Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๙๖] ๑๓. ภิกฺขาปรมฺปรชาตกวณฺณนา
[496] 13. Bhikkhāparamparajātakavaṇṇanā
สุขุมาลรูปํ ทิสฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ กุฎุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร สโทฺธ อโหสิ ปสโนฺน, ตถาคตสฺส เจว สงฺฆสฺส จ นิพทฺธํ มหาสกฺการํ กโรติฯ อเถกทิวสํ จิเนฺตสิ ‘‘อหํ พุทฺธรตนสฺส เจว สงฺฆรตนสฺส จ ปณีตานิ ขาทนียโภชนียานิ เจว สุขุมวตฺถานิ จ เทโนฺต นิจฺจํ มหาสกฺการํ กโรมิ, อิทานิ ธมฺมรตนสฺสปิ กริสฺสามิ, กถํ นุ โข ตสฺส สกฺการํ กโรเนฺตน กตฺตพฺพ’’นฺติฯ โส พหูนิ คนฺธมาลาทีนิ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อหํ, ภเนฺต, ธมฺมรตนสฺส สกฺการํ กตฺตุกาโมมฺหิ, กถํ นุ โข ตสฺส สกฺการํ กโรเนฺตน กตฺตพฺพ’’นฺติฯ อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘สเจ ธมฺมรตนสฺส สกฺการํ กตฺตุกาโม, ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส อานนฺทสฺส สกฺการํ กโรหี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา เถรํ นิมเนฺตตฺวา ปุนทิวเส มหเนฺตน สกฺกาเรน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา นานคฺครสโภชนํ ทตฺวา มหเคฺฆ ติจีวรปฺปโหนเก สาฎเก อทาสิฯ เถโรปิ ‘‘อยํ สกฺกาโร ธมฺมรตนสฺส กโต, น มยฺหํ อนุจฺฉวิโก, อคฺคสาวกสฺส ธมฺมเสนาปติสฺส อนุจฺฉวิโก’’ติ จิเนฺตตฺวา ปิณฺฑปาตญฺจ วตฺถานิ จ วิหารํ หริตฺวา สาริปุตฺตเตฺถรสฺส อทาสิฯ โสปิ ‘‘อยํ สกฺกาโร ธมฺมรตนสฺส กโต, เอกเนฺตน ธมฺมสฺสามิโน สมฺมาสมฺพุทฺธเสฺสว อนุจฺฉวิโก’’ติ จิเนฺตตฺวา ทสพลสฺส อทาสิฯ สตฺถา อตฺตโน อุตฺตริตรํ อทิสฺวา ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิ, จีวรสาฎเก อคฺคเหสิฯ
Sukhumālarūpaṃdisvāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ kuṭumbikaṃ ārabbha kathesi. So kira saddho ahosi pasanno, tathāgatassa ceva saṅghassa ca nibaddhaṃ mahāsakkāraṃ karoti. Athekadivasaṃ cintesi ‘‘ahaṃ buddharatanassa ceva saṅgharatanassa ca paṇītāni khādanīyabhojanīyāni ceva sukhumavatthāni ca dento niccaṃ mahāsakkāraṃ karomi, idāni dhammaratanassapi karissāmi, kathaṃ nu kho tassa sakkāraṃ karontena kattabba’’nti. So bahūni gandhamālādīni ādāya jetavanaṃ gantvā satthāraṃ vanditvā pucchi ‘‘ahaṃ, bhante, dhammaratanassa sakkāraṃ kattukāmomhi, kathaṃ nu kho tassa sakkāraṃ karontena kattabba’’nti. Atha naṃ satthā āha – ‘‘sace dhammaratanassa sakkāraṃ kattukāmo, dhammabhaṇḍāgārikassa ānandassa sakkāraṃ karohī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā theraṃ nimantetvā punadivase mahantena sakkārena attano gehaṃ netvā mahārahe āsane nisīdāpetvā gandhamālādīhi pūjetvā nānaggarasabhojanaṃ datvā mahagghe ticīvarappahonake sāṭake adāsi. Theropi ‘‘ayaṃ sakkāro dhammaratanassa kato, na mayhaṃ anucchaviko, aggasāvakassa dhammasenāpatissa anucchaviko’’ti cintetvā piṇḍapātañca vatthāni ca vihāraṃ haritvā sāriputtattherassa adāsi. Sopi ‘‘ayaṃ sakkāro dhammaratanassa kato, ekantena dhammassāmino sammāsambuddhasseva anucchaviko’’ti cintetvā dasabalassa adāsi. Satthā attano uttaritaraṃ adisvā piṇḍapātaṃ paribhuñji, cīvarasāṭake aggahesi.