Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā |
ภิกฺขุนิวิภโงฺค
Bhikkhunivibhaṅgo
๑๗๐. วินยสฺส วินิจฺฉเย ภิกฺขูนํ ปาฎวตฺถายาติ ภิกฺขุนีนํ ปาฎวสฺสาปิ ตทธีนตฺตา ปธานทสฺสนวเสน วุตฺตํฯ อถ วา ทสฺสนลิงฺคนฺตรสาธารณเตฺต อิจฺฉิเต ปุลฺลิเงฺคน, นปุํสกลิเงฺคน วา นิเทฺทโส สทฺทสตฺถานุโยคโตติ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ ปุลฺลิเงฺคน วุตฺตํฯ
170.Vinayassa vinicchaye bhikkhūnaṃ pāṭavatthāyāti bhikkhunīnaṃ pāṭavassāpi tadadhīnattā padhānadassanavasena vuttaṃ. Atha vā dassanaliṅgantarasādhāraṇatte icchite pulliṅgena, napuṃsakaliṅgena vā niddeso saddasatthānuyogatoti ‘‘bhikkhūna’’nti pulliṅgena vuttaṃ.
๑๗๑. นนฺทนฺตี สาทิยนฺตีฯ
171.Nandantī sādiyantī.
๑๗๒. ติโสฺส อาปตฺติโย ผุเสติ โยชนาฯ ชาณุสฺส อุทฺธํ, อกฺขกสฺส อโธ คหณํ สาทิยนฺติยา ตสฺสา ปาราชิกนฺติ โยชนาฯ
172. Tisso āpattiyo phuseti yojanā. Jāṇussa uddhaṃ, akkhakassa adho gahaṇaṃ sādiyantiyā tassā pārājikanti yojanā.
๑๗๓. กายปฎิพเทฺธ วา คหณํ สาทิยนฺติยา ทุกฺกฎํฯ
173. Kāyapaṭibaddhe vā gahaṇaṃ sādiyantiyā dukkaṭaṃ.
๑๗๔. วชฺชนฺติ อญฺญิสฺสา ภิกฺขุนิยา ปาราชิกาปตฺติํฯ
174.Vajjanti aññissā bhikkhuniyā pārājikāpattiṃ.
๑๗๖. ตํ ลทฺธินฺติ อุกฺขิตฺตสฺส ยํ ลทฺธิํ อตฺตโน โรเจสิ, ตํ ลทฺธิํ น นิสฺสชฺชนฺตีติ โยชนาฯ
176.Taṃladdhinti ukkhittassa yaṃ laddhiṃ attano rocesi, taṃ laddhiṃ na nissajjantīti yojanā.
๑๗๘. ‘‘อิธ อาคจฺฉา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ ‘‘วุตฺตา อาคจฺฉตี’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
178. ‘‘Idha āgacchā’’ti padacchedo. ‘‘Vuttā āgacchatī’’ti padacchedo.
๑๗๙. หตฺถปาสปฺปเวสเนติ หตฺถปาสูปคมเนฯ ‘‘หตฺถคตปฺปเวสเน’’ติ วา ปาโฐ, โสเยว อโตฺถฯ
179.Hatthapāsappavesaneti hatthapāsūpagamane. ‘‘Hatthagatappavesane’’ti vā pāṭho, soyeva attho.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา ภิกฺขุนิวิภเงฺค
Iti uttare līnatthapakāsaniyā bhikkhunivibhaṅge
ปาราชิกกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pārājikakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๘๐. เอกสฺสาติ อตฺตโน อตฺตโน อฎฺฎการสฺส วาฯ อาโรจเนติ วตฺตพฺพสฺส โวหาริกานํ นิเวทเนฯ
180.Ekassāti attano attano aṭṭakārassa vā. Ārocaneti vattabbassa vohārikānaṃ nivedane.
๑๘๑. ทุติยาโรจเนติ ทุติยสฺส, ทุติยํ เอวํ อาโรจเนฯ
181.Dutiyārocaneti dutiyassa, dutiyaṃ evaṃ ārocane.
๑๘๒. ทฺวีหีติ ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิฯ กมฺมวาโจสาเนติ กมฺมวาจาโอสาเนฯ
182.Dvīhīti dvīhi kammavācāhi. Kammavācosāneti kammavācāosāne.
๑๘๓. ปริเกฺขเป อติกฺกเนฺตติ อตฺตโน คามโต คนฺตฺวา อิตรํ คามํ ปวิสนฺติยา ปฐเมน ปาเทน ตสฺส คามสฺส ปริเกฺขเป อติกฺกเนฺต, ปฐมปาเท ปริเกฺขปํ อติกฺกเมตฺวา อโนฺตคามสเงฺขปํ คเตติ อโตฺถฯ
183.Parikkhepe atikkanteti attano gāmato gantvā itaraṃ gāmaṃ pavisantiyā paṭhamena pādena tassa gāmassa parikkhepe atikkante, paṭhamapāde parikkhepaṃ atikkametvā antogāmasaṅkhepaṃ gateti attho.
