Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi |
๑๒. ภิกฺขุปณามิตปโญฺห
12. Bhikkhupaṇāmitapañho
๑๒. ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ภาสิตเมฺปตํ ภควตา ‘อโกฺกธโน วิคตขิโลหมสฺมี’ติ, ปุน จ ตถาคโต เถเร สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน สปริเส ปณาเมสิ, กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, ตถาคโต กุปิโต ปริสํ ปณาเมสิ, อุทาหุ ตุโฎฺฐ ปณาเมสิ, เอตํ ตาว ชานาหิ อิมํ นามาติ? ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, กุปิโต ปริสํ ปณาเมสิ, เตน หิ ตถาคตสฺส โกโธ อปฺปฎิวตฺติโต, ยทิ ตุโฎฺฐ ปณาเมสิ, เตน หิ อวตฺถุสฺมิํ อชานเนฺตน ปณามิตาฯ อยมฺปิ อุภโต โกฎิโก ปโญฺห ตวานุปฺปโตฺต, โส ตยา นิพฺพาหิตโพฺพ’’ติฯ
12. ‘‘Bhante nāgasena, bhāsitampetaṃ bhagavatā ‘akkodhano vigatakhilohamasmī’ti, puna ca tathāgato there sāriputtamoggallāne saparise paṇāmesi, kiṃ nu kho, bhante nāgasena, tathāgato kupito parisaṃ paṇāmesi, udāhu tuṭṭho paṇāmesi, etaṃ tāva jānāhi imaṃ nāmāti? Yadi, bhante nāgasena, kupito parisaṃ paṇāmesi, tena hi tathāgatassa kodho appaṭivattito, yadi tuṭṭho paṇāmesi, tena hi avatthusmiṃ ajānantena paṇāmitā. Ayampi ubhato koṭiko pañho tavānuppatto, so tayā nibbāhitabbo’’ti.
‘‘ภาสิตเมฺปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อโกฺกธโน วิคตขิโลหมสฺมี’ติ, ปณามิตา จ เถรา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา สปริสา, ตญฺจ ปน น โกเปน, อิธ, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส มหาปถวิยา มูเล วา ขาณุเก วา ปาสาเณ วา กฐเล วา วิสเม วา ภูมิภาเค ขลิตฺวา ปตติ, อปิ นุ โข, มหาราช, มหาปถวี กุปิตา ตํ ปาเตตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, นตฺถิ มหาปถวิยา โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุตฺตา มหาปถวี, สยเมว โส อลโส ขลิตฺวา ปติโตติฯ เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตถาคตานํ โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุตฺตา ตถาคตา อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อถ โข สยํ กเตเนว เต อตฺตโน อปราเธน ปณามิตาฯ
‘‘Bhāsitampetaṃ, mahārāja, bhagavatā ‘akkodhano vigatakhilohamasmī’ti, paṇāmitā ca therā sāriputtamoggallānā saparisā, tañca pana na kopena, idha, mahārāja, kocideva puriso mahāpathaviyā mūle vā khāṇuke vā pāsāṇe vā kaṭhale vā visame vā bhūmibhāge khalitvā patati, api nu kho, mahārāja, mahāpathavī kupitā taṃ pātetī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, natthi mahāpathaviyā kopo vā pasādo vā, anunayappaṭighavippamuttā mahāpathavī, sayameva so alaso khalitvā patitoti. Evameva kho, mahārāja, natthi tathāgatānaṃ kopo vā pasādo vā, anunayappaṭighavippamuttā tathāgatā arahanto sammāsambuddhā, atha kho sayaṃ kateneva te attano aparādhena paṇāmitā.
‘‘อิธ ปน, มหาราช, มหาสมุโทฺท น มเตน กุณเปน สํวสติ, ยํ โหติ มหาสมุเทฺท มตํ กุณปํ, ตํ ขิปฺปเมว นิจฺฉุภติ ถลํ อุสฺสาเรติฯ อปิ นุ โข, มหาราช, มหาสมุโทฺท กุปิโต ตํ กุณปํ นิจฺฉุภตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, นตฺถิ มหาสมุทฺทสฺส โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุโตฺต มหาสมุโทฺท’’ติฯ ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตถาคตานํ โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฎิฆวิปฺปมุตฺตา ตถาคตา อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อถ โข สยํ กเตเนว เต อตฺตโน อปราเธน ปณามิตาฯ
‘‘Idha pana, mahārāja, mahāsamuddo na matena kuṇapena saṃvasati, yaṃ hoti mahāsamudde mataṃ kuṇapaṃ, taṃ khippameva nicchubhati thalaṃ ussāreti. Api nu kho, mahārāja, mahāsamuddo kupito taṃ kuṇapaṃ nicchubhatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, natthi mahāsamuddassa kopo vā pasādo vā, anunayappaṭighavippamutto mahāsamuddo’’ti. ‘‘Evameva kho, mahārāja, natthi tathāgatānaṃ kopo vā pasādo vā, anunayappaṭighavippamuttā tathāgatā arahanto sammāsambuddhā, atha kho sayaṃ kateneva te attano aparādhena paṇāmitā.
‘‘ยถา, มหาราช, ปถวิยา ขลิโต ปตียติ, เอวํ ชินสาสนวเร ขลิโต ปณามียติฯ ยถา, มหาราช, สมุเทฺท มตํ กุณปํ นิจฺฉุภียติ , เอวํ ชินสาสนวเร ขลิโต ปณามียติฯ ยํ ปน เต, มหาราช, ตถาคโต ปณาเมสิ, เตสํ อตฺถกาโม หิตกาโม สุขกาโม วิสุทฺธิกาโม ‘เอวํ อิเม ชาติชราพฺยาธิมรเณหิ ปริมุจฺจิสฺสนฺตี’ติ ปณาเมสี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ
‘‘Yathā, mahārāja, pathaviyā khalito patīyati, evaṃ jinasāsanavare khalito paṇāmīyati. Yathā, mahārāja, samudde mataṃ kuṇapaṃ nicchubhīyati , evaṃ jinasāsanavare khalito paṇāmīyati. Yaṃ pana te, mahārāja, tathāgato paṇāmesi, tesaṃ atthakāmo hitakāmo sukhakāmo visuddhikāmo ‘evaṃ ime jātijarābyādhimaraṇehi parimuccissantī’ti paṇāmesī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.
ภิกฺขุปณามิตปโญฺห ทฺวาทสโมฯ
Bhikkhupaṇāmitapañho dvādasamo.
ปณามิตวโคฺค ตติโยฯ
Paṇāmitavaggo tatiyo.
อิมสฺมิํ วเคฺค ทฺวาทส ปญฺหาฯ
Imasmiṃ vagge dvādasa pañhā.