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม กุฎุมฺพิโก ‘ธมฺมรตนสฺส สกฺการํ กโรมี’ติ ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส อานนฺทเตฺถรสฺส อทาสิฯ เถโร ‘นายํ มยฺหํ อนุจฺฉวิโก’ติ ธมฺมเสนาปติโน อทาสิ, โสปิ ‘นายํ มยฺหํ อนุจฺฉวิโก’ติ ตถาคตสฺส อทาสิฯ ตถาคโต อญฺญํ อุตฺตริตรํ อปสฺสโนฺต อตฺตโน ธมฺมสฺสามิตาย ‘มยฺหเมเวโส อนุจฺฉวิโก’ติ ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุญฺชิ, จีวรสาฎเกปิ คณฺหิ, เอวํ โส ปิณฺฑปาโต ยถานุจฺฉวิกตาย ธมฺมสฺสามิโนว ปาทมูลํ คโต’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ปิณฺฑปาโต ปรมฺปรา ยถานุจฺฉวิกํ คจฺฉติ, ปุเพฺพปิ อนุปฺปเนฺน พุเทฺธ อคมาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, asuko nāma kuṭumbiko ‘dhammaratanassa sakkāraṃ karomī’ti dhammabhaṇḍāgārikassa ānandattherassa adāsi. Thero ‘nāyaṃ mayhaṃ anucchaviko’ti dhammasenāpatino adāsi, sopi ‘nāyaṃ mayhaṃ anucchaviko’ti tathāgatassa adāsi. Tathāgato aññaṃ uttaritaraṃ apassanto attano dhammassāmitāya ‘mayhameveso anucchaviko’ti taṃ piṇḍapātaṃ paribhuñji, cīvarasāṭakepi gaṇhi, evaṃ so piṇḍapāto yathānucchavikatāya dhammassāminova pādamūlaṃ gato’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva piṇḍapāto paramparā yathānucchavikaṃ gacchati, pubbepi anuppanne buddhe agamāsiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทโตฺต อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธเมฺม อโกเปโนฺต ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ เอวํ สเนฺตปิสฺส วินิจฺฉโย สุโญฺญ วิย อโหสิฯ ราชา อตฺตโน อคุณคเวสโก หุตฺวา อโนฺตนิเวสนาทีนิ ปริคฺคณฺหโนฺต อเนฺตปุเร จ อโนฺตนคเร จ ทฺวารคาเมสุ จ อตฺตโน อคุณํ กเถนฺตํ อทิสฺวา ‘‘ชนปเท คเวสิสฺสามี’’ติ อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปุโรหิเตน สทฺธิํ อญฺญาตกเวเสเนว กาสิรเฎฺฐ จรโนฺต กญฺจิ อคุณํ กเถนฺตํ อทิสฺวา ปจฺจเนฺต เอกํ นิคมํ ปตฺวา พหิทฺวารสาลายํ นิสีทิฯ ตสฺมิํ ขเณ นิคมวาสี อสีติโกฎิวิภโว กุฎุมฺพิโก มหเนฺตน ปริวาเรน นฺหานติตฺถํ คจฺฉโนฺต สาลายํ นิสินฺนํ สุวณฺณวณฺณํ สุขุมาลสรีรํ ราชานํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห สาลํ ปวิสิตฺวา ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อิเธว โหถา’’ติ วตฺวา เคหํ คนฺตฺวา นานคฺครสโภชนํ สมฺปาเทตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน ภตฺตภาชนานิ คาหาเปตฺวา อคมาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ หิมวนฺตวาสี ปญฺจาภิโญฺญ ตาปโส อาคนฺตฺวา ตเตฺถว นิสีทิฯ นนฺทมูลกปพฺภารโต