Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi

    ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ

    Namo tassa bhagavato arahato sammāsambuddhassa

    เทฺวมาติกาปาฬิ

    Dvemātikāpāḷi

    ภิกฺขุปาติโมกฺขปาฬิ

    Bhikkhupātimokkhapāḷi

    ปุพฺพกรณํ-๔

    Pubbakaraṇaṃ-4

    สมฺมชฺชนี ปทีโป จ, อุทกํ อาสเนน จ;

    Sammajjanī padīpo ca, udakaṃ āsanena ca;

    อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘‘ปุพฺพกรณ’’นฺติ วุจฺจติฯ

    Uposathassa etāni, ‘‘pubbakaraṇa’’nti vuccati.

    ปุพฺพกิจฺจํ-๕

    Pubbakiccaṃ-5

    ฉนฺท, ปาริสุทฺธิ, อุตุกฺขานํ, ภิกฺขุคณนา จ โอวาโท;

    Chanda, pārisuddhi, utukkhānaṃ, bhikkhugaṇanā ca ovādo;

    อุโปสถสฺส เอตานิ, ‘‘ปุพฺพกิจฺจ’’นฺติ วุจฺจติฯ

    Uposathassa etāni, ‘‘pubbakicca’’nti vuccati.

    ปตฺตกลฺลองฺคา-๔

    Pattakallaaṅgā-4

    อุโปสโถ , ยาวติกา จ ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา;

    Uposatho , yāvatikā ca bhikkhū kammappattā;

    สภาคาปตฺติโย จ น วิชฺชนฺติ;

    Sabhāgāpattiyo ca na vijjanti;

    วชฺชนียา จ ปุคฺคลา ตสฺมิํ น โหนฺติ, ‘‘ปตฺตกลฺล’’นฺติ วุจฺจติฯ

    Vajjanīyā ca puggalā tasmiṃ na honti, ‘‘pattakalla’’nti vuccati.

    ปุพฺพกรณปุพฺพกิจฺจานิ สมาเปตฺวา เทสิตาปตฺติกสฺส สมคฺคสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุมติยา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาราธนํ กโรมฯ

    Pubbakaraṇapubbakiccāni samāpetvā desitāpattikassa samaggassa bhikkhusaṅghassa anumatiyā pātimokkhaṃ uddisituṃ ārādhanaṃ karoma.

    นิทานุเทฺทโส

    Nidānuddeso

    สุณาตุ เม ภเนฺต สโงฺฆ? อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส, ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยฯ

    Suṇātu me bhante saṅgho? Ajjuposatho pannaraso, yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho uposathaṃ kareyya, pātimokkhaṃ uddiseyya.

    กิํ สงฺฆสฺส ปุพฺพกิจฺจํ? ปาริสุทฺธิํ อายสฺมโนฺต อาโรเจถ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, ตํ สเพฺพว สนฺตา สาธุกํ สุโณม มนสิ กโรมฯ ยสฺส สิยา อาปตฺติ, โส อาวิกเรยฺย, อสนฺติยา อาปตฺติยา ตุณฺหี ภวิตพฺพํ, ตุณฺหีภาเวน โข ปนายสฺมเนฺต ‘‘ปริสุทฺธา’’ติ เวทิสฺสามิฯ ยถา โข ปน ปเจฺจกปุฎฺฐสฺส เวยฺยากรณํ โหติ, เอวเมวํ เอวรูปาย ปริสาย ยาวตติยํ อนุสาวิตํ โหติฯ โย ปน ภิกฺขุ ยาวตติยํ อนุสาวิยมาเน สรมาโน สนฺติํ อาปตฺติํ นาวิกเรยฺย, สมฺปชานมุสาวาทสฺส โหติฯ สมฺปชานมุสาวาโท โข ปนายสฺมโนฺต อนฺตรายิโก ธโมฺม วุโตฺต ภควตา, ตสฺมา สรมาเนน ภิกฺขุนา อาปเนฺนน วิสุทฺธาเปเกฺขน สนฺตี อาปตฺติ อาวิกาตพฺพา, อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหติฯ

    Kiṃ saṅghassa pubbakiccaṃ? Pārisuddhiṃ āyasmanto ārocetha, pātimokkhaṃ uddisissāmi, taṃ sabbeva santā sādhukaṃ suṇoma manasi karoma. Yassa siyā āpatti, so āvikareyya, asantiyā āpattiyā tuṇhī bhavitabbaṃ, tuṇhībhāvena kho panāyasmante ‘‘parisuddhā’’ti vedissāmi. Yathā kho pana paccekapuṭṭhassa veyyākaraṇaṃ hoti, evamevaṃ evarūpāya parisāya yāvatatiyaṃ anusāvitaṃ hoti. Yo pana bhikkhu yāvatatiyaṃ anusāviyamāne saramāno santiṃ āpattiṃ nāvikareyya, sampajānamusāvādassa hoti. Sampajānamusāvādo kho panāyasmanto antarāyiko dhammo vutto bhagavatā, tasmā saramānena bhikkhunā āpannena visuddhāpekkhena santī āpatti āvikātabbā, āvikatā hissa phāsu hoti.

    อุทฺทิฎฺฐํ โข อายสฺมโนฺต นิทานํฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhaṃ kho āyasmanto nidānaṃ. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    นิทานํ นิฎฺฐิตํฯ

    Nidānaṃ niṭṭhitaṃ.

    ปาราชิกุเทฺทโส

    Pārājikuddeso

    ตตฺริเม จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Tatrime cattāro pārājikā dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    เมถุนธมฺม สิกฺขาปทํ

    Methunadhamma sikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปโนฺน สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสเวยฺย, อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปิ, ปาราชิโก โหติ อสํวาโสฯ

    1. Yo pana bhikkhu bhikkhūnaṃ sikkhāsājīvasamāpanno sikkhaṃ appaccakkhāya dubbalyaṃ anāvikatvā methunaṃ dhammaṃ paṭiseveyya, antamaso tiracchānagatāyapi, pārājiko hoti asaṃvāso.

    อทินฺนาทานสิกฺขาปทํ

    Adinnādānasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ คามา วา อรญฺญา วา อทินฺนํ เถยฺยสงฺขาตํ อาทิเยยฺย, ยถารูเป อทินฺนาทาเน ราชาโน โจรํ คเหตฺวา หเนยฺยุํ วา พเนฺธยฺยุํ วา ปพฺพาเชยฺยุํ วา โจโรสิ พาโลสิ มูโฬฺหสิ เถโนสีติ, ตถารูปํ ภิกฺขุ อทินฺนํ อาทิยมาโน อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโสฯ

    2. Yo pana bhikkhu gāmā vā araññā vā adinnaṃ theyyasaṅkhātaṃ ādiyeyya, yathārūpe adinnādāne rājāno coraṃ gahetvā haneyyuṃ vā bandheyyuṃ vā pabbājeyyuṃ vā corosi bālosi mūḷhosi thenosīti, tathārūpaṃ bhikkhu adinnaṃ ādiyamāno ayampi pārājiko hoti asaṃvāso.

    มนุสฺสวิคฺคหสิกฺขาปทํ

    Manussaviggahasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ มนุสฺสวิคฺคหํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, สตฺถหารกํ วาสฺส ปริเยเสยฺย, มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺย, มรณาย วา สมาทเปยฺย ‘‘อโมฺภ ปุริส กิํ ตุยฺหิมินา ปาปเกน ทุชฺชีวิเตน, มตํ เต ชีวิตา เสโยฺย’’ติ, อิติ จิตฺตมโน จิตฺตสงฺกโปฺป อเนกปริยาเยน มรณวณฺณํ วา สํวเณฺณยฺย, มรณาย วา สมาทเปยฺย, อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโสฯ

    3. Yo pana bhikkhu sañcicca manussaviggahaṃ jīvitā voropeyya, satthahārakaṃ vāssa pariyeseyya, maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyya, maraṇāya vā samādapeyya ‘‘ambho purisa kiṃ tuyhiminā pāpakena dujjīvitena, mataṃ te jīvitā seyyo’’ti, iti cittamano cittasaṅkappo anekapariyāyena maraṇavaṇṇaṃ vā saṃvaṇṇeyya, maraṇāya vā samādapeyya, ayampi pārājiko hoti asaṃvāso.

    อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสิกฺขาปทํ

    Uttarimanussadhammasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อนภิชานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อตฺตุปนายิกํ อลมริยญาณทสฺสนํ สมุทาจเรยฺย ‘‘อิติ ชานามิ, อิติ ปสฺสามี’’ติ, ตโต อปเรน สมเยน สมนุคฺคาหียมาโน วา อสมนุคฺคาหียมาโน วา อาปโนฺน วิสุทฺธาเปโกฺข เอวํ วเทยฺย ‘‘อชานเมวํ อาวุโส อวจํ ชานามิ, อปสฺสํ ปสฺสามิ, ตุจฺฉํ มุสา วิลปิ’’นฺติ, อญฺญตฺร อธิมานา, อยมฺปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโสฯ

    4. Yo pana bhikkhu anabhijānaṃ uttarimanussadhammaṃ attupanāyikaṃ alamariyañāṇadassanaṃ samudācareyya ‘‘iti jānāmi, iti passāmī’’ti, tato aparena samayena samanuggāhīyamāno vā asamanuggāhīyamāno vā āpanno visuddhāpekkho evaṃ vadeyya ‘‘ajānamevaṃ āvuso avacaṃ jānāmi, apassaṃ passāmi, tucchaṃ musā vilapi’’nti, aññatra adhimānā, ayampi pārājiko hoti asaṃvāso.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมาฯ เยสํ ภิกฺขุ อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา อาปชฺชิตฺวา น ลภติ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สํวาสํ ยถา ปุเร, ตถา ปจฺฉา, ปาราชิโก โหติ อสํวาโสฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto cattāro pārājikā dhammā. Yesaṃ bhikkhu aññataraṃ vā aññataraṃ vā āpajjitvā na labhati bhikkhūhi saddhiṃ saṃvāsaṃ yathā pure, tathā pacchā, pārājiko hoti asaṃvāso. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    ปาราชิกํ นิฎฺฐิตํฯ

    Pārājikaṃ niṭṭhitaṃ.

    สงฺฆาทิเสสุเทฺทโส

    Saṅghādisesuddeso

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต เตรส สงฺฆาทิเสสา

    Ime kho panāyasmanto terasa saṅghādisesā

    ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    สุกฺกวิสฺสฎฺฐิสิกฺขาปทํ

    Sukkavissaṭṭhisikkhāpadaṃ

    . สเญฺจตนิกา สุกฺกวิสฺสฎฺฐิ อญฺญตฺร สุปินนฺตา สงฺฆาทิเสโสฯ

    1. Sañcetanikā sukkavissaṭṭhi aññatra supinantā saṅghādiseso.

    กายสํสคฺคสิกฺขาปทํ

    Kāyasaṃsaggasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ โอติโณฺณ วิปริณเตน จิเตฺตน มาตุคาเมน สทฺธิํ กายสํสคฺคํ สมาปเชฺชยฺย หตฺถคฺคาหํ วา เวณิคฺคาหํ วา อญฺญตรสฺส วา อญฺญตรสฺส วา องฺคสฺส ปรามสนํ, สงฺฆาทิเสโสฯ

    2. Yo pana bhikkhu otiṇṇo vipariṇatena cittena mātugāmena saddhiṃ kāyasaṃsaggaṃ samāpajjeyya hatthaggāhaṃ vā veṇiggāhaṃ vā aññatarassa vā aññatarassa vā aṅgassa parāmasanaṃ, saṅghādiseso.

    ทุฎฺฐุลฺลวาจาสิกฺขาปทํ

    Duṭṭhullavācāsikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ โอติโณฺณ วิปริณเตน จิเตฺตน มาตุคามํ ทุฎฺฐุลฺลาหิ วาจาหิ โอภาเสยฺย ยถา ตํ ยุวา ยุวติํ เมถุนุปสํหิตาหิ, สงฺฆาทิเสโสฯ

    3. Yo pana bhikkhu otiṇṇo vipariṇatena cittena mātugāmaṃ duṭṭhullāhi vācāhi obhāseyya yathā taṃ yuvā yuvatiṃ methunupasaṃhitāhi, saṅghādiseso.

    อตฺตกามปาริจริยสิกฺขาปทํ

    Attakāmapāricariyasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ โอติโณฺณ วิปริณเตน จิเตฺตน มาตุคามสฺส สนฺติเก อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺย ‘‘เอตทคฺคํ ภคินิ ปาริจริยานํ ยา มาทิสํ สีลวนฺตํ กลฺยาณธมฺมํ พฺรหฺมจาริํ เอเตน ธเมฺมน ปริจเรยฺยา’’ติ เมถุนุปสํหิเตน, สงฺฆาทิเสโสฯ

    4. Yo pana bhikkhu otiṇṇo vipariṇatena cittena mātugāmassa santike attakāmapāricariyāya vaṇṇaṃ bhāseyya ‘‘etadaggaṃ bhagini pāricariyānaṃ yā mādisaṃ sīlavantaṃ kalyāṇadhammaṃ brahmacāriṃ etena dhammena paricareyyā’’ti methunupasaṃhitena, saṅghādiseso.

    สญฺจริตฺตสิกฺขาปทํ

    Sañcarittasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ สญฺจริตฺตํ สมาปเชฺชยฺย อิตฺถิยา วา ปุริสมติํ ปุริสสฺส วา อิตฺถิมติํ, ชายตฺตเน วา ชารตฺตเน วา, อนฺตมโส ตงฺขณิกายปิ, สงฺฆาทิเสโสฯ

    5. Yo pana bhikkhu sañcarittaṃ samāpajjeyya itthiyā vā purisamatiṃ purisassa vā itthimatiṃ, jāyattane vā jārattane vā, antamaso taṅkhaṇikāyapi, saṅghādiseso.

    กุฎิการสิกฺขาปทํ

    Kuṭikārasikkhāpadaṃ

    . สญฺญาจิกาย ปน ภิกฺขุนา กุฎิํ การยมาเนน อสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํ ปมาณิกา กาเรตพฺพา, ตตฺริทํ ปมาณํ, ทีฆโส ทฺวาทส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ สตฺตนฺตรา, ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํฯ สารเมฺภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมิํ อปริกฺกมเน สญฺญาจิกาย กุฎิํ กาเรยฺย, ภิกฺขู วา อนภิเนยฺย วตฺถุเทสนาย, ปมาณํ วา อติกฺกาเมยฺย, สงฺฆาทิเสโสฯ

    6. Saññācikāya pana bhikkhunā kuṭiṃ kārayamānena assāmikaṃ attuddesaṃ pamāṇikā kāretabbā, tatridaṃ pamāṇaṃ, dīghaso dvādasa vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ sattantarā, bhikkhū abhinetabbā vatthudesanāya, tehi bhikkhūhi vatthu desetabbaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ. Sārambhe ce bhikkhu vatthusmiṃ aparikkamane saññācikāya kuṭiṃ kāreyya, bhikkhū vā anabhineyya vatthudesanāya, pamāṇaṃ vā atikkāmeyya, saṅghādiseso.

    วิหารการสิกฺขาปทํ

    Vihārakārasikkhāpadaṃ

    . มหลฺลกํ ปน ภิกฺขุนา วิหารํ การยมาเนน สสฺสามิกํ อตฺตุเทฺทสํ ภิกฺขู อภิเนตพฺพา วตฺถุเทสนาย, เตหิ ภิกฺขูหิ วตฺถุ เทเสตพฺพํ อนารมฺภํ สปริกฺกมนํฯ สารเมฺภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมิํ อปริกฺกมเน มหลฺลกํ วิหารํ กาเรยฺย, ภิกฺขู วา อนภิเนยฺย วตฺถุเทสนาย, สงฺฆาทิเสโสฯ

    7. Mahallakaṃ pana bhikkhunā vihāraṃ kārayamānena sassāmikaṃ attuddesaṃ bhikkhū abhinetabbā vatthudesanāya, tehi bhikkhūhi vatthu desetabbaṃ anārambhaṃ saparikkamanaṃ. Sārambhe ce bhikkhu vatthusmiṃ aparikkamane mahallakaṃ vihāraṃ kāreyya, bhikkhū vā anabhineyya vatthudesanāya, saṅghādiseso.

    ทุฎฺฐโทสสิกฺขาปทํ

    Duṭṭhadosasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ ทุโฎฺฐ โทโส อปฺปตีโต อมูลเกน ปาราชิเกน ธเมฺมน อนุทฺธํเสยฺย ‘‘อเปฺปว นาม นํ อิมมฺหา พฺรหฺมจริยา จาเวยฺย’’นฺติ , ตโต อปเรน สมเยน สมนุคฺคาหียมาโน วา อสมนุคฺคาหียมาโน วา อมูลกเญฺจว ตํ อธิกรณํ โหติ, ภิกฺขุ จ โทสํ ปติฎฺฐาติ, สงฺฆาทิเสโสฯ

    8. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ duṭṭho doso appatīto amūlakena pārājikena dhammena anuddhaṃseyya ‘‘appeva nāma naṃ imamhā brahmacariyā cāveyya’’nti , tato aparena samayena samanuggāhīyamāno vā asamanuggāhīyamāno vā amūlakañceva taṃ adhikaraṇaṃ hoti, bhikkhu ca dosaṃ patiṭṭhāti, saṅghādiseso.

