti ‘‘taṃ pana tadahupurebhattampi sāmisaṃ paribhuñjituṃ na vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Yathā sayaṃpakkasattāhakālikaṃ vasātelaṃ, sayaṃbhajjitasāsapādiyāvajīvikavatthūnaṃ telañca sāmisaṃ tadahupurebhattampi na vaṭṭati, tathā navanītasappīti veditabbaṃ. Vuttañca –
‘‘ยาวกาลิกอาทีนิ , สํสฎฺฐานิ สหตฺตนา;
‘‘Yāvakālikaādīni , saṃsaṭṭhāni sahattanā;
คาหาปยนฺติ สพฺภาว’’นฺติ จ;
Gāhāpayanti sabbhāva’’nti ca;
‘‘เตเหว ภิกฺขุนา ปตฺตํ, กปฺปเต ยาวชีวิกํ;
‘‘Teheva bhikkhunā pattaṃ, kappate yāvajīvikaṃ;
นิรามิสํว สตฺตาหํ, สามิเส สามปากตา’’ติ จฯ
Nirāmisaṃva sattāhaṃ, sāmise sāmapākatā’’ti ca.
ขีราทิโตติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน ติลาทีนํ คหณํฯ สามิสานิปีติ น เกวลํ นิรามิสาเนวาติ อโตฺถฯ ปจฺฉาภตฺตโต ปน ปฎฺฐาย น วฎฺฎนฺติเยวฯ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติ สวตฺถุกานํ ปฎิคฺคหิตตฺตาฯ ‘‘ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา’’ติ (ปารา. ๖๒๒) หิ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตเกหิ กตํ ปน อพฺภญฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพํ, ปุเรภตฺตมฺปิ จ อุคฺคหิตเกหิ กตํฯ อุภเยสมฺปิ สตฺตาหาติกฺกเมปิ อนาปตฺติฯ อโนฺตสตฺตาเหติ สตฺตาหพฺภนฺตเรฯ อพฺภญฺชนาทีนนฺติ เอตฺถ อาทิสเทฺทน มุทฺธนิเตลอรุมกฺขนฆรธูปนาทีนํ คหณํฯ อธิฎฺฐหิตฺวาติ ‘‘อิทานิ น มยฺหํ อโชฺฌหรณตฺถาย ภวิสฺสติ, อิทํ สปฺปิ จ เตลญฺจ วสา จ มุทฺธนิเตลตฺถํ วา อพฺภญฺชนตฺถํ วา ภวิสฺสติ, มธุ อรุมกฺขนตฺถํ วา ผาณิตํ ฆรธูปนตฺถํ วา ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาฯ
Khīrāditoti ettha ādisaddena tilādīnaṃ gahaṇaṃ. Sāmisānipīti na kevalaṃ nirāmisānevāti attho. Pacchābhattato pana paṭṭhāya na vaṭṭantiyeva. Sattāhātikkamepi anāpatti savatthukānaṃ paṭiggahitattā. ‘‘Tāni paṭiggahetvā’’ti (pārā. 622) hi vuttaṃ. Tenāha ‘‘pacchābhattato paṭṭhāyā’’tiādi. Pacchābhattaṃ paṭiggahitakehi kataṃ pana abbhañjanādīsu upanetabbaṃ, purebhattampi ca uggahitakehi kataṃ. Ubhayesampi sattāhātikkamepi anāpatti. Antosattāheti sattāhabbhantare. Abbhañjanādīnanti ettha ādisaddena muddhanitelaarumakkhanagharadhūpanādīnaṃ gahaṇaṃ. Adhiṭṭhahitvāti ‘‘idāni na mayhaṃ ajjhoharaṇatthāya bhavissati, idaṃ sappi ca telañca vasā ca muddhanitelatthaṃ vā abbhañjanatthaṃ vā bhavissati, madhu arumakkhanatthaṃ vā phāṇitaṃ gharadhūpanatthaṃ vā bhavissatī’’ti evaṃ cittaṃ uppādetvā.