ปเจฺจกพุโทฺธปิ อาคนฺตฺวา ตเตฺถว นิสีทิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatto agatigamanaṃ pahāya dasa rājadhamme akopento dhammena rajjaṃ kāresi. Evaṃ santepissa vinicchayo suñño viya ahosi. Rājā attano aguṇagavesako hutvā antonivesanādīni pariggaṇhanto antepure ca antonagare ca dvāragāmesu ca attano aguṇaṃ kathentaṃ adisvā ‘‘janapade gavesissāmī’’ti amaccānaṃ rajjaṃ niyyādetvā purohitena saddhiṃ aññātakaveseneva kāsiraṭṭhe caranto kañci aguṇaṃ kathentaṃ adisvā paccante ekaṃ nigamaṃ patvā bahidvārasālāyaṃ nisīdi. Tasmiṃ khaṇe nigamavāsī asītikoṭivibhavo kuṭumbiko mahantena parivārena nhānatitthaṃ gacchanto sālāyaṃ nisinnaṃ suvaṇṇavaṇṇaṃ sukhumālasarīraṃ rājānaṃ disvā uppannasineho sālaṃ pavisitvā paṭisanthāraṃ katvā ‘‘idheva hothā’’ti vatvā gehaṃ gantvā nānaggarasabhojanaṃ sampādetvā mahantena parivārena bhattabhājanāni gāhāpetvā agamāsi. Tasmiṃ khaṇe himavantavāsī pañcābhiñño tāpaso āgantvā tattheva nisīdi. Nandamūlakapabbhārato paccekabuddhopi āgantvā tattheva nisīdi.
กุฎุมฺพิโก รโญฺญ หตฺถโธวนอุทกํ ทตฺวา นานคฺครเสหิ สูปพฺยญฺชเนหิ ภตฺตปาติํ สเชฺชตฺวา รโญฺญ อุปเนสิฯ ราชา นํ คเหตฺวา ปุโรหิตสฺส พฺราหฺมณสฺส อทาสิฯ พฺราหฺมโณ คเหตฺวา ตาปสสฺส อทาสิฯ ตาปโส ปเจฺจกพุทฺธสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วามหเตฺถน ภตฺตปาติํ, ทกฺขิณหเตฺถน กมณฺฑลุํ คเหตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปเตฺต ภตฺตํ ปกฺขิปิฯ โส กญฺจิ อนิมเนฺตตฺวา อนาปุจฺฉิตฺวา ปริภุญฺชิฯ ตสฺส ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน กุฎุมฺพิโก จิเนฺตสิ ‘‘มยา รโญฺญ ภตฺตํ ทินฺนํ, รญฺญา พฺราหฺมณสฺส, พฺราหฺมเณน ตาปสสฺส, ตาปเสน ปเจฺจกพุทฺธสฺส, ปเจฺจกพุโทฺธ กญฺจิ อนาปุจฺฉิตฺวา ปริภุญฺชิ, กิํ นุ โข อิเมสํ เอตฺตกํ ทานการณํ, กิํ อิมสฺส กญฺจิ อนาปุจฺฉิตฺวาว ภุญฺชนการณํ, อนุปุเพฺพน เต ปุจฺฉิสฺสามี’’ติฯ โส เอเกกํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิฯ เตปิสฺส กเถสุํ –
Kuṭumbiko rañño hatthadhovanaudakaṃ datvā nānaggarasehi sūpabyañjanehi bhattapātiṃ sajjetvā rañño upanesi. Rājā naṃ gahetvā purohitassa brāhmaṇassa adāsi. Brāhmaṇo gahetvā tāpasassa adāsi. Tāpaso paccekabuddhassa santikaṃ gantvā vāmahatthena bhattapātiṃ, dakkhiṇahatthena kamaṇḍaluṃ gahetvā dakkhiṇodakaṃ datvā patte bhattaṃ pakkhipi. So kañci animantetvā anāpucchitvā paribhuñji. Tassa bhattakiccapariyosāne kuṭumbiko cintesi ‘‘mayā rañño bhattaṃ dinnaṃ, raññā brāhmaṇassa, brāhmaṇena tāpasassa, tāpasena paccekabuddhassa, paccekabuddho kañci anāpucchitvā paribhuñji, kiṃ nu kho imesaṃ ettakaṃ dānakāraṇaṃ, kiṃ imassa kañci anāpucchitvāva bhuñjanakāraṇaṃ, anupubbena te pucchissāmī’’ti. So ekekaṃ upasaṅkamitvā vanditvā pucchi. Tepissa kathesuṃ –
๒๗๐.
