Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา
3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
๖๒๒. ตติยสิกฺขาปเท เยสํ มํสํ กปฺปตีติ อิทํ นิสฺสคฺคิยวตฺถุทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน เยสํ มํสํ น กปฺปติ, เตสํ สปฺปิอาทีนิ น กปฺปนฺตีติ ทสฺสนตฺถํฯ มนุสฺสขีราทีนิปิ หิ โน น กปฺปนฺติ, กุโต สสสฺส สปฺปีติ อาห ‘‘เยสญฺหิ ขีรํ อตฺถิ, สปฺปิปิ เตสํ อตฺถิเยวา’’ติฯ ‘‘อิทญฺจ เยภุเยฺยน วุตฺต’’นฺติ วทนฺติฯ อุคฺคหิตกํ กตฺวา นิกฺขิตฺตนฺติ อปฺปฎิคฺคหิตํ สยเมว คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํฯ สยํกตํ นิรามิสเมว วฎฺฎตีติ ตทหุปุเรภตฺตเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ อถ สยํกตํ นิรามิสํ ภุญฺชนฺตสฺส กสฺมา สามํปาโก น โหตีติ อาห – ‘‘นวนีตํ ตาเปนฺตสฺส หิ สามํปาโก น โหตี’’ติฯ สวตฺถุกปฎิคฺคหิตสฺส วตฺถุคติกตฺตา อาห – ‘‘สวตฺถุกสฺส ปฎิคฺคหิตตฺตา’’ติฯ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิเตหีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตขีรทธีหิฯ ปุเรภตฺตมฺปิ จ อุคฺคหิตเกหิ กตํ อพฺภญฺชนาทีสุ อุปเนตพฺพนฺติ สมฺพโนฺธฯ อุภเยสมฺปีติ ปจฺฉาภตฺตํ ปฎิคฺคหิตขีรทธีหิ จ ปุเรภตฺตํ อุคฺคหิตเกหิ จ กตานํฯ เอเสว นโยติ นิสฺสคฺคิยํ โหตีติ อโตฺถฯ อกปฺปิยมํสสปฺปิมฺหีติ อกปฺปิยมํสสตฺตานํ สปฺปิมฺหิฯ การณปติรูปกํ วตฺวาติ สชาติยานํ สปฺปิภาวโตติ การณปติรูปกํ วตฺวาฯ
622. Tatiyasikkhāpade yesaṃ maṃsaṃ kappatīti idaṃ nissaggiyavatthudassanatthaṃ vuttaṃ, na pana yesaṃ maṃsaṃ na kappati, tesaṃ sappiādīni na kappantīti dassanatthaṃ. Manussakhīrādīnipi hi no na kappanti, kuto sasassa sappīti āha ‘‘yesañhi khīraṃ atthi, sappipi tesaṃ atthiyevā’’ti. ‘‘Idañca yebhuyyena vutta’’nti vadanti. Uggahitakaṃ katvā nikkhittanti appaṭiggahitaṃ sayameva gahetvā nikkhittaṃ. Sayaṃkataṃ nirāmisameva vaṭṭatīti tadahupurebhattameva sandhāya vuttaṃ. Atha sayaṃkataṃ nirāmisaṃ bhuñjantassa kasmā sāmaṃpāko na hotīti āha – ‘‘navanītaṃ tāpentassa hi sāmaṃpāko na hotī’’ti. Savatthukapaṭiggahitassa vatthugatikattā āha – ‘‘savatthukassa paṭiggahitattā’’ti. Pacchābhattaṃ paṭiggahitehīti pacchābhattaṃ paṭiggahitakhīradadhīhi. Purebhattampi ca uggahitakehi kataṃ abbhañjanādīsu upanetabbanti sambandho. Ubhayesampīti pacchābhattaṃ paṭiggahitakhīradadhīhi ca purebhattaṃ uggahitakehi ca katānaṃ. Eseva nayoti nissaggiyaṃ hotīti attho. Akappiyamaṃsasappimhīti akappiyamaṃsasattānaṃ sappimhi. Kāraṇapatirūpakaṃ vatvāti sajātiyānaṃ sappibhāvatoti kāraṇapatirūpakaṃ vatvā.
