Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi |
๘. ภิกฺขุโนวาทวโคฺค
8. Bhikkhunovādavaggo
๔๕๐. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพํ, อวนฺทิโย โส ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆนฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? วิวริตฺวา กายํ ภิกฺขุนีนํ ทเสฺสติ, อูรุํ ทเสฺสติ, องฺคชาตํ ทเสฺสติ, อุโภ อํสกูเฎ ทเสฺสติ, โอภาสติ, คิหี สมฺปโยเชติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพํฯ อวนฺทิโย โส ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆนฯ
450. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabba’’nti? ‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabbaṃ, avandiyo so bhikkhu bhikkhunisaṅghena. Katamehi pañcahi? Vivaritvā kāyaṃ bhikkhunīnaṃ dasseti, ūruṃ dasseti, aṅgajātaṃ dasseti, ubho aṃsakūṭe dasseti, obhāsati, gihī sampayojeti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabbaṃ. Avandiyo so bhikkhu bhikkhunisaṅghena.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพํ, อวนฺทิโย โส ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆนฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ภิกฺขุนีนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขุนีนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขุนีนํ อวาสาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขุนิโย อโกฺกสติ ปริภาสติ, ภิกฺขู ภิกฺขุนีหิ เภเทติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพํ, อวนฺทิโย โส ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆนฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabbaṃ, avandiyo so bhikkhu bhikkhunisaṅghena. Katamehi pañcahi? Bhikkhunīnaṃ alābhāya parisakkati, bhikkhunīnaṃ anatthāya parisakkati, bhikkhunīnaṃ avāsāya parisakkati, bhikkhuniyo akkosati paribhāsati, bhikkhū bhikkhunīhi bhedeti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabbaṃ, avandiyo so bhikkhu bhikkhunisaṅghena.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพํ, อวนฺทิโย โส ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆนฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ภิกฺขุนีนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขุนีนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขุนีนํ อวาสาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขุนิโย อโกฺกสติ ปริภาสติ, ภิกฺขู ภิกฺขุนีหิ สมฺปโยเชติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขุนิสเงฺฆเนว กมฺมํ กาตพฺพํ, อวนฺทิโย โส ภิกฺขุ ภิกฺขุนิสเงฺฆนา’’ติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabbaṃ, avandiyo so bhikkhu bhikkhunisaṅghena. Katamehi pañcahi? Bhikkhunīnaṃ alābhāya parisakkati, bhikkhunīnaṃ anatthāya parisakkati, bhikkhunīnaṃ avāsāya parisakkati, bhikkhuniyo akkosati paribhāsati, bhikkhū bhikkhunīhi sampayojeti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatassa bhikkhuno bhikkhunisaṅgheneva kammaṃ kātabbaṃ, avandiyo so bhikkhu bhikkhunisaṅghenā’’ti.
๔๕๑. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ? ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? วิวริตฺวา กายํ ภิกฺขูนํ ทเสฺสติ, อูรุํ ทเสฺสติ, องฺคชาตํ ทเสฺสติ, อุโภ อํสกูเฎ ทเสฺสติ, โอภาสติ, คิหี สมฺปโยเชติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพํฯ
451. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabba’’nti? Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabbaṃ. Katamehi pañcahi? Vivaritvā kāyaṃ bhikkhūnaṃ dasseti, ūruṃ dasseti, aṅgajātaṃ dasseti, ubho aṃsakūṭe dasseti, obhāsati, gihī sampayojeti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabbaṃ.
‘‘อปเรหิปิ , อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อวาสาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขู อโกฺกสติ ปริภาสติ, ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูหิ เภเทติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพํฯ
‘‘Aparehipi , upāli, pañcahaṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabbaṃ. Katamehi pañcahi? Bhikkhūnaṃ alābhāya parisakkati, bhikkhūnaṃ anatthāya parisakkati, bhikkhūnaṃ avāsāya parisakkati, bhikkhū akkosati paribhāsati, bhikkhuniyo bhikkhūhi bhedeti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabbaṃ.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพํฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? ภิกฺขูนํ อลาภาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อนตฺถาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขูนํ อวาสาย ปริสกฺกติ, ภิกฺขู อโกฺกสติ ปริภาสติ, ภิกฺขุนิโย ภิกฺขูหิ สมฺปโยเชติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคตาย ภิกฺขุนิยา กมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabbaṃ. Katamehi pañcahi? Bhikkhūnaṃ alābhāya parisakkati, bhikkhūnaṃ anatthāya parisakkati, bhikkhūnaṃ avāsāya parisakkati, bhikkhū akkosati paribhāsati, bhikkhuniyo bhikkhūhi sampayojeti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatāya bhikkhuniyā kammaṃ kātabba’’nti.
๔๕๒. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพ’’ติ? ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อลชฺชี จ โหติ, พาโล จ, อปกตโตฺต จ, จาวนาธิปฺปาโย วตฺตา โหติ, โน วุฎฺฐานาธิปฺปาโย – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ
452. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo’’ti? ‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo. Katamehi pañcahi? Alajjī ca hoti, bālo ca, apakatatto ca, cāvanādhippāyo vattā hoti, no vuṭṭhānādhippāyo – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ, อปริสุทฺธวจีสมาจาโร โหติ, อปริสุทฺธาชีโว โหติ, พาโล โหติ, อพฺยโตฺต, น ปฎิพโล อนุยุญฺชิยมาโน อนุโยคํ ทาตุํ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo. Katamehi pañcahi? Aparisuddhakāyasamācāro hoti, aparisuddhavacīsamācāro hoti, aparisuddhājīvo hoti, bālo hoti, abyatto, na paṭibalo anuyuñjiyamāno anuyogaṃ dātuṃ – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? กายิเกน อนาจาเรน สมนฺนาคโต โหติ, วาจสิเกน อนาจาเรน สมนฺนาคโต โหติ, กายิกวาจสิเกน อนาจาเรน สมนฺนาคโต โหติ, ภิกฺขุนีนํ อโกฺกสกปริภาสโก โหติ, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สํสโฎฺฐ วิหรติ อนนุโลมิเกน สํสเคฺคน – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo. Katamehi pañcahi? Kāyikena anācārena samannāgato hoti, vācasikena anācārena samannāgato hoti, kāyikavācasikena anācārena samannāgato hoti, bhikkhunīnaṃ akkosakaparibhāsako hoti, bhikkhunīhi saddhiṃ saṃsaṭṭho viharati ananulomikena saṃsaggena – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo.
‘‘อปเรหิปิ , อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อลชฺชี จ โหติ, พาโล จ, อปกตโตฺต จ, ภณฺฑนการโก จ โหติ กลหการโก, สิกฺขาย จ น ปริปูริการี – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น ฐเปตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Aparehipi , upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo. Katamehi pañcahi? Alajjī ca hoti, bālo ca, apakatatto ca, bhaṇḍanakārako ca hoti kalahakārako, sikkhāya ca na paripūrikārī – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na ṭhapetabbo’’ti.
๔๕๓. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น คเหตโพฺพ’’ติ? ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น คเหตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? กายิเกน อนาจาเรน สมนฺนาคโต โหติ, วาจสิเกน อนาจาเรน สมนฺนาคโต โหติ, กายิกวาจสิเกน อนาจาเรน สมนฺนาคโต โหติ, ภิกฺขุนีนํ อโกฺกสกปริภาสโก โหติ, ภิกฺขุนีหิ สทฺธิํ สํสโฎฺฐ วิหรติ อนนุโลมิเกน สํสเคฺคน – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น คเหตโพฺพฯ
453. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na gahetabbo’’ti? ‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na gahetabbo. Katamehi pañcahi? Kāyikena anācārena samannāgato hoti, vācasikena anācārena samannāgato hoti, kāyikavācasikena anācārena samannāgato hoti, bhikkhunīnaṃ akkosakaparibhāsako hoti, bhikkhunīhi saddhiṃ saṃsaṭṭho viharati ananulomikena saṃsaggena – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na gahetabbo.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น คเหตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อลชฺชี จ โหติ, พาโล จ, อปกตโตฺต จ, คมิโก วา โหติ, คิลาโน วา – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา ภิกฺขุนีนํ โอวาโท น คเหตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na gahetabbo. Katamehi pañcahi? Alajjī ca hoti, bālo ca, apakatatto ca, gamiko vā hoti, gilāno vā – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā bhikkhunīnaṃ ovādo na gahetabbo’’ti.
๔๕๔. ‘‘กติหิ นุ โข, ภเนฺต, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ น สากจฺฉิตโพฺพ’’ติ? ‘‘ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ น สากจฺฉิตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น อเสเกฺขน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสเกฺขน สมาธิกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสเกฺขน ปญฺญากฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสเกฺขน วิมุตฺติกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, น อเสเกฺขน วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ น สากจฺฉิตโพฺพฯ ปญฺจหุปาลิ, อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ สากจฺฉิตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อเสเกฺขน สีลกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน สมาธิกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน ปญฺญากฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ , อเสเกฺขน วิมุตฺติกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเกฺขน วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธน สมนฺนาคโต โหติ – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ สากจฺฉิตโพฺพฯ
454. ‘‘Katihi nu kho, bhante, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ na sākacchitabbo’’ti? ‘‘Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ na sākacchitabbo. Katamehi pañcahi? Na asekkhena sīlakkhandhena samannāgato hoti, na asekkhena samādhikkhandhena samannāgato hoti, na asekkhena paññākkhandhena samannāgato hoti, na asekkhena vimuttikkhandhena samannāgato hoti, na asekkhena vimuttiñāṇadassanakkhandhena samannāgato hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ na sākacchitabbo. Pañcahupāli, aṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ sākacchitabbo. Katamehi pañcahi? Asekkhena sīlakkhandhena samannāgato hoti, asekkhena samādhikkhandhena samannāgato hoti, asekkhena paññākkhandhena samannāgato hoti , asekkhena vimuttikkhandhena samannāgato hoti, asekkhena vimuttiñāṇadassanakkhandhena samannāgato hoti – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ sākacchitabbo.
‘‘อปเรหิปิ, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ น สากจฺฉิตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? น อตฺถปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, น ธมฺมปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, น นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, น ปฎิภานปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ น ปจฺจเวกฺขิตา – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ น สากจฺฉิตโพฺพฯ ปญฺจหุปาลิ , อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ สากจฺฉิตโพฺพฯ กตเมหิ ปญฺจหิ? อตฺถปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, ธมฺมปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, นิรุตฺติปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, ปฎิภานปฎิสมฺภิทาปโตฺต โหติ, ยถาวิมุตฺตํ จิตฺตํ ปจฺจเวกฺขิตา – อิเมหิ โข, อุปาลิ, ปญฺจหเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ภิกฺขุนา สทฺธิํ สากจฺฉิตโพฺพ’’ติฯ
‘‘Aparehipi, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ na sākacchitabbo. Katamehi pañcahi? Na atthapaṭisambhidāpatto hoti, na dhammapaṭisambhidāpatto hoti, na niruttipaṭisambhidāpatto hoti, na paṭibhānapaṭisambhidāpatto hoti, yathāvimuttaṃ cittaṃ na paccavekkhitā – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ na sākacchitabbo. Pañcahupāli , aṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ sākacchitabbo. Katamehi pañcahi? Atthapaṭisambhidāpatto hoti, dhammapaṭisambhidāpatto hoti, niruttipaṭisambhidāpatto hoti, paṭibhānapaṭisambhidāpatto hoti, yathāvimuttaṃ cittaṃ paccavekkhitā – imehi kho, upāli, pañcahaṅgehi samannāgatena bhikkhunā saddhiṃ sākacchitabbo’’ti.
ภิกฺขุโนวาทวโคฺค นิฎฺฐิโต อฎฺฐโมฯ
Bhikkhunovādavaggo niṭṭhito aṭṭhamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
ภิกฺขุนีเหว กาตพฺพํ, อปเรหิ ตถา ทุเว;
Bhikkhunīheva kātabbaṃ, aparehi tathā duve;
ภิกฺขุนีนํ ตโย กมฺมา, น ฐเปตพฺพา เทฺว ทุกา;
Bhikkhunīnaṃ tayo kammā, na ṭhapetabbā dve dukā;
น คเหตพฺพา เทฺว วุตฺตา, สากจฺฉาสุ จ เทฺว ทุกาติฯ
Na gahetabbā dve vuttā, sākacchāsu ca dve dukāti.
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā / ภิกฺขุโนวาทวคฺควณฺณนา • Bhikkhunovādavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ภิกฺขุโนวาทวคฺควณฺณนา • Bhikkhunovādavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภิกฺขุโนวาทวคฺควณฺณนา • Bhikkhunovādavaggavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โวหารวคฺคาทิวณฺณนา • Vohāravaggādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ภิกฺขุโนวาทวคฺควณฺณนา • Bhikkhunovādavaggavaṇṇanā