270.
‘‘สุขุมาลรูปํ ทิสฺวา, รฎฺฐา วิวนมาคตํ;
‘‘Sukhumālarūpaṃ disvā, raṭṭhā vivanamāgataṃ;
กุฎาคารวรูเปตํ, มหาสยนมุปาสิตํฯ
Kuṭāgāravarūpetaṃ, mahāsayanamupāsitaṃ.
๒๗๑.
271.
‘‘ตสฺส เต เปมเกนาหํ, อทาสิํ วฑฺฒโมทนํ;
‘‘Tassa te pemakenāhaṃ, adāsiṃ vaḍḍhamodanaṃ;
สาลีนํ วิจิตํ ภตฺตํ, สุจิํ มํสูปเสจนํฯ
Sālīnaṃ vicitaṃ bhattaṃ, suciṃ maṃsūpasecanaṃ.
๒๗๒.
272.
‘‘ตํ ตฺวํ ภตฺตํ ปฎิคฺคยฺห, พฺราหฺมณสฺส อทาสยิ;
‘‘Taṃ tvaṃ bhattaṃ paṭiggayha, brāhmaṇassa adāsayi;
อตฺตานํ อนสิตฺวาน, โกยํ ธโมฺม นมตฺถุ เตฯ
Attānaṃ anasitvāna, koyaṃ dhammo namatthu te.
๒๗๓.
273.
‘‘อาจริโย พฺราหฺมโณ มยฺหํ, กิจฺจากิเจฺจสุ พฺยาวโฎ;
‘‘Ācariyo brāhmaṇo mayhaṃ, kiccākiccesu byāvaṭo;
ครุ จ อามนฺตนีโย จ, ทาตุมรหามิ โภชนํฯ
Garu ca āmantanīyo ca, dātumarahāmi bhojanaṃ.
๒๗๔.
274.
‘‘พฺราหฺมณํ ทานิ ปุจฺฉามิ, โคตมํ ราชปูชิตํ;
‘‘Brāhmaṇaṃ dāni pucchāmi, gotamaṃ rājapūjitaṃ;
ราชา เต ภตฺตํ ปาทาสิ, สุจิํ มํสูปเสจนํฯ
Rājā te bhattaṃ pādāsi, suciṃ maṃsūpasecanaṃ.
๒๗๕.
275.
‘‘ตํ ตฺวํ ภตฺตํ ปฎิคฺคยฺห, อิสิสฺส โภชนํ อทา;
‘‘Taṃ tvaṃ bhattaṃ paṭiggayha, isissa bhojanaṃ adā;
อเขตฺตญฺญูสิ ทานสฺส, โกยํ ธโมฺม นมตฺถุ เตฯ
Akhettaññūsi dānassa, koyaṃ dhammo namatthu te.
๒๗๖.
276.
‘‘ภรามิ ปุตฺตทาเร จ, ฆเรสุ คธิโต อหํ;
‘‘Bharāmi puttadāre ca, gharesu gadhito ahaṃ;
ภุเญฺช มานุสเก กาเม, อนุสาสามิ ราชิโนฯ
Bhuñje mānusake kāme, anusāsāmi rājino.
๒๗๗.
277.
‘‘อารญฺญิกสฺส อิสิโน, จิรรตฺตํ ตปสฺสิโน;
‘‘Āraññikassa isino, cirarattaṃ tapassino;
วุฑฺฒสฺส ภาวิตตฺตสฺส, ทาตุมรหามิ โภชนํฯ
Vuḍḍhassa bhāvitattassa, dātumarahāmi bhojanaṃ.
๒๗๘.
278.
‘‘อิสิญฺจ ทานิ ปุจฺฉามิ, กิสํ ธมนิสนฺถตํ;
‘‘Isiñca dāni pucchāmi, kisaṃ dhamanisanthataṃ;
ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมํ, ปงฺกทนฺตํ รชสฺสิรํฯ
Parūḷhakacchanakhalomaṃ, paṅkadantaṃ rajassiraṃ.
๒๗๙.
279.
‘‘เอโก อรเญฺญ วิหรสิ, นาวกงฺขสิ ชีวิตํ;
‘‘Eko araññe viharasi, nāvakaṅkhasi jīvitaṃ;
ภิกฺขุ เกน ตยา เสโยฺย, ยสฺส ตฺวํ โภชนํ อทาฯ
Bhikkhu kena tayā seyyo, yassa tvaṃ bhojanaṃ adā.