โก ปเนตฺถ ยาวกาลิกยาวชีวิกวตฺถูสุ วิเสโสติ อาห ‘‘ยาวชีวิกานี’’ติอาทิฯ ยาว อรุณสฺส อุคฺคมนา ติฎฺฐตีติ สตฺตมทิวเส กตเตลํ สเจ ยาว อรุณุคฺคมนา ติฎฺฐตีติ อโตฺถฯ ปาฬิยํ อนาคตสปฺปิอาทีนนฺติ เอตฺถ ตาว มิคโรหิตาทีนํ สปฺปิ ปาฬิยํ อนาคตสปฺปิ, ตถา นวนีตํ, นาฬิเกรนิมฺพโกสมฺพกรมนฺทสาสปอาทีนํ เตลํ ปน ปาฬิยํ อนาคตเตลํ, ตถา มธุกปุปฺผผาณิตํ ปาฬิยํ อนาคตผาณิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ น สพฺพํ มธุกปุปฺผผาณิตํ ผาณิตคติกนฺติ อาห ‘‘สีตุทเกนา’’ติอาทิฯ สีตุทเกน กตนฺติ มธุกปุปฺผานิ สีตุทเก ปกฺขิปิตฺวา อมทฺทิตฺวา ปุปฺผรเส อุทกคเต สติ ตํ อุทกํ คเหตฺวา ปจิตฺวา กตํฯ ‘‘ผาณิตคติกเมวา’’ติ อิมินา สตฺตาหกาลิกนฺติ ทเสฺสติ, น ปน นิสฺสคฺคิยวตฺถุนฺติฯ ตสฺมา สตฺตาหํ อติกฺกามยโต ทุกฺกฎนฺติ เวทิตพฺพํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ สมนฺตปาสาทิกายํ สีตุทเกน กตํ มธุกปุปฺผผาณิตํ ปุเรภตฺตํ สามิสํ วฎฺฎติ , ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สตฺตาหํ นิรามิสเมว, สตฺตาหาติกฺกเม วตฺถุคณนาย ทุกฺกฎ’’นฺติฯ สเจ ปน ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ, ยาวกาลิกํฯ ขณฺฑสกฺขรํ ปน ขีรชลฺลิกํ อปเนตฺวา โสเธนฺติ, ตสฺมา วฎฺฎติ, อมฺพชมฺพุปนสกทลิขชฺชุริจิญฺจาทีนํ สเพฺพสํ ยาวกาลิกผลานํ ผาณิตํ ยาวกาลิกเมวาติ อาห ‘‘อมฺพผาณิตาทีนิ ยาวกาลิกานี’’ติฯ
Ko panettha yāvakālikayāvajīvikavatthūsu visesoti āha ‘‘yāvajīvikānī’’tiādi. Yāva aruṇassa uggamanā tiṭṭhatīti sattamadivase katatelaṃ sace yāva aruṇuggamanā tiṭṭhatīti attho. Pāḷiyaṃ anāgatasappiādīnanti ettha tāva migarohitādīnaṃ sappi pāḷiyaṃ anāgatasappi, tathā navanītaṃ, nāḷikeranimbakosambakaramandasāsapaādīnaṃ telaṃ pana pāḷiyaṃ anāgatatelaṃ, tathā madhukapupphaphāṇitaṃ pāḷiyaṃ anāgataphāṇitanti veditabbaṃ. Na sabbaṃ madhukapupphaphāṇitaṃ phāṇitagatikanti āha ‘‘sītudakenā’’tiādi. Sītudakena katanti madhukapupphāni sītudake pakkhipitvā amadditvā puppharase udakagate sati taṃ udakaṃ gahetvā pacitvā kataṃ. ‘‘Phāṇitagatikamevā’’ti iminā sattāhakālikanti dasseti, na pana nissaggiyavatthunti. Tasmā sattāhaṃ atikkāmayato dukkaṭanti veditabbaṃ. Vuttampi cetaṃ samantapāsādikāyaṃ sītudakena kataṃ madhukapupphaphāṇitaṃ purebhattaṃ sāmisaṃ vaṭṭati , pacchābhattato paṭṭhāya sattāhaṃ nirāmisameva, sattāhātikkame vatthugaṇanāya dukkaṭa’’nti. Sace pana khīraṃ pakkhipitvā kataṃ, yāvakālikaṃ. Khaṇḍasakkharaṃ pana khīrajallikaṃ apanetvā sodhenti, tasmā vaṭṭati, ambajambupanasakadalikhajjuriciñcādīnaṃ sabbesaṃ yāvakālikaphalānaṃ phāṇitaṃ yāvakālikamevāti āha ‘‘ambaphāṇitādīni yāvakālikānī’’ti.
