Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺคปาฬิ • Cūḷavaggapāḷi |
ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนํ
Bhikkhunīupasampadānujānanaṃ
๔๐๔. อถ โข มหาปชาปติ โคตมี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปตี โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กถาหํ, ภเนฺต, อิมาสุ สากิยานีสุ ปฎิปชฺชามี’’ติ? อถ โข ภควา มหาปชาปติํ โคตมิํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสสิ สมาทเปสิ สมุเตฺตเชสิ สมฺปหํเสสิฯ อถ โข มหาปชาปติ โคตมี ภควตา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺสิตา สมาทปิตา สมุเตฺตชิตา สมฺปหํสิตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนิโย อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติฯ
404. Atha kho mahāpajāpati gotamī yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpatī gotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kathāhaṃ, bhante, imāsu sākiyānīsu paṭipajjāmī’’ti? Atha kho bhagavā mahāpajāpatiṃ gotamiṃ dhammiyā kathāya sandassesi samādapesi samuttejesi sampahaṃsesi. Atha kho mahāpajāpati gotamī bhagavatā dhammiyā kathāya sandassitā samādapitā samuttejitā sampahaṃsitā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhuniyo upasampādetu’’nti.
อถ โข ตา ภิกฺขุนิโย มหาปชาปติํ โคตมิํ เอตทโวจุํ – ‘‘อยฺยา อนุปสมฺปนฺนา, มยญฺจมฺหา อุปสมฺปนฺนา; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนิโย อุปสมฺปาเทตพฺพา’’ติฯ อถ โข มหาปชาปติ โคตมี เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปติ โคตมี อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘อิมา มํ, ภเนฺต อานนฺท, ภิกฺขุนิโย เอวมาหํสุ – ‘อยฺยา อนุปสมฺปนฺนา, มยญฺจมฺหา อุปสมฺปนฺนา; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนิโย อุปสมฺปาเทตพฺพา’’’ติฯ
Atha kho tā bhikkhuniyo mahāpajāpatiṃ gotamiṃ etadavocuṃ – ‘‘ayyā anupasampannā, mayañcamhā upasampannā; evañhi bhagavatā paññattaṃ bhikkhūhi bhikkhuniyo upasampādetabbā’’ti. Atha kho mahāpajāpati gotamī yenāyasmā ānando tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpati gotamī āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘imā maṃ, bhante ānanda, bhikkhuniyo evamāhaṃsu – ‘ayyā anupasampannā, mayañcamhā upasampannā; evañhi bhagavatā paññattaṃ bhikkhūhi bhikkhuniyo upasampādetabbā’’’ti.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มหาปชาปติ, ภเนฺต, โคตมี เอวมาห – ‘อิมา มํ, ภเนฺต อานนฺท, ภิกฺขุนิโย เอวมาหํสุ – อยฺยา อนุปสมฺปนฺนา, มยญฺจมฺหา อุปสมฺปนฺนา; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนิโย อุปสมฺปาเทตพฺพา’’’ติฯ
Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mahāpajāpati, bhante, gotamī evamāha – ‘imā maṃ, bhante ānanda, bhikkhuniyo evamāhaṃsu – ayyā anupasampannā, mayañcamhā upasampannā; evañhi bhagavatā paññattaṃ bhikkhūhi bhikkhuniyo upasampādetabbā’’’ti.
‘‘ยทเคฺคน, อานนฺท, มหาปชาปติยา โคตมิยา อฎฺฐ ครุธมฺมา ปฎิคฺคหิตา, ตเทว สา 1 อุปสมฺปนฺนา’’ติฯ
‘‘Yadaggena, ānanda, mahāpajāpatiyā gotamiyā aṭṭha garudhammā paṭiggahitā, tadeva sā 2 upasampannā’’ti.