๑๘๔. ทุติเยนาติ คามปริเกฺขปโต พหิ ฐิเตน ทุติยปาเทนฯ อติกฺกเนฺตติ ตสฺมิํ คามปริเกฺขเป อติกฺกเนฺต, ตสฺมิํ ปาเท อโนฺตคามํ ปเวสิเตติ อโตฺถฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
184.Dutiyenāti gāmaparikkhepato bahi ṭhitena dutiyapādena. Atikkanteti tasmiṃ gāmaparikkhepe atikkante, tasmiṃ pāde antogāmaṃ pavesiteti attho. Sesaṃ uttānatthameva.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา ภิกฺขุนิวิภเงฺค
Iti uttare līnatthapakāsaniyā bhikkhunivibhaṅge
สงฺฆาทิเสสกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Saṅghādisesakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๙๓. อิห ภิกฺขุนี ปตฺตสนฺนิจยํ กโรนฺตี โหติ, สา เอกํ นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํเยว ผุเสติ โยชนาฯ
193. Iha bhikkhunī pattasannicayaṃ karontī hoti, sā ekaṃ nissaggiyaṃ pācittiyaṃyeva phuseti yojanā.
๑๙๔. อกาลจีวรํ กาลจีวรํ กตฺวา ภาชาเปนฺติยาติ โยชนาฯ ปโยเคติ ภาชนปโยเคฯ
194.Akālacīvaraṃ kālacīvaraṃ katvā bhājāpentiyāti yojanā. Payogeti bhājanapayoge.
๑๙๕. ฉิเนฺนติ อจฺฉิเนฺนฯ
195.Chinneti acchinne.
๑๙๖. ตโต ปรนฺติ ตโต ปฐมโต อญฺญํฯ
196.Tato paranti tato paṭhamato aññaṃ.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา ภิกฺขุนิวิภเงฺค
Iti uttare līnatthapakāsaniyā bhikkhunivibhaṅge
นิสฺสคฺคิยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Nissaggiyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๑๙๙. ลสุณํ ขาทติ เจ, เทฺว อาปตฺติโย ผุฎาติ โยชนาฯ
199. Lasuṇaṃ khādati ce, dve āpattiyo phuṭāti yojanā.
๒๐๐. ปโยเคติ สํหาราปนปโยเคฯ สํหเฎติ อตฺตนา สํหเฎ, ปเรน สํหราปิเต จ อาปตฺติ ปาจิตฺติ โหติฯ
200.Payogeti saṃhārāpanapayoge. Saṃhaṭeti attanā saṃhaṭe, parena saṃharāpite ca āpatti pācitti hoti.
๒๐๑. กเตติ ตลฆาเต กเตฯ
201.Kateti talaghāte kate.
๒๐๒. ชตุนา มฎฺฐกนฺติ ชตุนา กตํ มฎฺฐทณฺฑกํฯ ‘‘ทุกฺกฎํ อาทิเนฺน’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
202.Jatunā maṭṭhakanti jatunā kataṃ maṭṭhadaṇḍakaṃ. ‘‘Dukkaṭaṃ ādinne’’ti padacchedo.
๒๐๔. ภุญฺชมานสฺส ภิกฺขุสฺส หตฺถปาเสติ โยชนาฯ หิตฺวา หตฺถปาสํฯ
204. Bhuñjamānassa bhikkhussa hatthapāseti yojanā. Hitvā hatthapāsaṃ.
๒๐๕. วิญฺญาเปตฺวาติ อนฺตมโส มาตรมฺปิ ยาจิตฺวาฯ อโชฺฌหาเร ปาจิตฺติํ ทีปเยติ โยชนาฯ
205.Viññāpetvāti antamaso mātarampi yācitvā. Ajjhohāre pācittiṃ dīpayeti yojanā.
๒๐๖. อุจฺจาราทินฺติ อาทิ-สเทฺทน วิฆาสสงฺการมุตฺตานํ คหณํฯ
206.Uccārādinti ādi-saddena vighāsasaṅkāramuttānaṃ gahaṇaṃ.
ลสุณวคฺควณฺณนา ปฐมาฯ
Lasuṇavaggavaṇṇanā paṭhamā.
๒๐๙. อิธ อิมสฺมิํ รตฺตนฺธการวเคฺคฯ ปฐเม, ทุติเย, ตติเย, จตุเตฺถปิ วินิจฺฉโย ลสุณวคฺคสฺส ฉเฎฺฐน สิกฺขาปเทน ตุโลฺย สทิโสติ โยชนาฯ
209.Idha imasmiṃ rattandhakāravagge. Paṭhame, dutiye, tatiye, catutthepi vinicchayo lasuṇavaggassa chaṭṭhena sikkhāpadena tulyo sadisoti yojanā.
๒๑๐. อาสเนติ ปลฺลเงฺก ตโสฺสกาสภูเตฯ สามิเก อนาปุจฺฉาติ ตสฺมิํ กุเล ยํ กิญฺจิ วิญฺญุมนุสฺสํ อนาปุจฺฉาฯ
210.Āsaneti pallaṅke tassokāsabhūte. Sāmike anāpucchāti tasmiṃ kule yaṃ kiñci viññumanussaṃ anāpucchā.
๒๑๑. อโนวสฺสนฺติ ภิตฺติยา พหิ นิพฺพโกสพฺภนฺตรํฯ ทุติยาติกฺกเมติ ทุติเยน ปาเทน นิพฺพโกสสฺส อุทกปาตฎฺฐานาติกฺกเมฯ
211.Anovassanti bhittiyā bahi nibbakosabbhantaraṃ. Dutiyātikkameti dutiyena pādena nibbakosassa udakapātaṭṭhānātikkame.
๒๑๒. นิสีทิเตติ นิสิเนฺนฯ
212.Nisīditeti nisinne.
๒๑๓. ปโยเคติ อุชฺฌาปนปโยเคฯ
213.Payogeti ujjhāpanapayoge.
๒๑๔. นิรยาทินา อตฺตานํ วา ปรํ วา อภิสเปฺปนฺตี สปถํ กโรนฺตี เทฺว ผุเสติ โยชนาฯ อภิสปฺปิเตติ อภิสปิเตฯ
214. Nirayādinā attānaṃ vā paraṃ vā abhisappentī sapathaṃ karontī dve phuseti yojanā. Abhisappiteti abhisapite.
๒๑๕. วธิตฺวาติ หตฺถาทีหิ ปหริตฺวาฯ ‘‘กโรติ เอก’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ
215.Vadhitvāti hatthādīhi paharitvā. ‘‘Karoti eka’’nti padacchedo.
รตฺตนฺธการวคฺควณฺณนา ทุติยาฯ
Rattandhakāravaggavaṇṇanā dutiyā.
๒๑๖. นคฺคาติ อนิวตฺถา วา อปารุตา วาฯ ปโยเคติ จุณฺณมตฺติกาอภิสงฺขรณาทิปโยเคฯ
216.Naggāti anivatthā vā apārutā vā. Payogeti cuṇṇamattikāabhisaṅkharaṇādipayoge.
๒๑๗. ปมาณาติกฺกนฺตนฺติ ‘‘ทีฆโสจตโสฺส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ เทฺว วิทตฺถิโย’’ติ (ปาจิ. ๘๘๘) วุตฺตปมาณมติกฺกนฺตํฯ ปโยเคติ การาปนปโยเคฯ
217.Pamāṇātikkantanti ‘‘dīghasocatasso vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ dve vidatthiyo’’ti (pāci. 888) vuttapamāṇamatikkantaṃ. Payogeti kārāpanapayoge.
๒๑๘. วิสิเพฺพตฺวาติ ทุสฺสิพฺพิตํ ปุน สิพฺพนตฺถาย วิสิเพฺพตฺวาฯ
218.Visibbetvāti dussibbitaṃ puna sibbanatthāya visibbetvā.
๒๑๙. ปญฺจ อหานิ ปญฺจาหํ, ปญฺจาหเมว ปญฺจาหิกํฯ สงฺฆาฎีนํ จาโร สงฺฆาฎิจาโร, ปริโภควเสน วา โอตาปนวเสน วา สงฺฆฎิตเฎฺฐน ‘‘สงฺฆาฎี’’ติ ลทฺธนามานํ ‘‘ติจีวรํ, อุทกสาฎิกา, สํกจฺจิกา’’ติ อิเมสํ ปญฺจนฺนํ จีวรานํ ปริวตฺตนํฯ อติกฺกเมติ ภิกฺขุนี อติกฺกเมยฺยฯ อสฺสา ปน เอกาว ปาจิตฺติ ปริทีปิตาติ โยชนาฯ
219. Pañca ahāni pañcāhaṃ, pañcāhameva pañcāhikaṃ. Saṅghāṭīnaṃ cāro saṅghāṭicāro, paribhogavasena vā otāpanavasena vā saṅghaṭitaṭṭhena ‘‘saṅghāṭī’’ti laddhanāmānaṃ ‘‘ticīvaraṃ, udakasāṭikā, saṃkaccikā’’ti imesaṃ pañcannaṃ cīvarānaṃ parivattanaṃ. Atikkameti bhikkhunī atikkameyya. Assā pana ekāva pācitti paridīpitāti yojanā.
๒๒๐. สงฺกมนียนฺติ สงฺกเมตพฺพํฯ อญฺญิสฺสา สนฺตกํ อนาปุจฺฉา คหิตํ ปุน ทาตพฺพํ ปญฺจนฺนํ อญฺญตรํฯ
220.Saṅkamanīyanti saṅkametabbaṃ. Aññissā santakaṃ anāpucchā gahitaṃ puna dātabbaṃ pañcannaṃ aññataraṃ.
๒๒๑. คณจีวรลาภสฺสาติ ภิกฺขุนิสเงฺฆน ลภิตพฺพจีวรสฺสฯ อนฺตรายํ กโรตีติ ยถา เต ทาตุกามา น เทนฺติ, เอวํ ปรกฺกมติฯ
221.Gaṇacīvaralābhassāti bhikkhunisaṅghena labhitabbacīvarassa. Antarāyaṃ karotīti yathā te dātukāmā na denti, evaṃ parakkamati.
๒๒๒. ธมฺมิกนฺติ สมเคฺคน สเงฺฆน สนฺนิปติตฺวา กริยมานํฯ ปฎิพาหนฺตีติ ปฎิเสเธนฺตีฯ ปฎิพาหิเต ปฎิเสธิเตฯ
222.Dhammikanti samaggena saṅghena sannipatitvā kariyamānaṃ. Paṭibāhantīti paṭisedhentī. Paṭibāhite paṭisedhite.
๒๒๓. อคาริกาทิโนติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘ปริพฺพาชกสฺส วา ปริพฺพาชิกาย วา’’ติ (ปารา. ๙๑๗) วุเตฺต สงฺคณฺหาติฯ สมณจีวรนฺติ กปฺปกตํ นิวาสนปารุปนุปคํฯ ปโยเคติ ทานปโยเคฯ
223.Agārikādinoti ādi-saddena ‘‘paribbājakassa vā paribbājikāya vā’’ti (pārā. 917) vutte saṅgaṇhāti. Samaṇacīvaranti kappakataṃ nivāsanapārupanupagaṃ. Payogeti dānapayoge.
๒๒๔. จีวเร ทุพฺพลาสายาติ ทุพฺพลจีวรปจฺจาสาย ‘‘สเจ สโกฺกม, ทสฺสามา’’ติ เอตฺตกมตฺตํ สุตฺวา อุปฺปาทิตาย อาสายาติ อโตฺถฯ กาลนฺติ จีวรกาลสมยํฯ สมติกฺกเมติ ภิกฺขุนีหิ กาลจีวเร ภาชิยมาเน ‘‘อาคเมถ, อเยฺย, อตฺถิ สงฺฆสฺส จีวรปจฺจาสา’’ติ วตฺวา ตํ จีวรวิภงฺคํ สมติกฺกเมยฺยฯ
224.Cīvare dubbalāsāyāti dubbalacīvarapaccāsāya ‘‘sace sakkoma, dassāmā’’ti ettakamattaṃ sutvā uppāditāya āsāyāti attho. Kālanti cīvarakālasamayaṃ. Samatikkameti bhikkhunīhi kālacīvare bhājiyamāne ‘‘āgametha, ayye, atthi saṅghassa cīvarapaccāsā’’ti vatvā taṃ cīvaravibhaṅgaṃ samatikkameyya.
๒๒๕. ธมฺมิกํ กถินุทฺธารนฺติ สมเคฺคน สเงฺฆน กริยมานํ กถินสฺส อนฺตรุพฺภารํฯ ปฎิพาหนฺติยาติ นิวาเรนฺติยาฯ
225.Dhammikaṃ kathinuddhāranti samaggena saṅghena kariyamānaṃ kathinassa antarubbhāraṃ. Paṭibāhantiyāti nivārentiyā.
นฺหานวคฺควณฺณนา ตติยาฯ
Nhānavaggavaṇṇanā tatiyā.
๒๒๖. ตุวเฎฺฎยฺยุนฺติ นิปเชฺชยฺยุํฯ อิตรํ ปาจิตฺติยํฯ
226.Tuvaṭṭeyyunti nipajjeyyuṃ. Itaraṃ pācittiyaṃ.
๒๒๗. ปโยเคติ ภิกฺขุนิยา อผาสุกกรณปโยเค กริยมาเนฯ
227.Payogeti bhikkhuniyā aphāsukakaraṇapayoge kariyamāne.
๒๒๘. ทุกฺขิตนฺติ คิลานํฯ นุปฎฺฐาเปนฺติยา วาปีติ ตสฺสา อุปฎฺฐานํ ปเรหิ อการาเปนฺติยา, สยํ วา อกโรนฺติยาฯ
228.Dukkhitanti gilānaṃ. Nupaṭṭhāpentiyā vāpīti tassā upaṭṭhānaṃ parehi akārāpentiyā, sayaṃ vā akarontiyā.
๒๒๙. อุปสฺสยํ ทตฺวาติ กวาฎพนฺธํ อตฺตโน ปุคฺคลิกวิหารํ ทตฺวาฯ กฑฺฒิเตติ นิกฺกฑฺฒิเตฯ
229.Upassayaṃ datvāti kavāṭabandhaṃ attano puggalikavihāraṃ datvā. Kaḍḍhiteti nikkaḍḍhite.
๒๓๐. สํสฎฺฐาติ คหปตินา วา คหปติปุเตฺตน วา สํสฎฺฐวิหารี ภิกฺขุนี สเงฺฆน สํสฎฺฐวิหารโต นิวตฺติยมานาฯ ญตฺติยา ทุกฺกฎํ ผุเสติ สมนุภาสนกมฺมญตฺติยา ทุกฺกฎํ อาปเชฺชยฺยฯ
230.Saṃsaṭṭhāti gahapatinā vā gahapatiputtena vā saṃsaṭṭhavihārī bhikkhunī saṅghena saṃsaṭṭhavihārato nivattiyamānā. Ñattiyā dukkaṭaṃ phuseti samanubhāsanakammañattiyā dukkaṭaṃ āpajjeyya.