    อญฺญภาคิยสิกฺขาปทํ

    Aññabhāgiyasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ ทุโฎฺฐ โทโส อปฺปตีโต อญฺญภาคิยสฺส อธิกรณสฺส กิญฺจิเทสํ เลสมตฺตํ อุปาทาย ปาราชิเกน ธเมฺมน อนุทฺธํเสยฺย ‘‘อเปฺปว นาม นํ อิมมฺหา พฺรหฺมจริยา จาเวยฺย’’นฺติ, ตโต อปเรน สมเยน สมนุคฺคาหียมาโน วา อสมนุคฺคาหียมาโน วา อญฺญภาคิยเญฺจว ตํ อธิกรณํ โหติ โกจิเทโส เลสมโตฺต อุปาทิโนฺน, ภิกฺขุ จ โทสํ ปติฎฺฐาติ, สงฺฆาทิเสโสฯ

    9. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ duṭṭho doso appatīto aññabhāgiyassa adhikaraṇassa kiñcidesaṃ lesamattaṃ upādāya pārājikena dhammena anuddhaṃseyya ‘‘appeva nāma naṃ imamhā brahmacariyā cāveyya’’nti, tato aparena samayena samanuggāhīyamāno vā asamanuggāhīyamāno vā aññabhāgiyañceva taṃ adhikaraṇaṃ hoti kocideso lesamatto upādinno, bhikkhu ca dosaṃ patiṭṭhāti, saṅghādiseso.

    สงฺฆเภทสิกฺขาปทํ

    Saṅghabhedasikkhāpadaṃ

    ๑๐. โย ปน ภิกฺขุ สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกเมยฺย, เภทนสํวตฺตนิกํ วา อธิกรณํ สมาทาย ปคฺคยฺห ติเฎฺฐยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘มายสฺมา สมคฺคสฺส สงฺฆสฺส เภทาย ปรกฺกมิ, เภทนสํวตฺตนิกํ วา อธิกรณํ สมาทาย ปคฺคยฺห อฎฺฐาสิ, สเมตายสฺมา สเงฺฆน, สมโคฺค หิ สโงฺฆ สโมฺมทมาโน อวิวทมาโน เอกุเทฺทโส ผาสุ วิหรตี’’ติ, เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย, ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสิยมาโน ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, สงฺฆาทิเสโสฯ

    10. Yo pana bhikkhu samaggassa saṅghassa bhedāya parakkameyya, bhedanasaṃvattanikaṃ vā adhikaraṇaṃ samādāya paggayha tiṭṭheyya, so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘māyasmā samaggassa saṅghassa bhedāya parakkami, bhedanasaṃvattanikaṃ vā adhikaraṇaṃ samādāya paggayha aṭṭhāsi, sametāyasmā saṅghena, samaggo hi saṅgho sammodamāno avivadamāno ekuddeso phāsu viharatī’’ti, evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so bhikkhu bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo tassa paṭinissaggāya, yāvatatiyañce samanubhāsiyamāno taṃ paṭinissajjeyya, iccetaṃ kusalaṃ, no ce paṭinissajjeyya, saṅghādiseso.

    เภทานุวตฺตกสิกฺขาปทํ

    Bhedānuvattakasikkhāpadaṃ

    ๑๑. ตเสฺสว โข ปน ภิกฺขุสฺส ภิกฺขู โหนฺติ อนุวตฺตกา วคฺควาทกา เอโก วา เทฺว วา ตโย วา, เต เอวํ วเทยฺยุํ ‘‘มายสฺมโนฺต เอตํ ภิกฺขุํ กิญฺจิ อวจุตฺถ, ธมฺมวาที เจโส ภิกฺขุ, วินยวาที เจโส ภิกฺขุ, อมฺหากเญฺจโส ภิกฺขุ ฉนฺทญฺจ รุจิญฺจ อาทาย โวหรติ, ชานาติ, โน ภาสติ, อมฺหากเมฺปตํ ขมตี’’ติ, เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ เอวมสฺสุ วจนียา ‘‘มายสฺมโนฺต เอวํ อวจุตฺถ, น เจโส ภิกฺขุ ธมฺมวาที, น เจโส ภิกฺขุ วินยวาที, มายสฺมนฺตานมฺปิ สงฺฆเภโท รุจฺจิตฺถ, สเมตายสฺมนฺตานํ สเงฺฆน, สมโคฺค หิ สโงฺฆ สโมฺมทมาโน อวิวทมาโน เอกุเทฺทโส ผาสุ วิหรตี’’ติ , เอวญฺจ เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ วุจฺจมานา ตเถว ปคฺคเณฺหยฺยุํ, เต ภิกฺขู ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตพฺพา ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย, ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสิยมานา ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺยุํ, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺยุํ, สงฺฆาทิเสโสฯ

    11. Tasseva kho pana bhikkhussa bhikkhū honti anuvattakā vaggavādakā eko vā dve vā tayo vā, te evaṃ vadeyyuṃ ‘‘māyasmanto etaṃ bhikkhuṃ kiñci avacuttha, dhammavādī ceso bhikkhu, vinayavādī ceso bhikkhu, amhākañceso bhikkhu chandañca ruciñca ādāya voharati, jānāti, no bhāsati, amhākampetaṃ khamatī’’ti, te bhikkhū bhikkhūhi evamassu vacanīyā ‘‘māyasmanto evaṃ avacuttha, na ceso bhikkhu dhammavādī, na ceso bhikkhu vinayavādī, māyasmantānampi saṅghabhedo ruccittha, sametāyasmantānaṃ saṅghena, samaggo hi saṅgho sammodamāno avivadamāno ekuddeso phāsu viharatī’’ti , evañca te bhikkhū bhikkhūhi vuccamānā tatheva paggaṇheyyuṃ, te bhikkhū bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbā tassa paṭinissaggāya, yāvatatiyañce samanubhāsiyamānā taṃ paṭinissajjeyyuṃ, iccetaṃ kusalaṃ, no ce paṭinissajjeyyuṃ, saṅghādiseso.

    ทุพฺพจสิกฺขาปทํ

    Dubbacasikkhāpadaṃ

    ๑๒. ภิกฺขุ ปเนว ทุพฺพจชาติโก โหติ อุเทฺทสปริยาปเนฺนสุ สิกฺขาปเทสุ ภิกฺขูหิ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน อตฺตานํ อวจนียํ กโรติ ‘‘มา มํ อายสฺมโนฺต กิญฺจิ อวจุตฺถ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา, อหมฺปายสฺมเนฺต น กิญฺจิ วกฺขามิ กลฺยาณํ วา ปาปกํ วา, วิรมถายสฺมโนฺต มม วจนายา’’ติ, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘มายสฺมา อตฺตานํ อวจนียํ อกาสิ, วจนียเมวายสฺมา อตฺตานํ กโรตุ, อายสฺมาปิ ภิกฺขู วทตุ สหธเมฺมน, ภิกฺขูปิ อายสฺมนฺตํ วกฺขนฺติ สหธเมฺมน, เอวํ สํวทฺธา หิ ตสฺส ภควโต ปริสา ยทิทํ อญฺญมญฺญวจเนน อญฺญมญฺญวุฎฺฐาปเนนา’’ติ, เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย , ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสิยมาโน ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, สงฺฆาทิเสโสฯ

    12. Bhikkhu paneva dubbacajātiko hoti uddesapariyāpannesu sikkhāpadesu bhikkhūhi sahadhammikaṃ vuccamāno attānaṃ avacanīyaṃ karoti ‘‘mā maṃ āyasmanto kiñci avacuttha kalyāṇaṃ vā pāpakaṃ vā, ahampāyasmante na kiñci vakkhāmi kalyāṇaṃ vā pāpakaṃ vā, viramathāyasmanto mama vacanāyā’’ti, so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘māyasmā attānaṃ avacanīyaṃ akāsi, vacanīyamevāyasmā attānaṃ karotu, āyasmāpi bhikkhū vadatu sahadhammena, bhikkhūpi āyasmantaṃ vakkhanti sahadhammena, evaṃ saṃvaddhā hi tassa bhagavato parisā yadidaṃ aññamaññavacanena aññamaññavuṭṭhāpanenā’’ti, evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so bhikkhu bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo tassa paṭinissaggāya , yāvatatiyañce samanubhāsiyamāno taṃ paṭinissajjeyya, iccetaṃ kusalaṃ, no ce paṭinissajjeyya, saṅghādiseso.

    กุลทูสกสิกฺขาปทํ

    Kuladūsakasikkhāpadaṃ

    ๑๓. ภิกฺขุ ปเนว อญฺญตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ กุลทูสโก ปาปสมาจาโร, ตสฺส โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, กุลานิ จ เตน ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโร, อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสา, อลํ เต อิธ วาเสนา’’ติ, เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน เต ภิกฺขู เอวํ วเทยฺย ‘‘ฉนฺทคามิโน จ ภิกฺขู, โทสคามิโน จ ภิกฺขู, โมหคามิโน จ ภิกฺขู, ภยคามิโน จ ภิกฺขู ตาทิสิกาย อาปตฺติยา เอกจฺจํ ปพฺพาเชนฺติ, เอกจฺจํ น ปพฺพาเชนฺตี’’ติ, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจ, น จ ภิกฺขู ฉนฺทคามิโน, น จ ภิกฺขู โทสคามิโน, น จ ภิกฺขู โมหคามิโน, น จ ภิกฺขู ภยคามิโน, อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโร, อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสา, อลํ เต อิธ วาเสนา’’ติ, เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย, ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสิยมาโน ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, สงฺฆาทิเสโสฯ

    13. Bhikkhu paneva aññataraṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharati kuladūsako pāpasamācāro, tassa kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca, kulāni ca tena duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca, so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro, āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca, kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca, pakkamatāyasmā imamhā āvāsā, alaṃ te idha vāsenā’’ti, evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno te bhikkhū evaṃ vadeyya ‘‘chandagāmino ca bhikkhū, dosagāmino ca bhikkhū, mohagāmino ca bhikkhū, bhayagāmino ca bhikkhū tādisikāya āpattiyā ekaccaṃ pabbājenti, ekaccaṃ na pabbājentī’’ti, so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘māyasmā evaṃ avaca, na ca bhikkhū chandagāmino, na ca bhikkhū dosagāmino, na ca bhikkhū mohagāmino, na ca bhikkhū bhayagāmino, āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro, āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca, kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca, pakkamatāyasmā imamhā āvāsā, alaṃ te idha vāsenā’’ti, evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so bhikkhu bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo tassa paṭinissaggāya, yāvatatiyañce samanubhāsiyamāno taṃ paṭinissajjeyya, iccetaṃ kusalaṃ, no ce paṭinissajjeyya, saṅghādiseso.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต เตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา นว ปฐมาปตฺติกา, จตฺตาโร ยาวตติยกาฯ เยสํ ภิกฺขุ อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา อาปชฺชิตฺวา ยาวตีหํ ชานํ ปฎิจฺฉาเทติ, ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพํฯ ปริวุตฺถปริวาเสน ภิกฺขุนา อุตฺตริ ฉารตฺตํ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฎิปชฺชิตพฺพํ, จิณฺณมานโตฺต ภิกฺขุ ยตฺถ สิยา วีสติคโณ ภิกฺขุสโงฺฆ, ตตฺถ โส ภิกฺขุ อเพฺภตโพฺพฯ เอเกนปิ เจ อูโน วีสติคโณ ภิกฺขุสโงฺฆ ตํ ภิกฺขุํ อเพฺภยฺย, โส จ ภิกฺขุ อนพฺภิโต, เต จ ภิกฺขู คารยฺหา, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto terasa saṅghādisesā dhammā nava paṭhamāpattikā, cattāro yāvatatiyakā. Yesaṃ bhikkhu aññataraṃ vā aññataraṃ vā āpajjitvā yāvatīhaṃ jānaṃ paṭicchādeti, tāvatīhaṃ tena bhikkhunā akāmā parivatthabbaṃ. Parivutthaparivāsena bhikkhunā uttari chārattaṃ bhikkhumānattāya paṭipajjitabbaṃ, ciṇṇamānatto bhikkhu yattha siyā vīsatigaṇo bhikkhusaṅgho, tattha so bhikkhu abbhetabbo. Ekenapi ce ūno vīsatigaṇo bhikkhusaṅgho taṃ bhikkhuṃ abbheyya, so ca bhikkhu anabbhito, te ca bhikkhū gārayhā, ayaṃ tattha sāmīci. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    สงฺฆาทิเสโส นิฎฺฐิโตฯ

    Saṅghādiseso niṭṭhito.

    อนิยตุเทฺทโส

    Aniyatuddeso

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต เทฺว อนิยตา ธมฺมา

    Ime kho panāyasmanto dve aniyatā dhammā

    อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Uddesaṃ āgacchanti.

    ปฐมอนิยตสิกฺขาปทํ

    Paṭhamaaniyatasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธิํ เอโก เอกาย รโห ปฎิจฺฉเนฺน อาสเน อลํกมฺมนิเย นิสชฺชํ กเปฺปยฺย, ตเมนํ สเทฺธยฺยวจสา อุปาสิกา ทิสฺวา ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน วเทยฺย ปาราชิเกน วา สงฺฆาทิเสเสน วา ปาจิตฺติเยน วา, นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฎิชานมาโน ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน กาเรตโพฺพ ปาราชิเกน วา สงฺฆาทิเสเสน วา ปาจิตฺติเยน วา, เยน วา สา สเทฺธยฺยวจสา อุปาสิกา วเทยฺย, เตน โส ภิกฺขุ กาเรตโพฺพ, อยํ ธโมฺม อนิยโตฯ

    1. Yo pana bhikkhu mātugāmena saddhiṃ eko ekāya raho paṭicchanne āsane alaṃkammaniye nisajjaṃ kappeyya, tamenaṃ saddheyyavacasā upāsikā disvā tiṇṇaṃ dhammānaṃ aññatarena vadeyya pārājikena vā saṅghādisesena vā pācittiyena vā, nisajjaṃ bhikkhu paṭijānamāno tiṇṇaṃ dhammānaṃ aññatarena kāretabbo pārājikena vā saṅghādisesena vā pācittiyena vā, yena vā sā saddheyyavacasā upāsikā vadeyya, tena so bhikkhu kāretabbo, ayaṃ dhammo aniyato.

    ทุติยอนิยตสิกฺขาปทํ

    Dutiyaaniyatasikkhāpadaṃ

    . น เหว โข ปน ปฎิจฺฉนฺนํ อาสนํ โหติ นาลํกมฺมนิยํ, อลญฺจ โข โหติ มาตุคามํ ทุฎฺฐุลฺลาหิ วาจาหิ โอภาสิตุํ, โย ปน ภิกฺขุ ตถารูเป อาสเน มาตุคาเมน สทฺธิํ เอโก เอกาย รโห นิสชฺชํ กเปฺปยฺย, ตเมนํ สเทฺธยฺยวจสา อุปาสิกา ทิสฺวา ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน วเทยฺย สงฺฆาทิเสเสน วา ปาจิตฺติเยน วา, นิสชฺชํ ภิกฺขุ ปฎิชานมาโน ทฺวินฺนํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน กาเรตโพฺพ สงฺฆาทิเสเสน วา ปาจิตฺติเยน วา, เยน วา สา สเทฺธยฺยวจสา อุปาสิกา วเทยฺย, เตน โส ภิกฺขุ กาเรตโพฺพ, อยมฺปิ ธโมฺม อนิยโตฯ

    2. Na heva kho pana paṭicchannaṃ āsanaṃ hoti nālaṃkammaniyaṃ, alañca kho hoti mātugāmaṃ duṭṭhullāhi vācāhi obhāsituṃ, yo pana bhikkhu tathārūpe āsane mātugāmena saddhiṃ eko ekāya raho nisajjaṃ kappeyya, tamenaṃ saddheyyavacasā upāsikā disvā dvinnaṃ dhammānaṃ aññatarena vadeyya saṅghādisesena vā pācittiyena vā, nisajjaṃ bhikkhu paṭijānamāno dvinnaṃ dhammānaṃ aññatarena kāretabbo saṅghādisesena vā pācittiyena vā, yena vā sā saddheyyavacasā upāsikā vadeyya, tena so bhikkhu kāretabbo, ayampi dhammo aniyato.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต เทฺว อนิยตา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto dve aniyatā dhammā. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    อนิยโต นิฎฺฐิโตฯ

    Aniyato niṭṭhito.

    นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยา

    Nissaggiyapācittiyā

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต ติํส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยา

    Ime kho panāyasmanto tiṃsa nissaggiyā pācittiyā

    ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    กถินสิกฺขาปทํ

    Kathinasikkhāpadaṃ

    . นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิํ กถิเน ทสาหปรมํ อติเรกจีวรํ ธาเรตพฺพํ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    1. Niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunā ubbhatasmiṃ kathine dasāhaparamaṃ atirekacīvaraṃ dhāretabbaṃ, taṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    อุโทสิตสิกฺขาปทํ

    Udositasikkhāpadaṃ

    . นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิํ กถิเน เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺย, อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    2. Niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunā ubbhatasmiṃ kathine ekarattampi ce bhikkhu ticīvarena vippavaseyya, aññatra bhikkhusammutiyā nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    อกาลจีวรสิกฺขาปทํ

    Akālacīvarasikkhāpadaṃ

    . นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนา อุพฺภตสฺมิํ กถิเน ภิกฺขุโน ปเนว อกาลจีวรํ อุปฺปเชฺชยฺย, อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ปฎิคฺคเหตฺวา ขิปฺปเมว กาเรตพฺพํ, โน จสฺส ปาริปูริ, มาสปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตํ จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ อูนสฺส ปาริปูริยา สติยา ปจฺจาสายฯ ตโต เจ อุตฺตริ นิกฺขิเปยฺย สติยาปิ ปจฺจาสาย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    3. Niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunā ubbhatasmiṃ kathine bhikkhuno paneva akālacīvaraṃ uppajjeyya, ākaṅkhamānena bhikkhunā paṭiggahetabbaṃ, paṭiggahetvā khippameva kāretabbaṃ, no cassa pāripūri, māsaparamaṃ tena bhikkhunā taṃ cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ ūnassa pāripūriyā satiyā paccāsāya. Tato ce uttari nikkhipeyya satiyāpi paccāsāya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ปุราณจีวรสิกฺขาปทํ

    Purāṇacīvarasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา ปุราณจีวรํ โธวาเปยฺย วา รชาเปยฺย วา อาโกฎาเปยฺย วา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    4. Yo pana bhikkhu aññātikāya bhikkhuniyā purāṇacīvaraṃ dhovāpeyya vā rajāpeyya vā ākoṭāpeyya vā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    จีวรปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํ

    Cīvarapaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    5. Yo pana bhikkhu aññātikāya bhikkhuniyā hatthato cīvaraṃ paṭiggaṇheyya aññatra pārivattakā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    อญฺญาตกวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ

    Aññātakaviññattisikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาตกํ คหปติํ วา คหปตานิํ วา จีวรํ วิญฺญาเปยฺย อญฺญตฺร สมยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย, อจฺฉินฺนจีวโร วา โหติ ภิกฺขุ, นฎฺฐจีวโร วา, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    6. Yo pana bhikkhu aññātakaṃ gahapatiṃ vā gahapatāniṃ vā cīvaraṃ viññāpeyya aññatra samayā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo, acchinnacīvaro vā hoti bhikkhu, naṭṭhacīvaro vā, ayaṃ tattha samayo.