สปฺปินเยเนว เวทิตพฺพนฺติ นิรามิสเมว สตฺตาหํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ เอตฺถาติ นวนีเตฯ โธตํ วฎฺฎตีติ อโธตํ เจ, สวตฺถุกปฎิคฺคหิตํ โหติ, ตสฺมา โธตํ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหํ นิกฺขิปิตุํ วฎฺฎตีติ เถรานํ อธิปฺปาโยฯ ตกฺกโต อุทฺธฎมตฺตเมว ขาทิํสูติ เอตฺถ ตกฺกโต อุทฺธฎมตฺตํ อโธตมฺปิ ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชนฺตา โธวิตฺวา ปจิตฺวา วา ปริภุญฺชิํสูติ เอวมโตฺถ คเหตโพฺพฯ เถรสฺส หิ ทธิคุฬิกาทิสหิตมฺปิ ปฎิคฺคหิตํ ปจฺฉา โธวิตฺวา ปจิตฺวา วา ปริภุญฺชนฺตสฺส สวตฺถุกปฎิคฺคหเณ โทโส นตฺถีติ อธิปฺปาโย, เตเนว เถรสฺส อธิปฺปายํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘ตสฺมา นวนีตํ ปริภุญฺชเนฺตน…เป.… อยเมตฺถ อธิปฺปาโย’’ติ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฎมตฺตเมว ขาทิํสู’’ติ วจนสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา ‘‘ตกฺกโต อุทฺธฎมตฺตํ อโธตมฺปิ ทธิคุฬิกาทิสหิตํ วิกาเลปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํฯ น หิ ทธิคุฬิกาทิอามิเสน สํสฎฺฐรสํ นวนีตํ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎตีติ สกฺกา วตฺตุํฯ นวนีตํ ปริภุญฺชเนฺตนาติ อโธวิตฺวา ปฎิคฺคหิตนวนีตํ ปริภุญฺชเนฺตนฯ ทธิ เอว ทธิคตํ ยถา ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๑๙)ฯ ขยํ คมิสฺสตีติ วจนโต ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกสปฺปิอาทิปิ วิกาเล กปฺปตีติ เวทิตพฺพํฯ กุกฺกุจฺจายนฺติ กุกฺกุจฺจกาติ อิมินา อตฺตนาปิ ตตฺถ กุกฺกุจฺจสพฺภาวํ ทีเปติฯ เตเนว มาติกาฎฺฐกถายํ (กงฺขา. อฎฺฐ. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา) ‘‘นิพฺพฎฺฎิตสปฺปิ วา นวนีตํ วา ปจิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวาติ ตานิ ขีรทธีนิ ปฎิคฺคเหตฺวาฯ
Sappinayeneva veditabbanti nirāmisameva sattāhaṃ vaṭṭatīti attho. Etthāti navanīte. Dhotaṃ vaṭṭatīti adhotaṃ ce, savatthukapaṭiggahitaṃ hoti, tasmā dhotaṃ paṭiggahetvā sattāhaṃ nikkhipituṃ vaṭṭatīti therānaṃ adhippāyo. Takkato uddhaṭamattameva khādiṃsūti ettha takkato uddhaṭamattaṃ adhotampi paṭiggahetvā paribhuñjantā dhovitvā pacitvā vā paribhuñjiṃsūti evamattho gahetabbo. Therassa hi dadhiguḷikādisahitampi paṭiggahitaṃ pacchā dhovitvā pacitvā vā paribhuñjantassa savatthukapaṭiggahaṇe doso natthīti adhippāyo, teneva therassa adhippāyaṃ dassentena ‘‘tasmā navanītaṃ paribhuñjantena…pe… ayamettha adhippāyo’’ti vuttaṃ. Keci pana ‘‘takkato uddhaṭamattameva khādiṃsū’’ti vacanassa adhippāyaṃ ajānantā ‘‘takkato uddhaṭamattaṃ adhotampi dadhiguḷikādisahitaṃ vikālepi paribhuñjituṃ vaṭṭatī’’ti vadanti, taṃ na gahetabbaṃ. Na hi dadhiguḷikādiāmisena saṃsaṭṭharasaṃ navanītaṃ paribhuñjituṃ vaṭṭatīti sakkā vattuṃ. Navanītaṃ paribhuñjantenāti adhovitvā paṭiggahitanavanītaṃ paribhuñjantena. Dadhi eva dadhigataṃ yathā ‘‘gūthagataṃ muttagata’’nti (ma. ni. 2.119). Khayaṃ gamissatīti vacanato khīraṃ pakkhipitvā pakkasappiādipi vikāle kappatīti veditabbaṃ. Kukkuccāyanti kukkuccakāti iminā attanāpi tattha kukkuccasabbhāvaṃ dīpeti. Teneva mātikāṭṭhakathāyaṃ (kaṅkhā. aṭṭha. bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā) ‘‘nibbaṭṭitasappi vā navanītaṃ vā pacituṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Tāni paṭiggahetvāti tāni khīradadhīni paṭiggahetvā.
ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตเภสเชฺชหีติ ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตยาวชีวิกเภสเชฺชหิฯ วุตฺตนเยน ยถา ตณฺฑุลาทีนิ น ปจฺจนฺติ, ตถา ลชฺชีเยว สมฺปาเทตฺวา เทตีติ ลชฺชีสามเณรคฺคหณํ, อปิจ อลชฺชินา อโชฺฌหริตพฺพํ ยํ กิญฺจิ อภิสงฺขราเปตุํ น วฎฺฎติ, ตสฺมาปิ เอวมาหฯ ติเล ปฎิคฺคเหตฺวา กตเตลนฺติ อตฺตนา ภชฺชนาทีนิ อกตฺวา คหิตเตลํฯ เตเนว ‘‘สามิสมฺปิ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ นิพฺพฎฺฎิตตฺตาติ ยาวกาลิกวตฺถุโต วิเวจิตตฺตาฯ อุภยมฺปีติ อตฺตนา จ ปเรน จ กตํฯ ยาว อรุณสฺส อุคฺคมนา ติฎฺฐติ, นิสฺสคฺคิยนฺติ สตฺตมทิวเส กตเตลํ สเจ ยาว อรุณุคฺคมนา ติฎฺฐติ, นิสฺสคฺคิยํฯ
Paṭiggahetvā ṭhapitabhesajjehīti paṭiggahetvā ṭhapitayāvajīvikabhesajjehi. Vuttanayena yathā taṇḍulādīni na paccanti, tathā lajjīyeva sampādetvā detīti lajjīsāmaṇeraggahaṇaṃ, apica alajjinā ajjhoharitabbaṃ yaṃ kiñci abhisaṅkharāpetuṃ na vaṭṭati, tasmāpi evamāha. Tile paṭiggahetvā katatelanti attanā bhajjanādīni akatvā gahitatelaṃ. Teneva ‘‘sāmisampi vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. Nibbaṭṭitattāti yāvakālikavatthuto vivecitattā. Ubhayampīti attanā ca parena ca kataṃ. Yāva aruṇassa uggamanā tiṭṭhati, nissaggiyanti sattamadivase katatelaṃ sace yāva aruṇuggamanā tiṭṭhati, nissaggiyaṃ.
๖๒๓. อจฺฉวสนฺติ ทุกฺกฎวตฺถุโน วสาย อนุญฺญาตตฺตา ตํสทิสานํ ทุกฺกฎวตฺถูนํเยว อกปฺปิยมํสสตฺตานํ วสา อนุญฺญาตา, น ถุลฺลจฺจยวตฺถูนํ มนุสฺสานํ วสาติ อาห ‘‘ฐเปตฺวา มนุสฺสวส’’นฺติ ฯ สํสฎฺฐนฺติ ปริสฺสาวิตํฯ ‘‘กาเล ปฎิคฺคหิตํ วิกาเล อนุปสมฺปเนฺนนปิ นิปฺปกฺกํ สํสฎฺฐญฺจ ปริภุญฺชนฺตสฺส เทฺวปิ ทุกฺกฎานิ โหนฺติเยวา’’ติ วทนฺติฯ ยสฺมา ขีรทธิอาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา เตลํ ปจนฺติ, ตสฺมา กสฎํ น วฎฺฎติ, เตลเมว วฎฺฎติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ปกฺกเตลกสเฎ วิย กุกฺกุจฺจายตี’’ติฯ ‘‘สเจ วสาย สทฺธิํ ปกฺกตฺตา น วฎฺฎติ, อิทํ กสฺมา วฎฺฎตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ‘‘ภเนฺต’’ติอาทิมาหํสุฯ เอตํ วฎฺฎตีติ นนุ เอตํ ทธิคุฬิกาทีหิ ปกฺกํ นวนีตํ วฎฺฎตีติ อโตฺถฯ
623.Acchavasanti dukkaṭavatthuno vasāya anuññātattā taṃsadisānaṃ dukkaṭavatthūnaṃyeva akappiyamaṃsasattānaṃ vasā anuññātā, na thullaccayavatthūnaṃ manussānaṃ vasāti āha ‘‘ṭhapetvā manussavasa’’nti . Saṃsaṭṭhanti parissāvitaṃ. ‘‘Kāle paṭiggahitaṃ vikāle anupasampannenapi nippakkaṃ saṃsaṭṭhañca paribhuñjantassa dvepi dukkaṭāni hontiyevā’’ti vadanti. Yasmā khīradadhiādīni pakkhipitvā telaṃ pacanti, tasmā kasaṭaṃ na vaṭṭati, telameva vaṭṭati. Tena vuttaṃ ‘‘pakkatelakasaṭe viya kukkuccāyatī’’ti. ‘‘Sace vasāya saddhiṃ pakkattā na vaṭṭati, idaṃ kasmā vaṭṭatī’’ti pucchantā ‘‘bhante’’tiādimāhaṃsu. Etaṃ vaṭṭatīti nanu etaṃ dadhiguḷikādīhi pakkaṃ navanītaṃ vaṭṭatīti attho.
‘‘มธุกรีหิ นาม มธุมกฺขิกาหีติ อยํ ขุทฺทกมกฺขิกานํ ภมรมกฺขิกานญฺจ สามญฺญนิเทฺทโส’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘ทณฺฑเกสุ มธุกรา มธุกรี มกฺขิกา นามา’’ติ วตฺวา ‘‘ตาหิ มธุกรีอาทีหิ ตีหิ มกฺขิกาหิ กตํ มธุ นามา’’ติ วทนฺติฯ ภมรมกฺขิกาหีติ มหาภมรมกฺขิกาหิฯ สิเลสสทิสนฺติ ฆนปกฺกํ วุตฺตํฯ อิตรนฺติ ตนุกมธุฯ มธุปฎลนฺติ มธุรหิตํ เกวลํ มธุปฎลํฯ ‘‘สเจ มธุสหิตํ ปฎลํ ปฎิคฺคเหตฺวา นิกฺขิปนฺติ, ปฎลสฺส ภาชนฎฺฐานิยตฺตา มธุโน วเสน สตฺตาหาติกฺกเม นิสฺสคฺคิยํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ‘‘มธุมกฺขิตํ ปน มธุคติกเมวา’’ติ อิมินา ตํ น สเมติฯ
‘‘Madhukarīhi nāma madhumakkhikāhīti ayaṃ khuddakamakkhikānaṃ bhamaramakkhikānañca sāmaññaniddeso’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Keci pana ‘‘daṇḍakesu madhukarā madhukarī makkhikā nāmā’’ti vatvā ‘‘tāhi madhukarīādīhi tīhi makkhikāhi kataṃ madhu nāmā’’ti vadanti. Bhamaramakkhikāhīti mahābhamaramakkhikāhi. Silesasadisanti ghanapakkaṃ vuttaṃ. Itaranti tanukamadhu. Madhupaṭalanti madhurahitaṃ kevalaṃ madhupaṭalaṃ. ‘‘Sace madhusahitaṃ paṭalaṃ paṭiggahetvā nikkhipanti, paṭalassa bhājanaṭṭhāniyattā madhuno vasena sattāhātikkame nissaggiyaṃ hotī’’ti vadanti, ‘‘madhumakkhitaṃ pana madhugatikamevā’’ti iminā taṃ na sameti.
‘‘ผาณิตํ นาม อุจฺฉุมฺหา นิพฺพตฺต’’นฺติ ปาฬิยํ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา อฎฺฐกถายญฺจ ‘‘อุจฺฉุรสํ อุปาทาย…เป.… อวตฺถุกา อุจฺฉุวิกติ ‘ผาณิต’นฺติ เวทิตพฺพา’’ติ วจนโต อุจฺฉุรโสปิ นิกฺกสโฎ สตฺตาหกาลิโกติ เวทิตโพฺพฯ เกนจิ ปน ‘‘มธุมฺหิ จตฺตาโร กาลิกา ยถาสมฺภวํ โยเชตพฺพา, อุจฺฉุมฺหิ จา’’ติ วตฺวา ‘‘สมกฺขิกณฺฑเสฬกํ ยาวกาลิกํ, อเนฬกํ อุทกสมฺภินฺนํ ยามกาลิกํ, อสมฺภินฺนํ สตฺตาหกาลิกํ, มธุสิตฺถํ ปริสุทฺธํ ยาวชีวิกํ, ตถา อุจฺฉุ วา รโส วา สกสโฎ ยาวกาลิโก, นิกฺกสโฎ อุทกสมฺภิโนฺน ยามกาลิโก, อสมฺภิโนฺน สตฺตาหกาลิโก, สุทฺธกสฎํ ยาวชีวิก’’นฺติ จ วตฺวา อุตฺตริปิ พหุธา ปปญฺจิตํฯ ตตฺถ ‘‘อุทกสมฺภินฺนํ มธุ วา อุจฺฉุรโส วา อุทกสมฺภิโนฺน ยามกาลิโก’’ติ อิทํ เนว ปาฬิยํ, น อฎฺฐกถายํ ทิสฺสติฯ ‘‘ยาวกาลิกํ สมานํ ครุตรมฺปิ มุทฺทิกาชาติรสํ อตฺตนา สํสฎฺฐํ ลหุกํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนนฺตํ อุทกํ ลหุตรํ สตฺตาหกาลิกํ อตฺตนา สํสฎฺฐํ ครุตรํ ยามกาลิกภาวํ อุปเนตี’’ติ เอตฺถ การณํ โสเยว ปุจฺฉิตโพฺพ, สพฺพตฺถ ปาฬิยํ อฎฺฐกถายญฺจ อุทกสเมฺภเทน ครุตรสฺสปิ ลหุภาโวปคมนํเยว ทสฺสิตํฯ ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิลานสฺส คุฬํ, อคิลานสฺส คุโฬทก’’นฺติ (มหาว. ๒๘๔) วทเนฺตน อคิลาเนน ปริภุญฺชิตุํ อยุโตฺตปิ คุโฬ อุทกสมฺภิโนฺน อคิลานสฺสปิ วฎฺฎตีติ อนุญฺญาโตฯ
‘‘Phāṇitaṃ nāma ucchumhā nibbatta’’nti pāḷiyaṃ avisesena vuttattā aṭṭhakathāyañca ‘‘ucchurasaṃ upādāya…pe… avatthukā ucchuvikati ‘phāṇita’nti veditabbā’’ti vacanato ucchurasopi nikkasaṭo sattāhakālikoti veditabbo. Kenaci pana ‘‘madhumhi cattāro kālikā yathāsambhavaṃ yojetabbā, ucchumhi cā’’ti vatvā ‘‘samakkhikaṇḍaseḷakaṃ yāvakālikaṃ, aneḷakaṃ udakasambhinnaṃ yāmakālikaṃ, asambhinnaṃ sattāhakālikaṃ, madhusitthaṃ parisuddhaṃ yāvajīvikaṃ, tathā ucchu vā raso vā sakasaṭo yāvakāliko, nikkasaṭo udakasambhinno yāmakāliko, asambhinno sattāhakāliko, suddhakasaṭaṃ yāvajīvika’’nti ca vatvā uttaripi bahudhā papañcitaṃ. Tattha ‘‘udakasambhinnaṃ madhu vā ucchuraso vā udakasambhinno yāmakāliko’’ti idaṃ neva pāḷiyaṃ, na aṭṭhakathāyaṃ dissati. ‘‘Yāvakālikaṃ samānaṃ garutarampi muddikājātirasaṃ attanā saṃsaṭṭhaṃ lahukaṃ yāmakālikabhāvaṃ upanentaṃ udakaṃ lahutaraṃ sattāhakālikaṃ attanā saṃsaṭṭhaṃ garutaraṃ yāmakālikabhāvaṃ upanetī’’ti ettha kāraṇaṃ soyeva pucchitabbo, sabbattha pāḷiyaṃ aṭṭhakathāyañca udakasambhedena garutarassapi lahubhāvopagamanaṃyeva dassitaṃ. Pāḷiyampi hi ‘‘anujānāmi, bhikkhave, gilānassa guḷaṃ, agilānassa guḷodaka’’nti (mahāva. 284) vadantena agilānena paribhuñjituṃ ayuttopi guḷo udakasambhinno agilānassapi vaṭṭatīti anuññāto.
ยมฺปิ จ ‘‘อุจฺฉุ เจ ยาวกาลิโก, อุจฺฉุรโส เจ ยามกาลิโก, ผาณิตํ เจ สตฺตาหกาลิกํ, ตโจ เจ ยาวชีวิโก’’ติ อฎฺฐกถาวจนํ ทเสฺสตฺวา ‘‘อุจฺฉุรโส อุทกสมฺภิโนฺน ยามกาลิโก’’ติ อเญฺญน เกนจิ วุตฺตํ, ตมฺปิ ตถาวิธสฺส อฎฺฐกถาวจนสฺส อิมิสฺสา สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย อภาวโต น สารโต ปเจฺจตพฺพํฯ ตโตเยว จ ‘‘อุจฺฉุรโส อุทเกน สมฺภิโนฺนปิ อสมฺภิโนฺนปิ สตฺตาหกาลิโกเยวา’’ติ เกจิ อาจริยา วทนฺติฯ เภสชฺชกฺขนฺธเก จ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อุจฺฉุรส’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) เอตฺถ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ อวิเสเสน วุตฺตํ ‘‘อุจฺฉุรโส สตฺตาหกาลิโก’’ติฯ
Yampi ca ‘‘ucchu ce yāvakāliko, ucchuraso ce yāmakāliko, phāṇitaṃ ce sattāhakālikaṃ, taco ce yāvajīviko’’ti aṭṭhakathāvacanaṃ dassetvā ‘‘ucchuraso udakasambhinno yāmakāliko’’ti aññena kenaci vuttaṃ, tampi tathāvidhassa aṭṭhakathāvacanassa imissā samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya abhāvato na sārato paccetabbaṃ. Tatoyeva ca ‘‘ucchuraso udakena sambhinnopi asambhinnopi sattāhakālikoyevā’’ti keci ācariyā vadanti. Bhesajjakkhandhake ca ‘‘anujānāmi, bhikkhave, ucchurasa’’nti (mahāva. 300) ettha tīsupi gaṇṭhipadesu avisesena vuttaṃ ‘‘ucchuraso sattāhakāliko’’ti.
สยํกตํ นิรามิสเมว วฎฺฎตีติ เอตฺถ อปริสฺสาวิตํ ปฎิคฺคหิตมฺปิ กรณสมเย ปริสฺสาเวตฺวา กสฎํ อปเนตฺวาว อตฺตนา กตนฺติ คเหตพฺพํฯ ฌามอุจฺฉุผาณิตนฺติ อคฺคินา ทเฑฺฒ อุจฺฉุเขเตฺต ฌามอุจฺฉุนา กตผาณิตํฯ โกฎฺฎิตอุจฺฉุผาณิตนฺติ ขุทฺทานุขุทฺทกํ ฉินฺทิตฺวา โกเฎฺฎตฺวา นิปฺปีเฬตฺวา ปกฺกํ เยภุเยฺยน จ สกสฎํ ผาณิตํฯ ตาทิสสฺส จ กสฎสฺส อโพฺพหาริกตฺตา ‘‘ตํ ยุตฺต’’นฺติ วุตฺตํฯ สีตุทเกน กตนฺติ มธุกปุปฺผานิ สีโตทเก ปกฺขิปิตฺวา มทฺทิตฺวา ปุปฺผรเส อุทกคเต สติ ตํ อุทกํ คเหตฺวา ปจิตฺวา กตผาณิตํฯ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ มธุกผาณิตํ ยาวกาลิกนฺติ เอตฺถ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกเตลํ กสฺมา วิกาเล วฎฺฎตีติ เจ? เตเล ปกฺขิตฺตขีรํ เตลเมว โหติ, อญฺญํ ปน ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กตํ ขีรภาวํ คณฺหาตีติ อิทเมตฺถ การณํฯ ยทิ เอวํ ขณฺฑสกฺขรมฺปิ ขีรํ ปกฺขิปิตฺวา กโรนฺติ, ตํ กสฺมา วฎฺฎตีติ อาห ‘‘ขณฺฑสกฺขรํ ปนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ขีรชลฺลิกนฺติ ขีรเผณํฯ
Sayaṃkataṃ nirāmisameva vaṭṭatīti ettha aparissāvitaṃ paṭiggahitampi karaṇasamaye parissāvetvā kasaṭaṃ apanetvāva attanā katanti gahetabbaṃ. Jhāmaucchuphāṇitanti agginā daḍḍhe ucchukhette jhāmaucchunā kataphāṇitaṃ. Koṭṭitaucchuphāṇitanti khuddānukhuddakaṃ chinditvā koṭṭetvā nippīḷetvā pakkaṃ yebhuyyena ca sakasaṭaṃ phāṇitaṃ. Tādisassa ca kasaṭassa abbohārikattā ‘‘taṃ yutta’’nti vuttaṃ. Sītudakena katanti madhukapupphāni sītodake pakkhipitvā madditvā puppharase udakagate sati taṃ udakaṃ gahetvā pacitvā kataphāṇitaṃ. Khīraṃ pakkhipitvā kataṃ madhukaphāṇitaṃ yāvakālikanti ettha khīraṃ pakkhipitvā pakkatelaṃ kasmā vikāle vaṭṭatīti ce? Tele pakkhittakhīraṃ telameva hoti, aññaṃ pana khīraṃ pakkhipitvā kataṃ khīrabhāvaṃ gaṇhātīti idamettha kāraṇaṃ. Yadi evaṃ khaṇḍasakkharampi khīraṃ pakkhipitvā karonti, taṃ kasmā vaṭṭatīti āha ‘‘khaṇḍasakkharaṃ panā’’tiādi. Tattha khīrajallikanti khīrapheṇaṃ.
เภสโชฺชทิสฺสํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘สตฺตวิธญฺหิ โอทิสฺสํ นามา’’ติอาทินา อิตรานิปิ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตานิฯ วิกฎานีติ อปกติเภสชฺชตฺตา วิกฎานิ, วิรูปานีติ อโตฺถฯ ทุกฺกฎวตฺถูนมฺปิ อกปฺปิยมํสานํ วสาย อนุญฺญาตตฺตา ‘‘วโสทิสฺส’’นฺติ วุตฺตํฯ โอฬาริกานมฺปิ อาหารตฺถํ ผริตุํ สมตฺถานํ สปฺปิอาทีนํ เภสชฺชนาเมน อนุญฺญาตตฺตา ‘‘เภสโชฺชทิสฺส’’นฺติ วุตฺตํ ฯ ‘‘ปจฺฉาภตฺตโต ปฎฺฐาย สติ ปจฺจเยติ วุตฺตตฺตา ปฎิคฺคหิตเภสชฺชานิ ทุติยทิวสโต ปฎฺฐาย ปุเรภตฺตมฺปิ สติ ปจฺจเย ปริภุญฺชิตพฺพานิ, น อาหารตฺถํ เภสชฺชตฺถาย ปฎิคฺคหิตตฺตา’’ติ วทนฺติฯ
Bhesajjodissaṃ dassentena ‘‘sattavidhañhi odissaṃ nāmā’’tiādinā itarānipi atthuddhāravasena vuttāni. Vikaṭānīti apakatibhesajjattā vikaṭāni, virūpānīti attho. Dukkaṭavatthūnampi akappiyamaṃsānaṃ vasāya anuññātattā ‘‘vasodissa’’nti vuttaṃ. Oḷārikānampi āhāratthaṃ pharituṃ samatthānaṃ sappiādīnaṃ bhesajjanāmena anuññātattā ‘‘bhesajjodissa’’nti vuttaṃ . ‘‘Pacchābhattato paṭṭhāya sati paccayeti vuttattā paṭiggahitabhesajjāni dutiyadivasato paṭṭhāya purebhattampi sati paccaye paribhuñjitabbāni, na āhāratthaṃ bhesajjatthāya paṭiggahitattā’’ti vadanti.
๖๒๔. ทฺวารวาตปานกวาเฎสูติ มหาทฺวารสฺส วาตปานานญฺจ กวาฎผลเกสุฯ กสาเว ปกฺขิตฺตานิ ตานิ อตฺตโน สภาวํ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา ‘‘มเกฺขตพฺพานี’’ติ วุตฺตํ, ฆุณปาณกาทิปริหารตฺถํ มเกฺขตพฺพานีติ อโตฺถฯ อธิเฎฺฐตีติ ‘‘อิทานิ มยฺหํ อโชฺฌหรณียํ น ภวิสฺสติ , พาหิรปริโภคตฺถาย คมิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตีติ อโตฺถฯ เตเนวาห – ‘‘สปฺปิญฺจ เตลญฺจ วสญฺจ มุทฺธนิ เตลํ วา อพฺภญฺชนํ วา’’ติอาทิฯ ‘‘เอวํ อธิฎฺฐิตญฺจ ปฎิคฺคหณํ วิชหตี’’ติ วทนฺติฯ
624.Dvāravātapānakavāṭesūti mahādvārassa vātapānānañca kavāṭaphalakesu. Kasāve pakkhittāni tāni attano sabhāvaṃ pariccajanti, tasmā ‘‘makkhetabbānī’’ti vuttaṃ, ghuṇapāṇakādiparihāratthaṃ makkhetabbānīti attho. Adhiṭṭhetīti ‘‘idāni mayhaṃ ajjhoharaṇīyaṃ na bhavissati , bāhiraparibhogatthāya gamissatī’’ti cittaṃ uppādetīti attho. Tenevāha – ‘‘sappiñca telañca vasañca muddhani telaṃ vā abbhañjanaṃ vā’’tiādi. ‘‘Evaṃ adhiṭṭhitañca paṭiggahaṇaṃ vijahatī’’ti vadanti.
