Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā |
ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา
Bhikkhunīupasampadānujānanakathā
๔๐๔. อนุชานามิ ภิกฺขเว ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนิโย อุปสมฺปาเทตุนฺติ อิมาย อนุปญฺญตฺติยา ภิกฺขู ปญฺจสตา สากิยานิโย มหาปชาปติยา สทฺธิวิหารินิโย กตฺวา อุปสมฺปาเทสุํฯ อิติ ตา สพฺพาปิ เอกโตอุปสมฺปนฺนา นาม อเหสุํฯ เย โข ตฺวํ โคตมีติ อิมินา โอวาเทน โคตมี อรหตฺตํ ปตฺตาฯ
404.Anujānāmi bhikkhave bhikkhūhi bhikkhuniyo upasampādetunti imāya anupaññattiyā bhikkhū pañcasatā sākiyāniyo mahāpajāpatiyā saddhivihāriniyo katvā upasampādesuṃ. Iti tā sabbāpi ekatoupasampannā nāma ahesuṃ. Ye kho tvaṃ gotamīti iminā ovādena gotamī arahattaṃ pattā.
๔๐๙. กมฺมํ น กรียตีติ ตชฺชนียาทิ สตฺตวิธมฺปิ กมฺมํ น กรียติฯ ขมาเปนฺตีติ น ปุน เอวํ กริสฺสามีติ ขมาเปนฺติฯ
409.Kammaṃ na karīyatīti tajjanīyādi sattavidhampi kammaṃ na karīyati. Khamāpentīti na puna evaṃ karissāmīti khamāpenti.
๔๑๐. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ โรเปตฺวา นิยฺยาเทตุนฺติ เอตฺถ ตชฺชนียาทีสุ ‘‘อิทํ นาม กมฺมํ เอติสฺสา กาตพฺพ’’นฺติ เอวํ โรเปตฺวา ‘‘ตํ ทานิ ตุเมฺหว กโรถา’’ติ นิยฺยาเทตพฺพํฯ สเจ ปน อญฺญสฺมิํ โรปิเต อญฺญํ กโรนฺติ, ‘‘ตชฺชนียกมฺมารหสฺส นิยสฺสกมฺมํ กโรตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยน กาเรตพฺพตํ อาปชฺชนฺติฯ
410.Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ kammaṃ ropetvā niyyādetunti ettha tajjanīyādīsu ‘‘idaṃ nāma kammaṃ etissā kātabba’’nti evaṃ ropetvā ‘‘taṃ dāni tumheva karothā’’ti niyyādetabbaṃ. Sace pana aññasmiṃ ropite aññaṃ karonti, ‘‘tajjanīyakammārahassa niyassakammaṃ karotī’’ti ettha vuttanayena kāretabbataṃ āpajjanti.
๔๑๑. กทฺทโมทเกนาติ เอตฺถ น เกวลํ กทฺทโมทเกน, วิปฺปสนฺนอุทกรชนกทฺทมาทีสุปิ เยน เกนจิ โอสิญฺจนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ อวนฺทิโย โส ภิกฺขเว ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆน กาตโพฺพติ ภิกฺขุนุปสฺสเย สนฺนิปติตฺวา ‘‘อสุโก นาม อโยฺย ภิกฺขุนีนํ อปสาทนียํ ทเสฺสติ, เอตสฺส อยฺยสฺส อวนฺทิยกรณํ รุจฺจตี’’ติ เอวํ ติกฺขตฺตุํ สาเวตพฺพํฯ เอตฺตาวตา อวนฺทิโย กโต โหติฯ ตโต ปฎฺฐาย ยถา สามเณเร ทิสฺวา น วนฺทนฺติ; เอวเมว ทิสฺวาปิ น วนฺทิตโพฺพฯ เตน ภิกฺขุนา สมฺมา วตฺตเนฺตน ภิกฺขุนุปสฺสยํ อาคนฺตฺวา วิหาเรเยว สงฺฆํ วา คณํ วา เอกปุคฺคลํ วา อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ภิกฺขุนิสโงฺฆ มยฺหํ ขมตู’’ติ ขมาเปตพฺพํฯ เตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘เอโส ภิกฺขุ ตุเมฺห ขมาเปตี’’ติ วตฺตพฺพํฯ ตโต ปฎฺฐาย โส วนฺทิตโพฺพฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถารํ ปน กมฺมวิภเงฺค วกฺขามฯ