๒๘๐.
280.
‘‘ขณนฺตาลุกลมฺพานิ, พิลาลิตกฺกลานิ จ;
‘‘Khaṇantālukalambāni, bilālitakkalāni ca;
ธุนํ สามากนีวารํ, สงฺฆาริยํ ปสาริยํฯ
Dhunaṃ sāmākanīvāraṃ, saṅghāriyaṃ pasāriyaṃ.
๒๘๑.
281.
‘‘สากํ ภิสํ มธุํ มํสํ, พทรามลกานิ จ;
‘‘Sākaṃ bhisaṃ madhuṃ maṃsaṃ, badarāmalakāni ca;
ตานิ อาหริตฺวา ภุญฺชามิ, อตฺถิ เม โส ปริคฺคโหฯ
Tāni āharitvā bhuñjāmi, atthi me so pariggaho.
๒๘๒.
282.
‘‘ปจโนฺต อปจนฺตสฺส, อมมสฺส สกิญฺจโน;
‘‘Pacanto apacantassa, amamassa sakiñcano;
อนาทานสฺส สาทาโน, ทาตุมรหามิ โภชนํฯ
Anādānassa sādāno, dātumarahāmi bhojanaṃ.
๒๘๓.
283.
‘‘ภิกฺขุญฺจ ทานิ ปุจฺฉามิ, ตุณฺหีมาสีน สุพฺพตํ;
‘‘Bhikkhuñca dāni pucchāmi, tuṇhīmāsīna subbataṃ;
อิสิ เต ภตฺตํ ปาทาสิ, สุจิํ มํสูปเสจนํฯ
Isi te bhattaṃ pādāsi, suciṃ maṃsūpasecanaṃ.
๒๘๔.
284.
‘‘ตํ ตฺวํ ภตฺตํ ปฎิคฺคยฺห, ตุณฺหี ภุญฺชสิ เอกโก;
‘‘Taṃ tvaṃ bhattaṃ paṭiggayha, tuṇhī bhuñjasi ekako;
นาญฺญํ กญฺจิ นิมเนฺตสิ, โกยํ ธโมฺม นมตฺถุ เตฯ
Nāññaṃ kañci nimantesi, koyaṃ dhammo namatthu te.
๒๘๕.
285.
‘‘น ปจามิ น ปาเจมิ, น ฉินฺทามิ น เฉทเย;
‘‘Na pacāmi na pācemi, na chindāmi na chedaye;
ตํ มํ อกิญฺจนํ ญตฺวา, สพฺพปาเปหิ อารตํฯ
Taṃ maṃ akiñcanaṃ ñatvā, sabbapāpehi ārataṃ.
๒๘๖.
286.
‘‘วาเมน ภิกฺขมาทาย, ทกฺขิเณน กมณฺฑลุํ;
‘‘Vāmena bhikkhamādāya, dakkhiṇena kamaṇḍaluṃ;
อิสิ เม ภตฺตํ ปาทาสิ, สุจิํ มํสูปเสจนํฯ
Isi me bhattaṃ pādāsi, suciṃ maṃsūpasecanaṃ.
๒๘๗.
287.
‘‘เอเต หิ ทาตุมรหนฺติ, สมมา สปริคฺคหา;
‘‘Ete hi dātumarahanti, samamā sapariggahā;
ปจฺจนีกมหํ มเญฺญ, โย ทาตารํ นิมนฺตเย’’ติฯ
Paccanīkamahaṃ maññe, yo dātāraṃ nimantaye’’ti.