๔๐๕. อถ โข มหาปชาปติ โคตมี เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปติ โคตมี อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เอกาหํ, ภเนฺต อานนฺท, ภควนฺตํ วรํ ยาจามิฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา อนุชาเนยฺย ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺม’’นฺติฯ
405. Atha kho mahāpajāpati gotamī yenāyasmā ānando tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā āyasmantaṃ ānandaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpati gotamī āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘ekāhaṃ, bhante ānanda, bhagavantaṃ varaṃ yācāmi. Sādhu, bhante, bhagavā anujāneyya bhikkhūnañca bhikkhunīnañca yathāvuḍḍhaṃ abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikamma’’nti.
อถ โข อายสฺมา อานโนฺท เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อานโนฺท ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มหาปชาปติ, ภเนฺต, โคตมี เอวมาห – ‘เอกาหํ, ภเนฺต อานนฺท, ภควนฺตํ วรํ ยาจามิฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา อนุชาเนยฺย ภิกฺขูนญฺจ ภิกฺขุนีนญฺจ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺม’’’นฺติฯ
Atha kho āyasmā ānando yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā ānando bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mahāpajāpati, bhante, gotamī evamāha – ‘ekāhaṃ, bhante ānanda, bhagavantaṃ varaṃ yācāmi. Sādhu, bhante, bhagavā anujāneyya bhikkhūnañca bhikkhunīnañca yathāvuḍḍhaṃ abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikamma’’’nti.
‘‘อฎฺฐานเมตํ, อานนฺท, อนวกาโส , ยํ ตถาคโต อนุชาเนยฺย มาตุคามสฺส อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํฯ อิเมหิ นาม, อานนฺท, อญฺญติตฺถิยา ทุรกฺขาตธมฺมา มาตุคามสฺส อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ น กริสฺสนฺติ ; กิมงฺคํ ปน ตถาคโต อนุชานิสฺสติ มาตุคามสฺส อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺม’’นฺติ?
‘‘Aṭṭhānametaṃ, ānanda, anavakāso , yaṃ tathāgato anujāneyya mātugāmassa abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ. Imehi nāma, ānanda, aññatitthiyā durakkhātadhammā mātugāmassa abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ na karissanti ; kimaṅgaṃ pana tathāgato anujānissati mātugāmassa abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikamma’’nti?
อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ธมฺมิํ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺส อภิวาทนํ ปจฺจุฎฺฐานํ อญฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาตพฺพํฯ โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ
Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe dhammiṃ kathaṃ katvā bhikkhū āmantesi – ‘‘na, bhikkhave, mātugāmassa abhivādanaṃ paccuṭṭhānaṃ añjalikammaṃ sāmīcikammaṃ kātabbaṃ. Yo kareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti.
อถ โข มหาปชาปติ โคตมี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปติ โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ยานิ ตานิ, ภเนฺต, ภิกฺขุนีนํ สิกฺขาปทานิ ภิกฺขูหิ สาธารณานิ, กถํ มยํ, ภเนฺต, เตสุ สิกฺขาปเทสุ ปฎิปชฺชามา’’ติ? ‘‘ยานิ ตานิ, โคตมิ, ภิกฺขุนีนํ สิกฺขาปทานิ ภิกฺขูหิ สาธารณานิ, ยถา ภิกฺขู สิกฺขนฺติ ตถา เตสุ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขถา’’ติฯ ‘‘ยานิ ปน ตานิ, ภเนฺต, ภิกฺขุนีนํ สิกฺขาปทานิ ภิกฺขูหิ อสาธารณานิ, กถํ มยํ, ภเนฺต, เตสุ สิกฺขาปเทสุ ปฎิปชฺชามา’’ติ? ‘‘ยานิ ตานิ, โคตมิ, ภิกฺขุนีนํ สิกฺขาปทานิ ภิกฺขูหิ อสาธารณานิ, ยถาปญฺญเตฺตสุ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขถา’’ติฯ
Atha kho mahāpajāpati gotamī yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpati gotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘yāni tāni, bhante, bhikkhunīnaṃ sikkhāpadāni bhikkhūhi sādhāraṇāni, kathaṃ mayaṃ, bhante, tesu sikkhāpadesu paṭipajjāmā’’ti? ‘‘Yāni tāni, gotami, bhikkhunīnaṃ sikkhāpadāni bhikkhūhi sādhāraṇāni, yathā bhikkhū sikkhanti tathā tesu sikkhāpadesu sikkhathā’’ti. ‘‘Yāni pana tāni, bhante, bhikkhunīnaṃ sikkhāpadāni bhikkhūhi asādhāraṇāni, kathaṃ mayaṃ, bhante, tesu sikkhāpadesu paṭipajjāmā’’ti? ‘‘Yāni tāni, gotami, bhikkhunīnaṃ sikkhāpadāni bhikkhūhi asādhāraṇāni, yathāpaññattesu sikkhāpadesu sikkhathā’’ti.