กายิกปริโภคํ วฎฺฎตีติ กายสฺส วา กาเย อรุโน วา มกฺขนํ วฎฺฎติ, อโชฺฌหริตุํ ปน น วฎฺฎติฯ ยนฺติ สตฺตาหาติกฺกนฺตํ เภสชฺชํฯ นิรเปโกฺข ปริจฺจชิตฺวาติ อนเปโกฺข สามเณรสฺส ทตฺวาฯ ตนฺติ เอวํ ปริจฺจชิตฺวา ปุน ลทฺธเภสชฺชํฯ เอวญฺหิ ทินฺนํ เภสชฺชํ สเจ โส สามเณโร อภิสงฺขริตฺวา วา อนภิสงฺขริตฺวา วา ตสฺส ภิกฺขุโน ทเทยฺย, คเหตฺวา นตฺถุกมฺมํ วา กาตพฺพํ, อญฺญํ วา กญฺจิ ปริโภคํฯ เตนาห ‘‘อโชฺฌหริตุมฺปิ วฎฺฎตี’’ติฯ สเจ โส พาโล โหติ, ทาตุํ น ชานาติ, อเญฺญน ภิกฺขุนา วตฺตโพฺพ ‘‘อตฺถิ เต, สามเณร, เภสชฺช’’นฺติ, ‘‘อาม, ภเนฺต, อตฺถี’’ติฯ ‘‘อาหร, เถรสฺส เภสชฺชํ กริสฺสามา’’ติ, เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ วตฺถุคณนายาติ สปฺปิอาทิวตฺถุคณนาย เจว สปฺปิปิณฺฑาทิวตฺถุคณนาย จฯ มิสฺสิเตสุ ปน เอกํ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ เอตฺถ จ ‘‘อิทํ เม, ภเนฺต, เภสชฺชํ สตฺตาหาติกฺกนฺตํ นิสฺสคฺคิยํ, อิมาหํ สงฺฆสฺส นิสฺสชฺชามี’’ติ (ปารา. ๖๒๓) นิสฺสชฺชนวิธานํ เวทิตพฺพํฯ
Kāyikaparibhogaṃ vaṭṭatīti kāyassa vā kāye aruno vā makkhanaṃ vaṭṭati, ajjhoharituṃ pana na vaṭṭati. Yanti sattāhātikkantaṃ bhesajjaṃ. Nirapekkho pariccajitvāti anapekkho sāmaṇerassa datvā. Tanti evaṃ pariccajitvā puna laddhabhesajjaṃ. Evañhi dinnaṃ bhesajjaṃ sace so sāmaṇero abhisaṅkharitvā vā anabhisaṅkharitvā vā tassa bhikkhuno dadeyya, gahetvā natthukammaṃ vā kātabbaṃ, aññaṃ vā kañci paribhogaṃ. Tenāha ‘‘ajjhoharitumpi vaṭṭatī’’ti. Sace so bālo hoti, dātuṃ na jānāti, aññena bhikkhunā vattabbo ‘‘atthi te, sāmaṇera, bhesajja’’nti, ‘‘āma, bhante, atthī’’ti. ‘‘Āhara, therassa bhesajjaṃ karissāmā’’ti, evampi vaṭṭati. Vatthugaṇanāyāti sappiādivatthugaṇanāya ceva sappipiṇḍādivatthugaṇanāya ca. Missitesu pana ekaṃ nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Ettha ca ‘‘idaṃ me, bhante, bhesajjaṃ sattāhātikkantaṃ nissaggiyaṃ, imāhaṃ saṅghassa nissajjāmī’’ti (pārā. 623) nissajjanavidhānaṃ veditabbaṃ.
สาธารณปญฺญตฺติฯ สตฺตาหํ อนติกฺกเนฺตปิ อติกฺกนฺตสญฺญิโน เจว เวมติกสฺส จ ทุกฺกฎํฯ อติกฺกเนฺต อนติกฺกนฺตสญฺญิโนปิ เวมติกสฺสปิ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยเมว, ตถา อนธิฎฺฐิตาวิสฺสชฺชิตานฎฺฐาวินฎฺฐาทฑฺฒาวิลุเตฺตสุ อธิฎฺฐิตาทิสญฺญิโนฯ อโนฺตสตฺตาหํ อธิฎฺฐิเต, วิสฺสชฺชิเต, นเฎฺฐ, วินเฎฺฐ, ทเฑฺฒ, อจฺฉิเนฺน, วิสฺสาเสน คหิเต อุมฺมตฺตกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อาจารวิปตฺติฯ สปฺปิอาทีนํ อตฺตโน สนฺตกตา, คณนุปคตา, สตฺตาหาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ กถินสมุฎฺฐานํ, อกิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนํฯ เตนาห ‘‘เสสํ จีวรวคฺคสฺส ปฐมสิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพ’’นฺติ (กงฺขา. อฎฺฐ. กถินสิกฺขาปทวณฺณนา)ฯ
Sādhāraṇapaññatti. Sattāhaṃ anatikkantepi atikkantasaññino ceva vematikassa ca dukkaṭaṃ. Atikkante anatikkantasaññinopi vematikassapi nissaggiyaṃ pācittiyameva, tathā anadhiṭṭhitāvissajjitānaṭṭhāvinaṭṭhādaḍḍhāviluttesu adhiṭṭhitādisaññino. Antosattāhaṃ adhiṭṭhite, vissajjite, naṭṭhe, vinaṭṭhe, daḍḍhe, acchinne, vissāsena gahite ummattakādīnañca anāpatti. Ācāravipatti. Sappiādīnaṃ attano santakatā, gaṇanupagatā, sattāhātikkamoti imānettha tīṇi aṅgāni. Kathinasamuṭṭhānaṃ, akiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedanaṃ. Tenāha ‘‘sesaṃ cīvaravaggassa paṭhamasikkhāpade vuttanayeneva veditabba’’nti (kaṅkhā. aṭṭha. kathinasikkhāpadavaṇṇanā).
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.