    ตตุตฺตริสิกฺขาปทํ

    Tatuttarisikkhāpadaṃ

    . ตเญฺจ อญฺญาตโก คหปติ วา คหปตานี วา พหูหิ จีวเรหิ อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺย, สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพํฯ ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    7. Tañce aññātako gahapati vā gahapatānī vā bahūhi cīvarehi abhihaṭṭhuṃ pavāreyya, santaruttaraparamaṃ tena bhikkhunā tato cīvaraṃ sāditabbaṃ. Tato ce uttari sādiyeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ปฐมอุปกฺขฎสิกฺขาปทํ

    Paṭhamaupakkhaṭasikkhāpadaṃ

    . ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺส อญฺญาตกสฺส คหปติสฺส วา คหปตานิยา วา จีวรเจตาปนฺนํ อุปกฺขฎํ โหติ ‘‘อิมินา จีวรเจตาปเนฺนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทสฺสามี’’ติ, ตตฺร เจ โส ภิกฺขุ ปุเพฺพ อปฺปวาริโต อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปเชฺชยฺย ‘‘สาธุ วต มํ อายสฺมา อิมินา จีวรเจตาปเนฺนน เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา จีวรํ เจตาเปตฺวา อจฺฉาเทหี’’ติ กลฺยาณกมฺยตํ อุปาทาย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    8. Bhikkhuṃ paneva uddissa aññātakassa gahapatissa vā gahapatāniyā vā cīvaracetāpannaṃ upakkhaṭaṃ hoti ‘‘iminā cīvaracetāpannena cīvaraṃ cetāpetvā itthannāmaṃ bhikkhuṃ cīvarena acchādessāmī’’ti, tatra ce so bhikkhu pubbe appavārito upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjeyya ‘‘sādhu vata maṃ āyasmā iminā cīvaracetāpannena evarūpaṃ vā evarūpaṃ vā cīvaraṃ cetāpetvā acchādehī’’ti kalyāṇakamyataṃ upādāya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ทุติยอุปกฺขฎสิกฺขาปทํ

    Dutiyaupakkhaṭasikkhāpadaṃ

    . ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺส อุภินฺนํ อญฺญาตกานํ คหปตีนํ วา คหปตานีนํ วา ปเจฺจกจีวรเจตาปนฺนานิ อุปกฺขฎานิ โหนฺติ ‘‘อิเมหิ มยํ ปเจฺจกจีวรเจตาปเนฺนหิ ปเจฺจกจีวรานิ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรหิ อจฺฉาเทสฺสามา’’ติ, ตตฺร เจ โส ภิกฺขุ ปุเพฺพ อปฺปวาริโต อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปเชฺชยฺย ‘‘สาธุ วต มํ อายสฺมโนฺต อิเมหิ ปเจฺจกจีวรเจตาปเนฺนหิ เอวรูปํ วา เอวรูปํ วา จีวรํ เจตาเปตฺวา อจฺฉาเทถ อุโภว สนฺตา เอเกนา’’ติ กลฺยาณกมฺยตํ อุปาทาย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    9. Bhikkhuṃ paneva uddissa ubhinnaṃ aññātakānaṃ gahapatīnaṃ vā gahapatānīnaṃ vā paccekacīvaracetāpannāni upakkhaṭāni honti ‘‘imehi mayaṃ paccekacīvaracetāpannehi paccekacīvarāni cetāpetvā itthannāmaṃ bhikkhuṃ cīvarehi acchādessāmā’’ti, tatra ce so bhikkhu pubbe appavārito upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjeyya ‘‘sādhu vata maṃ āyasmanto imehi paccekacīvaracetāpannehi evarūpaṃ vā evarūpaṃ vā cīvaraṃ cetāpetvā acchādetha ubhova santā ekenā’’ti kalyāṇakamyataṃ upādāya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ราชสิกฺขาปทํ

    Rājasikkhāpadaṃ

    ๑๐. ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺส ราชา วา ราชโภโคฺค วา พฺราหฺมโณ วา คหปติโก วา ทูเตน จีวรเจตาปนฺนํ ปหิเณยฺย ‘‘อิมินา จีวรเจตาปเนฺนน จีวรํ เจตาเปตฺวา อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ จีวเรน อจฺฉาเทหี’’ติฯ โส เจ ทูโต ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘‘อิทํ โข, ภเนฺต, อายสฺมนฺตํ อุทฺทิสฺส จีวรเจตาปนฺนํ อาภตํ, ปฎิคฺคณฺหาตุ อายสฺมา จีวรเจตาปนฺน’’นฺติฯ เตน ภิกฺขุนา โส ทูโต เอวมสฺส วจนีโย ‘‘น โข มยํ, อาวุโส, จีวรเจตาปนฺนํ ปฎิคฺคณฺหาม, จีวรญฺจ โข มยํ ปฎิคฺคณฺหาม กาเลน กปฺปิย’’นฺติฯ โส เจ ทูโต ตํ ภิกฺขุํ เอวํ วเทยฺย ‘‘อตฺถิ ปนายสฺมโต โกจิ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติฯ จีวรตฺถิเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เวยฺยาวจฺจกโร นิทฺทิสิตโพฺพ อารามิโก วา อุปาสโก วา ‘‘เอโส โข, อาวุโส, ภิกฺขูนํ เวยฺยาวจฺจกโร’’ติฯ โส เจ ทูโต ตํ เวยฺยาวจฺจกรํ สญฺญาเปตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘‘ยํ โข, ภเนฺต, อายสฺมา เวยฺยาวจฺจกรํ นิทฺทิสิ, สญฺญโตฺต โส มยา, อุปสงฺกมตายสฺมา กาเลน, จีวเรน ตํ อจฺฉาเทสฺสตี’’ติฯ จีวรตฺถิเกน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา เวยฺยาวจฺจกโร อุปสงฺกมิตฺวา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โจเทตโพฺพ สาเรตโพฺพ ‘‘อโตฺถ เม, อาวุโส, จีวเรนา’’ติ, ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โจทยมาโน สารยมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํ, โน เจ อภินิปฺผาเทยฺย, จตุกฺขตฺตุํ ปญฺจกฺขตฺตุํ ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูเตน อุทฺทิสฺส ฐาตพฺพํ, จตุกฺขตฺตุํ ปญฺจกฺขตฺตุํ ฉกฺขตฺตุปรมํ ตุณฺหีภูโต อุทฺทิสฺส ติฎฺฐมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํ, ตโต เจ อุตฺตริ วายมมาโน ตํ จีวรํ อภินิปฺผาเทยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ โน เจ อภินิปฺผาเทยฺย, ยตสฺส จีวรเจตาปนฺนํ อาภตํ, ตตฺถ สามํ วา คนฺตพฺพํ, ทูโต วา ปาเหตโพฺพ ‘‘ยํ โข ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ภิกฺขุํ อุทฺทิสฺส จีวรเจตาปนฺนํ ปหิณิตฺถ, น ตํ ตสฺส ภิกฺขุโน กิญฺจิ อตฺถํ อนุโภติ, ยุญฺชนฺตายสฺมโนฺต สกํ, มา โว สกํ วินสฺสา’’ติ, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ

    10. Bhikkhuṃ paneva uddissa rājā vā rājabhoggo vā brāhmaṇo vā gahapatiko vā dūtena cīvaracetāpannaṃ pahiṇeyya ‘‘iminā cīvaracetāpannena cīvaraṃ cetāpetvā itthannāmaṃ bhikkhuṃ cīvarena acchādehī’’ti. So ce dūto taṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya ‘‘idaṃ kho, bhante, āyasmantaṃ uddissa cīvaracetāpannaṃ ābhataṃ, paṭiggaṇhātu āyasmā cīvaracetāpanna’’nti. Tena bhikkhunā so dūto evamassa vacanīyo ‘‘na kho mayaṃ, āvuso, cīvaracetāpannaṃ paṭiggaṇhāma, cīvarañca kho mayaṃ paṭiggaṇhāma kālena kappiya’’nti. So ce dūto taṃ bhikkhuṃ evaṃ vadeyya ‘‘atthi panāyasmato koci veyyāvaccakaro’’ti. Cīvaratthikena, bhikkhave, bhikkhunā veyyāvaccakaro niddisitabbo ārāmiko vā upāsako vā ‘‘eso kho, āvuso, bhikkhūnaṃ veyyāvaccakaro’’ti. So ce dūto taṃ veyyāvaccakaraṃ saññāpetvā taṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā evaṃ vadeyya ‘‘yaṃ kho, bhante, āyasmā veyyāvaccakaraṃ niddisi, saññatto so mayā, upasaṅkamatāyasmā kālena, cīvarena taṃ acchādessatī’’ti. Cīvaratthikena, bhikkhave, bhikkhunā veyyāvaccakaro upasaṅkamitvā dvattikkhattuṃ codetabbo sāretabbo ‘‘attho me, āvuso, cīvarenā’’ti, dvattikkhattuṃ codayamāno sārayamāno taṃ cīvaraṃ abhinipphādeyya, iccetaṃ kusalaṃ, no ce abhinipphādeyya, catukkhattuṃ pañcakkhattuṃ chakkhattuparamaṃ tuṇhībhūtena uddissa ṭhātabbaṃ, catukkhattuṃ pañcakkhattuṃ chakkhattuparamaṃ tuṇhībhūto uddissa tiṭṭhamāno taṃ cīvaraṃ abhinipphādeyya, iccetaṃ kusalaṃ, tato ce uttari vāyamamāno taṃ cīvaraṃ abhinipphādeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. No ce abhinipphādeyya, yatassa cīvaracetāpannaṃ ābhataṃ, tattha sāmaṃ vā gantabbaṃ, dūto vā pāhetabbo ‘‘yaṃ kho tumhe āyasmanto bhikkhuṃ uddissa cīvaracetāpannaṃ pahiṇittha, na taṃ tassa bhikkhuno kiñci atthaṃ anubhoti, yuñjantāyasmanto sakaṃ, mā vo sakaṃ vinassā’’ti, ayaṃ tattha sāmīci.

    กถินวโคฺค ปฐโมฯ

    Kathinavaggo paṭhamo.

    โกสิยสิกฺขาปทํ

    Kosiyasikkhāpadaṃ

    ๑๑. โย ปน ภิกฺขุ โกสิยมิสฺสกํ สนฺถตํ การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    11. Yo pana bhikkhu kosiyamissakaṃ santhataṃ kārāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    สุทฺธกาฬกสิกฺขาปทํ

    Suddhakāḷakasikkhāpadaṃ

    ๑๒. โย ปน ภิกฺขุ สุทฺธกาฬกานํ เอฬกโลมานํ สนฺถตํ การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    12. Yo pana bhikkhu suddhakāḷakānaṃ eḷakalomānaṃ santhataṃ kārāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    เทฺวภาคสิกฺขาปทํ

    Dvebhāgasikkhāpadaṃ

    ๑๓. นวํ ปน ภิกฺขุนา สนฺถตํ การยมาเนน เทฺว ภาคา สุทฺธกาฬกานํ เอฬกโลมานํ อาทาตพฺพา, ตติยํ โอทาตานํ, จตุตฺถํ โคจริยานํฯ อนาทา เจ ภิกฺขุ เทฺว ภาเค สุทฺธกาฬกานํ เอฬกโลมานํ, ตติยํ โอทาตานํ, จตุตฺถํ โคจริยานํ, นวํ สนฺถตํ การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    13. Navaṃ pana bhikkhunā santhataṃ kārayamānena dve bhāgā suddhakāḷakānaṃ eḷakalomānaṃ ādātabbā, tatiyaṃ odātānaṃ, catutthaṃ gocariyānaṃ. Anādā ce bhikkhu dve bhāge suddhakāḷakānaṃ eḷakalomānaṃ, tatiyaṃ odātānaṃ, catutthaṃ gocariyānaṃ, navaṃ santhataṃ kārāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ฉพฺพสฺสสิกฺขาปทํ

    Chabbassasikkhāpadaṃ

    ๑๔. นวํ ปน ภิกฺขุนา สนฺถตํ การาเปตฺวา ฉพฺพสฺสานิ ธาเรตพฺพํ, โอเรน เจ ฉนฺนํ วสฺสานํ ตํ สนฺถตํ วิสฺสเชฺชตฺวา วา อวิสฺสเชฺชตฺวา วา อญฺญํ นวํ สนฺถตํ การาเปยฺย อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    14. Navaṃ pana bhikkhunā santhataṃ kārāpetvā chabbassāni dhāretabbaṃ, orena ce channaṃ vassānaṃ taṃ santhataṃ vissajjetvā vā avissajjetvā vā aññaṃ navaṃ santhataṃ kārāpeyya aññatra bhikkhusammutiyā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    นิสีทนสนฺถตสิกฺขาปทํ

    Nisīdanasanthatasikkhāpadaṃ

    ๑๕. นิสีทนสนฺถตํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปุราณสนฺถตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิ อาทาตพฺพา ทุพฺพณฺณกรณายฯ อนาทา เจ ภิกฺขุ ปุราณสนฺถ ตสฺส สามนฺตา สุคตวิทตฺถิํ, นวํ นิสีทนสนฺถตํ การาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    15. Nisīdanasanthataṃ pana bhikkhunā kārayamānena purāṇasanthatassa sāmantā sugatavidatthi ādātabbā dubbaṇṇakaraṇāya. Anādā ce bhikkhu purāṇasantha tassa sāmantā sugatavidatthiṃ, navaṃ nisīdanasanthataṃ kārāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    เอฬกโลมสิกฺขาปทํ

    Eḷakalomasikkhāpadaṃ

    ๑๖. ภิกฺขุโน ปเนว อทฺธานมคฺคปฺปฎิปนฺนสฺส เอฬกโลมานิ อุปฺปเชฺชยฺยุํ, อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคเหตพฺพานิ, ปฎิคฺคเหตฺวา ติโยชนปรมํ สหตฺถา หริตพฺพานิ อสเนฺต หารเกฯ ตโต เจ อุตฺตริ หเรยฺย, อสเนฺตปิ หารเก, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    16. Bhikkhuno paneva addhānamaggappaṭipannassa eḷakalomāni uppajjeyyuṃ, ākaṅkhamānena bhikkhunā paṭiggahetabbāni, paṭiggahetvā tiyojanaparamaṃ sahatthā haritabbāni asante hārake. Tato ce uttari hareyya, asantepi hārake, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    เอฬกโลมโธวาปนสิกฺขาปทํ

    Eḷakalomadhovāpanasikkhāpadaṃ

    ๑๗. โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา เอฬกโลมานิ โธวาเปยฺย วา รชาเปยฺย วา วิชฎาเปยฺย วา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    17. Yo pana bhikkhu aññātikāya bhikkhuniyā eḷakalomāni dhovāpeyya vā rajāpeyya vā vijaṭāpeyya vā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    รูปิยสิกฺขาปทํ

    Rūpiyasikkhāpadaṃ

    ๑๘. โย ปน ภิกฺขุ ชาตรูปรชตํ อุคฺคเณฺหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา อุปนิกฺขิตฺตํ วา สาทิเยยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    18. Yo pana bhikkhu jātarūparajataṃ uggaṇheyya vā uggaṇhāpeyya vā upanikkhittaṃ vā sādiyeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    รูปิยสํโวหารสิกฺขาปทํ

    Rūpiyasaṃvohārasikkhāpadaṃ

    ๑๙. โย ปน ภิกฺขุ นานปฺปการกํ รูปิยสํโวหารํ สมาปเชฺชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    19. Yo pana bhikkhu nānappakārakaṃ rūpiyasaṃvohāraṃ samāpajjeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    กยวิกฺกยสิกฺขาปทํ

    Kayavikkayasikkhāpadaṃ

    ๒๐. โย ปน ภิกฺขุ นานปฺปการกํ กยวิกฺกยํ สมาปเชฺชยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    20. Yo pana bhikkhu nānappakārakaṃ kayavikkayaṃ samāpajjeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    โกสิยวโคฺค ทุติโยฯ

    Kosiyavaggo dutiyo.