๔๐๖. 3 อถ โข มหาปชาปติ โคตมี เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข มหาปชาปติ โคตมี ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน ธมฺมํ เทเสตุ, ยมหํ ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา เอกา วูปกฎฺฐา อปฺปมตฺตา อาตาปินี ปหิตตฺตา วิหเรยฺย’’นฺติฯ ‘‘เย โข ตฺวํ, โคตมิ, ธเมฺม ชาเนยฺยาสิ – อิเม ธมฺมา สราคาย สํวตฺตนฺติ โน วิราคาย, สโญฺญคาย สํวตฺตนฺติ โน วิสโญฺญคาย, อาจยาย สํวตฺตนฺติ โน อปจยาย, มหิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน อปฺปิจฺฉตาย, อสนฺตุฎฺฐิยา สํวตฺตนฺติ โน สนฺตุฎฺฐิยา, สงฺคณิกาย สํวตฺตนฺติ โน ปวิเวกาย, โกสชฺชาย สํวตฺตนฺติ โน วีริยารมฺภาย, ทุพฺภรตาย สํวตฺตนฺติ โน สุภรตาย; เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – เนโส ธโมฺม, เนโส วินโย, เนตํ สตฺถุสาสนนฺติฯ เย จ โข ตฺวํ, โคตมิ, ธเมฺม ชาเนยฺยาสิ – อิเม ธมฺมา วิราคาย สํวตฺตนฺติ โน สราคาย, วิสโญฺญคาย สํวตฺตนฺติ โน สโญฺญคาย, อปจยาย สํวตฺตนฺติ โน อาจยาย, อปฺปิจฺฉตาย สํวตฺตนฺติ โน มหิจฺฉตาย, สนฺตุฎฺฐิยา สํวตฺตนฺติ โน อสนฺตุฎฺฐิยา, ปวิเวกาย สํวตฺตนฺติ โน สงฺคณิกาย, วีริยารมฺภาย สํวตฺตนฺติ โน โกสชฺชาย, สุภรตาย สํวตฺตนฺติ โน ทุพฺภรตาย; เอกํเสน, โคตมิ, ธาเรยฺยาสิ – เอโส ธโมฺม, เอโส วินโย, เอตํ สตฺถุสาสน’’นฺติฯ
406.4 Atha kho mahāpajāpati gotamī yena bhagavā tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitā kho mahāpajāpati gotamī bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu me, bhante, bhagavā saṃkhittena dhammaṃ desetu, yamahaṃ bhagavato dhammaṃ sutvā ekā vūpakaṭṭhā appamattā ātāpinī pahitattā vihareyya’’nti. ‘‘Ye kho tvaṃ, gotami, dhamme jāneyyāsi – ime dhammā sarāgāya saṃvattanti no virāgāya, saññogāya saṃvattanti no visaññogāya, ācayāya saṃvattanti no apacayāya, mahicchatāya saṃvattanti no appicchatāya, asantuṭṭhiyā saṃvattanti no santuṭṭhiyā, saṅgaṇikāya saṃvattanti no pavivekāya, kosajjāya saṃvattanti no vīriyārambhāya, dubbharatāya saṃvattanti no subharatāya; ekaṃsena, gotami, dhāreyyāsi – neso dhammo, neso vinayo, netaṃ satthusāsananti. Ye ca kho tvaṃ, gotami, dhamme jāneyyāsi – ime dhammā virāgāya saṃvattanti no sarāgāya, visaññogāya saṃvattanti no saññogāya, apacayāya saṃvattanti no ācayāya, appicchatāya saṃvattanti no mahicchatāya, santuṭṭhiyā saṃvattanti no asantuṭṭhiyā, pavivekāya saṃvattanti no saṅgaṇikāya, vīriyārambhāya saṃvattanti no kosajjāya, subharatāya saṃvattanti no dubbharatāya; ekaṃsena, gotami, dhāreyyāsi – eso dhammo, eso vinayo, etaṃ satthusāsana’’nti.