๒๓๑. อโนฺตรเฎฺฐติ ยสฺส วิชิเต วิหรติ, ตสฺส รเฎฺฐฯ ปฎิปนฺนายาติ จาริกํ กเปฺปนฺติยาฯ เสสกนฺติ ปาจิตฺติยํฯ
231.Antoraṭṭheti yassa vijite viharati, tassa raṭṭhe. Paṭipannāyāti cārikaṃ kappentiyā. Sesakanti pācittiyaṃ.
ตุวฎฺฎวคฺควณฺณนา จตุตฺถาฯ
Tuvaṭṭavaggavaṇṇanā catutthā.
๒๓๓. ราชาคาราทิกนฺติ อาทิ-สเทฺทน จิตฺตาคาราทีนํ คหณํฯ
233.Rājāgārādikanti ādi-saddena cittāgārādīnaṃ gahaṇaṃ.
๒๓๕. ปโยเคติ กปฺปาสวิจารณํ อาทิํ กตฺวา สพฺพปโยเคฯ อุชฺชวุชฺชวเนติ ยตฺตกํ หเตฺถน อญฺฉิตํ โหติ, ตสฺมิํ ตกฺกมฺหิ เวฐิเตฯ
235.Payogeti kappāsavicāraṇaṃ ādiṃ katvā sabbapayoge. Ujjavujjavaneti yattakaṃ hatthena añchitaṃ hoti, tasmiṃ takkamhi veṭhite.
๒๓๗. ปโยเคติ อคาริกสฺส วา ปริพฺพาชกสฺส วา ปริพฺพาชิกาย วา สหตฺถา ขาทนียาทีนํ ทานปโยเคฯ
237.Payogeti agārikassa vā paribbājakassa vā paribbājikāya vā sahatthā khādanīyādīnaṃ dānapayoge.
๒๓๘. ‘‘สมํ อาปตฺติปเภทโต’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
238. ‘‘Samaṃ āpattipabhedato’’ti padacchedo.
๒๓๙. ติรจฺฉานคตํ วิชฺชนฺติ ยํ กิญฺจิ พาหิรกํ อนตฺถสํหิตํ ปรูปฆาตกรํ หตฺถิสิกฺขาทิสิปฺปํ ฯ ปฐนฺติยาติ สิกฺขนฺติยาฯ ปโยเคติ ทุรุปสงฺกมนาทิปโยเคฯ ปเท ปเทติ ปทาทิวเสน ปริยาปุณนฺติยา ปเท ปเท อกฺขรปทานํ วเสนฯ
239.Tiracchānagataṃvijjanti yaṃ kiñci bāhirakaṃ anatthasaṃhitaṃ parūpaghātakaraṃ hatthisikkhādisippaṃ . Paṭhantiyāti sikkhantiyā. Payogeti durupasaṅkamanādipayoge. Pade padeti padādivasena pariyāpuṇantiyā pade pade akkharapadānaṃ vasena.
๒๔๐. นวเม ‘‘ปริยาปุณาตี’’ติ ปทํ, ทสเม ‘‘วาเจตี’’ติ ปทนฺติ เอวํ ปทมตฺตเมว อุภินฺนํ วิเสสกํ เภทกํฯ
240. Navame ‘‘pariyāpuṇātī’’ti padaṃ, dasame ‘‘vācetī’’ti padanti evaṃ padamattameva ubhinnaṃ visesakaṃ bhedakaṃ.
จิตฺตาคารวคฺควณฺณนา ปญฺจมาฯ
Cittāgāravaggavaṇṇanā pañcamā.
๒๔๑. ตมารามนฺติ ยตฺถ ภิกฺขู รุกฺขมูเลปิ วสนฺติ, ตํ สภิกฺขุกํ ปเทสํฯ
241.Tamārāmanti yattha bhikkhū rukkhamūlepi vasanti, taṃ sabhikkhukaṃ padesaṃ.
๒๔๓. อโกฺกสตีติ ทสนฺนํ อโกฺกสวตฺถูนํ อญฺญตเรน สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา อโกฺกสติฯ ปริภาสตีติ ภยทสฺสเนน ตเชฺชติฯ ‘‘ปาจิตฺติ อโกฺกสิเต’’ติ ปทเจฺฉโทฯ
243.Akkosatīti dasannaṃ akkosavatthūnaṃ aññatarena sammukhā vā parammukhā vā akkosati. Paribhāsatīti bhayadassanena tajjeti. ‘‘Pācitti akkosite’’ti padacchedo.
๒๔๔. จณฺฑิกภาเวนาติ โกเธนฯ คณนฺติ ภิกฺขุนิสงฺฆํฯ ปริภาสตีติ ‘‘พาลา เอตา’’ติอาทีหิ วจเนหิ อโกฺกสติฯ ปโยเคติ ปริภาสนปโยเคฯ ปริภเฎฺฐติ อโกฺกสิเตฯ อิตรํ ปาจิตฺติยํฯ
244.Caṇḍikabhāvenāti kodhena. Gaṇanti bhikkhunisaṅghaṃ. Paribhāsatīti ‘‘bālā etā’’tiādīhi vacanehi akkosati. Payogeti paribhāsanapayoge. Paribhaṭṭheti akkosite. Itaraṃ pācittiyaṃ.
๒๔๕. นิมนฺติตาติ คณโภชเน วุตฺตนเยน นิมนฺติตาฯ ปวาริตาติ ปวารณสิกฺขาปเท วุตฺตนเยน วาริตาฯ ขาทนํ โภชนมฺปิ วาติ ยาคุปูวขชฺชกํ, ยาวกาลิกํ มูลขาทนียาทิขาทนียํ, โอทนาทิโภชนมฺปิ วา ยา ภิกฺขุนี ภุญฺชนฺตี โหติ, สา ปน เทฺวเยว อาปตฺติโย ผุเสติ โยชนาฯ
245.Nimantitāti gaṇabhojane vuttanayena nimantitā. Pavāritāti pavāraṇasikkhāpade vuttanayena vāritā. Khādanaṃ bhojanampi vāti yāgupūvakhajjakaṃ, yāvakālikaṃ mūlakhādanīyādikhādanīyaṃ, odanādibhojanampi vā yā bhikkhunī bhuñjantī hoti, sā pana dveyeva āpattiyo phuseti yojanā.
๒๔๗. มจฺฉรายนฺตีติ มจฺฉรํ กโรนฺตี, อตฺตโน ปจฺจยทายกกุลสฺส อเญฺญหิ สาธารณภาวํ อสหนฺตีติ อโตฺถ ฯ ปโยเคติ ตทนุรูเป กายวจีปโยเคฯ มจฺฉริเตติ มจฺฉรวเสน กตปโยเค นิปฺผเนฺนฯ
247.Maccharāyantīti maccharaṃ karontī, attano paccayadāyakakulassa aññehi sādhāraṇabhāvaṃ asahantīti attho . Payogeti tadanurūpe kāyavacīpayoge. Macchariteti maccharavasena katapayoge nipphanne.
๒๔๘. อภิกฺขุเก ปนาวาเสติ ยโต ภิกฺขุนุปสฺสยโต อทฺธโยชนพฺภนฺตเร โอวาททายกา ภิกฺขู น วสนฺติ, มโคฺค วา อเขโม โหติ, น สกฺกา อนนฺตราเยน คนฺตุํ, เอวรูเป อาวาเสฯ ปุพฺพกิเจฺจสูติ ‘‘วสฺสํ วสิสฺสามี’’ติ เสนาสนปญฺญาปนปานียอุปฎฺฐาปนาทิปุพฺพกิเจฺจ ปน กริยมาเน ทุกฺกฎํ ภเวติ โยชนาฯ
248.Abhikkhuke panāvāseti yato bhikkhunupassayato addhayojanabbhantare ovādadāyakā bhikkhū na vasanti, maggo vā akhemo hoti, na sakkā anantarāyena gantuṃ, evarūpe āvāse. Pubbakiccesūti ‘‘vassaṃ vasissāmī’’ti senāsanapaññāpanapānīyaupaṭṭhāpanādipubbakicce pana kariyamāne dukkaṭaṃ bhaveti yojanā.
๒๔๙. วสฺสํวุตฺถาติ ปุริมํ วา ปจฺฉิมํ วา เตมาสํ วุตฺถาฯ อุภโตสเงฺฆติ ภิกฺขุนิสเงฺฆ, ภิกฺขุสเงฺฆ จฯ ตีหิปิ ฐาเนหีติ ‘‘ทิเฎฺฐน วา’’ติอาทินา วุเตฺตหิ ตีหิ การเณหิฯ
249.Vassaṃvutthāti purimaṃ vā pacchimaṃ vā temāsaṃ vutthā. Ubhatosaṅgheti bhikkhunisaṅghe, bhikkhusaṅghe ca. Tīhipi ṭhānehīti ‘‘diṭṭhena vā’’tiādinā vuttehi tīhi kāraṇehi.
๒๕๐. โอวาทตฺถายาติ ครุธโมฺมวาทนตฺถายฯ สํวาสตฺถายาติ อุโปสถปุจฺฉนตฺถาย เจว ปวารณตฺถาย จฯ น คจฺฉตีติ ภิกฺขุํ น อุปคจฺฉติฯ
250.Ovādatthāyāti garudhammovādanatthāya. Saṃvāsatthāyāti uposathapucchanatthāya ceva pavāraṇatthāya ca. Na gacchatīti bhikkhuṃ na upagacchati.
๒๕๑. โอวาทมฺปิ น ยาจนฺตีติ อุโปสถาทิวเสน โอวาทูปสงฺกมนํ ภิกฺขุํ น ยาจนฺตี น ปุจฺฉนฺตีฯ อุโปสถนฺติ อุโปสถทิวสโต ปุริมทิวเส เตรสิยํ วา จาตุทฺทสิยํ วา อุโปสถํ น ปุจฺฉนฺตีฯ
251.Ovādampi na yācantīti uposathādivasena ovādūpasaṅkamanaṃ bhikkhuṃ na yācantī na pucchantī. Uposathanti uposathadivasato purimadivase terasiyaṃ vā cātuddasiyaṃ vā uposathaṃ na pucchantī.
๒๕๒. อปุจฺฉิตฺวาว สงฺฆํ วาติ สงฺฆํ วา คณํ วา อนปโลเกตฺวาวฯ ‘‘เภทาเปตี’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ ‘‘ผาลาเปยฺย วา โธวาเปยฺย วา อาลิมฺปาเปยฺย วา พนฺธาเปยฺย วา โมจาเปยฺย วา’’ติ อิเมสมฺปิ กิริยาวิกปฺปานํ สงฺคเหตพฺพตฺตาฯ ปสาขชนฺติ นาภิยา เหฎฺฐา, ชาณุมณฺฑลานํ อุปริ ปเทเส ชาตํ คณฺฑํ วา รุธิตํ วาฯ ปโยเคติ เภทาปนาทิปโยเคฯ
252.Apucchitvāva saṅghaṃ vāti saṅghaṃ vā gaṇaṃ vā anapaloketvāva. ‘‘Bhedāpetī’’ti idaṃ nidassanamattaṃ ‘‘phālāpeyya vā dhovāpeyya vā ālimpāpeyya vā bandhāpeyya vā mocāpeyya vā’’ti imesampi kiriyāvikappānaṃ saṅgahetabbattā. Pasākhajanti nābhiyā heṭṭhā, jāṇumaṇḍalānaṃ upari padese jātaṃ gaṇḍaṃ vā rudhitaṃ vā. Payogeti bhedāpanādipayoge.
อารามวคฺควณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Ārāmavaggavaṇṇanā chaṭṭhā.
๒๕๓. คพฺภินินฺติ อาปนฺนสตฺตํ สิกฺขมานํฯ วุฎฺฐาเปนฺตีติ อุปชฺฌายา หุตฺวา อุปสมฺปาเทนฺตีฯ ปโยเคติ คณปริเยสนาทิปโยเคฯ วุฎฺฐาปิเตติ อุปสมฺปาทิเต, กมฺมวาจาปริโยสาเนติ อโตฺถฯ
253.Gabbhininti āpannasattaṃ sikkhamānaṃ. Vuṭṭhāpentīti upajjhāyā hutvā upasampādentī. Payogeti gaṇapariyesanādipayoge. Vuṭṭhāpiteti upasampādite, kammavācāpariyosāneti attho.
๒๕๕. สหชีวินินฺติ สทฺธิวิหารินิํฯ นานุคฺคณฺหนฺตีติ อุเทฺทสทานาทีหิ น สงฺคณฺหนฺตีฯ
255.Sahajīvininti saddhivihāriniṃ. Nānuggaṇhantīti uddesadānādīhi na saṅgaṇhantī.
คพฺภินิวคฺควณฺณนา สตฺตมาฯ
Gabbhinivaggavaṇṇanā sattamā.
๒๕๘. ‘‘อลํ วุฎฺฐาปิเตนา’’ติ วุจฺจมานา ภิกฺขุนีหิ นิวาริยมานาฯ ขียตีติ อญฺญาสํ พฺยตฺตานํ ลชฺชีนํ วุฎฺฐานสมฺมุติํ ทียมานํ ทิสฺวา ‘‘อหเมว นูน พาลา’’ติอาทินา ภณมานา ขียติฯ ปโยเคติ ขียมานปโยเคฯ ขียิเตติ ขียนปโยเค นิฎฺฐิเตฯ
258. ‘‘Alaṃ vuṭṭhāpitenā’’ti vuccamānā bhikkhunīhi nivāriyamānā. Khīyatīti aññāsaṃ byattānaṃ lajjīnaṃ vuṭṭhānasammutiṃ dīyamānaṃ disvā ‘‘ahameva nūna bālā’’tiādinā bhaṇamānā khīyati. Payogeti khīyamānapayoge. Khīyiteti khīyanapayoge niṭṭhite.
กุมาริภูตวคฺควณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Kumāribhūtavaggavaṇṇanā aṭṭhamā.
๒๖๐. ฉตฺตุปาหนนฺติ วุตฺตลกฺขณํ ฉตฺตญฺจ อุปาหนาโย จฯ ปโยเคติ ธารณปโยเคฯ
260.Chattupāhananti vuttalakkhaṇaṃ chattañca upāhanāyo ca. Payogeti dhāraṇapayoge.
๒๖๑. ยาเนนาติ วยฺหาทินาฯ ยายนฺตีติ สเจ ยาเนน คตา โหติฯ
261.Yānenāti vayhādinā. Yāyantīti sace yānena gatā hoti.
๒๖๒. สงฺฆาณินฺติ ยํ กิญฺจิ กฎูปคํฯ ธาเรนฺติยาติ กฎิยํ ปฎิมุจฺจนฺติยาฯ
262.Saṅghāṇinti yaṃ kiñci kaṭūpagaṃ. Dhārentiyāti kaṭiyaṃ paṭimuccantiyā.
๒๖๓. คนฺธวเณฺณนาติ เยน เกนจิ วเณฺณน จ เยน เกนจิ คเนฺธน จฯ คโนฺธ นาม จนฺทนาเลปาทิฯ วโณฺณ นาม กุงฺกุมหลิทฺทาทิฯ ปโยเคติ คนฺธาทิปโยเค รจนโต ปฎฺฐาย ปุพฺพปโยเคฯ
263.Gandhavaṇṇenāti yena kenaci vaṇṇena ca yena kenaci gandhena ca. Gandho nāma candanālepādi. Vaṇṇo nāma kuṅkumahaliddādi. Payogeti gandhādipayoge racanato paṭṭhāya pubbapayoge.
๒๖๖. อนาปุจฺฉาติ ‘‘นิสีทามิ, อยฺยา’’ติ อนาปุจฺฉิตฺวาฯ นิสีทิเต ภิกฺขุสฺส อุปจาเร อนฺตมโส ฉมาย นิสิเนฺนฯ
266.Anāpucchāti ‘‘nisīdāmi, ayyā’’ti anāpucchitvā. Nisīdite bhikkhussa upacāre antamaso chamāya nisinne.
๒๖๗. อโนกาสกตนฺติ ‘‘อสุกสฺมิํ นาม ฐาเน ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ เอวํ อกตโอกาสํฯ
267.Anokāsakatanti ‘‘asukasmiṃ nāma ṭhāne pucchissāmī’’ti evaṃ akataokāsaṃ.
๒๖๘. ปวิสนฺติยาติ วินิจฺฉยํ อารามวคฺคสฺส ปฐเมเนว สิกฺขาปเทน สทิสํ กตฺวา วเทยฺยาติ โยชนาฯ
268.Pavisantiyāti vinicchayaṃ ārāmavaggassa paṭhameneva sikkhāpadena sadisaṃ katvā vadeyyāti yojanā.
ฉตฺตุปาหนวคฺควณฺณนา นวมาฯ
Chattupāhanavaggavaṇṇanā navamā.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา ภิกฺขุนิวิภเงฺค
Iti uttare līnatthapakāsaniyā bhikkhunivibhaṅge
ปาจิตฺติยกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Pācittiyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
๒๖๙-๗๐. อฎฺฐสุ ปาฎิเทสนียสิกฺขาปเทสุปิ ทฺวิธา อาปตฺติ โหตีติ โยชนาฯ ตโตติ คหณเหตุฯ สเพฺพสูติ ปาฎิเทสนียสิกฺขาปเทสุฯ
269-70. Aṭṭhasu pāṭidesanīyasikkhāpadesupi dvidhā āpatti hotīti yojanā. Tatoti gahaṇahetu. Sabbesūti pāṭidesanīyasikkhāpadesu.
ปาฎิเทสนียกถาวณฺณนาฯ
Pāṭidesanīyakathāvaṇṇanā.
๒๗๑-๒. อิมํ ปรมํ อุตฺตมํ นิรุตฺตรํ เกนจิ วา วตฺตเพฺพน อุตฺตเรน รหิตํ นิโทฺทสํ อุตฺตรํ เอวํนามกํ ธีโร ปญฺญวา ภิกฺขุ อตฺถวเสน วิทิตฺวา ทุรุตฺตรํ กิเจฺฉน อุตฺตริตพฺพํ ปญฺญตฺตมหาสมุทฺทํ วินยมหาสาครํ สุเขเนว ยสฺมา อุตฺตรติ, ตสฺมา กงฺขเจฺฉเท วินยวิจิกิจฺฉาย ฉินฺทเน สเตฺถ สตฺถสทิเส อสฺมิํ สเตฺถ อิมสฺมิํ อุตฺตรปกรเณ อุสฺมายุโตฺต กมฺมชเตโชธาตุยา สมนฺนาคโต ชีวมาโน ภิกฺขุ นิจฺจํ นิรนฺตรํ สโตฺต อภิรโต นิจฺจํ โยคํ สตตาภิโยคํ กาตุํ ยุโตฺต อนุรูโปติ โยชนาฯ
271-2. Imaṃ paramaṃ uttamaṃ niruttaraṃ kenaci vā vattabbena uttarena rahitaṃ niddosaṃ uttaraṃ evaṃnāmakaṃ dhīro paññavā bhikkhu atthavasena viditvā duruttaraṃ kicchena uttaritabbaṃ paññattamahāsamuddaṃ vinayamahāsāgaraṃ sukheneva yasmā uttarati, tasmā kaṅkhacchede vinayavicikicchāya chindane satthe satthasadise asmiṃ satthe imasmiṃ uttarapakaraṇe usmāyutto kammajatejodhātuyā samannāgato jīvamāno bhikkhu niccaṃ nirantaraṃ satto abhirato niccaṃ yogaṃ satatābhiyogaṃ kātuṃ yutto anurūpoti yojanā.
ภิกฺขุนิวิภโงฺค นิฎฺฐิโตติ เอตฺถาปิ อุปฺปตฺติ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Bhikkhunivibhaṅgo niṭṭhitoti etthāpi uppatti vuttanayeneva veditabbā.
อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา
Iti uttare līnatthapakāsaniyā
ภิกฺขุนิวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Bhikkhunivibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.