    ปตฺตสิกฺขาปทํ

    Pattasikkhāpadaṃ

    ๒๑. ทสาหปรมํ อติเรกปโตฺต ธาเรตโพฺพ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    21. Dasāhaparamaṃ atirekapatto dhāretabbo, taṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    อูนปญฺจพนฺธนสิกฺขาปทํ

    Ūnapañcabandhanasikkhāpadaṃ

    ๒๒. โย ปน ภิกฺขุ อูนปญฺจพนฺธเนน ปเตฺตน อญฺญํ นวํ ปตฺตํ เจตาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ เตน ภิกฺขุนา โส ปโตฺต ภิกฺขุปริสาย นิสฺสชฺชิตโพฺพ , โย จ ตสฺสา ภิกฺขุปริสาย ปตฺตปริยโนฺต, โส ตสฺส ภิกฺขุโน ปทาตโพฺพ ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ ปโตฺต ยาว เภทนาย ธาเรตโพฺพ’’ติ, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ

    22. Yo pana bhikkhu ūnapañcabandhanena pattena aññaṃ navaṃ pattaṃ cetāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ. Tena bhikkhunā so patto bhikkhuparisāya nissajjitabbo , yo ca tassā bhikkhuparisāya pattapariyanto, so tassa bhikkhuno padātabbo ‘‘ayaṃ te bhikkhu patto yāva bhedanāya dhāretabbo’’ti, ayaṃ tattha sāmīci.

    เภสชฺชสิกฺขาปทํ

    Bhesajjasikkhāpadaṃ

    ๒๓. ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูนํ ปฎิสายนียานิ เภสชฺชานิ, เสยฺยถิทํ – สปฺปิ นวนีตํ เตลํ มธุ ผาณิตํ, ตานิ ปฎิคฺคเหตฺวา สตฺตาหปรมํ สนฺนิธิการกํ ปริภุญฺชิตพฺพานิ, ตํ อติกฺกามยโต นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    23. Yāni kho pana tāni gilānānaṃ bhikkhūnaṃ paṭisāyanīyāni bhesajjāni, seyyathidaṃ – sappi navanītaṃ telaṃ madhu phāṇitaṃ, tāni paṭiggahetvā sattāhaparamaṃ sannidhikārakaṃ paribhuñjitabbāni, taṃ atikkāmayato nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทํ

    Vassikasāṭikasikkhāpadaṃ

    ๒๔. ‘‘มาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ ภิกฺขุนา วสฺสิกสาฎิกจีวรํ ปริเยสิตพฺพํ, ‘‘อทฺธมาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ กตฺวา นิวาเสตพฺพํฯ โอเรน เจ ‘‘มาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ วสฺสิกสาฎิกจีวรํ ปริเยเสยฺย, โอเรน‘‘ทฺธมาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ กตฺวา นิวาเสยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    24. ‘‘Māso seso gimhāna’’nti bhikkhunā vassikasāṭikacīvaraṃ pariyesitabbaṃ, ‘‘addhamāso seso gimhāna’’nti katvā nivāsetabbaṃ. Orena ce ‘‘māso seso gimhāna’’nti vassikasāṭikacīvaraṃ pariyeseyya, orena‘‘ddhamāso seso gimhāna’’nti katvā nivāseyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    จีวรอจฺฉินฺทนสิกฺขาปทํ

    Cīvaraacchindanasikkhāpadaṃ

    ๒๕. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส สามํ จีวรํ ทตฺวา กุปิโต อนตฺตมโน อจฺฉิเนฺทยฺย วา อจฺฉินฺทาเปยฺย วา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    25. Yo pana bhikkhu bhikkhussa sāmaṃ cīvaraṃ datvā kupito anattamano acchindeyya vā acchindāpeyya vā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    สุตฺตวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ

    Suttaviññattisikkhāpadaṃ

    ๒๖. โย ปน ภิกฺขุ สามํ สุตฺตํ วิญฺญาเปตฺวา ตนฺตวาเยหิ จีวรํ วายาเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    26. Yo pana bhikkhu sāmaṃ suttaṃ viññāpetvā tantavāyehi cīvaraṃ vāyāpeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    มหาเปสการสิกฺขาปทํ

    Mahāpesakārasikkhāpadaṃ

    ๒๗. ภิกฺขุํ ปเนว อุทฺทิสฺส อญฺญาตโก คหปติ วา คหปตานี วา ตนฺตวาเยหิ จีวรํ วายาเปยฺย, ตตฺร เจ โส ภิกฺขุ ปุเพฺพ อปฺปวาริโต ตนฺตวาเย อุปสงฺกมิตฺวา จีวเร วิกปฺปํ อาปเชฺชยฺย ‘‘อิทํ โข, อาวุโส, จีวรํ มํ อุทฺทิสฺส วิยฺยติ, อายตญฺจ กโรถ, วิตฺถตญฺจ, อปฺปิตญฺจ, สุวีตญฺจ, สุปฺปวายิตญฺจ, สุวิเลขิตญฺจ, สุวิตจฺฉิตญฺจ กโรถ, อเปฺปว นาม มยมฺปิ อายสฺมนฺตานํ กิญฺจิมตฺตํ อนุปทเชฺชยฺยามา’’ติฯ เอวญฺจ โส ภิกฺขุ วตฺวา กิญฺจิมตฺตํ อนุปทเชฺชยฺย อนฺตมโส ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปิ, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    27. Bhikkhuṃ paneva uddissa aññātako gahapati vā gahapatānī vā tantavāyehi cīvaraṃ vāyāpeyya, tatra ce so bhikkhu pubbe appavārito tantavāye upasaṅkamitvā cīvare vikappaṃ āpajjeyya ‘‘idaṃ kho, āvuso, cīvaraṃ maṃ uddissa viyyati, āyatañca karotha, vitthatañca, appitañca, suvītañca, suppavāyitañca, suvilekhitañca, suvitacchitañca karotha, appeva nāma mayampi āyasmantānaṃ kiñcimattaṃ anupadajjeyyāmā’’ti. Evañca so bhikkhu vatvā kiñcimattaṃ anupadajjeyya antamaso piṇḍapātamattampi, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    อเจฺจกจีวรสิกฺขาปทํ

    Accekacīvarasikkhāpadaṃ

    ๒๘. ทสาหานาคตํ กตฺติกเตมาสิกปุณฺณมํ ภิกฺขุโน ปเนว อเจฺจกจีวรํ อุปฺปเชฺชยฺย, อเจฺจกํ มญฺญมาเนน ภิกฺขุนา ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ปฎิคฺคเหตฺวา ยาว จีวรกาลสมยํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ ตโต เจ อุตฺตริ นิกฺขิเปยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    28. Dasāhānāgataṃ kattikatemāsikapuṇṇamaṃ bhikkhuno paneva accekacīvaraṃ uppajjeyya, accekaṃ maññamānena bhikkhunā paṭiggahetabbaṃ, paṭiggahetvā yāva cīvarakālasamayaṃ nikkhipitabbaṃ. Tato ce uttari nikkhipeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    สาสงฺกสิกฺขาปทํ

    Sāsaṅkasikkhāpadaṃ

    ๒๙. อุปวสฺสํ โข ปน กตฺติกปุณฺณมํ ยานิ โข ปน ตานิ อารญฺญกานิ เสนาสนานิ สาสงฺกสมฺมตานิ สปฺปฎิภยานิ, ตถารูเปสุ ภิกฺขุ เสนาสเนสุ วิหรโนฺต อากงฺขมาโน ติณฺณํ จีวรานํ อญฺญตรํ จีวรํ อนฺตรฆเร นิกฺขิเปยฺย, สิยา จ ตสฺส ภิกฺขุโน โกจิเทว ปจฺจโย เตน จีวเรน วิปฺปวาสาย, ฉารตฺตปรมํ เตน ภิกฺขุนา เตน จีวเรน วิปฺปวสิตพฺพํฯ ตโต เจ อุตฺตริ วิปฺปวเสยฺย อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    29. Upavassaṃ kho pana kattikapuṇṇamaṃ yāni kho pana tāni āraññakāni senāsanāni sāsaṅkasammatāni sappaṭibhayāni, tathārūpesu bhikkhu senāsanesu viharanto ākaṅkhamāno tiṇṇaṃ cīvarānaṃ aññataraṃ cīvaraṃ antaraghare nikkhipeyya, siyā ca tassa bhikkhuno kocideva paccayo tena cīvarena vippavāsāya, chārattaparamaṃ tena bhikkhunā tena cīvarena vippavasitabbaṃ. Tato ce uttari vippavaseyya aññatra bhikkhusammutiyā, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ปริณตสิกฺขาปทํ

    Pariṇatasikkhāpadaṃ

    ๓๐. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ อตฺตโน ปริณาเมยฺย, นิสฺสคฺคิยํ ปาจิตฺติยํฯ

    30. Yo pana bhikkhu jānaṃ saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ attano pariṇāmeyya, nissaggiyaṃ pācittiyaṃ.

    ปตฺตวโคฺค ตติโยฯ

    Pattavaggo tatiyo.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต ติํส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto tiṃsa nissaggiyā pācittiyā dhammā. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยา นิฎฺฐิตาฯ

    Nissaggiyapācittiyā niṭṭhitā.

    สุทฺธปาจิตฺติยา

    Suddhapācittiyā

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต เทฺวนวุติ ปาจิตฺติยา

    Ime kho panāyasmanto dvenavuti pācittiyā

    ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    มุสาวาทสิกฺขาปทํ

    Musāvādasikkhāpadaṃ

    . สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติยํฯ

    1. Sampajānamusāvāde pācittiyaṃ.

    โอมสวาทสิกฺขาปทํ

    Omasavādasikkhāpadaṃ

    . โอมสวาเท ปาจิตฺติยํฯ

    2. Omasavāde pācittiyaṃ.

    เปสุญฺญสิกฺขาปทํ

    Pesuññasikkhāpadaṃ

    . ภิกฺขุเปสุเญฺญ ปาจิตฺติยํฯ

    3. Bhikkhupesuññe pācittiyaṃ.

    ปทโสธมฺมสิกฺขาปทํ

    Padasodhammasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺนํ ปทโส ธมฺมํ วาเจยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    4. Yo pana bhikkhu anupasampannaṃ padaso dhammaṃ vāceyya, pācittiyaṃ.

    ปฐมสหเสยฺยสิกฺขาปทํ

    Paṭhamasahaseyyasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปเนฺนน อุตฺตริทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    5. Yo pana bhikkhu anupasampannena uttaridirattatirattaṃ sahaseyyaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    ทุติยสหเสยฺยสิกฺขาปทํ

    Dutiyasahaseyyasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สหเสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    6. Yo pana bhikkhu mātugāmena sahaseyyaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    ธมฺมเทสนาสิกฺขาปทํ

    Dhammadesanāsikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ มาตุคามสฺส อุตฺตริฉปฺปญฺจวาจาหิ ธมฺมํ เทเสยฺย อญฺญตฺร วิญฺญุนา ปุริสวิคฺคเหน, ปาจิตฺติยํฯ

    7. Yo pana bhikkhu mātugāmassa uttarichappañcavācāhi dhammaṃ deseyya aññatra viññunā purisaviggahena, pācittiyaṃ.

    ภูตาโรจนสิกฺขาปทํ

    Bhūtārocanasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺนสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อาโรเจยฺย, ภูตสฺมิํ ปาจิตฺติยํฯ

    8. Yo pana bhikkhu anupasampannassa uttarimanussadhammaṃ āroceyya, bhūtasmiṃ pācittiyaṃ.

    ทุฎฺฐุลฺลาโรจนสิกฺขาปทํ

    Duṭṭhullārocanasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ อนุปสมฺปนฺนสฺส อาโรเจยฺย อญฺญตฺร ภิกฺขุสมฺมุติยา, ปาจิตฺติยํฯ

    9. Yo pana bhikkhu bhikkhussa duṭṭhullaṃ āpattiṃ anupasampannassa āroceyya aññatra bhikkhusammutiyā, pācittiyaṃ.

    ปถวีขณนสิกฺขาปทํ

    Pathavīkhaṇanasikkhāpadaṃ

    ๑๐. โย ปน ภิกฺขุ ปถวิํ ขเณยฺย วา ขณาเปยฺย วา ปาจิตฺติยํฯ

    10. Yo pana bhikkhu pathaviṃ khaṇeyya vā khaṇāpeyya vā pācittiyaṃ.

    มุสาวาทวโคฺค ปฐโมฯ

    Musāvādavaggo paṭhamo.

    ภูตคามสิกฺขาปทํ

    Bhūtagāmasikkhāpadaṃ

    ๑๑. ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํฯ

    11. Bhūtagāmapātabyatāya pācittiyaṃ.

    อญฺญวาทกสิกฺขาปทํ

    Aññavādakasikkhāpadaṃ

    ๑๒. อญฺญวาทเก, วิเหสเก ปาจิตฺติยํฯ

    12. Aññavādake, vihesake pācittiyaṃ.

    อุชฺฌาปนกสิกฺขาปทํ

    Ujjhāpanakasikkhāpadaṃ

    ๑๓. อุชฺฌาปนเก , ขิยฺยนเก ปาจิตฺติยํฯ

    13. Ujjhāpanake , khiyyanake pācittiyaṃ.

    ปฐมเสนาสนสิกฺขาปทํ

    Paṭhamasenāsanasikkhāpadaṃ

    ๑๔. โย ปน ภิกฺขุ สงฺฆิกํ มญฺจํ วา ปีฐํ วา ภิสิํ วา โกจฺฉํ วา อโชฺฌกาเส สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธเรยฺย, น อุทฺธราเปยฺย, อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    14. Yo pana bhikkhu saṅghikaṃ mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā bhisiṃ vā kocchaṃ vā ajjhokāse santharitvā vā santharāpetvā vā taṃ pakkamanto neva uddhareyya, na uddharāpeyya, anāpucchaṃ vā gaccheyya, pācittiyaṃ.

    ทุติยเสนาสนสิกฺขาปทํ

    Dutiyasenāsanasikkhāpadaṃ

    ๑๕. โย ปน ภิกฺขุ สงฺฆิเก วิหาเร เสยฺยํ สนฺถริตฺวา วา สนฺถราเปตฺวา วา ตํ ปกฺกมโนฺต เนว อุทฺธเรยฺย, น อุทฺธราเปยฺย, อนาปุจฺฉํ วา คเจฺฉยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    15. Yo pana bhikkhu saṅghike vihāre seyyaṃ santharitvā vā santharāpetvā vā taṃ pakkamanto neva uddhareyya, na uddharāpeyya, anāpucchaṃ vā gaccheyya, pācittiyaṃ.

    อนุปขชฺชสิกฺขาปทํ

    Anupakhajjasikkhāpadaṃ

    ๑๖. โย ปน ภิกฺขุ สงฺฆิเก วิหาเร ชานํ ปุพฺพุปคตํ ภิกฺขุํ อนุปขชฺช เสยฺยํ กเปฺปยฺย ‘‘ยสฺส สมฺพาโธ ภวิสฺสติ, โส ปกฺกมิสฺสตี’’ติ เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญํ, ปาจิตฺติยํฯ

    16. Yo pana bhikkhu saṅghike vihāre jānaṃ pubbupagataṃ bhikkhuṃ anupakhajja seyyaṃ kappeyya ‘‘yassa sambādho bhavissati, so pakkamissatī’’ti etadeva paccayaṃ karitvā anaññaṃ, pācittiyaṃ.

    นิกฺกฑฺฒนสิกฺขาปทํ

    Nikkaḍḍhanasikkhāpadaṃ

    ๑๗. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ กุปิโต อนตฺตมโน สงฺฆิกา วิหารา นิกฺกเฑฺฒยฺย วา นิกฺกฑฺฒาเปยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    17. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ kupito anattamano saṅghikā vihārā nikkaḍḍheyya vā nikkaḍḍhāpeyya vā, pācittiyaṃ.

    เวหาสกุฎิสิกฺขาปทํ

    Vehāsakuṭisikkhāpadaṃ

    ๑๘. โย ปน ภิกฺขุ สงฺฆิเก วิหาเร อุปริเวหาสกุฎิยา อาหจฺจปาทกํ มญฺจํ วา ปีฐํ วา อภินิสีเทยฺย วา อภินิปเชฺชยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    18. Yo pana bhikkhu saṅghike vihāre uparivehāsakuṭiyā āhaccapādakaṃ mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā abhinisīdeyya vā abhinipajjeyya vā, pācittiyaṃ.

    มหลฺลกวิหารสิกฺขาปทํ

    Mahallakavihārasikkhāpadaṃ

    ๑๙. มหลฺลกํ ปน ภิกฺขุนา วิหารํ การยมาเนน ยาว ทฺวารโกสา อคฺคฬฎฺฐปนาย อาโลกสนฺธิปริกมฺมาย ทฺวตฺติจฺฉทนสฺส ปริยายํ อปฺปหริเต ฐิเตน อธิฎฺฐาตพฺพํ, ตโต เจ อุตฺตริ อปฺปหริเตปิ ฐิโต อธิฎฺฐเหยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    19. Mahallakaṃ pana bhikkhunā vihāraṃ kārayamānena yāva dvārakosā aggaḷaṭṭhapanāya ālokasandhiparikammāya dvatticchadanassa pariyāyaṃ appaharite ṭhitena adhiṭṭhātabbaṃ, tato ce uttari appaharitepi ṭhito adhiṭṭhaheyya, pācittiyaṃ.

    สปฺปาณกสิกฺขาปทํ

    Sappāṇakasikkhāpadaṃ

    ๒๐. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ติณํ วา มตฺติกํ วา สิเญฺจยฺย วา สิญฺจาเปยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    20. Yo pana bhikkhu jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ tiṇaṃ vā mattikaṃ vā siñceyya vā siñcāpeyya vā, pācittiyaṃ.

    ภูตคามวโคฺค ทุติโยฯ

    Bhūtagāmavaggo dutiyo.