๔๐๗. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสียติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติฯ
407. Tena kho pana samayena bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ na uddisīyati. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ uddisitu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kena nu kho bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ uddisitabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ uddisitu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตฺวา ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ชายาโย อิมา อิเมสํ, ชาริโย อิมา อิเมสํ, อิทานิ อิเม อิมาหิ สทฺธิํ อภิรมิสฺสนฺตี’’ติ! ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพํฯ โย อุทฺทิเสยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีหิ ภิกฺขุนีนํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุ’’นฺติฯ ภิกฺขุนิโย น ชานนฺติ – ‘‘เอวํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตพฺพ’’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาจิกฺขิตุํ – ‘เอวํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū bhikkhunupassayaṃ upasaṅkamitvā bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ uddisanti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘jāyāyo imā imesaṃ, jāriyo imā imesaṃ, idāni ime imāhi saddhiṃ abhiramissantī’’ti! Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ uddisitabbaṃ. Yo uddiseyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīhi bhikkhunīnaṃ pātimokkhaṃ uddisitu’’nti. Bhikkhuniyo na jānanti – ‘‘evaṃ pātimokkhaṃ uddisitabba’’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ ācikkhituṃ – ‘evaṃ pātimokkhaṃ uddiseyyāthā’’’ti.
๔๐๘. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย อาปตฺติํ น ปฎิกโรนฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนิยา อาปตฺติ น ปฎิกาตพฺพาฯ ยา น ปฎิกเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติฯ ภิกฺขุนิโย น ชานนฺติ – ‘‘เอวํ อาปตฺติ ปฎิกาตพฺพา’’ติ ฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาจิกฺขิตุํ – ‘เอวํ อาปตฺติํ ปฎิกเรยฺยาถา’’’ติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติ ปฎิคฺคเหตพฺพา’’ติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติํ ปฎิคฺคเหตุ’’นฺติฯ
408. Tena kho pana samayena bhikkhuniyo āpattiṃ na paṭikaronti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhuniyā āpatti na paṭikātabbā. Yā na paṭikareyya, āpatti dukkaṭassā’’ti. Bhikkhuniyo na jānanti – ‘‘evaṃ āpatti paṭikātabbā’’ti . Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ ācikkhituṃ – ‘evaṃ āpattiṃ paṭikareyyāthā’’’ti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kena nu kho bhikkhunīnaṃ āpatti paṭiggahetabbā’’ti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ āpattiṃ paṭiggahetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย รถิกายปิ พฺยูเหปิ สิงฺฆาฎเกปิ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา อาปตฺติํ ปฎิกโรนฺติฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ชายาโย อิมา อิเมสํ, ชาริโย อิมา อิเมสํ, รตฺติํ วิมาเนตฺวา อิทานิ ขมาเปนฺตี’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ ฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติ ปฎิคฺคเหตพฺพาฯ โย ปฎิคฺคเณฺหยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีหิ ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติํ ปฎิคฺคเหตุ’’นฺติฯ ภิกฺขุนิโย น ชานนฺติ – ‘‘เอวํ อาปตฺติ ปฎิคฺคเหตพฺพา’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาจิกฺขิตุํ – ‘เอวํ อาปตฺติํ ปฎิคฺคเณฺหยฺยาถา’’’ติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhuniyo rathikāyapi byūhepi siṅghāṭakepi bhikkhuṃ passitvā pattaṃ bhūmiyaṃ nikkhipitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā āpattiṃ paṭikaronti. Manussā ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘jāyāyo imā imesaṃ, jāriyo imā imesaṃ, rattiṃ vimānetvā idāni khamāpentī’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ . ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ āpatti paṭiggahetabbā. Yo paṭiggaṇheyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīhi bhikkhunīnaṃ āpattiṃ paṭiggahetu’’nti. Bhikkhuniyo na jānanti – ‘‘evaṃ āpatti paṭiggahetabbā’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ ācikkhituṃ – ‘evaṃ āpattiṃ paṭiggaṇheyyāthā’’’ti.
๔๐๙. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ น กริยติ ฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ อถ โข ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘เกน นุ โข ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ
409. Tena kho pana samayena bhikkhunīnaṃ kammaṃ na kariyati . Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīnaṃ kammaṃ kātu’’nti. Atha kho bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘kena nu kho bhikkhunīnaṃ kammaṃ kātabba’’nti? Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ kammaṃ kātu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน กตกมฺมา ภิกฺขุนิโย รถิกายปิ พฺยูเหปิ สิงฺฆาฎเกปิ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา ปตฺตํ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา ขมาเปนฺติ ‘เอวํ นูน กาตพฺพ’นฺติ มญฺญมานาฯ มนุสฺสา ตเถว อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘ชายาโย อิมา อิเมสํ, ชาริโย อิมา อิเมสํ, รตฺติํ วิมาเนตฺวา อิทานิ ขมาเปนฺตี’’ติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กาตพฺพํฯ โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนีหิ ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กาตุ’’นฺติฯ ภิกฺขุนิโย น ชานนฺติ – ‘‘เอวํ กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาจิกฺขิตุํ – ‘เอวํ กมฺมํ กเรยฺยาถา’’’ติฯ
Tena kho pana samayena katakammā bhikkhuniyo rathikāyapi byūhepi siṅghāṭakepi bhikkhuṃ passitvā pattaṃ bhūmiyaṃ nikkhipitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā khamāpenti ‘evaṃ nūna kātabba’nti maññamānā. Manussā tatheva ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘jāyāyo imā imesaṃ, jāriyo imā imesaṃ, rattiṃ vimānetvā idāni khamāpentī’’ti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Na, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ kammaṃ kātabbaṃ. Yo kareyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhunīhi bhikkhunīnaṃ kammaṃ kātu’’nti. Bhikkhuniyo na jānanti – ‘‘evaṃ kammaṃ kātabba’’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ ācikkhituṃ – ‘evaṃ kammaṃ kareyyāthā’’’ti.
๔๑๐. เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขุนิโย สงฺฆมเชฺฌ ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติฯ น สโกฺกนฺติ ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อธิกรณํ วูปสเมตุ’’นฺติฯ
410. Tena kho pana samayena bhikkhuniyo saṅghamajjhe bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti. Na sakkonti taṃ adhikaraṇaṃ vūpasametuṃ. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน ภิกฺขู ภิกฺขุนีนํ อธิกรณํ วูปสเมนฺติฯ ตสฺมิํ โข ปน อธิกรเณ วินิจฺฉิยมาเน ทิสฺสนฺติ ภิกฺขุนิโย กมฺมปฺปตฺตาโยปิ อาปตฺติคามินิโยปิฯ ภิกฺขุนิโย เอวมาหํสุ – ‘‘สาธุ, ภเนฺต, อยฺยาว ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กโรนฺตุ, อยฺยาว ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติํ ปฎิคฺคณฺหนฺตุ; เอวญฺหิ ภควตา ปญฺญตฺตํ ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อธิกรณํ วูปสเมตพฺพ’’นฺติฯ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขุนีนํ นิยฺยาเทตุํ – ภิกฺขุนีหิ ภิกฺขุนีนํ กมฺมํ กาตุํ, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขุนีนํ นิยฺยาเทตุํ, ภิกฺขุนีหิ ภิกฺขุนีนํ อาปตฺติํ ปฎิคฺคเหตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena bhikkhū bhikkhunīnaṃ adhikaraṇaṃ vūpasamenti. Tasmiṃ kho pana adhikaraṇe vinicchiyamāne dissanti bhikkhuniyo kammappattāyopi āpattigāminiyopi. Bhikkhuniyo evamāhaṃsu – ‘‘sādhu, bhante, ayyāva bhikkhunīnaṃ kammaṃ karontu, ayyāva bhikkhunīnaṃ āpattiṃ paṭiggaṇhantu; evañhi bhagavatā paññattaṃ bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ adhikaraṇaṃ vūpasametabba’’nti. Bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ kammaṃ āropetvā bhikkhunīnaṃ niyyādetuṃ – bhikkhunīhi bhikkhunīnaṃ kammaṃ kātuṃ, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ āpattiṃ āropetvā bhikkhunīnaṃ niyyādetuṃ, bhikkhunīhi bhikkhunīnaṃ āpattiṃ paṭiggahetu’’nti.
เตน โข ปน สมเยน อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา อเนฺตวาสินี ภิกฺขุนี สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ อนุพนฺธา โหติ วินยํ ปริยาปุณนฺตีฯ ตสฺสา มุฎฺฐสฺสตินิยา คหิโต คหิโต มุสฺสติฯ อโสฺสสิ โข สา ภิกฺขุนี – ‘‘ภควา กิร สาวตฺถิํ คนฺตุกาโม’’ติฯ อถ โข ตสฺสา ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘อหํ โข สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ อนุพนฺธิํ วินยํ ปริยาปุณนฺตีฯ ตสฺสา เม มุฎฺฐสฺสตินิยา คหิโต คหิโต มุสฺสติฯ ทุกฺกรํ โข ปน มาตุคาเมน ยาวชีวํ สตฺถารํ อนุพนฺธิตุํฯ กถํ นุ โข มยา ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ? อถ โข สา ภิกฺขุนี ภิกฺขุนีนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสิฯ ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ภิกฺขู ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูหิ ภิกฺขุนีนํ วินยํ วาเจตุ’’นฺติฯ
Tena kho pana samayena uppalavaṇṇāya bhikkhuniyā antevāsinī bhikkhunī satta vassāni bhagavantaṃ anubandhā hoti vinayaṃ pariyāpuṇantī. Tassā muṭṭhassatiniyā gahito gahito mussati. Assosi kho sā bhikkhunī – ‘‘bhagavā kira sāvatthiṃ gantukāmo’’ti. Atha kho tassā bhikkhuniyā etadahosi – ‘‘ahaṃ kho satta vassāni bhagavantaṃ anubandhiṃ vinayaṃ pariyāpuṇantī. Tassā me muṭṭhassatiniyā gahito gahito mussati. Dukkaraṃ kho pana mātugāmena yāvajīvaṃ satthāraṃ anubandhituṃ. Kathaṃ nu kho mayā paṭipajjitabba’’nti? Atha kho sā bhikkhunī bhikkhunīnaṃ etamatthaṃ ārocesi. Bhikkhuniyo bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocesuṃ. Bhikkhū bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhikkhūhi bhikkhunīnaṃ vinayaṃ vācetu’’nti.
ปฐมภาณวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Paṭhamabhāṇavāro niṭṭhito.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปนฺนานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampannānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถาวณฺณนา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ภิกฺขุนีอุปสมฺปทานุชานนกถา • Bhikkhunīupasampadānujānanakathā