Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. ภิกฺขุนุปสฺสยสุตฺตวณฺณนา
10. Bhikkhunupassayasuttavaṇṇanā
๓๗๖. ทสเม เตนุปสงฺกมีติ ตสฺมิํ อุปสฺสเย กมฺมฎฺฐานกมฺมิกา ภิกฺขุนิโย อตฺถิ, ตาสํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา กมฺมฎฺฐานํ กเถสฺสามีติ อุปสงฺกมิฯ อุฬารํ ปุเพฺพนาปรํ วิเสสนฺติ ปุพฺพวิเสสโต อปรํ อุฬารวิเสสํฯ ตตฺถ มหาภูตปริคฺคโห ปุพฺพวิเสโส, อุปาทารูปปริคฺคโห อปรวิเสโส นามฯ ตถา สกลรูปปริคฺคโห ปุพฺพวิเสโส, อรูปปริคฺคโห อปรวิเสโส นามฯ รูปารูปปริคฺคโห ปุพฺพวิเสโส, ปจฺจยปริคฺคโห อปรวิเสโส นาม สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ ปุพฺพวิเสโส, ติลกฺขณาโรปนํ อปรวิเสโส นามฯ เอวํ ปุเพฺพนาปรํ อุฬารวิเสสํ ชานาตีติ อโตฺถฯ
376. Dasame tenupasaṅkamīti tasmiṃ upassaye kammaṭṭhānakammikā bhikkhuniyo atthi, tāsaṃ ussukkāpetvā kammaṭṭhānaṃ kathessāmīti upasaṅkami. Uḷāraṃ pubbenāparaṃ visesanti pubbavisesato aparaṃ uḷāravisesaṃ. Tattha mahābhūtapariggaho pubbaviseso, upādārūpapariggaho aparaviseso nāma. Tathā sakalarūpapariggaho pubbaviseso, arūpapariggaho aparaviseso nāma. Rūpārūpapariggaho pubbaviseso, paccayapariggaho aparaviseso nāma sappaccayanāmarūpadassanaṃ pubbaviseso, tilakkhaṇāropanaṃ aparaviseso nāma. Evaṃ pubbenāparaṃ uḷāravisesaṃ jānātīti attho.
กายารมฺมโณติ ยํ กายํ อนุปสฺสติ, ตเมว อารมฺมณํ กตฺวา อุปฺปชฺชติ กิเลสปริฬาโหฯ พหิทฺธา วา จิตฺตํ วิกฺขิปตีติ พหิทฺธา วา ปุถุตฺตารมฺมเณ จิตฺตุปฺปาโท วิกฺขิปติฯ กิสฺมิญฺจิเทว ปสาทนีเย นิมิเตฺต จิตฺตํ ปณิทหิตพฺพนฺติ เอวํ กิเลสปริฬาเห จ ลีนเตฺต จ พหิทฺธาวิเกฺขเป จ อุปฺปเนฺน กิเลสานุรญฺชิเตน น วตฺติตพฺพํ, กิสฺมิญฺจิเทว ปสาทนีเย ปสาทาวเห พุทฺธาทีสุ อญฺญตรสฺมิํ ฐาเน กมฺมฎฺฐานจิตฺตํ ฐเปตพฺพํฯ จิตฺตํ สมาธิยตีติ อารมฺมเณ สมฺมา อาธิยติ สุฎฺฐุ ฐปิตํ ฐปิยติฯ ปฎิสํหรามีติ ปสาทนียฎฺฐานโต ปฎิสํหรามิ, มูลกมฺมฎฺฐานาภิมุขํเยว นํ กโรมีติ อโตฺถฯ โส ปฎิสํหรติ เจวาติ มูลกมฺมฎฺฐานาภิมุขญฺจ เปเสติฯ น จ วิตเกฺกติ น จ วิจาเรตีติ กิเลสวิตกฺกํ น วิตเกฺกติ, กิเลสวิจารํ น วิจาเรติฯ อวิตโกฺกมฺหิ อวิจาโรติ กิเลสวิตกฺกวิจาเรหิ อวิตกฺกาวิจาโรฯ อชฺฌตฺตํ สติมา สุขมสฺมีติ โคจรชฺฌเตฺต ปวตฺตาย สติยา ‘‘สติมาหมสฺมิ สุขิโต จา’’ติ ปชานาติฯ