411.Kaddamodakenāti ettha na kevalaṃ kaddamodakena, vippasannaudakarajanakaddamādīsupi yena kenaci osiñcantassa dukkaṭameva. Avandiyo so bhikkhave bhikkhu bhikkhunisaṅghena kātabboti bhikkhunupassaye sannipatitvā ‘‘asuko nāma ayyo bhikkhunīnaṃ apasādanīyaṃ dasseti, etassa ayyassa avandiyakaraṇaṃ ruccatī’’ti evaṃ tikkhattuṃ sāvetabbaṃ. Ettāvatā avandiyo kato hoti. Tato paṭṭhāya yathā sāmaṇere disvā na vandanti; evameva disvāpi na vanditabbo. Tena bhikkhunā sammā vattantena bhikkhunupassayaṃ āgantvā vihāreyeva saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā ekapuggalaṃ vā upasaṅkamitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā ‘‘bhikkhunisaṅgho mayhaṃ khamatū’’ti khamāpetabbaṃ. Tena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ santikaṃ āgantvā ‘‘eso bhikkhu tumhe khamāpetī’’ti vattabbaṃ. Tato paṭṭhāya so vanditabbo. Ayamettha saṅkhepo, vitthāraṃ pana kammavibhaṅge vakkhāma.
โอภาเสนฺตีติ อสทฺธเมฺมน โอภาเสนฺติฯ ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สมฺปโยเชนฺตีติ ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ ปุริเส อสทฺธเมฺมน สมฺปโยเชนฺติฯ อวนฺทิยกรณํ วุตฺตนยเมวฯ อาวรณนฺติ วิหารปฺปเวสเน นิวารณํ ฯ โอวาทํ ฐเปตุนฺติ เอตฺถ น ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ฐเปตโพฺพฯ โอวาทตฺถาย ปน อาคตา ภิกฺขุนิโย วตฺตพฺพา ‘‘อสุกา นาม ภิกฺขุนี สาปตฺติกา, ตสฺสา โอวาทํ ฐเปมิ, มา ตาย สทฺธิํ อุโปสถํ กริตฺถา’’ติฯ กายวิวรณาทีสุปิ ทณฺฑกมฺมํ วุตฺตนยเมวฯ
Obhāsentīti asaddhammena obhāsenti. Bhikkhunīhi saddhiṃ sampayojentīti bhikkhunīhi saddhiṃ purise asaddhammena sampayojenti. Avandiyakaraṇaṃ vuttanayameva. Āvaraṇanti vihārappavesane nivāraṇaṃ . Ovādaṃ ṭhapetunti ettha na bhikkhunupassayaṃ gantvā ṭhapetabbo. Ovādatthāya pana āgatā bhikkhuniyo vattabbā ‘‘asukā nāma bhikkhunī sāpattikā, tassā ovādaṃ ṭhapemi, mā tāya saddhiṃ uposathaṃ karitthā’’ti. Kāyavivaraṇādīsupi daṇḍakammaṃ vuttanayameva.
๔๑๓. น ภิกฺขเว ภิกฺขุนิยา โอวาโท น คนฺตโพฺพติอาทิ ภิกฺขุนิวิภงฺควณฺณนายํ วุตฺตเมวฯ
413.Na bhikkhave bhikkhuniyā ovādo na gantabbotiādi bhikkhunivibhaṅgavaṇṇanāyaṃ vuttameva.
๔๑๖. ผาสุกา นเมนฺตีติ คิหิทาริกาโย วิย ฆนปฎฺฎเกน กายพนฺธเนน ผาสุกา นมนตฺถาย พนฺธนฺติฯ เอกปริยากตนฺติ เอกวารํ ปริกฺขิปนกํฯ
416.Phāsukā namentīti gihidārikāyo viya ghanapaṭṭakena kāyabandhanena phāsukā namanatthāya bandhanti. Ekapariyākatanti ekavāraṃ parikkhipanakaṃ.