๖๒๕. สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฎิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎตีติ เอตฺถ มเชฺฌ ปาโฐ ปริหีโน, เอวํ ปเนตฺถ ปาโฐ เวทิตโพฺพ ‘‘สเจ ทฺวินฺนํ สนฺตกํ เอเกน ปฎิคฺคหิตํ อวิภตฺตํ โหติ, สตฺตาหาติกฺกเม ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺติ, ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎตี’’ติฯ อญฺญถา ปน สทฺทปฺปโยโคปิ น สงฺคจฺฉติฯ คณฺฐิปเทปิ จ อยเมว ปาโฐ ทสฺสิโตฯ ตตฺถ ทฺวินฺนมฺปิ อนาปตฺตีติ ยถา อญฺญสฺส สนฺตกํ เอเกน ปฎิคฺคหิตํ สตฺตาหาติกฺกเมน นิสฺสคฺคิยํ น โหติ ปรสนฺตกภาวโต, เอวมิทมฺปิ อวิภตฺตตฺตา อุภยสาธารณมฺปิ อวินิโพฺภคภาวโต นิสฺสคฺคิยํ น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎตีติ ภิกฺขุนา ปฎิคฺคหิตตฺตา สตฺตาหาติกฺกเม ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุโน ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติ ปฎิคฺคหิตสปฺปิอาทีนํ ปริโภคสฺส สตฺตาเหเนว ปริจฺฉินฺนตฺตาฯ ‘‘ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุญฺชิตพฺพานี’’ติ หิ วุตฺตํฯ คณฺฐิปเทสุ ปน ตีสุปิ อิธ ปาฐสฺส ปริหีนภาวํ อสลฺลเกฺขตฺวา ‘‘ปริภุญฺชิตุํ ปน น วฎฺฎตีติ อิทํ อโนฺตสตฺตาเห ปริโภคํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ สญฺญาย วิสฺสาสคฺคาหาภาวโต ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ เอวมโตฺถ วุโตฺต, โส น คเหตโพฺพฯ
625.Sace dvinnaṃ santakaṃ ekena paṭiggahitaṃ avibhattaṃ hoti, paribhuñjituṃ pana na vaṭṭatīti ettha majjhe pāṭho parihīno, evaṃ panettha pāṭho veditabbo ‘‘sace dvinnaṃ santakaṃ ekena paṭiggahitaṃ avibhattaṃ hoti, sattāhātikkame dvinnampi anāpatti, paribhuñjituṃ pana na vaṭṭatī’’ti. Aññathā pana saddappayogopi na saṅgacchati. Gaṇṭhipadepi ca ayameva pāṭho dassito. Tattha dvinnampi anāpattīti yathā aññassa santakaṃ ekena paṭiggahitaṃ sattāhātikkamena nissaggiyaṃ na hoti parasantakabhāvato, evamidampi avibhattattā ubhayasādhāraṇampi avinibbhogabhāvato nissaggiyaṃ na hotīti adhippāyo. Paribhuñjituṃ pana na vaṭṭatīti bhikkhunā paṭiggahitattā sattāhātikkame yassa kassaci bhikkhuno paribhuñjituṃ na vaṭṭati paṭiggahitasappiādīnaṃ paribhogassa sattāheneva paricchinnattā. ‘‘Tāni paṭiggahetvā sattāhaparamaṃ sannidhikārakaṃ paribhuñjitabbānī’’ti hi vuttaṃ. Gaṇṭhipadesu pana tīsupi idha pāṭhassa parihīnabhāvaṃ asallakkhetvā ‘‘paribhuñjituṃ pana na vaṭṭatīti idaṃ antosattāhe paribhogaṃ sandhāya vuttanti saññāya vissāsaggāhābhāvato paribhuñjituṃ na vaṭṭatī’’ti evamattho vutto, so na gahetabbo.
อาวุโส, อิมํ เตลํ สตฺตาหมตฺตํ ปริภุญฺช ตฺวนฺติ อิมินา เยน ปฎิคฺคหิตํ, เตน อโนฺตสตฺตาเหเยว ปรสฺส วิสฺสชฺชิตภาวํ ทเสฺสติฯ กสฺส อาปตฺตีติ ปฐมํ ตาว อุภินฺนํ สาธารณตฺตา อนาปตฺติ วุตฺตาฯ อิทานิ ปน เอเกน อิตรสฺส วิสฺสฎฺฐภาวโต อุภยสาธารณตา นตฺถีติ วิภตฺตสทิสํ หุตฺวา ฐิตํ, ตสฺมา เอตฺถ ปฎิคฺคหิตสฺส สตฺตาหาติกฺกเม เอกสฺส อาปตฺติยา ภวิตพฺพนฺติ มญฺญมาโน ‘‘กิํ ปฎิคฺคหณปจฺจยา ปฎิคฺคาหกสฺส อาปตฺติ, อุทาหุ ยสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺสา’’ติ ปุจฺฉติฯ นิสฺสฎฺฐภาวโตเยว จ อิธ ‘‘อวิภตฺตภาวโต’’ติ การณํ อวตฺวา ‘‘เยน ปฎิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ อิทญฺจ วิสฺสฎฺฐภาวโต อุภยสาธารณตํ ปหาย เอกสฺส สนฺตกํ โหนฺตมฺปิ เยน ปฎิคฺคหิตํ, ตโต อญฺญสฺส สนฺตกํ ชาตํ, ตสฺมา ปรสนฺตกปฎิคฺคหเณ วิย ปฎิคฺคาหกสฺส ปฎิคฺคหณปจฺจยา นตฺถิ อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ‘‘เยน ปฎิคฺคหิตํ, เตน วิสฺสชฺชิตตฺตา’’ติ วจนโต อวิสฺสชฺชิเต สติ อวิภเตฺตปิ สตฺตาหาติกฺกเม อาปตฺตีติ ทสฺสนตฺถํ อวิสฺสชฺชิเต อวิภตฺตภาวโตเยว อนาปตฺติยา สิทฺธตฺตาฯ สเจ ปน อิตโร เยน ปฎิคฺคหิตํ, ตเสฺสว อโนฺตสตฺตาเห อตฺตโน ภาคมฺปิ วิสฺสเชฺชติ, สตฺตาหาติกฺกเม สิยา อาปตฺติ เยน ปฎิคฺคหิตํ, ตเสฺสว สนฺตกภาวมาปนฺนตฺตา อิตรสฺส อปฺปฎิคฺคหิตตฺตาฯ อิมินา ตสฺส สนฺตกภาเวปิ อเญฺญน ปฎิคฺคหิตสกสนฺตเก วิย เตน อปฺปฎิคฺคหิตภาวโต อนาปตฺตีติ ทีเปติฯ อิทํ ปน อธิปฺปายํ อชานิตฺวา อิโต อญฺญถา คณฺฐิปทการาทีหิ ปปญฺจิตํ, น ตํ สารโต ปเจฺจตพฺพํฯ