Kāyārammaṇoti yaṃ kāyaṃ anupassati, tameva ārammaṇaṃ katvā uppajjati kilesapariḷāho. Bahiddhā vā cittaṃ vikkhipatīti bahiddhā vā puthuttārammaṇe cittuppādo vikkhipati. Kismiñcideva pasādanīye nimitte cittaṃ paṇidahitabbanti evaṃ kilesapariḷāhe ca līnatte ca bahiddhāvikkhepe ca uppanne kilesānurañjitena na vattitabbaṃ, kismiñcideva pasādanīye pasādāvahe buddhādīsu aññatarasmiṃ ṭhāne kammaṭṭhānacittaṃ ṭhapetabbaṃ. Cittaṃ samādhiyatīti ārammaṇe sammā ādhiyati suṭṭhu ṭhapitaṃ ṭhapiyati. Paṭisaṃharāmīti pasādanīyaṭṭhānato paṭisaṃharāmi, mūlakammaṭṭhānābhimukhaṃyeva naṃ karomīti attho. So paṭisaṃharati cevāti mūlakammaṭṭhānābhimukhañca peseti. Na ca vitakketi na ca vicāretīti kilesavitakkaṃ na vitakketi, kilesavicāraṃ na vicāreti. Avitakkomhi avicāroti kilesavitakkavicārehi avitakkāvicāro. Ajjhattaṃ satimā sukhamasmīti gocarajjhatte pavattāya satiyā ‘‘satimāhamasmi sukhito cā’’ti pajānāti.
เอวํ โข, อานนฺท, ปณิธาย ภาวนา โหตีติ เอวํ, อานนฺท, ฐเปตฺวา ภาวนา โหติฯ อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ยถา นาม ปุริสสฺส มหนฺตํ อุจฺฉุภารํ อุกฺขิปิตฺวา ยนฺตสาลํ เนนฺตสฺส กิลนฺตกิลนฺตกาเล ภูมิยํ ฐเปตฺวา อุจฺฉุขณฺฑํ ขาทิตฺวา ปุน อุกฺขิปิตฺวา คมนํ โหติ; เอวเมว อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อุคฺคหิตกมฺมฎฺฐานสฺส กายปริฬาหาทีสุ อุปฺปเนฺนสุ ตํ กมฺมฎฺฐานํ ฐเปตฺวา พุทฺธคุณาทิอนุสฺสรเณน จิตฺตํ ปสาเทตฺวา กมฺมนิยํ กตฺวา ภาวนา ปวตฺตา, ตสฺมา ‘‘ปณิธาย ภาวนา โหตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส ปน ปุริสสฺส อุจฺฉุภารํ ยนฺตสาลํ เนตฺวา ปีเฬตฺวา รสปานํ วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตสฺส ผลสมาปตฺติสุขานุภวนํ เวทิตพฺพํฯ
Evaṃ kho, ānanda, paṇidhāya bhāvanā hotīti evaṃ, ānanda, ṭhapetvā bhāvanā hoti. Imassa hi bhikkhuno yathā nāma purisassa mahantaṃ ucchubhāraṃ ukkhipitvā yantasālaṃ nentassa kilantakilantakāle bhūmiyaṃ ṭhapetvā ucchukhaṇḍaṃ khāditvā puna ukkhipitvā gamanaṃ hoti; evameva arahattaṃ pāpuṇituṃ uggahitakammaṭṭhānassa kāyapariḷāhādīsu uppannesu taṃ kammaṭṭhānaṃ ṭhapetvā buddhaguṇādianussaraṇena cittaṃ pasādetvā kammaniyaṃ katvā bhāvanā pavattā, tasmā ‘‘paṇidhāya bhāvanā hotī’’ti vuttaṃ. Tassa pana purisassa ucchubhāraṃ yantasālaṃ netvā pīḷetvā rasapānaṃ viya imassa bhikkhuno kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetvā arahattaṃ pattassa phalasamāpattisukhānubhavanaṃ veditabbaṃ.
พหิทฺธาติ มูลกมฺมฎฺฐานํ ปหาย พหิ อญฺญสฺมิํ อารมฺมเณฯ อปฺปณิธายาติ อฎฺฐเปตฺวาฯ อถ ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาตีติ เอตฺถ กมฺมฎฺฐานวเสน วา สรีรวเสน วา เทสนาวเสน วา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Bahiddhāti mūlakammaṭṭhānaṃ pahāya bahi aññasmiṃ ārammaṇe. Appaṇidhāyāti aṭṭhapetvā. Atha pacchā pure asaṃkhittaṃ vimuttaṃ appaṇihitanti pajānātīti ettha kammaṭṭhānavasena vā sarīravasena vā desanāvasena vā attho veditabbo.
ตตฺถ กมฺมฎฺฐาเน ตาว กมฺมฎฺฐานสฺส อภินิเวโส ปุเร นาม, อรหตฺตํ ปจฺฉา นามฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ มูลกมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา กิเลสปริฬาหสฺส วา ลีนตฺตสฺส วา พหิทฺธาวิเกฺขปสฺส วา อุปฺปชฺชิตุํ โอกาสํ อเทโนฺต สุทนฺตโคเณ โยเชตฺวา สาเรโนฺต วิย จตุรสฺสจฺฉิเทฺท สุตจฺฉิตํ จตุรสฺสฆฎิกํ ปกฺขิปโนฺต วิย วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อติฎฺฐโนฺต อลคฺคโนฺต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โส ปุเรสงฺขาตสฺส กมฺมฎฺฐานาภินิเวสสฺส ปจฺฉาสงฺขาตสฺส อรหตฺตสฺส จ วเสน ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาติ นามฯ
Tattha kammaṭṭhāne tāva kammaṭṭhānassa abhiniveso pure nāma, arahattaṃ pacchā nāma. Tattha yo bhikkhu mūlakammaṭṭhānaṃ gahetvā kilesapariḷāhassa vā līnattassa vā bahiddhāvikkhepassa vā uppajjituṃ okāsaṃ adento sudantagoṇe yojetvā sārento viya caturassacchidde sutacchitaṃ caturassaghaṭikaṃ pakkhipanto viya vipassanaṃ paṭṭhapetvā atiṭṭhanto alagganto arahattaṃ pāpuṇāti, so puresaṅkhātassa kammaṭṭhānābhinivesassa pacchāsaṅkhātassa arahattassa ca vasena pacchā pure asaṃkhittaṃ vimuttaṃ appaṇihitanti pajānāti nāma.
สรีเร ปน ปาทงฺคุลีนํ อคฺคปพฺพานิ ปุเร นาม, สีสกฎาหํ ปจฺฉา นามฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ ปาทงฺคุลีนํ อคฺคปพฺพอฎฺฐิเกสุ อภินิวิสิตฺวา พฺยาภงฺคิยา ยวกลาปํ โมเจโนฺต วิย วณฺณสณฺฐานทิโสกาสปริเจฺฉทวเสน อฎฺฐีนิ ปริคฺคณฺหโนฺต อนฺตรา กิเลสปริฬาหาทีนํ อุปฺปตฺติํ วาเรตฺวา ยาว สีสกฎาหา ภาวนํ ปาเปติ, โส ปุเรสงฺขาตานํ อคฺคปาทงฺคุลิปพฺพานํ ปจฺฉาสงฺขาตสฺส สีสกฎาหสฺส จ วเสน ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาติ นามฯ
Sarīre pana pādaṅgulīnaṃ aggapabbāni pure nāma, sīsakaṭāhaṃ pacchā nāma. Tattha yo bhikkhu pādaṅgulīnaṃ aggapabbaaṭṭhikesu abhinivisitvā byābhaṅgiyā yavakalāpaṃ mocento viya vaṇṇasaṇṭhānadisokāsaparicchedavasena aṭṭhīni pariggaṇhanto antarā kilesapariḷāhādīnaṃ uppattiṃ vāretvā yāva sīsakaṭāhā bhāvanaṃ pāpeti, so puresaṅkhātānaṃ aggapādaṅgulipabbānaṃ pacchāsaṅkhātassa sīsakaṭāhassa ca vasena pacchā pure asaṃkhittaṃ vimuttaṃ appaṇihitanti pajānāti nāma.
เทสนายปิ ทฺวตฺติํสาการเทสนาย เกสา ปุเร นาม, มตฺถลุงฺคํ ปจฺฉา นามฯ ตตฺถ โย ภิกฺขุ เกเสสุ อภินิวิสิตฺวา วณฺณสณฺฐานทิโสกาสวเสน เกสาทโย ปริคฺคณฺหโนฺต อนฺตรา กิเลสปริฬาหาทีนํ อุปฺปตฺติํ วาเรตฺวา ยาว มตฺถลุงฺคา ภาวนํ ปาเปติฯ โส ปุเรสงฺขาตานํ เกสานํ ปจฺฉาสงฺขาตสฺส มตฺถลุงฺคสฺส จ วเสน ปจฺฉา ปุเร อสํขิตฺตํ วิมุตฺตํ อปฺปณิหิตนฺติ ปชานาติ นามฯ
Desanāyapi dvattiṃsākāradesanāya kesā pure nāma, matthaluṅgaṃ pacchā nāma. Tattha yo bhikkhu kesesu abhinivisitvā vaṇṇasaṇṭhānadisokāsavasena kesādayo pariggaṇhanto antarā kilesapariḷāhādīnaṃ uppattiṃ vāretvā yāva matthaluṅgā bhāvanaṃ pāpeti. So puresaṅkhātānaṃ kesānaṃ pacchāsaṅkhātassa matthaluṅgassa ca vasena pacchā pure asaṃkhittaṃ vimuttaṃ appaṇihitanti pajānāti nāma.
เอวํ โข, อานนฺท, อปฺปณิธาย ภาวนา โหตีติ เอวํ, อานนฺท, อฎฺฐเปตฺวา ภาวนา โหติฯ อิมสฺส หิ ภิกฺขุโน ยถา นาม ปุริสสฺส คุฬภารํ ลภิตฺวา อตฺตโน คามํ อติหรนฺตสฺส อนฺตรา อฎฺฐเปตฺวาว อุจฺจเงฺค ปกฺขิตฺตานิ คุฬขณฺฑาทีนิ ขาทนียานิ ขาทนฺตสฺส อตฺตโน คาเมเยว โอตรณํ โหติ, เอวเมว อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ อารทฺธภาวนสฺส กายปริฬาหาทีนํ อุปฺปตฺติํ วาเรตฺวา กมฺมฎฺฐานภาวนา ปวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อปฺปณิธาย ภาวนา’’ติ วุตฺตาฯ ตสฺส ปน ปุริสสฺส ตํ คุฬภารํ อตฺตโน คามํ เนตฺวา ญาตีหิ สทฺธิํ ปริโภโค วิย อิมสฺส ภิกฺขุโน กมฺมฎฺฐานํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตสฺส ผลสมาปตฺติสุขานุภวนํ เวทิตพฺพํฯ อิมสฺมิํ สุเตฺต ปุพฺพภาควิปสฺสนา กถิตาฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Evaṃ kho, ānanda, appaṇidhāya bhāvanā hotīti evaṃ, ānanda, aṭṭhapetvā bhāvanā hoti. Imassa hi bhikkhuno yathā nāma purisassa guḷabhāraṃ labhitvā attano gāmaṃ atiharantassa antarā aṭṭhapetvāva uccaṅge pakkhittāni guḷakhaṇḍādīni khādanīyāni khādantassa attano gāmeyeva otaraṇaṃ hoti, evameva arahattaṃ pāpuṇituṃ āraddhabhāvanassa kāyapariḷāhādīnaṃ uppattiṃ vāretvā kammaṭṭhānabhāvanā pavattā, tasmā ‘‘appaṇidhāya bhāvanā’’ti vuttā. Tassa pana purisassa taṃ guḷabhāraṃ attano gāmaṃ netvā ñātīhi saddhiṃ paribhogo viya imassa bhikkhuno kammaṭṭhānaṃ matthakaṃ pāpetvā arahattaṃ pattassa phalasamāpattisukhānubhavanaṃ veditabbaṃ. Imasmiṃ sutte pubbabhāgavipassanā kathitā. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
อมฺพปาลิวโคฺค ปฐโมฯ
Ambapālivaggo paṭhamo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. ภิกฺขุนุปสฺสยสุตฺตํ • 10. Bhikkhunupassayasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. ภิกฺขุนุปสฺสยสุตฺตวณฺณนา • 10. Bhikkhunupassayasuttavaṇṇanā