    โอวาทสิกฺขาปทํ

    Ovādasikkhāpadaṃ

    ๒๑. โย ปน ภิกฺขุ อสมฺมโต ภิกฺขุนิโย โอวเทยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    21. Yo pana bhikkhu asammato bhikkhuniyo ovadeyya, pācittiyaṃ.

    อตฺถงฺคตสิกฺขาปทํ

    Atthaṅgatasikkhāpadaṃ

    ๒๒. สมฺมโตปิ เจ ภิกฺขุ อตฺถงฺคเต สูริเย ภิกฺขุนิโย โอวเทยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    22. Sammatopi ce bhikkhu atthaṅgate sūriye bhikkhuniyo ovadeyya, pācittiyaṃ.

    ภิกฺขุนุปสฺสยสิกฺขาปทํ

    Bhikkhunupassayasikkhāpadaṃ

    ๒๓. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปสงฺกมิตฺวา ภิกฺขุนิโย โอวเทยฺย อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย, คิลานา โหติ ภิกฺขุนี, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    23. Yo pana bhikkhu bhikkhunupassayaṃ upasaṅkamitvā bhikkhuniyo ovadeyya aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo, gilānā hoti bhikkhunī, ayaṃ tattha samayo.

    อามิสสิกฺขาปทํ

    Āmisasikkhāpadaṃ

    ๒๔. โย ปน ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย ‘‘อามิสเหตุ เถรา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย โอวทนฺตี’’ติ, ปาจิตฺติยํฯ

    24. Yo pana bhikkhu evaṃ vadeyya ‘‘āmisahetu therā bhikkhū bhikkhuniyo ovadantī’’ti, pācittiyaṃ.

    จีวรทานสิกฺขาปทํ

    Cīvaradānasikkhāpadaṃ

    ๒๕. โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรํ ทเทยฺย อญฺญตฺร ปาริวตฺตกา, ปาจิตฺติยํฯ

    25. Yo pana bhikkhu aññātikāya bhikkhuniyā cīvaraṃ dadeyya aññatra pārivattakā, pācittiyaṃ.

    จีวรสิพฺพนสิกฺขาปทํ

    Cīvarasibbanasikkhāpadaṃ

    ๒๖. โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา จีวรํ สิเพฺพยฺย วา สิพฺพาเปยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    26. Yo pana bhikkhu aññātikāya bhikkhuniyā cīvaraṃ sibbeyya vā sibbāpeyya vā, pācittiyaṃ.

    สํวิธานสิกฺขาปทํ

    Saṃvidhānasikkhāpadaṃ

    ๒๗. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปเชฺชยฺย อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย, สตฺถคมนีโย โหติ มโคฺค, สาสงฺกสมฺมโต, สปฺปฎิภโย, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    27. Yo pana bhikkhu bhikkhuniyā saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjeyya antamaso gāmantarampi aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo, satthagamanīyo hoti maggo, sāsaṅkasammato, sappaṭibhayo, ayaṃ tattha samayo.

    นาวาภิรุหนสิกฺขาปทํ

    Nāvābhiruhanasikkhāpadaṃ

    ๒๘. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ สํวิธาย เอกํ นาวํ อภิรุเหยฺย อุทฺธํคามินิํ วา อโธคามินิํ วา อญฺญตฺร ติริยํ ตรณาย, ปาจิตฺติยํฯ

    28. Yo pana bhikkhu bhikkhuniyā saddhiṃ saṃvidhāya ekaṃ nāvaṃ abhiruheyya uddhaṃgāminiṃ vā adhogāminiṃ vā aññatra tiriyaṃ taraṇāya, pācittiyaṃ.

    ปริปาจิตสิกฺขาปทํ

    Paripācitasikkhāpadaṃ

    ๒๙. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ภิกฺขุนิปริปาจิตํ ปิณฺฑปาตํ ภุเญฺชยฺย อญฺญตฺร ปุเพฺพ คิหิสมารมฺภา, ปาจิตฺติยํฯ

    29. Yo pana bhikkhu jānaṃ bhikkhuniparipācitaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjeyya aññatra pubbe gihisamārambhā, pācittiyaṃ.

    รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ

    Rahonisajjasikkhāpadaṃ

    ๓๐. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุนิยา สทฺธิํ เอโก เอกาย รโห นิสชฺชํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    30. Yo pana bhikkhu bhikkhuniyā saddhiṃ eko ekāya raho nisajjaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    โอวาทวโคฺค ตติโยฯ

    Ovādavaggo tatiyo.

    อาวสถปิณฺฑสิกฺขาปทํ

    Āvasathapiṇḍasikkhāpadaṃ

    ๓๑. อคิลาเนน ภิกฺขุนา เอโก อาวสถปิโณฺฑ ภุญฺชิตโพฺพฯ ตโต เจ อุตฺตริ ภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    31. Agilānena bhikkhunā eko āvasathapiṇḍo bhuñjitabbo. Tato ce uttari bhuñjeyya, pācittiyaṃ.

    คณโภชนสิกฺขาปทํ

    Gaṇabhojanasikkhāpadaṃ

    ๓๒. คณโภชเน อญฺญตฺร สมยา ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย, คิลานสมโย, จีวรทานสมโย, จีวรการสมโย, อทฺธานคมนสมโย, นาวาภิรุหนสมโย, มหาสมโย, สมณภตฺตสมโย, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    32. Gaṇabhojane aññatra samayā pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo, gilānasamayo, cīvaradānasamayo, cīvarakārasamayo, addhānagamanasamayo, nāvābhiruhanasamayo, mahāsamayo, samaṇabhattasamayo, ayaṃ tattha samayo.

    ปรมฺปรโภชนสิกฺขาปทํ

    Paramparabhojanasikkhāpadaṃ

    ๓๓. ปรมฺปรโภชเน อญฺญตฺร สมยา ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย, คิลานสมโย, จีวรทานสมโย, จีวรการสมโย, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    33. Paramparabhojane aññatra samayā pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo, gilānasamayo, cīvaradānasamayo, cīvarakārasamayo, ayaṃ tattha samayo.

    กาณมาตุสิกฺขาปทํ

    Kāṇamātusikkhāpadaṃ

    ๓๔. ภิกฺขุํ ปเนว กุลํ อุปคตํ ปูเวหิ วา มเนฺถหิ วา อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺย, อากงฺขมาเนน ภิกฺขุนา ทฺวตฺติปตฺตปูรา ปฎิคฺคเหตพฺพาฯ ตโต เจ อุตฺตริ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, ปาจิตฺติยํฯ ทฺวตฺติปตฺตปูเร ปฎิคฺคเหตฺวา ตโต นีหริตฺวา ภิกฺขูหิ สทฺธิํ สํวิภชิตพฺพํ, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ

    34. Bhikkhuṃ paneva kulaṃ upagataṃ pūvehi vā manthehi vā abhihaṭṭhuṃ pavāreyya, ākaṅkhamānena bhikkhunā dvattipattapūrā paṭiggahetabbā. Tato ce uttari paṭiggaṇheyya, pācittiyaṃ. Dvattipattapūre paṭiggahetvā tato nīharitvā bhikkhūhi saddhiṃ saṃvibhajitabbaṃ, ayaṃ tattha sāmīci.

    ปฐมปวารณาสิกฺขาปทํ

    Paṭhamapavāraṇāsikkhāpadaṃ

    ๓๕. โย ปน ภิกฺขุ ภุตฺตาวี ปวาริโต อนติริตฺตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุเญฺชยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    35. Yo pana bhikkhu bhuttāvī pavārito anatirittaṃ khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā khādeyya vā bhuñjeyya vā, pācittiyaṃ.

    ทุติยปวารณาสิกฺขาปทํ

    Dutiyapavāraṇāsikkhāpadaṃ

    ๓๖. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ ภุตฺตาวิํ ปวาริตํ อนติริเตฺตน ขาทนีเยน วา โภชนีเยน วา อภิหฎฺฐุํ ปวาเรยฺย ‘‘หนฺท ภิกฺขุ ขาท วา ภุญฺช วา’’ติ ชานํ อาสาทนาเปโกฺข, ภุตฺตสฺมิํ ปาจิตฺติยํฯ

    36. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ bhuttāviṃ pavāritaṃ anatirittena khādanīyena vā bhojanīyena vā abhihaṭṭhuṃ pavāreyya ‘‘handa bhikkhu khāda vā bhuñja vā’’ti jānaṃ āsādanāpekkho, bhuttasmiṃ pācittiyaṃ.

    วิกาลโภชนสิกฺขาปทํ

    Vikālabhojanasikkhāpadaṃ

    ๓๗. โย ปน ภิกฺขุ วิกาเล ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุเญฺชยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    37. Yo pana bhikkhu vikāle khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā khādeyya vā bhuñjeyya vā, pācittiyaṃ.

    สนฺนิธิการกสิกฺขาปทํ

    Sannidhikārakasikkhāpadaṃ

    ๓๘. โย ปน ภิกฺขุ สนฺนิธิการกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ขาเทยฺย วา ภุเญฺชยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ

    38. Yo pana bhikkhu sannidhikārakaṃ khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā khādeyya vā bhuñjeyya vā, pācittiyaṃ.

    ปณีตโภชนสิกฺขาปทํ

    Paṇītabhojanasikkhāpadaṃ

    ๓๙. ยานิ โข ปน ตานิ ปณีตโภชนานิ, เสยฺยถิทํ – สปฺปิ, นวนีตํ, เตลํ, มธุ, ผาณิตํ, มโจฺฉ, มํสํ, ขีรํ, ทธิฯ โย ปน ภิกฺขุ เอวรูปานิ ปณีตโภชนานิ อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    39. Yāni kho pana tāni paṇītabhojanāni, seyyathidaṃ – sappi, navanītaṃ, telaṃ, madhu, phāṇitaṃ, maccho, maṃsaṃ, khīraṃ, dadhi. Yo pana bhikkhu evarūpāni paṇītabhojanāni agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjeyya, pācittiyaṃ.

    ทนฺตโปนสิกฺขาปทํ

    Dantaponasikkhāpadaṃ

    ๔๐. โย ปน ภิกฺขุ อทินฺนํ มุขทฺวารํ อาหารํ อาหเรยฺย อญฺญตฺร อุทกทนฺตโปนา, ปาจิตฺติยํฯ

    40. Yo pana bhikkhu adinnaṃ mukhadvāraṃ āhāraṃ āhareyya aññatra udakadantaponā, pācittiyaṃ.

    โภชนวโคฺค จตุโตฺถฯ

    Bhojanavaggo catuttho.

    อเจลกสิกฺขาปทํ

    Acelakasikkhāpadaṃ

    ๔๑. โย ปน ภิกฺขุ อเจลกสฺส วา ปริพฺพาชกสฺส วา ปริพฺพาชิกาย วา สหตฺถา ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ทเทยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    41. Yo pana bhikkhu acelakassa vā paribbājakassa vā paribbājikāya vā sahatthā khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā dadeyya, pācittiyaṃ.

    อุโยฺยชนสิกฺขาปทํ

    Uyyojanasikkhāpadaṃ

    ๔๒. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ ‘‘เอหาวุโส, คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสิสฺสามา’’ติ ตสฺส ทาเปตฺวา วา อทาเปตฺวา วา อุโยฺยเชยฺย ‘‘คจฺฉาวุโส, น เม ตยา สทฺธิํ กถา วา นิสชฺชา วา ผาสุ โหติ, เอกกสฺส เม กถา วา นิสชฺชา วา ผาสุ โหตี’’ติ เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญํ, ปาจิตฺติยํฯ

    42. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ ‘‘ehāvuso, gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisissāmā’’ti tassa dāpetvā vā adāpetvā vā uyyojeyya ‘‘gacchāvuso, na me tayā saddhiṃ kathā vā nisajjā vā phāsu hoti, ekakassa me kathā vā nisajjā vā phāsu hotī’’ti etadeva paccayaṃ karitvā anaññaṃ, pācittiyaṃ.

    สโภชนสิกฺขาปทํ

    Sabhojanasikkhāpadaṃ

    ๔๓. โย ปน ภิกฺขุ สโภชเน กุเล อนุปขชฺช นิสชฺชํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    43. Yo pana bhikkhu sabhojane kule anupakhajja nisajjaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    รโหปฎิจฺฉนฺนสิกฺขาปทํ

    Rahopaṭicchannasikkhāpadaṃ

    ๔๔. โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธิํ รโห ปฎิจฺฉเนฺน อาสเน นิสชฺชํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    44. Yo pana bhikkhu mātugāmena saddhiṃ raho paṭicchanne āsane nisajjaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    รโหนิสชฺชสิกฺขาปทํ

    Rahonisajjasikkhāpadaṃ

    ๔๕. โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธิํ เอโก เอกาย รโห นิสชฺชํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    45. Yo pana bhikkhu mātugāmena saddhiṃ eko ekāya raho nisajjaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    จาริตฺตสิกฺขาปทํ

    Cārittasikkhāpadaṃ

    ๔๖. โย ปน ภิกฺขุ นิมนฺติโต สภโตฺต สมาโน สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉา ปุเรภตฺตํ วา ปจฺฉาภตฺตํ วา กุเลสุ จาริตฺตํ อาปเชฺชยฺย อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย, จีวรทานสมโย, จีวรการสมโย, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    46. Yo pana bhikkhu nimantito sabhatto samāno santaṃ bhikkhuṃ anāpucchā purebhattaṃ vā pacchābhattaṃ vā kulesu cārittaṃ āpajjeyya aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo, cīvaradānasamayo, cīvarakārasamayo, ayaṃ tattha samayo.

    มหานามสิกฺขาปทํ

    Mahānāmasikkhāpadaṃ

    ๔๗. อคิลาเนน ภิกฺขุนา จตุมาสปฺปจฺจยปวารณา สาทิตพฺพา อญฺญตฺร ปุนปวารณาย, อญฺญตฺร นิจฺจปวารณายฯ ตโต เจ อุตฺตริ สาทิเยยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    47. Agilānena bhikkhunā catumāsappaccayapavāraṇā sāditabbā aññatra punapavāraṇāya, aññatra niccapavāraṇāya. Tato ce uttari sādiyeyya, pācittiyaṃ.

    อุยฺยุตฺตเสนาสิกฺขาปทํ

    Uyyuttasenāsikkhāpadaṃ

    ๔๘. โย ปน ภิกฺขุ อุยฺยุตฺตํ เสนํ ทสฺสนาย คเจฺฉยฺย อญฺญตฺร ตถารูปปฺปจฺจยา, ปาจิตฺติยํฯ

    48. Yo pana bhikkhu uyyuttaṃ senaṃ dassanāya gaccheyya aññatra tathārūpappaccayā, pācittiyaṃ.

    เสนาวาสสิกฺขาปทํ

    Senāvāsasikkhāpadaṃ

    ๔๙. สิยา จ ตสฺส ภิกฺขุโน โกจิเทว ปจฺจโย เสนํ คมนาย, ทิรตฺตติรตฺตํ เตน ภิกฺขุนา เสนาย วสิตพฺพํฯ ตโต เจ อุตฺตริ วเสยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    49. Siyā ca tassa bhikkhuno kocideva paccayo senaṃ gamanāya, dirattatirattaṃ tena bhikkhunā senāya vasitabbaṃ. Tato ce uttari vaseyya, pācittiyaṃ.

    อุโยฺยธิกสิกฺขาปทํ

    Uyyodhikasikkhāpadaṃ

    ๕๐. ทิรตฺตติรตฺตํ เจ ภิกฺขุ เสนาย วสมาโน อุโยฺยธิกํ วา พลคฺคํ วา เสนาพฺยูหํ วา อนีกทสฺสนํ วา คเจฺฉยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    50. Dirattatirattaṃ ce bhikkhu senāya vasamāno uyyodhikaṃ vā balaggaṃ vā senābyūhaṃ vā anīkadassanaṃ vā gaccheyya, pācittiyaṃ.

    อเจลกวโคฺค ปญฺจโมฯ

    Acelakavaggo pañcamo.

    สุราปานสิกฺขาปทํ

    Surāpānasikkhāpadaṃ

    ๕๑. สุราเมรยปาเน ปาจิตฺติยํฯ

    51. Surāmerayapāne pācittiyaṃ.

    องฺคุลิปโตทกสิกฺขาปทํ

    Aṅgulipatodakasikkhāpadaṃ

    ๕๒. องฺคุลิปโตทเก ปาจิตฺติยํฯ

    52. Aṅgulipatodake pācittiyaṃ.

    หสธมฺมสิกฺขาปทํ

    Hasadhammasikkhāpadaṃ

    ๕๓. อุทเก หสธเมฺม ปาจิตฺติยํฯ

    53. Udake hasadhamme pācittiyaṃ.

    อนาทริยสิกฺขาปทํ

    Anādariyasikkhāpadaṃ

    ๕๔. อนาทริเย ปาจิตฺติยํฯ

    54. Anādariye pācittiyaṃ.

    ภิํสาปนสิกฺขาปทํ

    Bhiṃsāpanasikkhāpadaṃ

    ๕๕. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ ภิํสาเปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    55. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ bhiṃsāpeyya, pācittiyaṃ.