Āvuso, imaṃ telaṃ sattāhamattaṃ paribhuñja tvanti iminā yena paṭiggahitaṃ, tena antosattāheyeva parassa vissajjitabhāvaṃ dasseti. Kassa āpattīti paṭhamaṃ tāva ubhinnaṃ sādhāraṇattā anāpatti vuttā. Idāni pana ekena itarassa vissaṭṭhabhāvato ubhayasādhāraṇatā natthīti vibhattasadisaṃ hutvā ṭhitaṃ, tasmā ettha paṭiggahitassa sattāhātikkame ekassa āpattiyā bhavitabbanti maññamāno ‘‘kiṃ paṭiggahaṇapaccayā paṭiggāhakassa āpatti, udāhu yassa santakaṃ jātaṃ, tassā’’ti pucchati. Nissaṭṭhabhāvatoyeva ca idha ‘‘avibhattabhāvato’’ti kāraṇaṃ avatvā ‘‘yena paṭiggahitaṃ, tena vissajjitattā’’ti vuttaṃ. Idañca vissaṭṭhabhāvato ubhayasādhāraṇataṃ pahāya ekassa santakaṃ hontampi yena paṭiggahitaṃ, tato aññassa santakaṃ jātaṃ, tasmā parasantakapaṭiggahaṇe viya paṭiggāhakassa paṭiggahaṇapaccayā natthi āpattīti dassanatthaṃ vuttaṃ, na pana ‘‘yena paṭiggahitaṃ, tena vissajjitattā’’ti vacanato avissajjite sati avibhattepi sattāhātikkame āpattīti dassanatthaṃ avissajjite avibhattabhāvatoyeva anāpattiyā siddhattā. Sace pana itaro yena paṭiggahitaṃ, tasseva antosattāhe attano bhāgampi vissajjeti, sattāhātikkame siyā āpatti yena paṭiggahitaṃ, tasseva santakabhāvamāpannattā itarassa appaṭiggahitattā. Iminā tassa santakabhāvepi aññena paṭiggahitasakasantake viya tena appaṭiggahitabhāvato anāpattīti dīpeti. Idaṃ pana adhippāyaṃ ajānitvā ito aññathā gaṇṭhipadakārādīhi papañcitaṃ, na taṃ sārato paccetabbaṃ.
อปริโภคํ โหตีติ กสฺสจิ อมนุญฺญสฺส ปติตตฺตา ปริโภคารหํ น โหติฯ เยน จิเตฺตนาติ เยน ปริจฺจชิตุกามตาจิเตฺตนฯ ‘‘อโนฺตสตฺตาเห’’ติ อธิการตฺตา ‘‘อโนฺตสตฺตาเห อนเปโกฺข ทตฺวา ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชตี’’ติ อิมํ สมฺพนฺธํ สนฺธาย มหาสุมเตฺถเรน ‘‘เอวํ อโนฺตสตฺตาเห ทตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ มหาปทุมเตฺถโร ปน ยทิ เอวํ ‘‘วิสฺสเชฺชตี’’ติ อิมินาว ตํ สิทฺธํ, สตฺตาหาติกฺกนฺตํ ปน นิสฺสฎฺฐํ ปฎิลภิตฺวา ปริภุญฺชิตุํ น วฎฺฎติ, ตสฺมา ตสฺส ปริโภคมุขทสฺสนมิทนฺติ อาห – ‘‘นยิทํ ยาจิตพฺพ’’นฺติอาทิฯ อเญฺญน ภิกฺขุนาติ เอตฺถ สุทฺธจิเตฺตน ทินฺนตฺตา สยมฺปิ อาหราเปตฺวา ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติเยวฯ สปฺปิอาทีนํ ปฎิคฺคหิตภาโว, อตฺตโน สนฺตกตา, สตฺตาหาติกฺกโมติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ
Aparibhogaṃ hotīti kassaci amanuññassa patitattā paribhogārahaṃ na hoti. Yena cittenāti yena pariccajitukāmatācittena. ‘‘Antosattāhe’’ti adhikārattā ‘‘antosattāhe anapekkho datvā paṭilabhitvā paribhuñjatī’’ti imaṃ sambandhaṃ sandhāya mahāsumattherena ‘‘evaṃ antosattāhe datvā’’tiādi vuttaṃ. Mahāpadumatthero pana yadi evaṃ ‘‘vissajjetī’’ti imināva taṃ siddhaṃ, sattāhātikkantaṃ pana nissaṭṭhaṃ paṭilabhitvā paribhuñjituṃ na vaṭṭati, tasmā tassa paribhogamukhadassanamidanti āha – ‘‘nayidaṃ yācitabba’’ntiādi. Aññena bhikkhunāti ettha suddhacittena dinnattā sayampi āharāpetvā paribhuñjituṃ vaṭṭatiyeva. Sappiādīnaṃ paṭiggahitabhāvo, attano santakatā, sattāhātikkamoti imānettha tīṇi aṅgāni.
เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทํ • 3. Bhesajjasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๓. เภสชฺชสิกฺขาปทวณฺณนา • 3. Bhesajjasikkhāpadavaṇṇanā