ตตฺถ วิวนนฺติ นิรุทการญฺญสทิสํ อิมํ ปจฺจนฺตํ อาคตํฯ กูฎาคารวรูเปตนฺติ กูฎาคารวเรน อุปคตํ, เอกํ วรกูฎาคารวาสินนฺติ อโตฺถฯ มหาสยนมุปาสิตนฺติ ตเตฺถว สุปญฺญตฺตํ สิริสยนํ อุปาสิตํฯ ตสฺส เตติ เอวรูปํ ตํ ทิสฺวา อหํ เปมมกาสิํ, ตสฺส เต เปมเกนฯ วฑฺฒโมทนนฺติ อุตฺตโมทนํฯ วิจิตนฺติ อปคตขณฺฑกาฬเกหิ วิจิตตณฺฑุเลหิ กตํฯ อทาสยีติ อทาสิฯ อตฺตานนฺติ อตฺตนา, อยเมว วา ปาโฐฯ อนสิตฺวานาติ อภุญฺชิตฺวาฯ โกยํ ธโมฺมติ มหาราช, โก เอส ตุมฺหากํ สภาโวฯ นมตฺถุ เตติ นโม ตว อตฺถุ, โย ตฺวํ อตฺตนา อภุญฺชิตฺวา ปรสฺส อทาสิฯ
Tattha vivananti nirudakāraññasadisaṃ imaṃ paccantaṃ āgataṃ. Kūṭāgāravarūpetanti kūṭāgāravarena upagataṃ, ekaṃ varakūṭāgāravāsinanti attho. Mahāsayanamupāsitanti tattheva supaññattaṃ sirisayanaṃ upāsitaṃ. Tassa teti evarūpaṃ taṃ disvā ahaṃ pemamakāsiṃ, tassa te pemakena. Vaḍḍhamodananti uttamodanaṃ. Vicitanti apagatakhaṇḍakāḷakehi vicitataṇḍulehi kataṃ. Adāsayīti adāsi. Attānanti attanā, ayameva vā pāṭho. Anasitvānāti abhuñjitvā. Koyaṃ dhammoti mahārāja, ko esa tumhākaṃ sabhāvo. Namatthu teti namo tava atthu, yo tvaṃ attanā abhuñjitvā parassa adāsi.
อาจริโยติ กุฎุมฺพิก เอส มยฺหํ อาจารสิกฺขาปโก อาจริโยฯ พฺยาวโฎติ อุสฺสุโกฯ อามนฺตนีโยติ อามเนฺตตพฺพยุตฺตโก มยา ทินฺนํ ภตฺตํ คเหตุํ อนุรูโปฯ ทาตุมรหามีติ ‘‘อหํ เอวรูปสฺส อาจริยสฺส โภชนํ ทาตุํ อรหามี’’ติ ราชา พฺราหฺมณสฺส คุณํ วเณฺณสิฯ อเขตฺตญฺญูสีติ นาหํ ทานสฺส เขตฺตํ, มยิ ทินฺนํ มหปฺผลํ น โหตีติ เอวํ อตฺตานํ ทานสฺส อเขตฺตํ ชานาสิ มเญฺญติฯ อนุสาสามีติ อตฺตโน อตฺถํ ปหาย รโญฺญ อตฺถญฺจ ธมฺมญฺจ อนุสาสามิฯ
Ācariyoti kuṭumbika esa mayhaṃ ācārasikkhāpako ācariyo. Byāvaṭoti ussuko. Āmantanīyoti āmantetabbayuttako mayā dinnaṃ bhattaṃ gahetuṃ anurūpo. Dātumarahāmīti ‘‘ahaṃ evarūpassa ācariyassa bhojanaṃ dātuṃ arahāmī’’ti rājā brāhmaṇassa guṇaṃ vaṇṇesi. Akhettaññūsīti nāhaṃ dānassa khettaṃ, mayi dinnaṃ mahapphalaṃ na hotīti evaṃ attānaṃ dānassa akhettaṃ jānāsi maññeti. Anusāsāmīti attano atthaṃ pahāya rañño atthañca dhammañca anusāsāmi.
เอวํ อตฺตโน อคุณํ กเถตฺวา อารญฺญิกสฺสาติ อิสิโน คุณํ กเถสิฯ อิสิโนติ สีลาทิคุณปริเยสกสฺสฯ ตปสฺสิโนติ ตปนิสฺสิตสฺสฯ วุฑฺฒสฺสาติ ปณฺฑิตสฺส คุณวุฑฺฒสฺสฯ นาวกงฺขสีติ สยํ ทุลฺลภโภชโน หุตฺวา เอวรูปํ โภชนํ อญฺญสฺส เทสิ, กิํ อตฺตโน ชีวิตํ น กงฺขสิฯ ภิกฺขุ เกนาติ อยํ ภิกฺขุ กตเรน คุเณน ตยา เสฎฺฐตโรฯ
Evaṃ attano aguṇaṃ kathetvā āraññikassāti isino guṇaṃ kathesi. Isinoti sīlādiguṇapariyesakassa. Tapassinoti tapanissitassa. Vuḍḍhassāti paṇḍitassa guṇavuḍḍhassa. Nāvakaṅkhasīti sayaṃ dullabhabhojano hutvā evarūpaṃ bhojanaṃ aññassa desi, kiṃ attano jīvitaṃ na kaṅkhasi. Bhikkhu kenāti ayaṃ bhikkhu katarena guṇena tayā seṭṭhataro.
ขณนฺตาลุกลมฺพานีติ ขณโนฺต อาลูนิ เจว ตาลกนฺทานิ จฯ พิลาลิตกฺกลานิ จาติ พิลาลิกนฺทตกฺกลกนฺทานิ จฯ ธุนํ สามากนีวารนฺติ สามากญฺจ นีวารญฺจ ธุนิตฺวาฯ สงฺฆาริยํ ปสาริยนฺติ เอเต สามากนีวาเร ธุนโนฺต สงฺฆาเรตฺวา ปุน สุกฺขาปิเต ปสาเรตฺวา สุเปฺปน ปโปฺผเฎตฺวา โกเฎฺฎตฺวา ตณฺฑุเล อาทาย ปจิตฺวา ภุญฺชามีติ วทติฯ สากนฺติ ยํ กิญฺจิ สูเปยฺยปณฺณํฯ มํสนฺติ สีหพฺยคฺฆวิฆาสาทิมํสํฯ ตานิ อาหริตฺวาติ ตานิ สากาทีนิ อาหริตฺวาฯ อมมสฺสาติ ตณฺหาทิฎฺฐิมมตฺตรหิตสฺสฯ สกิญฺจโนติ สปลิโพโธฯ อนาทานสฺสาติ นิคฺคหณสฺสฯ ทาตุมรหามีติ เอวรูปสฺส ปเจฺจกพุทฺธสฺส อตฺตนา ลทฺธโภชนํ ทาตุํ อรหามิฯ
Khaṇantālukalambānīti khaṇanto ālūni ceva tālakandāni ca. Bilālitakkalāni cāti bilālikandatakkalakandāni ca. Dhunaṃ sāmākanīvāranti sāmākañca nīvārañca dhunitvā. Saṅghāriyaṃ pasāriyanti ete sāmākanīvāre dhunanto saṅghāretvā puna sukkhāpite pasāretvā suppena papphoṭetvā koṭṭetvā taṇḍule ādāya pacitvā bhuñjāmīti vadati. Sākanti yaṃ kiñci sūpeyyapaṇṇaṃ. Maṃsanti sīhabyagghavighāsādimaṃsaṃ. Tāni āharitvāti tāni sākādīni āharitvā. Amamassāti taṇhādiṭṭhimamattarahitassa. Sakiñcanoti sapalibodho. Anādānassāti niggahaṇassa. Dātumarahāmīti evarūpassa paccekabuddhassa attanā laddhabhojanaṃ dātuṃ arahāmi.
ตุณฺหีมาสีนนฺติ กิญฺจิ อวตฺวา นิสินฺนํฯ อกิญฺจนนฺติ ราคกิญฺจนาทีหิ รหิตํฯ อารตนฺติ วิรตํ สพฺพปาปานิ ปหาย ฐิตํฯ กมณฺฑลุนฺติ กุณฺฑิกํฯ เอเต หีติ เอเต ราชาทโย ตโย ชนาติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา เต นิทฺทิสโนฺต เอวมาหฯ ทาตุมรหนฺตีติ มาทิสสฺส ทาตุํ อรหนฺติฯ ปจฺจนีกนฺติ ปจฺจนีกปฎิปทํฯ ทายกสฺส หิ นิมนฺตนํ เอกวีสติยา อเนสนาสุ อญฺญตราย ปิณฺฑปาตปริเยสนาย ชีวิกกปฺปนสงฺขาตา มิจฺฉาชีวปฎิปตฺติ นาม โหติฯ
Tuṇhīmāsīnanti kiñci avatvā nisinnaṃ. Akiñcananti rāgakiñcanādīhi rahitaṃ. Āratanti virataṃ sabbapāpāni pahāya ṭhitaṃ. Kamaṇḍalunti kuṇḍikaṃ. Ete hīti ete rājādayo tayo janāti hatthaṃ pasāretvā te niddisanto evamāha. Dātumarahantīti mādisassa dātuṃ arahanti. Paccanīkanti paccanīkapaṭipadaṃ. Dāyakassa hi nimantanaṃ ekavīsatiyā anesanāsu aññatarāya piṇḍapātapariyesanāya jīvikakappanasaṅkhātā micchājīvapaṭipatti nāma hoti.
ตสฺส วจนํ สุตฺวา กุฎุมฺพิโก อตฺตมโน เทฺว โอสานคาถา อภาสิ –
Tassa vacanaṃ sutvā kuṭumbiko attamano dve osānagāthā abhāsi –
๒๘๘.
288.
‘‘อตฺถาย วต เม อชฺช, อิธาคจฺฉิ รเถสโภ;
‘‘Atthāya vata me ajja, idhāgacchi rathesabho;
โสหํ อชฺช ปชานามิ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํฯ
Sohaṃ ajja pajānāmi, yattha dinnaṃ mahapphalaṃ.
๒๘๙.
289.
‘‘รเฎฺฐสุ คิทฺธา ราชาโน, กิจฺจากิเจฺจสุ พฺราหฺมณา;
‘‘Raṭṭhesu giddhā rājāno, kiccākiccesu brāhmaṇā;
อิสี มูลผเล คิทฺธา, วิปฺปมุตฺตา จ ภิกฺขโว’’ติฯ
Isī mūlaphale giddhā, vippamuttā ca bhikkhavo’’ti.
ตตฺถ รเถสโภติ ราชานํ สนฺธายาหฯ กิจฺจากิเจฺจสูติ รโญฺญ กิจฺจกรณีเยสุฯ ภิกฺขโวติ ปเจฺจกพุทฺธา ภิกฺขโว ปน สพฺพภเวหิ วิปฺปมุตฺตาฯ
Tattha rathesabhoti rājānaṃ sandhāyāha. Kiccākiccesūti rañño kiccakaraṇīyesu. Bhikkhavoti paccekabuddhā bhikkhavo pana sabbabhavehi vippamuttā.
ปเจฺจกพุโทฺธ ตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา สกฎฺฐานเมว คโต, ตถา ตาปโสฯ ราชา ปน กติปาหํ ตสฺส สนฺติเก วสิตฺวา พาราณสิเมว คโตฯ
Paccekabuddho tassa dhammaṃ desetvā sakaṭṭhānameva gato, tathā tāpaso. Rājā pana katipāhaṃ tassa santike vasitvā bārāṇasimeva gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ปิณฺฑปาโต ยถานุจฺฉวิกํ คจฺฉติ , ปุเพฺพปิ คโตเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุฎุมฺพิโก ธมฺมรตนสฺส สกฺการการโก กุฎุมฺพิโก อโหสิ, ราชา อานโนฺท, ปุโรหิโต สาริปุโตฺต, หิมวนฺตตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idāneva piṇḍapāto yathānucchavikaṃ gacchati , pubbepi gatoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kuṭumbiko dhammaratanassa sakkārakārako kuṭumbiko ahosi, rājā ānando, purohito sāriputto, himavantatāpaso pana ahameva ahosi’’nti.
ภิกฺขาปรมฺปรชาตกวณฺณนา เตรสมาฯ
Bhikkhāparamparajātakavaṇṇanā terasamā.
ชาตกุทฺทานํ –
Jātakuddānaṃ –
เกทารํ จนฺทกินฺนรี, อุกฺกุสุทฺทาลภิสกํ;
Kedāraṃ candakinnarī, ukkusuddālabhisakaṃ;
สุรุจิ ปญฺจุโปสถํ, มหาโมรญฺจ ตจฺฉกํฯ
Suruci pañcuposathaṃ, mahāmorañca tacchakaṃ.
มหาวาณิช สาธินํ, ทสพฺราหฺมณชาตกํ;
Mahāvāṇija sādhinaṃ, dasabrāhmaṇajātakaṃ;
ภิกฺขาปรมฺปราปิ จ, เตรสานิ ปกิณฺณเกฯ
Bhikkhāparamparāpi ca, terasāni pakiṇṇake.
ปกิณฺณกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pakiṇṇakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๙๖. ภิกฺขาปรมฺปรชาตกํ • 496. Bhikkhāparamparajātakaṃ