    โชติสิกฺขาปทํ

    Jotisikkhāpadaṃ

    ๕๖. โย ปน ภิกฺขุ อคิลาโน วิสิพฺพนาเปโกฺข โชติํ สมาทเหยฺย วา สมาทหาเปยฺย วา อญฺญตฺร ตถารูปปฺปจฺจยา, ปาจิตฺติยํฯ

    56. Yo pana bhikkhu agilāno visibbanāpekkho jotiṃ samādaheyya vā samādahāpeyya vā aññatra tathārūpappaccayā, pācittiyaṃ.

    นหานสิกฺขาปทํ

    Nahānasikkhāpadaṃ

    ๕๗. โย ปน ภิกฺขุ โอเรนทฺธมาสํ นหาเยยฺย อญฺญตฺร สมยา, ปาจิตฺติยํฯ ตตฺถายํ สมโย ‘‘ทิยโฑฺฒ มาโส เสโส คิมฺหาน’’นฺติ ‘‘วสฺสานสฺส ปฐโม มาโส’’ อิเจฺจเต อฑฺฒเตยฺยมาสา อุณฺหสมโย, ปริฬาหสมโย, คิลานสมโย, กมฺมสมโย, อทฺธานคมนสมโย, วาตวุฎฺฐิสมโย, อยํ ตตฺถ สมโยฯ

    57. Yo pana bhikkhu orenaddhamāsaṃ nahāyeyya aññatra samayā, pācittiyaṃ. Tatthāyaṃ samayo ‘‘diyaḍḍho māso seso gimhāna’’nti ‘‘vassānassa paṭhamo māso’’ iccete aḍḍhateyyamāsā uṇhasamayo, pariḷāhasamayo, gilānasamayo, kammasamayo, addhānagamanasamayo, vātavuṭṭhisamayo, ayaṃ tattha samayo.

    ทุพฺพณฺณกรณสิกฺขาปทํ

    Dubbaṇṇakaraṇasikkhāpadaṃ

    ๕๘. นวํ ปน ภิกฺขุนา จีวรลาเภน ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณํ อาทาตพฺพํ นีลํ วา กทฺทมํ วา กาฬสามํ วาฯ อนาทา เจ ภิกฺขุ ติณฺณํ ทุพฺพณฺณกรณานํ อญฺญตรํ ทุพฺพณฺณกรณํ นวํ จีวรํ ปริภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    58. Navaṃ pana bhikkhunā cīvaralābhena tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇaṃ ādātabbaṃ nīlaṃ vā kaddamaṃ vā kāḷasāmaṃ vā. Anādā ce bhikkhu tiṇṇaṃ dubbaṇṇakaraṇānaṃ aññataraṃ dubbaṇṇakaraṇaṃ navaṃ cīvaraṃ paribhuñjeyya, pācittiyaṃ.

    วิกปฺปนสิกฺขาปทํ

    Vikappanasikkhāpadaṃ

    ๕๙. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา สิกฺขมานาย วา สามเณรสฺส วา สามเณริยา วา สามํ จีวรํ วิกเปฺปตฺวา อปฺปจฺจุทฺธารณํ ปริภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    59. Yo pana bhikkhu bhikkhussa vā bhikkhuniyā vā sikkhamānāya vā sāmaṇerassa vā sāmaṇeriyā vā sāmaṃ cīvaraṃ vikappetvā appaccuddhāraṇaṃ paribhuñjeyya, pācittiyaṃ.

    อปนิธานสิกฺขาปทํ

    Apanidhānasikkhāpadaṃ

    ๖๐. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ปตฺตํ วา จีวรํ วา นิสีทนํ วา สูจิฆรํ วา กายพนฺธนํ วา อปนิเธยฺย วา อปนิธาเปยฺย วา อนฺตมโส หสาเปโกฺขปิ, ปาจิตฺติยํฯ

    60. Yo pana bhikkhu bhikkhussa pattaṃ vā cīvaraṃ vā nisīdanaṃ vā sūcigharaṃ vā kāyabandhanaṃ vā apanidheyya vā apanidhāpeyya vā antamaso hasāpekkhopi, pācittiyaṃ.

    สุราปานวโคฺค ฉโฎฺฐฯ

    Surāpānavaggo chaṭṭho.

    สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ

    Sañciccasikkhāpadaṃ

    ๖๑. โย ปน ภิกฺขุ สญฺจิจฺจ ปาณํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    61. Yo pana bhikkhu sañcicca pāṇaṃ jīvitā voropeyya, pācittiyaṃ.

    สปฺปาณกสิกฺขาปทํ

    Sappāṇakasikkhāpadaṃ

    ๖๒. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สปฺปาณกํ อุทกํ ปริภุเญฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    62. Yo pana bhikkhu jānaṃ sappāṇakaṃ udakaṃ paribhuñjeyya, pācittiyaṃ.

    อุโกฺกฎนสิกฺขาปทํ

    Ukkoṭanasikkhāpadaṃ

    ๖๓. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ยถาธมฺมํ นิหตาธิกรณํ ปุนกมฺมาย อุโกฺกเฎยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    63. Yo pana bhikkhu jānaṃ yathādhammaṃ nihatādhikaraṇaṃ punakammāya ukkoṭeyya, pācittiyaṃ.

    ทุฎฺฐุลฺลสิกฺขาปทํ

    Duṭṭhullasikkhāpadaṃ

    ๖๔. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส ชานํ ทุฎฺฐุลฺลํ อาปตฺติํ ปฎิจฺฉาเทยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    64. Yo pana bhikkhu bhikkhussa jānaṃ duṭṭhullaṃ āpattiṃ paṭicchādeyya, pācittiyaṃ.

    อูนวีสติวสฺสสิกฺขาปทํ

    Ūnavīsativassasikkhāpadaṃ

    ๖๕. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ อูนวีสติวสฺสํ ปุคฺคลํ อุปสมฺปาเทยฺย, โส จ ปุคฺคโล อนุปสมฺปโนฺน, เต จ ภิกฺขู คารยฺหา, อิทํ ตสฺมิํ ปาจิตฺติยํฯ

    65. Yo pana bhikkhu jānaṃ ūnavīsativassaṃ puggalaṃ upasampādeyya, so ca puggalo anupasampanno, te ca bhikkhū gārayhā, idaṃ tasmiṃ pācittiyaṃ.

    เถยฺยสตฺถสิกฺขาปทํ

    Theyyasatthasikkhāpadaṃ

    ๖๖. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ เถยฺยสเตฺถน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปเชฺชยฺย อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, ปาจิตฺติยํฯ

    66. Yo pana bhikkhu jānaṃ theyyasatthena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjeyya antamaso gāmantarampi, pācittiyaṃ.

    สํวิธานสิกฺขาปทํ

    Saṃvidhānasikkhāpadaṃ

    ๖๗. โย ปน ภิกฺขุ มาตุคาเมน สทฺธิํ สํวิธาย เอกทฺธานมคฺคํ ปฎิปเชฺชยฺย อนฺตมโส คามนฺตรมฺปิ, ปาจิตฺติยํฯ

    67. Yo pana bhikkhu mātugāmena saddhiṃ saṃvidhāya ekaddhānamaggaṃ paṭipajjeyya antamaso gāmantarampi, pācittiyaṃ.

    อริฎฺฐสิกฺขาปทํ

    Ariṭṭhasikkhāpadaṃ

    ๖๘. โย ปน ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย, อเนกปริยาเยนาวุโส อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติฯ เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคายฯ ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสิยมาโน ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    68. Yo pana bhikkhu evaṃ vadeyya ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti, so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘māyasmā evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya, anekapariyāyenāvuso antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā, alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’’ti. Evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so bhikkhu bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo tassa paṭinissaggāya. Yāvatatiyañce samanubhāsiyamāno taṃ paṭinissajjeyya, iccetaṃ kusalaṃ. No ce paṭinissajjeyya, pācittiyaṃ.

    อุกฺขิตฺตสโมฺภคสิกฺขาปทํ

    Ukkhittasambhogasikkhāpadaṃ

    ๖๙. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ตถาวาทินา ภิกฺขุนา อกฎานุธเมฺมน ตํ ทิฎฺฐิํ อปฺปฎินิสฺสเฎฺฐน สทฺธิํ สมฺภุเญฺชยฺย วา, สํวเสยฺย วา, สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    69. Yo pana bhikkhu jānaṃ tathāvādinā bhikkhunā akaṭānudhammena taṃ diṭṭhiṃ appaṭinissaṭṭhena saddhiṃ sambhuñjeyya vā, saṃvaseyya vā, saha vā seyyaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    กณฺฎกสิกฺขาปทํ

    Kaṇṭakasikkhāpadaṃ

    ๗๐. สมณุเทฺทโสปิ เจ เอวํ วเทยฺย ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฎิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ, โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘มาวุโส, สมณุเทฺทส เอวํ อวจ, มา ภควนฺตํ อพฺภาจิกฺขิ, น หิ สาธุ ภควโต อพฺภกฺขานํ, น หิ ภควา เอวํ วเทยฺย, อเนกปริยาเยนาวุโส, สมณุเทฺทส อนฺตรายิกา ธมฺมา อนฺตรายิกา วุตฺตา ภควตา, อลญฺจ ปน เต ปฎิเสวโต อนฺตรายายา’’ติ, เอวญฺจ โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส สมณุเทฺทโส ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย ‘‘อชฺชตเคฺค เต, อาวุโส, สมณุเทฺทส น เจว โส ภควา สตฺถา อปทิสิตโพฺพ, ยมฺปิ จเญฺญ สมณุเทฺทสา ลภนฺติ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ, สาปิ เต นตฺถิ, จร ปิเร, วินสฺสา’’ติฯ โย ปน ภิกฺขุ ชานํ ตถานาสิตํ สมณุเทฺทสํ อุปลาเปยฺย วา, อุปฎฺฐาเปยฺย วา, สมฺภุเญฺชยฺย วา, สห วา เสยฺยํ กเปฺปยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    70. Samaṇuddesopi ce evaṃ vadeyya ‘‘tathāhaṃ bhagavatā dhammaṃ desitaṃ ājānāmi, yathā yeme antarāyikā dhammā vuttā bhagavatā, te paṭisevato nālaṃ antarāyāyā’’ti, so samaṇuddeso bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘māvuso, samaṇuddesa evaṃ avaca, mā bhagavantaṃ abbhācikkhi, na hi sādhu bhagavato abbhakkhānaṃ, na hi bhagavā evaṃ vadeyya, anekapariyāyenāvuso, samaṇuddesa antarāyikā dhammā antarāyikā vuttā bhagavatā, alañca pana te paṭisevato antarāyāyā’’ti, evañca so samaṇuddeso bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so samaṇuddeso bhikkhūhi evamassa vacanīyo ‘‘ajjatagge te, āvuso, samaṇuddesa na ceva so bhagavā satthā apadisitabbo, yampi caññe samaṇuddesā labhanti bhikkhūhi saddhiṃ dirattatirattaṃ sahaseyyaṃ, sāpi te natthi, cara pire, vinassā’’ti. Yo pana bhikkhu jānaṃ tathānāsitaṃ samaṇuddesaṃ upalāpeyya vā, upaṭṭhāpeyya vā, sambhuñjeyya vā, saha vā seyyaṃ kappeyya, pācittiyaṃ.

    สปฺปาณกวโคฺค สตฺตโมฯ

    Sappāṇakavaggo sattamo.

    สหธมฺมิกสิกฺขาปทํ

    Sahadhammikasikkhāpadaṃ

    ๗๑. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ สหธมฺมิกํ วุจฺจมาโน เอวํ วเทยฺย ‘‘น ตาวาหํ, อาวุโส, เอตสฺมิํ สิกฺขาปเท สิกฺขิสฺสามิ, ยาว น อญฺญํ ภิกฺขุํ พฺยตฺตํ วินยธรํ ปริปุจฺฉามี’’ติ, ปาจิตฺติยํฯ สิกฺขมาเนน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา อญฺญาตพฺพํ ปริปุจฺฉิตพฺพํ ปริปญฺหิตพฺพํ, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ

    71. Yo pana bhikkhu bhikkhūhi sahadhammikaṃ vuccamāno evaṃ vadeyya ‘‘na tāvāhaṃ, āvuso, etasmiṃ sikkhāpade sikkhissāmi, yāva na aññaṃ bhikkhuṃ byattaṃ vinayadharaṃ paripucchāmī’’ti, pācittiyaṃ. Sikkhamānena, bhikkhave, bhikkhunā aññātabbaṃ paripucchitabbaṃ paripañhitabbaṃ, ayaṃ tattha sāmīci.

    วิเลขนสิกฺขาปทํ

    Vilekhanasikkhāpadaṃ

    ๗๒. โย ปน ภิกฺขุ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วเทยฺย ‘‘กิํ ปนิเมหิ ขุทฺทานุขุทฺทเกหิ สิกฺขาปเทหิ อุทฺทิเฎฺฐหิ, ยาวเทว กุกฺกุจฺจาย วิเหสาย วิเลขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ, สิกฺขาปทวิวณฺณเก ปาจิตฺติยํฯ

    72. Yo pana bhikkhu pātimokkhe uddissamāne evaṃ vadeyya ‘‘kiṃ panimehi khuddānukhuddakehi sikkhāpadehi uddiṭṭhehi, yāvadeva kukkuccāya vihesāya vilekhāya saṃvattantī’’ti, sikkhāpadavivaṇṇake pācittiyaṃ.

    โมหนสิกฺขาปทํ

    Mohanasikkhāpadaṃ

    ๗๓. โย ปน ภิกฺขุ อนฺวทฺธมาสํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน เอวํ วเทยฺย ‘‘อิทาเนว โข อหํ ชานามิ, อยมฺปิ กิร ธโมฺม สุตฺตาคโต สุตฺตปริยาปโนฺน อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉตี’’ติฯ ตเญฺจ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชาเนยฺยุํ นิสินฺนปุพฺพํ อิมินา ภิกฺขุนา ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเน, โก ปน วาโท ภิโยฺย, น จ ตสฺส ภิกฺขุโน อญฺญาณเกน มุตฺติ อตฺถิ, ยญฺจ ตตฺถ อาปตฺติํ อาปโนฺน, ตญฺจ ยถาธโมฺม กาเรตโพฺพ, อุตฺตริ จสฺส โมโห อาโรเปตโพฺพ ‘‘ตสฺส เต, อาวุโส, อลาภา, ตสฺส เต ทุลฺลทฺธํ, ยํ ตฺวํ ปาติโมเกฺข อุทฺทิสฺสมาเนน สาธุกํ อฎฺฐิํ กตฺวา มนสิ กโรสี’’ติ, อิทํ ตสฺมิํ โมหนเก ปาจิตฺติยํฯ

    73. Yo pana bhikkhu anvaddhamāsaṃ pātimokkhe uddissamāne evaṃ vadeyya ‘‘idāneva kho ahaṃ jānāmi, ayampi kira dhammo suttāgato suttapariyāpanno anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchatī’’ti. Tañce bhikkhuṃ aññe bhikkhū jāneyyuṃ nisinnapubbaṃ iminā bhikkhunā dvattikkhattuṃ pātimokkhe uddissamāne, ko pana vādo bhiyyo, na ca tassa bhikkhuno aññāṇakena mutti atthi, yañca tattha āpattiṃ āpanno, tañca yathādhammo kāretabbo, uttari cassa moho āropetabbo ‘‘tassa te, āvuso, alābhā, tassa te dulladdhaṃ, yaṃ tvaṃ pātimokkhe uddissamānena sādhukaṃ aṭṭhiṃ katvā manasi karosī’’ti, idaṃ tasmiṃ mohanake pācittiyaṃ.

    ปหารสิกฺขาปทํ

    Pahārasikkhāpadaṃ

    ๗๔. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส กุปิโต อนตฺตมโน ปหารํ ทเทยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    74. Yo pana bhikkhu bhikkhussa kupito anattamano pahāraṃ dadeyya, pācittiyaṃ.

    ตลสตฺติกสิกฺขาปทํ

    Talasattikasikkhāpadaṃ

    ๗๕. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส กุปิโต อนตฺตมโน ตลสตฺติกํ อุคฺคิเรยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    75. Yo pana bhikkhu bhikkhussa kupito anattamano talasattikaṃ uggireyya, pācittiyaṃ.

    อมูลกสิกฺขาปทํ

    Amūlakasikkhāpadaṃ

    ๗๖. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุํ อมูลเกน สงฺฆาทิเสเสน อนุทฺธํเสยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    76. Yo pana bhikkhu bhikkhuṃ amūlakena saṅghādisesena anuddhaṃseyya, pācittiyaṃ.

    สญฺจิจฺจสิกฺขาปทํ

    Sañciccasikkhāpadaṃ

    ๗๗. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขุสฺส สญฺจิจฺจ กุกฺกุจฺจํ อุปทเหยฺย ‘‘อิติสฺส มุหุตฺตมฺปิ อผาสุ ภวิสฺสตี’’ติ เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญํ, ปาจิตฺติยํฯ

    77. Yo pana bhikkhu bhikkhussa sañcicca kukkuccaṃ upadaheyya ‘‘itissa muhuttampi aphāsu bhavissatī’’ti etadeva paccayaṃ karitvā anaññaṃ, pācittiyaṃ.

    อุปสฺสุติสิกฺขาปทํ

    Upassutisikkhāpadaṃ

    ๗๘. โย ปน ภิกฺขุ ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ อุปสฺสุติํ ติเฎฺฐยฺย ‘‘ยํ อิเม ภณิสฺสนฺติ, ตํ โสสฺสามี’’ติ เอตเทว ปจฺจยํ กริตฺวา อนญฺญํ, ปาจิตฺติยํฯ

    78. Yo pana bhikkhu bhikkhūnaṃ bhaṇḍanajātānaṃ kalahajātānaṃ vivādāpannānaṃ upassutiṃ tiṭṭheyya ‘‘yaṃ ime bhaṇissanti, taṃ sossāmī’’ti etadeva paccayaṃ karitvā anaññaṃ, pācittiyaṃ.

    กมฺมปฺปฎิพาหนสิกฺขาปทํ

    Kammappaṭibāhanasikkhāpadaṃ

    ๗๙. โย ปน ภิกฺขุ ธมฺมิกานํ กมฺมานํ ฉนฺทํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปเชฺชยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    79. Yo pana bhikkhu dhammikānaṃ kammānaṃ chandaṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjeyya, pācittiyaṃ.

    ฉนฺทํอทตฺวาคมนสิกฺขาปทํ

    Chandaṃadatvāgamanasikkhāpadaṃ

    ๘๐. โย ปน ภิกฺขุ สเงฺฆ วินิจฺฉยกถาย วตฺตมานาย ฉนฺทํ อทตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกเมยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    80. Yo pana bhikkhu saṅghe vinicchayakathāya vattamānāya chandaṃ adatvā uṭṭhāyāsanā pakkameyya, pācittiyaṃ.

    ทุพฺพลสิกฺขาปทํ

    Dubbalasikkhāpadaṃ

    ๘๑. โย ปน ภิกฺขุ สมเคฺคน สเงฺฆน จีวรํ ทตฺวา ปจฺฉา ขียนธมฺมํ อาปเชฺชยฺย ‘‘ยถาสนฺถุตํ ภิกฺขู สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณาเมนฺตี’’ติ, ปาจิตฺติยํฯ

    81. Yo pana bhikkhu samaggena saṅghena cīvaraṃ datvā pacchā khīyanadhammaṃ āpajjeyya ‘‘yathāsanthutaṃ bhikkhū saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇāmentī’’ti, pācittiyaṃ.

    ปริณามนสิกฺขาปทํ

    Pariṇāmanasikkhāpadaṃ

    ๘๒. โย ปน ภิกฺขุ ชานํ สงฺฆิกํ ลาภํ ปริณตํ ปุคฺคลสฺส ปริณาเมยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    82. Yo pana bhikkhu jānaṃ saṅghikaṃ lābhaṃ pariṇataṃ puggalassa pariṇāmeyya, pācittiyaṃ.

    สหธมฺมิกวโคฺค อฎฺฐโมฯ

    Sahadhammikavaggo aṭṭhamo.

    อเนฺตปุรสิกฺขาปทํ

    Antepurasikkhāpadaṃ

    ๘๓. โย ปน ภิกฺขุ รโญฺญ ขตฺติยสฺส มุทฺธาภิสิตฺตสฺส อนิกฺขนฺตราชเก อนิคฺคตรตนเก ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิโต อินฺทขีลํ อติกฺกาเมยฺย, ปาจิตฺติยํฯ

    83. Yo pana bhikkhu rañño khattiyassa muddhābhisittassa anikkhantarājake aniggataratanake pubbe appaṭisaṃvidito indakhīlaṃ atikkāmeyya, pācittiyaṃ.

    รตนสิกฺขาปทํ

    Ratanasikkhāpadaṃ

    ๘๔. โย ปน ภิกฺขุ รตนํ วา รตนสมฺมตํ วา อญฺญตฺร อชฺฌารามา วา อชฺฌาวสถา วา อุคฺคเณฺหยฺย วา อุคฺคณฺหาเปยฺย วา, ปาจิตฺติยํฯ รตนํ วา ปน ภิกฺขุนา รตนสมฺมตํ วา อชฺฌาราเม วา อชฺฌาวสเถ วา อุคฺคเหตฺวา วา อุคฺคหาเปตฺวา วา นิกฺขิปิตพฺพํ ‘‘ยสฺส ภวิสฺสติ, โส หริสฺสตี’’ติ, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ

    84. Yo pana bhikkhu ratanaṃ vā ratanasammataṃ vā aññatra ajjhārāmā vā ajjhāvasathā vā uggaṇheyya vā uggaṇhāpeyya vā, pācittiyaṃ. Ratanaṃ vā pana bhikkhunā ratanasammataṃ vā ajjhārāme vā ajjhāvasathe vā uggahetvā vā uggahāpetvā vā nikkhipitabbaṃ ‘‘yassa bhavissati, so harissatī’’ti, ayaṃ tattha sāmīci.

    วิกาลคามปฺปเวสนสิกฺขาปทํ

    Vikālagāmappavesanasikkhāpadaṃ

    ๘๕. โย ปน ภิกฺขุ สนฺตํ ภิกฺขุํ อนาปุจฺฉาวิกาเล คามํ ปวิเสยฺย อญฺญตฺร ตถารูปา อจฺจายิกา กรณียา, ปาจิตฺติยํฯ

    85. Yo pana bhikkhu santaṃ bhikkhuṃ anāpucchāvikāle gāmaṃ paviseyya aññatra tathārūpā accāyikā karaṇīyā, pācittiyaṃ.

    สูจิฆรสิกฺขาปทํ

    Sūcigharasikkhāpadaṃ

    ๘๖. โย ปน ภิกฺขุ อฎฺฐิมยํ วา ทนฺตมยํ วา วิสาณมยํ วา สูจิฆรํ การาเปยฺย, เภทนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    86. Yo pana bhikkhu aṭṭhimayaṃ vā dantamayaṃ vā visāṇamayaṃ vā sūcigharaṃ kārāpeyya, bhedanakaṃ pācittiyaṃ.

    มญฺจปีฐสิกฺขาปทํ

    Mañcapīṭhasikkhāpadaṃ

    ๘๗. นวํ ปน ภิกฺขุนา มญฺจํ วา ปีฐํ วา การยมาเนน อฎฺฐงฺคุลปาทกํ กาเรตพฺพํ สุคตงฺคุเลน อญฺญตฺร เหฎฺฐิมาย อฎนิยาฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    87. Navaṃ pana bhikkhunā mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā kārayamānena aṭṭhaṅgulapādakaṃ kāretabbaṃ sugataṅgulena aññatra heṭṭhimāya aṭaniyā. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiyaṃ.

    ตูโลนทฺธสิกฺขาปทํ

    Tūlonaddhasikkhāpadaṃ

    ๘๘. โย ปน ภิกฺขุ มญฺจํ วา ปีฐํ วา ตูโลนทฺธํ การาเปยฺย, อุทฺทาลนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    88. Yo pana bhikkhu mañcaṃ vā pīṭhaṃ vā tūlonaddhaṃ kārāpeyya, uddālanakaṃ pācittiyaṃ.

    นิสีทนสิกฺขาปทํ

    Nisīdanasikkhāpadaṃ

    ๘๙. นิสีทนํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกํ กาเรตพฺพํ, ตตฺริทํ ปมาณํ, ทีฆโส เทฺว วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ ทิยฑฺฒํ, ทสา วิทตฺถิฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    89. Nisīdanaṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikaṃ kāretabbaṃ, tatridaṃ pamāṇaṃ, dīghaso dve vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ diyaḍḍhaṃ, dasā vidatthi. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiyaṃ.

    กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิสิกฺขาปทํ

    Kaṇḍuppaṭicchādisikkhāpadaṃ

    ๙๐. กณฺฑุปฺปฎิจฺฉาทิํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกา กาเรตพฺพา, ตตฺริทํ ปมาณํ, ทีฆโส จตโสฺส วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ เทฺว วิทตฺถิโยฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    90. Kaṇḍuppaṭicchādiṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikā kāretabbā, tatridaṃ pamāṇaṃ, dīghaso catasso vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ dve vidatthiyo. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiyaṃ.

    วสฺสิกสาฎิกสิกฺขาปทํ

    Vassikasāṭikasikkhāpadaṃ

    ๙๑. วสฺสิกสาฎิกํ ปน ภิกฺขุนา การยมาเนน ปมาณิกา กาเรตพฺพา, ตตฺริทํ ปมาณํ, ทีฆโส ฉ วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ อฑฺฒเตยฺยาฯ ตํ อติกฺกามยโต เฉทนกํ ปาจิตฺติยํฯ

    91. Vassikasāṭikaṃ pana bhikkhunā kārayamānena pamāṇikā kāretabbā, tatridaṃ pamāṇaṃ, dīghaso cha vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ aḍḍhateyyā. Taṃ atikkāmayato chedanakaṃ pācittiyaṃ.

    นนฺทสิกฺขาปทํ

    Nandasikkhāpadaṃ

    ๙๒. โย ปน ภิกฺขุ สุคตจีวรปฺปมาณํ จีวรํ การาเปยฺย, อติเรกํ วา, เฉทนกํ ปาจิตฺติยํ ฯ ตตฺริทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณํ, ทีฆโส นว วิทตฺถิโย สุคตวิทตฺถิยา, ติริยํ ฉ วิทตฺถิโย, อิทํ สุคตสฺส สุคตจีวรปฺปมาณนฺติฯ

    92. Yo pana bhikkhu sugatacīvarappamāṇaṃ cīvaraṃ kārāpeyya, atirekaṃ vā, chedanakaṃ pācittiyaṃ . Tatridaṃ sugatassa sugatacīvarappamāṇaṃ, dīghaso nava vidatthiyo sugatavidatthiyā, tiriyaṃ cha vidatthiyo, idaṃ sugatassa sugatacīvarappamāṇanti.

    รตนวโคฺค นวโมฯ

    Ratanavaggo navamo.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต เทฺวนวุติ ปาจิตฺติยา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto dvenavuti pācittiyā dhammā. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    ปาจิตฺติยา นิฎฺฐิตาฯ

    Pācittiyā niṭṭhitā.

    ปาฎิเทสนียา

    Pāṭidesanīyā

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต จตฺตาโร ปาฎิเทสนียา

    Ime kho panāyasmanto cattāro pāṭidesanīyā

    ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    ปฐมปาฎิเทสนียสิกฺขาปทํ

    Paṭhamapāṭidesanīyasikkhāpadaṃ

    . โย ปน ภิกฺขุ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา อนฺตรฆรํ ปวิฎฺฐาย หตฺถโต ขาทนียํ วา โภชนียํ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา ขาเทยฺย วา ภุเญฺชยฺย วา, ปฎิเทเสตพฺพํ เตน ภิกฺขุนา ‘‘คารยฺหํ, อาวุโส, ธมฺมํ อาปชฺชิํ อสปฺปายํ ปาฎิเทสนียํ, ตํ ปฎิเทเสมี’’ติฯ

    1. Yo pana bhikkhu aññātikāya bhikkhuniyā antaragharaṃ paviṭṭhāya hatthato khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā sahatthā paṭiggahetvā khādeyya vā bhuñjeyya vā, paṭidesetabbaṃ tena bhikkhunā ‘‘gārayhaṃ, āvuso, dhammaṃ āpajjiṃ asappāyaṃ pāṭidesanīyaṃ, taṃ paṭidesemī’’ti.

    ทุติยปาฎิเทสนียสิกฺขาปทํ

    Dutiyapāṭidesanīyasikkhāpadaṃ

    . ภิกฺขู ปเนว กุเลสุ นิมนฺติตา ภุญฺชนฺติ, ตตฺร เจ สา ภิกฺขุนี โวสาสมานรูปา ฐิตา โหติ ‘‘อิธ สูปํ เทถ, อิธ โอทนํ เทถา’’ติฯ เตหิ ภิกฺขูหิ สา ภิกฺขุนี อปสาเทตพฺพา ‘‘อปสกฺก ตาว ภคินิ, ยาว ภิกฺขู ภุญฺชนฺตี’’ติฯ เอกสฺสปิ เจ ภิกฺขุโน น ปฎิภาเสยฺย ตํ ภิกฺขุนิํ อปสาเทตุํ ‘‘อปสกฺก ตาว ภคินิ, ยาว ภิกฺขู ภุญฺชนฺตี’’ติ, ปฎิเทเสตพฺพํ เตหิ ภิกฺขูหิ ‘‘คารยฺหํ, อาวุโส, ธมฺมํ อาปชฺชิมฺหา อสปฺปายํ ปาฎิเทสนียํ, ตํ ปฎิเทเสมา’’ติฯ

    2. Bhikkhū paneva kulesu nimantitā bhuñjanti, tatra ce sā bhikkhunī vosāsamānarūpā ṭhitā hoti ‘‘idha sūpaṃ detha, idha odanaṃ dethā’’ti. Tehi bhikkhūhi sā bhikkhunī apasādetabbā ‘‘apasakka tāva bhagini, yāva bhikkhū bhuñjantī’’ti. Ekassapi ce bhikkhuno na paṭibhāseyya taṃ bhikkhuniṃ apasādetuṃ ‘‘apasakka tāva bhagini, yāva bhikkhū bhuñjantī’’ti, paṭidesetabbaṃ tehi bhikkhūhi ‘‘gārayhaṃ, āvuso, dhammaṃ āpajjimhā asappāyaṃ pāṭidesanīyaṃ, taṃ paṭidesemā’’ti.

    ตติยปาฎิเทสนียสิกฺขาปทํ

    Tatiyapāṭidesanīyasikkhāpadaṃ

    . ยานิ โข ปน ตานิ เสกฺขสมฺมตานิ กุลานิ, โย ปน ภิกฺขุ ตถารูเปสุ เสกฺขสมฺมเตสุ กุเลสุ ปุเพฺพ อนิมนฺติโต อคิลาโน ขาทนียํ วา, โภชนียํ วา สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา ขาเทยฺย วา, ภุเญฺชยฺย วา, ปฎิเทเสตพฺพํ เตน ภิกฺขุนา ‘‘คารยฺหํ, อาวุโส, ธมฺมํ อาปชฺชิํ อสปฺปายํ ปาฎิเทสนียํ, ตํ ปฎิเทเสมี’’ติฯ

    3. Yāni kho pana tāni sekkhasammatāni kulāni, yo pana bhikkhu tathārūpesu sekkhasammatesu kulesu pubbe animantito agilāno khādanīyaṃ vā, bhojanīyaṃ vā sahatthā paṭiggahetvā khādeyya vā, bhuñjeyya vā, paṭidesetabbaṃ tena bhikkhunā ‘‘gārayhaṃ, āvuso, dhammaṃ āpajjiṃ asappāyaṃ pāṭidesanīyaṃ, taṃ paṭidesemī’’ti.

    จตุตฺถปาฎิเทสนียสิกฺขาปทํ

    Catutthapāṭidesanīyasikkhāpadaṃ

    . ยานิ โข ปน ตานิ อารญฺญกานิ เสนาสนานิ สาสงฺกสมฺมตานิ สปฺปฎิภยานิ, โย ปน ภิกฺขุ ตถารูเปสุ เสนาสเนสุ ปุเพฺพ อปฺปฎิสํวิทิตํ ขาทนียํ วา, โภชนียํ วา อชฺฌาราเม สหตฺถา ปฎิคฺคเหตฺวา อคิลาโน ขาเทยฺย วา, ภุเญฺชยฺย วา, ปฎิเทเสตพฺพํ เตน ภิกฺขุนา ‘‘คารยฺหํ, อาวุโส, ธมฺมํ อาปชฺชิํ อสปฺปายํ ปาฎิเทสนียํ, ตํ ปฎิเทเสมี’’ติฯ

    4. Yāni kho pana tāni āraññakāni senāsanāni sāsaṅkasammatāni sappaṭibhayāni, yo pana bhikkhu tathārūpesu senāsanesu pubbe appaṭisaṃviditaṃ khādanīyaṃ vā, bhojanīyaṃ vā ajjhārāme sahatthā paṭiggahetvā agilāno khādeyya vā, bhuñjeyya vā, paṭidesetabbaṃ tena bhikkhunā ‘‘gārayhaṃ, āvuso, dhammaṃ āpajjiṃ asappāyaṃ pāṭidesanīyaṃ, taṃ paṭidesemī’’ti.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต จตฺตาโร ปาฎิเทสนียา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto cattāro pāṭidesanīyā dhammā. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    ปาฎิเทสนียา นิฎฺฐิตาฯ

    Pāṭidesanīyā niṭṭhitā.

    เสขิยา

    Sekhiyā

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต เสขิยา ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Ime kho panāyasmanto sekhiyā dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    ปริมณฺฑลสิกฺขาปทํ

    Parimaṇḍalasikkhāpadaṃ

    . ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    1. Parimaṇḍalaṃ nivāsessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    . ปริมณฺฑลํ ปารุปิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    2. Parimaṇḍalaṃ pārupissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สุปฺปฎิจฺฉนฺนสิกฺขาปทํ

    Suppaṭicchannasikkhāpadaṃ

    . สุปฺปฎิจฺฉโนฺน อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    3. Suppaṭicchanno antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    . สุปฺปฎิจฺฉโนฺน อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    4. Suppaṭicchanno antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สุสํวุตสิกฺขาปทํ

    Susaṃvutasikkhāpadaṃ

    . สุสํวุโต อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    5. Susaṃvuto antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    . สุสํวุโต อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    6. Susaṃvuto antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    โอกฺขิตฺตจกฺขุสิกฺขาปทํ

    Okkhittacakkhusikkhāpadaṃ

    . โอกฺขิตฺตจกฺขุ อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    7. Okkhittacakkhu antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    . โอกฺขิตฺตจกฺขุ อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    8. Okkhittacakkhu antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุกฺขิตฺตกสิกฺขาปทํ

    Ukkhittakasikkhāpadaṃ

    . น อุกฺขิตฺตกาย อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    9. Na ukkhittakāya antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๑๐. น อุกฺขิตฺตกาย อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    10. Na ukkhittakāya antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปริมณฺฑลวโคฺค ปฐโมฯ

    Parimaṇḍalavaggo paṭhamo.