วิลีเวน ปเฎฺฎนาติ สเณฺหหิ เวฬุวิลีเวหิ กตปเฎฺฎนฯ ทุสฺสปเฎฺฎนาติ เสตวตฺถปเฎฺฎนฯ ทุสฺสเวณิยาติ ทุเสฺสน กตเวณิยาฯ ทุสฺสวฎฺฎิยาติ ทุเสฺสน กตวฎฺฎิยาฯ โจฬปฎฺฎาทีสุ โจฬกาสาวํ โจฬนฺติ เวทิตพฺพํฯ
Vilīvena paṭṭenāti saṇhehi veḷuvilīvehi katapaṭṭena. Dussapaṭṭenāti setavatthapaṭṭena. Dussaveṇiyāti dussena kataveṇiyā. Dussavaṭṭiyāti dussena katavaṭṭiyā. Coḷapaṭṭādīsu coḷakāsāvaṃ coḷanti veditabbaṃ.
อฎฺฐิเลฺลนาติ โคชงฺฆฎฺฐิเกนฯ ชฆนนฺติ กฎิปฺปเทโส วุจฺจติฯ หตฺถํ โกฎฺฎาเปนฺตีติ อคฺคพาหํ โกฎฺฎาเปตฺวา โมรปตฺตาทีหิ จิตฺตาลงฺการํ กโรนฺติฯ หตฺถโกจฺฉนฺติ ปิฎฺฐิหตฺถํฯ ปาทนฺติ ชงฺฆํฯ ปาทโกจฺฉนฺติ ปิฎฺฐิปาทํฯ
Aṭṭhillenāti gojaṅghaṭṭhikena. Jaghananti kaṭippadeso vuccati. Hatthaṃ koṭṭāpentīti aggabāhaṃ koṭṭāpetvā morapattādīhi cittālaṅkāraṃ karonti. Hatthakocchanti piṭṭhihatthaṃ. Pādanti jaṅghaṃ. Pādakocchanti piṭṭhipādaṃ.
๔๑๗. มุขลิมฺปนาทีนิ วุตฺตนยาเนวฯ อวงฺคํ กโรนฺตีติ อกฺขี อญฺชนฺติโย อวงฺคเทเส อโธมุขํ เลขํ กโรนฺติฯ วิเสสกนฺติ คณฺฑปฺปเทเส วิจิตฺรสณฺฐานํ วิเสสกํ กโรนฺติฯ โอโลเกนฺตีติ วาตปานํ วิวริตฺวา วีถิํ โอโลเกนฺติฯ สาโลเก ติฎฺฐนฺตีติ ทฺวารํ วิวริตฺวา อุปฑฺฒกายํ ทเสฺสนฺติโย ติฎฺฐนฺติฯ นจฺจนฺติ นฎสมชฺชํ กาเรนฺติฯ เวสิํ วุฎฺฐาเปนฺตีติ คณิกํ วุฎฺฐาเปนฺติฯ ปานาคารํ ฐเปนฺตีติ สุรํ วิกฺกิณนฺติฯ สูนํ ฐเปนฺตีติ มํสํ วิกฺกิณนฺติฯ อาปณนฺติ นานาภณฺฑานํ อเนกวิธํ อาปณํ ปสาเรนฺติฯ ทาสํ อุปฎฺฐาเปนฺตีติ ทาสํ คเหตฺวา เตน อตฺตโน เวยฺยาวจฺจํ กาเรนฺติฯ ทาสีอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ หริตกปกฺกิกํ ปกิณนฺตีติ หริตกเญฺจว ปกฺกญฺจ ปกิณนฺติ; ปกิณฺณกาปณํ ปสาเรนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ
417.Mukhalimpanādīni vuttanayāneva. Avaṅgaṃ karontīti akkhī añjantiyo avaṅgadese adhomukhaṃ lekhaṃ karonti. Visesakanti gaṇḍappadese vicitrasaṇṭhānaṃ visesakaṃ karonti. Olokentīti vātapānaṃ vivaritvā vīthiṃ olokenti. Sāloke tiṭṭhantīti dvāraṃ vivaritvā upaḍḍhakāyaṃ dassentiyo tiṭṭhanti. Naccanti naṭasamajjaṃ kārenti. Vesiṃ vuṭṭhāpentīti gaṇikaṃ vuṭṭhāpenti. Pānāgāraṃ ṭhapentīti suraṃ vikkiṇanti. Sūnaṃ ṭhapentīti maṃsaṃ vikkiṇanti. Āpaṇanti nānābhaṇḍānaṃ anekavidhaṃ āpaṇaṃ pasārenti. Dāsaṃ upaṭṭhāpentīti dāsaṃ gahetvā tena attano veyyāvaccaṃ kārenti. Dāsīādīsupi eseva nayo. Haritakapakkikaṃpakiṇantīti haritakañceva pakkañca pakiṇanti; pakiṇṇakāpaṇaṃ pasārentīti vuttaṃ hoti.
๔๑๘. สพฺพนีลกาทิกถา กถิตาเยวฯ
418.Sabbanīlakādikathā kathitāyeva.
๔๑๙. ภิกฺขุนี เจ, ภิกฺขเว, กาลํ กโรนฺตีติอาทีสุ อยํ ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉโย – สเจ หิ ปญฺจสุ สหธมฺมิเกสุ โย โกจิ กาลํ กโรโนฺต ‘‘มมจฺจเยน มยฺหํ ปริกฺขาโร อุปชฺฌายสฺส โหตุ, อาจริยสฺส โหตุ, สทฺธิวิหาริกสฺส โหตุ, อเนฺตวาสิกสฺส โหตุ, มาตุ โหตุ, ปิตุ โหตุ, อญฺญสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ โหตู’’ติ วทติ เตสํ น โหติ, สงฺฆเสฺสว โหติฯ น หิ ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ อจฺจยทานํ รุหติ, คิหีนํ ปน รุหติฯ ภิกฺขุ หิ ภิกฺขุนิวิหาเร กาลํ กโรติ, ตสฺส ปริกฺขาโร ภิกฺขูนํเยว โหติฯ ภิกฺขุนี ภิกฺขุวิหาเร กาลํ กโรติ, ตสฺสา ปริกฺขาโร ภิกฺขุนีนํเยว โหติฯ
419.Bhikkhunī ce, bhikkhave, kālaṃ karontītiādīsu ayaṃ pāḷimuttakavinicchayo – sace hi pañcasu sahadhammikesu yo koci kālaṃ karonto ‘‘mamaccayena mayhaṃ parikkhāro upajjhāyassa hotu, ācariyassa hotu, saddhivihārikassa hotu, antevāsikassa hotu, mātu hotu, pitu hotu, aññassa vā yassa kassaci hotū’’ti vadati tesaṃ na hoti, saṅghasseva hoti. Na hi pañcannaṃ sahadhammikānaṃ accayadānaṃ ruhati, gihīnaṃ pana ruhati. Bhikkhu hi bhikkhunivihāre kālaṃ karoti, tassa parikkhāro bhikkhūnaṃyeva hoti. Bhikkhunī bhikkhuvihāre kālaṃ karoti, tassā parikkhāro bhikkhunīnaṃyeva hoti.
๔๒๐. ปุราณมลฺลีติ ปุราเณ คิหิกาเล มลฺลกสฺส ภริยาฯ ปุริสพฺยญฺชนนฺติ ปุริสนิมิตฺตํ, ฉินฺนํ วา โหตุ อจฺฉินฺนํ วา, ปฎิจฺฉนฺนํ วา อปฺปฎิจฺฉนฺนํ วาฯ สเจ เอตสฺมิํ ฐาเน ปุริสพฺยญฺชนนฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อุปนิชฺฌายติ, ทุกฺกฎํฯ
420.Purāṇamallīti purāṇe gihikāle mallakassa bhariyā. Purisabyañjananti purisanimittaṃ, chinnaṃ vā hotu acchinnaṃ vā, paṭicchannaṃ vā appaṭicchannaṃ vā. Sace etasmiṃ ṭhāne purisabyañjananti cittaṃ uppādetvā upanijjhāyati, dukkaṭaṃ.
๔๒๑. อตฺตโน ปริโภคตฺถาย ทินฺนํ นาม ยํ ‘‘ตุเมฺหเยว ปริภุญฺชถา’’ติ วตฺวา ทินฺนํ, ตํ อญฺญสฺส ททโต ทุกฺกฎํฯ อคฺคํ คเหตฺวา ปน ทาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ อสปฺปายํ, สพฺพํ อปเนตุํ วฎฺฎติฯ จีวรํ เอกาหํ วา ทฺวีหํ วา ปริภุญฺชิตฺวา ทาตุํ วฎฺฎติฯ ปตฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
421.Attano paribhogatthāya dinnaṃ nāma yaṃ ‘‘tumheyeva paribhuñjathā’’ti vatvā dinnaṃ, taṃ aññassa dadato dukkaṭaṃ. Aggaṃ gahetvā pana dātuṃ vaṭṭati. Sace asappāyaṃ, sabbaṃ apanetuṃ vaṭṭati. Cīvaraṃ ekāhaṃ vā dvīhaṃ vā paribhuñjitvā dātuṃ vaṭṭati. Pattādīsupi eseva nayo.
ภิกฺขูนํ สนฺนิธิํ ภิกฺขุนีหิ ปฎิคฺคาหาเปตฺวาติ หิโยฺย ปฎิคฺคเหตฺวา ฐปิตมํสํ อชฺช อญฺญสฺมิํ อนุปสมฺปเนฺน อสติ ภิกฺขูหิ ปฎิคฺคาหาเปตฺวา ภิกฺขุนีหิ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ ภิกฺขูหิ ปฎิคฺคหิตญฺหิ ภิกฺขุนีนํ อปฺปฎิคฺคหิตกฎฺฐาเน ติฎฺฐติ, ภิกฺขุนีนํ ปฎิคฺคหิตมฺปิ ภิกฺขูสุ เอเสว นโยฯ
Bhikkhūnaṃsannidhiṃ bhikkhunīhi paṭiggāhāpetvāti hiyyo paṭiggahetvā ṭhapitamaṃsaṃ ajja aññasmiṃ anupasampanne asati bhikkhūhi paṭiggāhāpetvā bhikkhunīhi paribhuñjitabbaṃ. Bhikkhūhi paṭiggahitañhi bhikkhunīnaṃ appaṭiggahitakaṭṭhāne tiṭṭhati, bhikkhunīnaṃ paṭiggahitampi bhikkhūsu eseva nayo.
๔๒๖. อาสนํ สํกสายนฺติโย กาลํ วีตินาเมสุนฺติ อญฺญํ วุฎฺฐาเปตฺวา อญฺญํ นิสีทาเปนฺติโย โภชนกาลํ อติกฺกาเมสุํฯ
426.Āsanaṃ saṃkasāyantiyo kālaṃ vītināmesunti aññaṃ vuṭṭhāpetvā aññaṃ nisīdāpentiyo bhojanakālaṃ atikkāmesuṃ.
อฎฺฐนฺนํ ภิกฺขุนีนํ ยถาวุฑฺฒนฺติ เอตฺถ สเจ ปุเร อฎฺฐสุ นิสินฺนาสุ ตาสํ อพฺภนฺตริมา อญฺญา อาคจฺฉติ, สา อตฺตโน นวกํ อุฎฺฐาเปตฺวา นิสีทิตุํ ลภติฯ ยา ปน อฎฺฐหิปิ นวกตรา, สา สเจปิ สฎฺฐิวสฺสา โหติ, อาคตปฎิปาฎิยาว นิสีทิตุํ ลภติฯ อญฺญตฺถ สพฺพตฺถ ยถาวุฑฺฒํ น ปฎิพาหิตพฺพนฺติ ฐเปตฺวา ภตฺตคฺคํ อญฺญสฺมิํ จตุปจฺจยภาชนียฎฺฐาเน ‘‘อหํ ปุเพฺพ อาคตา’’ติ วุฑฺฒํ ปฎิพาหิตฺวา กิญฺจิ น คเหตพฺพํ; ยถาวุฑฺฒเมว วฎฺฎติฯ ปวารณากถา กถิตาเยวฯ
Aṭṭhannaṃbhikkhunīnaṃ yathāvuḍḍhanti ettha sace pure aṭṭhasu nisinnāsu tāsaṃ abbhantarimā aññā āgacchati, sā attano navakaṃ uṭṭhāpetvā nisīdituṃ labhati. Yā pana aṭṭhahipi navakatarā, sā sacepi saṭṭhivassā hoti, āgatapaṭipāṭiyāva nisīdituṃ labhati. Aññattha sabbattha yathāvuḍḍhaṃ na paṭibāhitabbanti ṭhapetvā bhattaggaṃ aññasmiṃ catupaccayabhājanīyaṭṭhāne ‘‘ahaṃ pubbe āgatā’’ti vuḍḍhaṃ paṭibāhitvā kiñci na gahetabbaṃ; yathāvuḍḍhameva vaṭṭati. Pavāraṇākathā kathitāyeva.
๔๒๙. อิตฺถิยุตฺตนฺติอาทีหิ สพฺพยานานิ อนุญฺญาตานิฯ ปาฎงฺกินฺติ ปฎโปฎฺฎลิกํฯ
429.Itthiyuttantiādīhi sabbayānāni anuññātāni. Pāṭaṅkinti paṭapoṭṭalikaṃ.
๔๓๐. ทูเตน อุปสมฺปทา ทสนฺนํ อนฺตรายานํ เยน เกนจิ วฎฺฎติฯ กมฺมวาจาปริโยสาเน สา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนุปสฺสเย ฐิตา วา โหตุ นิปนฺนา วา ชาครา วา นิทฺทํ โอกฺกนฺตา วา, อุปสมฺปนฺนาว โหติฯ ตาวเทว ฉายาทีนิ อาคตาย ทูตภิกฺขุนิยา อาจิกฺขิตพฺพานิฯ
430.Dūtena upasampadā dasannaṃ antarāyānaṃ yena kenaci vaṭṭati. Kammavācāpariyosāne sā bhikkhunī bhikkhunupassaye ṭhitā vā hotu nipannā vā jāgarā vā niddaṃ okkantā vā, upasampannāva hoti. Tāvadeva chāyādīni āgatāya dūtabhikkhuniyā ācikkhitabbāni.
๔๓๑. อุโทสิโตติ ภณฺฑสาลาฯ น สมฺมตีติ นปฺปโหติฯ อุปสฺสยนฺติ ฆรํฯ นวกมฺมนฺติ สงฺฆสฺสตฺถาย ภิกฺขุนิยา นวกมฺมมฺปิ กาตุํ อนุชานามีติ อโตฺถฯ
431.Udositoti bhaṇḍasālā. Na sammatīti nappahoti. Upassayanti gharaṃ. Navakammanti saṅghassatthāya bhikkhuniyā navakammampi kātuṃ anujānāmīti attho.
๔๓๒. ตสฺสา ปพฺพชิตายาติ ตสฺสา ปพฺพชิตกาเลฯ ยาว โส ทารโก วิญฺญุตํ ปาปุณาตีติ ยาว ขาทิตุํ ภุญฺชิตุํ นหายิตุญฺจ มณฺฑิตุญฺจ อตฺตโน ธมฺมตาย สโกฺกตีติ อโตฺถฯ
432.Tassā pabbajitāyāti tassā pabbajitakāle. Yāva so dārako viññutaṃ pāpuṇātīti yāva khādituṃ bhuñjituṃ nahāyituñca maṇḍituñca attano dhammatāya sakkotīti attho.
ฐเปตฺวา สาคารนฺติ สหคารเสยฺยมตฺตํ ฐเปตฺวาฯ ยถา อญฺญสฺมิํ ปุริเส; เอวํ ทุติยิกาย ภิกฺขุนิยา ตสฺมิํ ทารเก ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ มาตา ปน นหาเปตุํ ปาเยตุํ โภเชตุํ มเณฺฑตุํ อุเร กตฺวา สยิตุญฺจ ลภติฯ
Ṭhapetvāsāgāranti sahagāraseyyamattaṃ ṭhapetvā. Yathā aññasmiṃ purise; evaṃ dutiyikāya bhikkhuniyā tasmiṃ dārake paṭipajjitabbanti dasseti. Mātā pana nahāpetuṃ pāyetuṃ bhojetuṃ maṇḍetuṃ ure katvā sayituñca labhati.
๔๓๔. ยเทว สา วิพฺภนฺตาติ ยสฺมา สา วิพฺภนฺตา อตฺตโน รุจิยา ขนฺติยา โอทาตานิ วตฺถานิ นิวตฺถา, ตสฺมาเยว สา อภิกฺขุนี, น สิกฺขาปจฺจกฺขาเนนาติ ทเสฺสติฯ สา ปุน อุปสมฺปทํ น ลภติฯ
434.Yadeva sā vibbhantāti yasmā sā vibbhantā attano ruciyā khantiyā odātāni vatthāni nivatthā, tasmāyeva sā abhikkhunī, na sikkhāpaccakkhānenāti dasseti. Sā puna upasampadaṃ na labhati.
สา อาคตา น อุปสมฺปาเทตพฺพาติ น เกวลํ น อุปสมฺปาเทตพฺพา, ปพฺพชฺชมฺปิ น ลภติฯ โอทาตานิ คเหตฺวา วิพฺภนฺตา ปน ปพฺพชฺชามตฺตํ ลภติฯ
Sāāgatā na upasampādetabbāti na kevalaṃ na upasampādetabbā, pabbajjampi na labhati. Odātāni gahetvā vibbhantā pana pabbajjāmattaṃ labhati.
อภิวาทนนฺติอาทีสุ ปุริสา ปาเท สมฺพาหนฺตา วนฺทนฺติ, เกเส ฉินฺทนฺติ, นเข ฉินฺทนฺติ, วณปฎิกมฺมํ กโรนฺติ, ตํ สพฺพํ กุกฺกุจฺจายนฺตา น สาทิยนฺตีติ อโตฺถฯ ตเตฺรเก อาจริยา ‘‘สเจ เอกโต วา อุภโต วา อวสฺสุตา โหนฺติ สารตฺตา, ยถาวตฺถุกเมว’’ฯ เอเก อาจริยา ‘‘นตฺถิ เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ วทนฺติฯ เอวํ อาจริยวาทํ ทเสฺสตฺวา อิทํ โอทิสฺส อนุญฺญาตํ วฎฺฎตีติ อฎฺฐกถาสุ วุตฺตํฯ ตํ ปมาณํฯ ‘‘อนุชานามิ ภิกฺขเว สาทิตุ’’นฺติ หิ วจเนเนว ตํ กปฺปิยํฯ
Abhivādanantiādīsu purisā pāde sambāhantā vandanti, kese chindanti, nakhe chindanti, vaṇapaṭikammaṃ karonti, taṃ sabbaṃ kukkuccāyantā na sādiyantīti attho. Tatreke ācariyā ‘‘sace ekato vā ubhato vā avassutā honti sārattā, yathāvatthukameva’’. Eke ācariyā ‘‘natthi ettha āpattī’’ti vadanti. Evaṃ ācariyavādaṃ dassetvā idaṃ odissa anuññātaṃ vaṭṭatīti aṭṭhakathāsu vuttaṃ. Taṃ pamāṇaṃ. ‘‘Anujānāmi bhikkhave sāditu’’nti hi vacaneneva taṃ kappiyaṃ.
๔๓๕. ปลฺลเงฺกน นิสีทนฺตีติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทนฺติฯ อฑฺฒปลฺลงฺกนฺติ เอกํ ปาทํ อาภุชิตฺวา กตปลฺลงฺกํฯ เหฎฺฐา วิวเฎ อุปริ ปฎิจฺฉเนฺนติ เอตฺถ สเจ กูโป ขโต โหติ, อุปริ ปน ปทรมตฺตเมว สพฺพทิสาสุ ปญฺญายติ, เอวรูเปปิ วฎฺฎติฯ
435.Pallaṅkena nisīdantīti pallaṅkaṃ ābhujitvā nisīdanti. Aḍḍhapallaṅkanti ekaṃ pādaṃ ābhujitvā katapallaṅkaṃ. Heṭṭhā vivaṭe upari paṭicchanneti ettha sace kūpo khato hoti, upari pana padaramattameva sabbadisāsu paññāyati, evarūpepi vaṭṭati.
๔๓๖. กุกฺกุสํ มตฺติกนฺติ กุณฺฑกเญฺจว มตฺติกญฺจฯ เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
436.Kukkusaṃ mattikanti kuṇḍakañceva mattikañca. Sesamettha uttānamevāti.
ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา นิฎฺฐิตาฯ
Bhikkhunīupasampadānujānanakathā niṭṭhitā.
ภิกฺขุนิกฺขนฺธกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhikkhunikkhandhakavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi
ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนํ • Bhikkhunīupasampadānujānanaṃ
๒. ทุติยภาณวาโร • 2. Dutiyabhāṇavāro
๓. ตติยภาณวาโร • 3. Tatiyabhāṇavāro
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampannānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathā