Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อิติวุตฺตก-อฎฺฐกถา • Itivuttaka-aṭṭhakathā |
๘. ภิทุรสุตฺตวณฺณนา
8. Bhidurasuttavaṇṇanā
๗๗. อฎฺฐเม ภิทุรายนฺติ ภิทุโร อยํฯ กาโยติ รูปกาโยฯ โส หิ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนญฺจ สมูหเฎฺฐน, เอวํ กุจฺฉิตานํ เชคุจฺฉานํ อาโย อุปฺปตฺติเทโสติปิ กาโยฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อายนฺติ เอตฺถาติ อาโยฯ เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโยฯ อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติปิ กาโย ฯ อตฺถโต ปน จตุสนฺตติวเสน ปวตฺตมานานํ ภูตุปาทายธมฺมานํ ปุโญฺชฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, อยํ จตุมหาภูตมโย รูปกาโย ภิทุโร เภทนสีโล เภทนสภาโว ขเณ ขเณ วิทฺธํสนสภาโวติฯ ‘‘ภินฺทราย’’นฺติปิ ปาโฐ, โส เอวโตฺถฯ วิญฺญาณนฺติ เตภูมกํ กุสลาทิจิตฺตํฯ วจนโตฺถ ปน – ตํ ตํ อารมฺมณํ วิชานาตีติ วิญฺญาณํฯ ยญฺหิ สญฺชานนปชานนวิธุรํ อารมฺมณวิชานนํ อุปลทฺธิ, ตํ วิญฺญาณํฯ วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนธมฺมํ, ปลุชฺชนสภาวนฺติ อโตฺถฯ สเพฺพ อุปธีติ ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธิ, ปญฺจกามคุณูปธีติ เอเต ‘‘อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺข’’นฺติ อุปธิสญฺญิตา สเพฺพปิ อุปาทานกฺขนฺธกิเลสาภิสงฺขารปญฺจกามคุณธมฺมา หุตฺวา อภาวเฎฺฐน อนิจฺจา, อุทยพฺพยปฺปฎิปีฬนเฎฺฐน ทุกฺขา, ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพสภาวตาย ปกติวิชหนเฎฺฐน วิปริณามธมฺมาฯ เอวเมตฺถ อนิจฺจทสฺสนสุขตาย รูปธเมฺม วิญฺญาณญฺจ วิสุํ คเหตฺวา ปุน อุปธิวิภาเคน สเพฺพปิ เตภูมกธเมฺม เอกชฺฌํ คเหตฺวา อนิจฺจทุกฺขานุปสฺสนามุเขน ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน สมฺมสนจาโร.กถิโตฯ กามเญฺจตฺถ ลกฺขณทฺวยเมว ปาฬิยํ อาคตํ, ‘‘ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) ปน วจนโต ทุกฺขลกฺขเณเนว อนตฺตลกฺขณมฺปิ ทสฺสิตเมวาติ เวทิตพฺพํฯ
77. Aṭṭhame bhidurāyanti bhiduro ayaṃ. Kāyoti rūpakāyo. So hi aṅgapaccaṅgānaṃ kesādīnañca samūhaṭṭhena, evaṃ kucchitānaṃ jegucchānaṃ āyo uppattidesotipi kāyo. Tatrāyaṃ vacanattho – āyanti etthāti āyo. Ke āyanti? Kucchitā kesādayo. Iti kucchitānaṃ āyotipi kāyo . Atthato pana catusantativasena pavattamānānaṃ bhūtupādāyadhammānaṃ puñjo. Idaṃ vuttaṃ hoti – bhikkhave, ayaṃ catumahābhūtamayo rūpakāyo bhiduro bhedanasīlo bhedanasabhāvo khaṇe khaṇe viddhaṃsanasabhāvoti. ‘‘Bhindarāya’’ntipi pāṭho, so evattho. Viññāṇanti tebhūmakaṃ kusalādicittaṃ. Vacanattho pana – taṃ taṃ ārammaṇaṃ vijānātīti viññāṇaṃ. Yañhi sañjānanapajānanavidhuraṃ ārammaṇavijānanaṃ upaladdhi, taṃ viññāṇaṃ. Virāgadhammanti virajjanadhammaṃ, palujjanasabhāvanti attho. Sabbe upadhīti khandhūpadhi, kilesūpadhi, abhisaṅkhārūpadhi, pañcakāmaguṇūpadhīti ete ‘‘upadhīyati ettha dukkha’’nti upadhisaññitā sabbepi upādānakkhandhakilesābhisaṅkhārapañcakāmaguṇadhammā hutvā abhāvaṭṭhena aniccā, udayabbayappaṭipīḷanaṭṭhena dukkhā, jarāya maraṇena cāti dvidhā vipariṇāmetabbasabhāvatāya pakativijahanaṭṭhena vipariṇāmadhammā. Evamettha aniccadassanasukhatāya rūpadhamme viññāṇañca visuṃ gahetvā puna upadhivibhāgena sabbepi tebhūmakadhamme ekajjhaṃ gahetvā aniccadukkhānupassanāmukhena tathābujjhanakānaṃ puggalānaṃ ajjhāsayena sammasanacāro.kathito. Kāmañcettha lakkhaṇadvayameva pāḷiyaṃ āgataṃ, ‘‘yaṃ dukkhaṃ, tadanattā’’ti (saṃ. ni. 3.15) pana vacanato dukkhalakkhaṇeneva anattalakkhaṇampi dassitamevāti veditabbaṃ.
คาถายํ อุปธีสุ ภยํ ทิสฺวาติ อุปธีสุ ภยตุปฎฺฐานญาณวเสน ภยํ ทิสฺวา, เตสํ ภายิตพฺพตํ ปสฺสิตฺวาฯ อิมินา พลววิปสฺสนํ ทเสฺสติฯ ภยตุปฎฺฐานญาณเมว หิ วิภชิตฺวา วิเสสวเสน อาทีนวานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนาติ จ วุจฺจติฯ ชาติมรณมจฺจคาติ เอวํ สมฺมสโนฺต วิปสฺสนาญาณํ มเคฺคน ฆเฎตฺวา มคฺคปรมฺปราย อรหตฺตํ ปโตฺต ชาติมรณํ อตีโต นาม โหติฯ กถํ? สมฺปตฺวา ปรมํ สนฺตินฺติ ปรมํ อุตฺตมํ อนุตฺตรํ สนฺติํ สพฺพสงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ อธิคนฺตฺวาฯ เอวํภูโต จ กาลํ กงฺขติ ภาวิตโตฺตติ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ วเสน ภาวนาภิสมยนิปฺผตฺติยา ภาวิตกายสีลจิตฺตปญฺญตฺตา ภาวิตโตฺต มรณํ ชีวิตญฺจ อนภินนฺทโนฺต เกวลํ อตฺตโน ขนฺธปรินิพฺพานกาลํ กงฺขติ อุทิกฺขติ, น ตสฺส กตฺถจิ ปตฺถนา โหตีติฯ เตนาห –
Gāthāyaṃ upadhīsu bhayaṃ disvāti upadhīsu bhayatupaṭṭhānañāṇavasena bhayaṃ disvā, tesaṃ bhāyitabbataṃ passitvā. Iminā balavavipassanaṃ dasseti. Bhayatupaṭṭhānañāṇameva hi vibhajitvā visesavasena ādīnavānupassanā nibbidānupassanāti ca vuccati. Jātimaraṇamaccagāti evaṃ sammasanto vipassanāñāṇaṃ maggena ghaṭetvā maggaparamparāya arahattaṃ patto jātimaraṇaṃ atīto nāma hoti. Kathaṃ? Sampatvāparamaṃ santinti paramaṃ uttamaṃ anuttaraṃ santiṃ sabbasaṅkhārūpasamaṃ nibbānaṃ adhigantvā. Evaṃbhūto ca kālaṃ kaṅkhati bhāvitattoti catunnaṃ ariyamaggānaṃ vasena bhāvanābhisamayanipphattiyā bhāvitakāyasīlacittapaññattā bhāvitatto maraṇaṃ jīvitañca anabhinandanto kevalaṃ attano khandhaparinibbānakālaṃ kaṅkhati udikkhati, na tassa katthaci patthanā hotīti. Tenāha –
‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;
‘‘Nābhinandāmi maraṇaṃ, nābhinandāmi jīvitaṃ;
กาลญฺจ ปฎิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติฯ (เถรคา. ๖๐๖);
Kālañca paṭikaṅkhāmi, nibbisaṃ bhatako yathā’’ti. (theragā. 606);
อฎฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhamasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อิติวุตฺตกปาฬิ • Itivuttakapāḷi / ๘. ภิทุรสุตฺตํ • 8. Bhidurasuttaṃ