    อุชฺชคฺฆิกสิกฺขาปทํ

    Ujjagghikasikkhāpadaṃ

    ๑๑. น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    11. Na ujjagghikāya antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๑๒. น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    12. Na ujjagghikāya antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุจฺจสทฺทสิกฺขาปทํ

    Uccasaddasikkhāpadaṃ

    ๑๓. อปฺปสโทฺท อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    13. Appasaddo antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๑๔. อปฺปสโทฺท อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    14. Appasaddo antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    กายปฺปจาลกสิกฺขาปทํ

    Kāyappacālakasikkhāpadaṃ

    ๑๕. น กายปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    15. Na kāyappacālakaṃ antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๑๖. น กายปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    16. Na kāyappacālakaṃ antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    พาหุปฺปจาลกสิกฺขาปทํ

    Bāhuppacālakasikkhāpadaṃ

    ๑๗. น พาหุปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    17. Na bāhuppacālakaṃ antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๑๘. น พาหุปฺปจาลกํ อนฺตรฆเรนิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    18. Na bāhuppacālakaṃ antaragharenisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สีสปฺปจาลกสิกฺขาปทํ

    Sīsappacālakasikkhāpadaṃ

    ๑๙. น สีสปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    19. Na sīsappacālakaṃ antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๒๐. น สีสปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    20. Na sīsappacālakaṃ antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุชฺชคฺฆิกวโคฺค ทุติโยฯ

    Ujjagghikavaggo dutiyo.

    ขมฺภกตสิกฺขาปทํ

    Khambhakatasikkhāpadaṃ

    ๒๑. น ขมฺภกโต อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    21. Na khambhakato antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๒๒. น ขมฺภกโต อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    22. Na khambhakato antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    โอคุณฺฐิตสิกฺขาปทํ

    Oguṇṭhitasikkhāpadaṃ

    ๒๓. น โอคุณฺฐิโต อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    23. Na oguṇṭhito antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ๒๔. น โอคุณฺฐิโต อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    24. Na oguṇṭhito antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุกฺกุฎิกสิกฺขาปทํ

    Ukkuṭikasikkhāpadaṃ

    ๒๕. น อุกฺกุฎิกาย อนฺตรฆเร คมิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    25. Na ukkuṭikāya antaraghare gamissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทํ

    Pallatthikasikkhāpadaṃ

    ๒๖. น ปลฺลตฺถิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    26. Na pallatthikāya antaraghare nisīdissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สกฺกจฺจปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํ

    Sakkaccapaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ

    ๒๗. สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาตํ ปฎิคฺคเหสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    27. Sakkaccaṃ piṇḍapātaṃ paṭiggahessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปตฺตสญฺญีปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํ

    Pattasaññīpaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ

    ๒๘. ปตฺตสญฺญี ปิณฺฑปาตํ ปฎิคฺคเหสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    28. Pattasaññī piṇḍapātaṃ paṭiggahessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สมสูปกปฎิคฺคหณสิกฺขาปทํ

    Samasūpakapaṭiggahaṇasikkhāpadaṃ

    ๒๙. สมสูปกํ ปิณฺฑปาตํ ปฎิคฺคเหสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    29. Samasūpakaṃ piṇḍapātaṃ paṭiggahessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สมติตฺติกสิกฺขาปทํ

    Samatittikasikkhāpadaṃ

    ๓๐. สมติตฺติกํ ปิณฺฑปาตํ ปฎิคฺคเหสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    30. Samatittikaṃ piṇḍapātaṃ paṭiggahessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ขมฺภกตวโคฺค ตติโยฯ

    Khambhakatavaggo tatiyo.

    สกฺกจฺจภุญฺชนสิกฺขาปทํ

    Sakkaccabhuñjanasikkhāpadaṃ

    ๓๑. สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    31. Sakkaccaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปตฺตสญฺญีภุญฺชนสิกฺขาปทํ

    Pattasaññībhuñjanasikkhāpadaṃ

    ๓๒. ปตฺตสญฺญี ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    32. Pattasaññī piṇḍapātaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สปทานสิกฺขาปทํ

    Sapadānasikkhāpadaṃ

    ๓๓. สปทานํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    33. Sapadānaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สมสูปกสิกฺขาปทํ

    Samasūpakasikkhāpadaṃ

    ๓๔. สมสูปกํ ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    34. Samasūpakaṃ piṇḍapātaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    นถูปกตสิกฺขาปทํ

    Nathūpakatasikkhāpadaṃ

    ๓๕. น ถูปกโต โอมทฺทิตฺวา ปิณฺฑปาตํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    35. Na thūpakato omadditvā piṇḍapātaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    โอทนปฺปฎิจฺฉาทนสิกฺขาปทํ

    Odanappaṭicchādanasikkhāpadaṃ

    ๓๖. น สูปํ วา พฺยญฺชนํ วา โอทเนน ปฎิจฺฉาเทสฺสามิ ภิโยฺยกมฺยตํ อุปาทายาติ สิกฺขา กรณียาฯ

    36. Na sūpaṃ vā byañjanaṃ vā odanena paṭicchādessāmi bhiyyokamyataṃ upādāyāti sikkhā karaṇīyā.

    สูโปทนวิญฺญตฺติสิกฺขาปทํ

    Sūpodanaviññattisikkhāpadaṃ

    ๓๗. น สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาโน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    37. Na sūpaṃ vā odanaṃ vā agilāno attano atthāya viññāpetvā bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุชฺฌานสญฺญีสิกฺขาปทํ

    Ujjhānasaññīsikkhāpadaṃ

    ๓๘. น อุชฺฌานสญฺญี ปเรสํ ปตฺตํ โอโลเกสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    38. Na ujjhānasaññī paresaṃ pattaṃ olokessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    กพฬสิกฺขาปทํ

    Kabaḷasikkhāpadaṃ

    ๓๙. นาติมหนฺตํ กพฬํ กริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    39. Nātimahantaṃ kabaḷaṃ karissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อาโลปสิกฺขาปทํ

    Ālopasikkhāpadaṃ

    ๔๐. ปริมณฺฑลํ อาโลปํ กริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    40. Parimaṇḍalaṃ ālopaṃ karissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สกฺกจฺจวโคฺค จตุโตฺถฯ

    Sakkaccavaggo catuttho.

    อนาหฎสิกฺขาปทํ

    Anāhaṭasikkhāpadaṃ

    ๔๑. น อนาหเฎ กพเฬ มุขทฺวารํ วิวริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    41. Na anāhaṭe kabaḷe mukhadvāraṃ vivarissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ภุญฺชมานสิกฺขาปทํ

    Bhuñjamānasikkhāpadaṃ

    ๔๒. น ภุญฺชมาโน สพฺพหตฺถํ มุเข ปกฺขิปิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    42. Na bhuñjamāno sabbahatthaṃ mukhe pakkhipissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สกพฬสิกฺขาปทํ

    Sakabaḷasikkhāpadaṃ

    ๔๓. น สกพเฬน มุเขน พฺยาหริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    43. Na sakabaḷena mukhena byāharissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปิณฺฑุเกฺขปกสิกฺขาปทํ

    Piṇḍukkhepakasikkhāpadaṃ

    ๔๔. น ปิณฺฑุเกฺขปกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    44. Na piṇḍukkhepakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    กพฬาวเจฺฉทกสิกฺขาปทํ

    Kabaḷāvacchedakasikkhāpadaṃ

    ๔๕. น กพฬาวเจฺฉทกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    45. Na kabaḷāvacchedakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อวคณฺฑการกสิกฺขาปทํ

    Avagaṇḍakārakasikkhāpadaṃ

    ๔๖. น อวคณฺฑการกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    46. Na avagaṇḍakārakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    หตฺถนิทฺธุนกสิกฺขาปทํ

    Hatthaniddhunakasikkhāpadaṃ

    ๔๗. น หตฺถนิทฺธุนกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    47. Na hatthaniddhunakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สิตฺถาวการกสิกฺขาปทํ

    Sitthāvakārakasikkhāpadaṃ

    ๔๘. น สิตฺถาวการกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    48. Na sitthāvakārakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ชิวฺหานิจฺฉารกสิกฺขาปทํ

    Jivhānicchārakasikkhāpadaṃ

    ๔๙. น ชิวฺหานิจฺฉารกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    49. Na jivhānicchārakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    จปุจปุการกสิกฺขาปทํ

    Capucapukārakasikkhāpadaṃ

    ๕๐. น จปุจปุการกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    50. Na capucapukārakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    กพฬวโคฺค ปญฺจโมฯ

    Kabaḷavaggo pañcamo.

    สุรุสุรุการกสิกฺขาปทํ

    Surusurukārakasikkhāpadaṃ

    ๕๑. น สุรุสุรุการกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    51. Na surusurukārakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    หตฺถนิเลฺลหกสิกฺขาปทํ

    Hatthanillehakasikkhāpadaṃ

    ๕๒. น หตฺถนิเลฺลหกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    52. Na hatthanillehakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปตฺตนิเลฺลหกสิกฺขาปทํ

    Pattanillehakasikkhāpadaṃ

    ๕๓. น ปตฺตนิเลฺลหกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    53. Na pattanillehakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    โอฎฺฐนิเลฺลหกสิกฺขาปทํ

    Oṭṭhanillehakasikkhāpadaṃ

    ๕๔. น โอฎฺฐนิเลฺลหกํ ภุญฺชิสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    54. Na oṭṭhanillehakaṃ bhuñjissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สามิสสิกฺขาปทํ

    Sāmisasikkhāpadaṃ

    ๕๕. น สามิเสน หเตฺถน ปานียถาลกํ ปฎิคฺคเหสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    55. Na sāmisena hatthena pānīyathālakaṃ paṭiggahessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สสิตฺถกสิกฺขาปทํ

    Sasitthakasikkhāpadaṃ

    ๕๖. น สสิตฺถกํ ปตฺตโธวนํ อนฺตรฆเร ฉเฑฺฑสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    56. Na sasitthakaṃ pattadhovanaṃ antaraghare chaḍḍessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ฉตฺตปาณิสิกฺขาปทํ

    Chattapāṇisikkhāpadaṃ

    ๕๗. น ฉตฺตปาณิสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    57. Na chattapāṇissa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ทณฺฑปาณิสิกฺขาปทํ

    Daṇḍapāṇisikkhāpadaṃ

    ๕๘. น ทณฺฑปาณิสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    58. Na daṇḍapāṇissa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สตฺถปาณิสิกฺขาปทํ

    Satthapāṇisikkhāpadaṃ

    ๕๙. น สตฺถปาณิสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    59. Na satthapāṇissa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อาวุธปาณิสิกฺขาปทํ

    Āvudhapāṇisikkhāpadaṃ

    ๖๐. น อาวุธปาณิสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    60. Na āvudhapāṇissa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สุรุสุรุวโคฺค ฉโฎฺฐฯ

    Surusuruvaggo chaṭṭho.

    ปาทุกสิกฺขาปทํ

    Pādukasikkhāpadaṃ

    ๖๑. น ปาทุการุฬฺหสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    61. Na pādukāruḷhassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุปาหนสิกฺขาปทํ

    Upāhanasikkhāpadaṃ

    ๖๒. น อุปาหนารุฬฺหสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    62. Na upāhanāruḷhassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ยานสิกฺขาปทํ

    Yānasikkhāpadaṃ

    ๖๓. น ยานคตสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    63. Na yānagatassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    สยนสิกฺขาปทํ

    Sayanasikkhāpadaṃ

    ๖๔. น สยนคตสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    64. Na sayanagatassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปลฺลตฺถิกสิกฺขาปทํ

    Pallatthikasikkhāpadaṃ

    ๖๕. น ปลฺลตฺถิกาย นิสินฺนสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    65. Na pallatthikāya nisinnassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    เวฐิตสิกฺขาปทํ

    Veṭhitasikkhāpadaṃ

    ๖๖. น เวฐิตสีสสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    66. Na veṭhitasīsassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    โอคุณฺฐิตสิกฺขาปทํ

    Oguṇṭhitasikkhāpadaṃ

    ๖๗. น โอคุณฺฐิตสีสสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    67. Na oguṇṭhitasīsassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ฉมาสิกฺขาปทํ

    Chamāsikkhāpadaṃ

    ๖๘. น ฉมายํ นิสีทิตฺวา อาสเน นิสินฺนสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    68. Na chamāyaṃ nisīditvā āsane nisinnassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    นีจาสนสิกฺขาปทํ

    Nīcāsanasikkhāpadaṃ

    ๖๙. น นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อุเจฺจ อาสเน นิสินฺนสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    69. Na nīce āsane nisīditvā ucce āsane nisinnassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ฐิตสิกฺขาปทํ

    Ṭhitasikkhāpadaṃ

    ๗๐. น ฐิโต นิสินฺนสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    70. Na ṭhito nisinnassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปจฺฉโตคมนสิกฺขาปทํ

    Pacchatogamanasikkhāpadaṃ

    ๗๑. น ปจฺฉโต คจฺฉโนฺต ปุรโต คจฺฉนฺตสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    71. Na pacchato gacchanto purato gacchantassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุปฺปเถนคมนสิกฺขาปทํ

    Uppathenagamanasikkhāpadaṃ

    ๗๒. น อุปฺปเถน คจฺฉโนฺต ปเถน คจฺฉนฺตสฺส อคิลานสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    72. Na uppathena gacchanto pathena gacchantassa agilānassa dhammaṃ desessāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ฐิโตอุจฺจารสิกฺขาปทํ

    Ṭhitouccārasikkhāpadaṃ

    ๗๓. น ฐิโต อคิลาโน อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา กริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    73. Na ṭhito agilāno uccāraṃ vā passāvaṃ vā karissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    หริเตอุจฺจารสิกฺขาปทํ

    Hariteuccārasikkhāpadaṃ

    ๗๔. น หริเต อคิลาโน อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา เขฬํ วา กริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    74. Na harite agilāno uccāraṃ vā passāvaṃ vā kheḷaṃ vā karissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    อุทเกอุจฺจารสิกฺขาปทํ

    Udakeuccārasikkhāpadaṃ

    ๗๕. น อุทเก อคิลาโน อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา เขฬํ วา กริสฺสามีติ สิกฺขา กรณียาฯ

    75. Na udake agilāno uccāraṃ vā passāvaṃ vā kheḷaṃ vā karissāmīti sikkhā karaṇīyā.

    ปาทุกวโคฺค สตฺตโมฯ

    Pādukavaggo sattamo.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต เสขิยา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto sekhiyā dhammā. Tatthāyasmante pucchāmi, kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    เสขิยา นิฎฺฐิตาฯ

    Sekhiyā niṭṭhitā.

    อธิกรณสมถา

    Adhikaraṇasamathā

    อิเม โข ปนายสฺมโนฺต สตฺต อธิกรณสมถา

    Ime kho panāyasmanto satta adhikaraṇasamathā

    ธมฺมา อุเทฺทสํ อาคจฺฉนฺติฯ

    Dhammā uddesaṃ āgacchanti.

    อุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อธิกรณานํ สมถาย วูปสมาย สมฺมุขาวินโย ทาตโพฺพฯ

    Uppannuppannānaṃ adhikaraṇānaṃ samathāya vūpasamāya sammukhāvinayo dātabbo.

    สติวินโย ทาตโพฺพฯ

    Sativinayo dātabbo.

    อมูฬฺหวินโย ทาตโพฺพฯ

    Amūḷhavinayo dātabbo.

    ปฎิญฺญาย กาเรตพฺพํฯ

    Paṭiññāya kāretabbaṃ.

    เยภุยฺยสิกาฯ

    Yebhuyyasikā.

    ตสฺสปาปิยสิกาฯ

    Tassapāpiyasikā.

    ติณวตฺถารโกติฯ

    Tiṇavatthārakoti.

    อุทฺทิฎฺฐา โข อายสฺมโนฺต สตฺต อธิกรณสมถา ธมฺมาฯ ตตฺถายสฺมเนฺต, ปุจฺฉามิ กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ, กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา, ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺต, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    Uddiṭṭhā kho āyasmanto satta adhikaraṇasamathā dhammā. Tatthāyasmante, pucchāmi kaccittha parisuddhā, dutiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, tatiyampi pucchāmi, kaccittha parisuddhā, parisuddhetthāyasmanto, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    อธิกรณสมถา นิฎฺฐิตาฯ

    Adhikaraṇasamathā niṭṭhitā.

    อุทฺทิฎฺฐํ โข อายสฺมโนฺต นิทานํ,

    Uddiṭṭhaṃ kho āyasmanto nidānaṃ,

    อุทฺทิฎฺฐา จตฺตาโร ปาราชิกา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā cattāro pārājikā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา เตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā terasa saṅghādisesā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา เทฺว อนิยตา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā dve aniyatā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา ติํส นิสฺสคฺคิยา ปาจิตฺติยา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā tiṃsa nissaggiyā pācittiyā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา เทฺวนวุติ ปาจิตฺติยา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā dvenavuti pācittiyā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา จตฺตาโร ปาฎิเทสนียา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā cattāro pāṭidesanīyā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา เสขิยา ธมฺมา,

    Uddiṭṭhā sekhiyā dhammā,

    อุทฺทิฎฺฐา สตฺต อธิกรณสมถา ธมฺมา, เอตฺตกํ ตสฺส ภควโต สุตฺตาคตํ สุตฺตปริยาปนฺนํ อนฺวทฺธมาสํ อุเทฺทสํ อาคจฺฉติ, ตตฺถ สเพฺพเหว สมเคฺคหิ สโมฺมทมาเนหิ อวิวทมาเนหิ สิกฺขิตพฺพนฺติฯ

    Uddiṭṭhā satta adhikaraṇasamathā dhammā, ettakaṃ tassa bhagavato suttāgataṃ suttapariyāpannaṃ anvaddhamāsaṃ uddesaṃ āgacchati, tattha sabbeheva samaggehi sammodamānehi avivadamānehi sikkhitabbanti.

    วิตฺถารุเทฺทโส ปญฺจโมฯ

    Vitthāruddeso pañcamo.

    ภิกฺขุปาติโมกฺขํ นิฎฺฐิตํฯ

    Bhikkhupātimokkhaṃ niṭṭhitaṃ.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact